แต่ชนิดของเนื้อหยกก้อนนี้ทำให้ซีเหมินจินเหลียนยากที่จะวิเคราะห์ ขนาดใช้ได้ ลื่นไหลแวววาว แต่ความโปร่งแสงยังไม่เพียงพอ…อย่างน้อยในใจของเธอคิดว่าไม่น่าใช่ชนิดเนื้อแก้ว มีสีขาวขุ่น ดูแล้วชุ่มฉ่ำ บวกกับสีเหลืองไขมันไก่สุขตาสบายใจ
ซีเหมินจินเหลียนมองอยู่นานก็รู้สึกว่าสีชนิดนี้ค่อนข้างคร่ำครึไปหน่อย ไม่ทันสมัย ถ้าเป็นเธอ เธอก็ชอบสีเขียวไม่ก็สีแดงสด
แน่นอนว่าของดีเลิศแบบนี้เห็นแล้วก็ไม่สามารถปล่อยผ่านได้ ซีเหมินจินเหลียนเรียกเถ้าแก่เนี้ยมาถามราคา
เถ้าแก่เนี้ยรูปร่างอ้วนท้วมมองหินหยกก้อนนั้นอยู่นานไม่เปิดราคาสักที ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วเป็นปม เมื่อวานเธอก็พลาดโอกาสหยกสีแดงก้อนนั้นแล้ว วันนี้อย่าบอกนะว่าเถ้าแก่เนี้ยจะไม่ขายหยกสีเหลืองก้อนนี้
“เถ้าแก่เนี้ย คุณเปิดราคามาเถอะค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“คุณผู้หญิง…” เถ้าแก่เนี้ยสีหน้าลำบากใจสงสัยอยู่นาน ถึงได้พยายามพูดภาษาจีนกลางที่ไม่ค่อยคล่องให้ฟัง “คุณจะซื้อหินหยกก้อนนี้หรือ?”
“ใช่ค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด ครั้งนี้เธอไม่มีความคิดอื่น ดีก็ดี ไม่ดีก็ช่าง สำหรับหยกสีเหลืองไม่ใช่ว่าเธอไม่มี หากเถ้าแก่เนี้ยเปิดราคามาเกินจริง เธอไม่ซื้อก็ไม่เป็นไร
“ถ้าคุณจะซื้อ หมื่นยูโรก็ได้แล้วค่ะ” เถ้าแก่เนี้ยพูด และมองซีเหมินจินเหลียนด้วยจิตใจกระสับกระส่าย
ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกแปลกใจ หนึ่งหมื่นยูโร? ราคานี้ไม่สูงเลย แต่ต่ำเกินไปต่างห่าง อย่างน้อยหินหยกดิบหนักประมาณสิบห้าถึงสิบหกกิโลกรัม ถึงลักษณะที่ปรากฏจะมีหมอกสีเหลืองใสให้เห็น แม้ว่าจะไม่มีจุดหยกหรือเส้นลายหยก แต่เม็ดผิวที่เนียนลื่นไม่ถึงขั้นเนื้อแก้ว แต่ก็ไม่ได้ด้อยอะไร
ซีเหมินจินเหลียนมองจ่านป๋าย ครั้งนี้จ่านป๋ายเข้าใจเจตนาของเธอผิดจึงรีบพูดว่า “เถ้าแก่เนี้ย หมื่นยูโรแพงเกินไป คุณลดให้กว่านี้ไม่ได้เหรอครับ ห้าพันเป็นอย่างไร?”
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาน้อยๆ เดิมทีรู้สึกว่าเรื่องทะแม่งๆ อยากจะถามจ่านป๋ายว่าเกิดเรื่องอะไรกันแน่ แต่จ่านป๋ายกลับคิดว่าเธอไม่สบายใจกับราคาสูงเลยเริ่มต่อรองราคา
“ห้าพันน้อยเกินไปนะคะ” เถ้าแก่เนี้ยอ้วนท้วมลังเลใจอยู่นาน ส่ายหน้าพูด “อย่างมากสุดฉันก็ให้ได้แค่แปดพัน ไม่อย่างนั้นสู้ฉันยอมเก็บไว้เองดีกว่า”
จ่านป๋ายมองซีเหมินจินเหลียน เพราะคนสุดท้ายที่ต้องจ่ายเงินก็เป็นเธออยู่ดี คนที่ดูสินค้าก็เป็นเธอ อย่างน้อยก็ต้องถามความเห็นจากเธอแล้วค่อยตัดสินใจ
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า จ่านป๋ายจึงควักเงินสดจ่ายเองและทำการซื้อขายเสร็จสิ้น
เวลานี้เจี่ยหยวนฮวาเดินเข้ามาเห็นซีเหมินจินเหลียนซื้อหินหยกดิบก้อนนั้น ก็ได้แต่สงสัยไม่หยุด “จินเหลียน คุณซื้อก้อนนี้เหรอ?”
“อืม ทำไมเหรอคะ มีปัญหาอะไรเหรอเปล่า?” ซีเหมินจินเหลียนถาม เมื่อสักครู่แววตาของเถ้าแก่เนี้ยก็ผิดปกติ จนเธอคิดสงสัย แต่หินหยกก้อนนี้เธอดูมาก่อนแล้วไม่มีปัญหาอะไรนี่นา
“เมื่อสักครู่พวกเราก็ดูหินหยกดิบก้อนนี้” เจี่ยหยวนฮวาพูด
ซีเหมินจินเหลียนเข้าใจในทันที เมื่อสักครู่พวกเขาดูแล้ว ไม่น่าล่ะเถ้าแก่เนี้ยถึงได้ดูมีพิรุธ เห็นได้ชัดว่าเจี่ยหยวนฮวาและคนอื่นๆ ไม่เตะตาต้องใจหินหยกก้อนนี้ ดังนั้นหินหยกก้อนนี้น่าจะถูกเถ้าแก่เนี้ยจัดไว้ในหินหยกเกรดต่ำ
เมื่อคิดถึงประเด็นหลักของเรื่องนี้แล้ว ซีเหมินจินเหลียนก็รู้สึกเสียดายขึ้นมาเล็กน้อย รู้อย่างนี้เธอน่าจะต่อรองราคายิ่งกว่านี้
“เพื่อนของคุณเปิดเปลือกหินเป็นอย่างไรบ้างคะ” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“ไม่ค่อยดีเท่าไหร่” เจี่ยหยวนฮวาน้ำเสียงทุ้มต่ำ “พวกเขากำลังมุงดูกันอยู่”
“ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะ รอยเกลื้อนกินเข้าไปแล้วเหรอคะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“อืม ข้างในมีรอยเกลื้อนหนาแน่น เกลื้อนพัวพันไปล้อมรอบสีเขียว ไม่มีทางเอาเนื้อหยกไปทำอะไรได้!” เจี่ยหยวนฮวาพูด “กำลังปรึกษากันอยู่ว่าจะลงมีดอีกครั้งไหม หรือจะรีบเปลี่ยนมือเลย”
“เปลี่ยนมือตอนนี้ ยังจะมีคนต้องการอีกเหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถามแปลกใจ
“แซ่หลี่คนนั้นเหมือนว่าจะสนใจ!” เจี่ยหยวนฮวายิ้ม “ราคาเท่านี้!” พูดจบเขาชูขึ้นมาสองนิ้ว
ซีเหมินจินเหลียนสูดลมหายใจอย่างเยือกเย็น เมื่อสักครู่คือห้าแสน ชั่วพริบตาเมื่อมีดลงไปราคาลดลงฮวบไปยังสามแสน นี่เงินยูโรเลยนะ…
“ใช่สิ ทำไมพวกคุณถึงไม่สนใจหินหยกดิบก้อนนี้เหรอคะ” ซีเหมินจินเหลียนเบี่ยงคำถาม
“เอ่อ…” เจี่ยหยวนฮวาไม่ได้ตอบ เขาค่อนข้างเชื่อมั่นในสายตาพนันหินของซีเหมินจินเหลียน ตอนนั้นสาเหตุที่พวกเขาสนใจหลักๆ ก็คือผิวหินของหินหยกก้อนนี้มีหมอกสีเหลืองชัดเจน แต่อ่อนไปหน่อย ส่วนสาเหตุที่ไม่ชอบก็คือหินหยกก้อนนี้ธรรมดาเกินไป…
แน่นอนว่าบางทีมีคนชอบ เพียงแต่ว่าหินหยกก้อนนี้ของเถ้าแก่เนี้ย แม้จะมีรอยเกลื้อนพาดผ่านบนผิว แต่หินหยกก้อนนั้นก็ยังมีเนื้อหยกเปลือยออกมาทำให้พวกเขาใจเต้นแรงไม่รู้จบ ดังนั้นเลยเลือกที่จะทิ้งหินหยกก้อนสีเหลืองหมอกนี้ไป
“จินเหลียน คุณอยากเปิดเปลือกหินไหม” เจี่ยหยวนฮวาพูดกะทันหัน สำหรับปัญหาของซีเหมินจินเหลียน เขาไม่รู้จะพูดอย่างไรดี เมื่อสักครู่เขาก็สนใจหินหยกก้อนนี้ แต่รู้สึกว่าไม่มีโอกาสที่จะชนะเลยไม่ได้ใส่ใจ
“ฉันไม่ได้อยากจะเปิดหินค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าพูด “ขนย้ายกลับไปค่อยๆ ตัดก็ได้แล้ว!”
“คุณไม่อยากจะเปิดหินตอนนี้เหรอครับ ถ้าเกิดลักษณะดีขึ้นมายังพอขายออกไปได้และนำเงินมา ใช้จ่ายนิดหน่อยในพม่า”
“ค่อยว่ากันอีกทีดีกว่าค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม เมื่อวานเธอก็คิดแบบนี้ แล้วก็ทำแล้ว แต่หินหยกที่เธอเลือกมาเปิดส่วนมากลักษณะมักจะไม่ดี หากลักษณะดีเลิศแน่นอนไม่คิดที่จะขาย เธอเลยไม่อยากเปิดเปลือกหินท่ามกลางสาธารณชน เพื่อหลบหลีกความวุ่นวาย
คุณหม่ากับคนแซ่หลี่อะไรคนนั้น เกรงว่าคงไม่ได้พูดคุยราคาอย่างเหมาะสม หรือไม่ก็คุณหม่ายังไม่ได้ตายใจ เลยเตรียมตัวที่จะลงมีดต่อ
ซีเหมินจินเหลียนพอใจในสิ่งที่มี เธอไม่เคยโลภมากลาภหาย ตอนนั้นเดินไปดูกับจ่านป๋าย
คุณหม่าที่ดูลูกน้องทางร้านทั้งสองกำลังทำงานอย่างแข็งขัน นำหินหยกก้อนนั้นไปจัดวางตำแหน่งไว้บนเครื่องตัดหินอีกรอบ วาดเส้นลากลงเรียบร้อย ซีเหมินจินเหลียนเห็นแล้วได้แต่ถอนหายใจหดหู่ ตัดลงไปแบบนี้คุณหม่าคงกอดความหวังไว้อยู่ แต่สุดท้ายก็ต้องผิดหวังไม่เป็นท่า หินหยกก้อนนี้มีรอยเกลื้อน ยิ่งกว่านั้นยังตัดจากด้านบน และลงมีดไม่ยั้งลงไปตรงกลาง หินหยกทั้งก้อนมีแค่ระยะส่วนที่ห่างจากตรงกลางประมาณสองในสามที่มีสีเขียวมรกตส่วนหนึ่งที่ไม่ถูกรอยเกลื้อนกลืนกิน ขนาดไม่ถือว่าใหญ่ราวๆ สิบเซนติเมตร ความหนาแค่สามเซนติเมตร ลึกประมาณเจ็ดถึงแปดเซนติเมตร หากตัดวัตถุดิบเหมาะสมก็นำไปขายได้ราคาดี
เสียงของใบมีดบนเครื่องตัดหินกระทบกระทั่งกับหินหยก ส่งเสียงครืดคราด…
ในที่สุดใบมีดหยุดเคลื่อนไหวลง ในใจของทุกคนเต้นระรัว คุณหม่ายิ่งตื่นเต้นกว่าใคร ส่วนซีเหมินจินเหลียนรับรู้สภาพจิตใจของนักพนันหยกได้อย่างเต็มที่…