บทที่ 1626 ความพ่ายแพ้ของวูหยง

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

บทที่ 1626 ความพ่ายแพ้ของวูหยง

 

การกระทําของฟางหยวนทําให้เจตจํานงของเต๋าจูตกใจมาก

 

ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณผู้นี้มาจากที่ใด? เขาทําให้ผู้อมตะระดับแปดได้รับบาดเจ็บสาหัสในการโจมตีเดียว! พลังที่น่าเกรงขามเช่นนี้ กระทั้งเทพปีศาจจิตวิญญาณในระดับเดียวกันนี้ยังไม่สามารถทําได้

 

“เด็กผู้นี้ดูบอบบางแต่เขากลับใช้วิธีการที่โหดเหี้ยม เขาต้องทําชั่วมากมา มิฉะนั้นเหตุใดฝ่ายธรรมะของภาคใต้จึงโจมตีเขาถึงระดับนี้”

 

เมื่อสังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เจตจํานงของเต๋าจูรู้สึกหวาดกลัวมาก

 

“ร่างหลักของข้าเตรียมสิ่งนี้ไว้เพื่อผู้สืบทอด แต่ผู้ใดจะคิดว่าสถานการณ์จะกลายเป็นเช่นนี้”

 

“เหตุใดข้าต้องมาพบกับเรื่องนี้? มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดเตรียมมรดกนี้!”

 

เจตจํานงของเต๋าจูรู้สึกโดดเดี่ยวและหมดหนทาง ในสถานการณ์นี้ไม่จําเป็นต้องกล่าวถึงเจตจํานงของเต๋าจู กระทั่งร่างหลักของเขาก็ยังต้องถอยห่างจากความขัดแย้งดังกล่าว

 

เจตจํานงของเต๋าจูที่ตกใจและหวาดกลัวหลบอยู่ในเสาแสงด้วยความโศกเศร้า เขาพึมพํา “อย่ามองมาที่ข้า อย่ามองมาที่ข้า…”

 

แต่กลุ่มผู้อมตะจะมีเวลาหรืออารมณ์มองดูเขางั้นหรือ?

 

ฟางหยวนโจมตีและจับผู้อมตะระดับแปดจวินเฉินกวงต่อหน้าทุกคน พลังการต่อสู้ของเขาน่าสะพรึงกลัวมาก ผู้อมตะระดับเจ็ดรู้สึกปากแห้ง กระทั่งผู้อมตะระดับแปดยังรู้สึกมึนงง

 

“เราจะเอาชนะศัตรูที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไร?

 

“หากข้าเดิมพันชีวิตและเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้น ตระกูลของข้าจะทําอย่างไร? ผู้อมตะระดับแปดคนอื่นๆอาจรอดชีวิตขณะที่ข้าต้องเสียสละตนเอง

 

ฟางหยวนในระดับเจ็ดสามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปดด้วยเกราะหวนคืน ผู้อมตะระดับแปดของภาคใต้สามารถยอมรับพลังการต่อสู้นี้

 

แต่ตอนนี้แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

 

นอกจากฟางหยวนจะกลายเป็นผู้อมตะระดับแปด เขายังมีท่าไม้ตายอมตะลึกลับที่ทรงพลังบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณและสามารถใช้มันร่วมกับท่าไม้ตายอมตะนําวิญญาณสู่ความฝันได้อย่างยอดเยี่ยม

 

จวินเฉินกวงถูกจับ ไม่ใช่เรื่องแปลกหากผู้อมตะระดับแปดของภาคใต้จะตกลงสู่กับดักที่ชั่วร้ายของฟางหยวนเช่นกัน

 

ในช่วงเวลาสําคัญ ปัญหาที่ฝังรากลึกมานานของฝ่ายธรรมะของภาคใต้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง พวกเขาเป็นกองกําลังที่ให้ความสําคัญกับตนเองมานานเกินไป ความหวาดระแวงฝังแน่นอยู่ในกระดูกของพวกเขา แม้พวกเขาจะตระหนักถึงความจําเป็นของพันธมิตร แต่เมื่อเผชิญหน้ากับทางเลือกที่ยากลําบาก ผู้อมตะระดับแปดทุกคนยังรู้สึกลังเล

 

ผู้อมตะระดับแปดของภาคใต้ลังเลแต่ฟางหยวนไม่

 

เขาหัวเราะเสียงดังและพุ่งเข้าหาหยง “วูหยง! ก่อนหน้านี้เจ้ากล่าวสิ่งใด? นี่คือสุสานของข้างั้นหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าคิดตรงข้าม นี่คือสุสานของเจ้า มาเถอะ มาจบเรื่องนี้!”

 

เสียงของฟางหยวนดังไปทั่วทั้งเทือกเขา เสื้อคลุมสีขาวและเส้นผมสีดําของเขาปลิวไปตามสายลม กลิ่นอายปีศาจและเจตนาสังหารของเขาพุ่งสูงขึ้นทําให้ลื่อชิวหยู เฉิงอี้เจีย และผู้อมตะระดับแปดคนอื่นๆที่มองฟางหยวนพุ่งเข้าโจมตีวูหยงรู้สึกซับซ้อน

 

พวกเขาเครียดมากแต่ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อยด้วยความคิดทุกประเภท

 

ฟางหยวนอาจทรงพลังแต่เขาไม่มีกองกําลังสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง นอกจากนี้ชื่อชิวหยูยังเคยทําธุรกรรมกับเขามาก่อน

 

สําหรับกองกําลังพันธมิตรของภาคใต้ในปัจจุบัน ตําแหน่งผู้นํากองกําลังยังว่างเปล่า วูหยงอาจเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่ง แต่ผู้ใดจะรู้ว่าเขาจะปฏิบัติต่อกองกําลังอื่นอย่างไรหากเขาได้รับตําแหน่ง

 

กองกําลังของภาคใต้เป็นอิสระต่อกัน ปัญหาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการร่วมมือของพวกเขาคืออุปสรรคทางจิตใจ

 

เมื่อพยัคฆ์สองตัวต่อสู้กัน อย่างน้อยตัวหนึ่งจะได้รับบาดเจ็บ

 

ไม่ว่าจะเป็นฟางหยวนหรือวุหยงที่ได้รับบาดเจ็บ มันก็จะเป็นประโยชน์ต่อกองกําลังอื่นทั้งสิ้น

 

นอกจากนั้นผู้อมตะระดับแปดคนอื่นๆยังสามารถอ้างว่าพวกเขาไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือเพราะต่อสู้ติดพันอยู่กับอสูรปีแรกกําเนิด

 

“พวกไร้ประโยชน์!” วูหยงลอบสาปอยู่ในใจเมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดเข้ามาช่วยเหลือ

 

แต่เขาไม่กลัวฟางหยวน ตรงข้าม เขาเต็มไปด้วยเจตจํานงแห่งการต่อสู้

 

“ให้ข้าดูวิธีจับผู้อมตะระดับแปดของเจ้า!” วูหยงควบคุมคฤหาสน์วิญญาณอมตะบ้านไม้ไผ่สายลมพุ่งเข้าหาฟางหยวน

 

แม้ฟางหยวนจะมีคฤหาสน์วิญญาณอมตะลึกลับ แต่มันไม่สามารถพุ่งชนบ้านไม้ไผ่สายลมโดยตรง ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นขณะที่เขาเปลี่ยนทิศทางและบินลงไป

 

นั่นทําให้การพุ่งชนของบ้านไม้ไผ่สายลมพลาดเป้า

 

“วูหยง เจ้าสามารถหดหัวอยู่ในคฤหาสน์วิญญาณอมตะ แต่ในกรณีนี้ข้าจะฆ่าผู้อมตะระดับเจ็ดเหล่านั้น ลองดูว่าเจ้าจะช่วยพวกเขาได้หรือไม่? ฮ่าฮ่าฮ่า” ฟางหยวนหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

 

“บัดซบ!” วูหยงรีบเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่ของบ้านไม้ไผ่สายลมและไล่ตามฟางหยวน

 

ฟางหยวนกล่าวต่อ “วูหยง เจ้ามีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ เจ้าก่อตั้งกองกําลังพันธมิตรของภาคใต้เพื่อต้องการเป็นผู้นําสูงสุดของภาคใต้ใช่หรือไม่? มาดูกันว่าเจ้าจะสามารถทําหน้าที่ผู้นำได้อย่างไรหลังจากข้าสังหารผู้คนเหล่านี้!”

 

ฟางหยวนไม่ได้โจมตีวูหยงแต่คํากล่าวของเขาราวกับใบมีดที่แทงเข้าไปในหัวใจของวูหยงโดยตรง

 

วูหยงนํากลุ่มผู้อมตะของภาคใต้มาปิดล้อมและสังหารฟางหยวน ด้านหนึ่งเป็นเพราะเขาเกลียดชังฟางหยวนอย่างลึกซึ้ง อีกด้านหนึ่งมันคือการสะสมชื่อเสียงเพื่อปูทางสู่ตําแหน่งผู้นํากองกําลังพันธมิตร

 

หากเขาปล่อยให้ฟางหยวนฆ่าผู้อมตะระดับเจ็ดเหล่านี้ขณะที่เขาหลบอยู่ในบ้านไม้ไผ่สายลมโดยไม่สามารถทําสิ่งใดฟางหยวน ชื่อเสียงของเขาจะถูกทําลาย ตําแหน่งผู้นํากองกําลังพันธมิตรของภาคใต้จะยิ่งห่างไกลออกไป

 

วูหยงรู้สึกกังวลและโกรธจัด แม้บ้านไม้ไผ่สายลมจะรวดเร็ว แต่ฟางหยวนเข้าถึงตัวผู้อมตะระดับเจ็ดแล้ว

 

“เราต้องอดทน!”

 

“ข้ากําลังจะตายนั้นหรือ?”

 

“ไม่! มีผู้อมตะมากมายอยู่ที่นี่ เรายังมีความหวัง!”

 

ฟางหยวนยังไม่ได้โจมตีแต่ขวัญกําลังใจของกลุ่มผู้อมตะระดับเจ็ดก็พังทลายลงแล้ว พวกเขาไม่มีความคิดที่จะต่อต้านและคิดเพียงวิธีรักษาชีวิตของตนเองเท่านั้น

หลังจากทั้งหมดฉากการจับกุมผู้อมตะระดับแปดของฟางหยวนน่ากลัวเกินไป

 

“ตาย! หือ…” เสียงตะโกนของฟางหยวนหยุดลงอย่างกะทันหัน

 

ในช่วงเวลาสําคัญ แสงสีน้ำตาลเหลืองปะทุขึ้นและปกป้องกลุ่มผู้อมตะของภาคใต้เอาไว้

 

นี่คือท่าไม้ตายอมตะสายป้องกันระดับแปด!

 

“ฟางหยวน เหตุใดต้องเข่นฆ่ากัน? เจ้าฆ่าข้า ข้าฆ่าเจ้า วัฏจักรนี้น่าเศร้าเกินไป เจ้าเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดของยุคสมัย เหตุใดไม่มองผ่านเรื่องนี้ไป?”

 

ร่างของลั่วเว่ยหยินปรากฏขึ้น

 

“ฮืม! เป็นเจ้าอีกครั้ง!” ฟางหยวนมองลั่วเว่ยหยินด้วยสายตาเย็นชา

 

“บึม!”

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่บ้านไม้ไผ่สายลมพุ่งเข้าปะทะแผ่นหลังของฟางหยวนอย่างรุนแรง

 

ท่าไม้ตายอมตะเกราะหวนคืน!

 

ฟางหยวนปลอดภัยอย่างสมบูรณ์ การโจมตีสะท้อนกลับไปที่บ้านไม้ไผ่สายลม

 

แต่แรงปะทะก็ส่งฟางหยวนบินออกไปราวกับกระสุนปืนใหญ่

 

วูหยงรู้สึกสบายใจขึ้น อย่างน้อยเขาก็สามารถส่งฟางหยวนออกห่างจากกลุ่มผู้อมตะระดับเจ็ด

 

แต่ไม่นานเสียงของลั่วเว่ยหยินก็ดังขึ้น “ไม่ดีแล้ว นี่คือแผนการของฟางหยวน เขากําลังจะหนี!”

 

การแสดงออกของวูหยงเปลี่ยนไปทันที เขาเห็นฟางหยวนพุ่งเข้าไปในมิติช่องว่างที่วางอยู่บนพน

 

หลังจากเข้าไป มิติช่องว่างก็ปิดตัวลง

 

“ฟางหยวนเจ้าเล่ห์เกินไป เมื่อเขาวางแผนซุ่มโจมตีที่นี่ เขาจะไม่เตรียมวิธีหลบหนีไว้ได้อย่างไร? เขาเข้าไปในมิติช่องว่างเพราะเขามีวิธีหลบหนีเช่นวิญญาณท่องแดนอมตะ!”

 

เส้นเลือดบนหน้าผากของวูหยงโปงพองขึ้นด้วยความโกรธขณะที่เขารู้สึกอึดอัดใจ

 

มิติของว่างแยกออกจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ไม่สามารถบุกเข้าไปได้อย่างง่ายดาย นั่นทําให้ฟางหยวนมีเวลามากพอที่จะหลบหนี

 

วูหยงรวบรวมกลุ่มคนจํานวนมากมาที่นี่แต่มันยังล้มเหลว ไม่เพียงเขาจะไม่สามารถทําร้ายฟางหยวน ผู้อมตะระดับแปดของภาคกลางยังถูกฟางหยวนจับกุมต่อหน้าทุกคน

 

นี่เป็นการตบหน้าของวูหยงอย่างรุนแรง

 

แต่คนที่น่ารังเกียจที่สุดคือชายผู้นี้ วูหยงมองลั่วเว่ยหยินด้วยสายตามืดครื้ม

 

เขากล่าวเสียงดัง “ลั่วเว่ยหยิน เหตุใดเจ้าไม่หยุดเขา?”

 

ลั่วเว่ยหยินตอบอย่างช้าๆ “ข้ารู้สึกละอายใจนัก ข้าใช้พลังทั้งหมดเพื่อปกป้องสหายภาคใต้เหล่านี้ ข้าไม่เหลือพลังพอที่จะขัดขวางเขาจริงๆ”

 

กลุ่มผู้อมตะของภาคใต้รู้สึกขอบคุณลั่วเว่ยหยิน

 

วูหยงสูดหายใจลึกด้วยความโกรธและกําหมัดแน่น แต่เขาไม่สามารถทําสิ่งใดกับลั่วเว่ยหยิน

 

ลั่วเว่ยหยินมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา เขาเป็นผู้สืบทอดของเทพอมตะสวรรค์พิภพและเป็นคู่แข่งที่เป็นภัยคุกคามต่อความฝันของรูหยงมากที่สุด

 

วูหยงนํากลุ่มผู้อมตะภาคใต้มาปิดล้อมฟางหยวนแต่ทิ้งลั่วเว่ยหยินไว้ข้างหลังเพราะเขาต้องการสะสมชื่อเสียงของตน

 

แต่ผลลัพธ์คือฟางหยวนสามารถหลบหนีขณะที่วุหยงไม่สามารถทําสิ่งใด ชื่อเสียงของเขาเสียหายขณะที่สถานการณ์ของลั่วเว่ยหยินตรงข้ามกับเขาอย่างสิ้นเชิง

 

คนผู้นี้ซ่อนตัวมาตลอดโดยไม่ทําสิ่งใดก่อนจะปรากฏตัวขึ้นในเวลาที่เหมาะสมเพื่อปกป้องกลุ่มผู้อมตะภาคใต้ นี่ทําให้ชื่อเสียงของเขาพุ่งสูงขึ้นเป็นอย่างมาก

 

สายตาของวูหยงส่องประกายแหลมคมราวกับมีประกายไฟแลบลั่นอยู่ภายใน

 

หลังจากไม่นานเขาก็ถอนหายใจและสงบจิตใจลง เจตจํานงแห่งการต่อสู้ของเขาพลุ่งพล่านอยู่ภายในขณะที่เขาเผยรอยยิ้มบาง เขาคิด “ฟางหยวน ลั่วเว่ยหยิน พวกเจ้าต่างมีบางสิ่ง ข้าพ่ายแพ้ครั้งนี้เพราะพวกเจ้าทั้งสอง!”