ส่วนที่ 4 ตอนที่ 250 ของล้ำค่าในหินไร้ค่า

ความลับแห่งจินเหลียน

แต่ไม่ว่าจะตื่นเต้น หรือคาดหวังอย่างไร แผ่นหินบางๆ นั้นก็ถูกเฉือนออกแล้ว สิ่งที่ออกมาต้อนรับทักทายพวกเขายังคงเป็นเกลื้อนพันรอบสีเขียว ไม่น่าดูเลยสักนิด

 

แม้แต่ซีเหมินจินเหลียนเองก็ยังรู้สึกผิดคาด ลงใบมีดอย่างนี้ต่อไปคงไม่มีใครกล้าเสนอราคาซื้อแล้ว

 

ผู้คนที่แห่กันมาร่วมงานประมูลหยกใต้ดินที่พม่า แน่นอนว่าต้องมีเงินสดไว้ในกำมือ แต่เพื่องานประมูลหยกพวกเขาเลยไม่มีเหตุจำเป็นต้องมาฟุ่มเฟือยเงินจำนวนมากที่นี่ ในเมื่อยังไม่แน่ใจ และไม่สนใจก็สู้ถือโอกาสดูให้หนำใจก็แล้วกัน

 

คุณหม่าอายุยังไม่มาก รูปร่างสูงผอม เวลานี้เหงื่อบนศีรษะไหลลงมาเป็นสาย แต่เพราะไม่มีใครเสนอราคาที่จะซื้อ เขาจึงไม่คิดนำหินหยกดิบเกลื้อนเขียวนี้กลับไป ดังนั้นจึงเตรียมตัวลงมีดลองดูอีกครั้ง

 

ครั้งนี้ถือว่าคุณหม่าหน้าหนาใจใหญ่เลยทีเดียว เขาเริ่มลงมือตัดจากส่วนหนึ่งในสามของตรงกลาง จัดวางตำแหน่งไว้อย่างเหมาะสมแล้ววาดเส้นทำการลงใบมีดตัดลงไปอีกครั้ง

 

สิ่งที่ออกมาทักทายเขาทำให้ผิดหวังอย่างต่อเนื่อง เกลื้อนหยกสีดำ ดูเหมือนว่าไม่มีที่สิ้นสุด โอบล้อมอยู่บนสีเขียวมรกตน้ำงามเปล่ง

 

ซีเหมินจินเหลียนจับมือจ่านป๋ายทันที และวาดรูปวงกลมลงบนฝ่ามือเขาจากนั้นวาดเส้นแนวนอนเข้าไปในวงกลม

 

จ่านป๋ายงุนงง แต่ทันใดนั้นก็เข้าใจความหมายของเธอ มองคุณหม่าแวบหนึ่งแต่ไม่มีเสียงคัดค้าน คุณหม่าส่ายหน้าเอือมระอาเรียกหาเถ้าแก่เนี้ย “เถ้าแก่เนี้ย ที่นี่รับซื้อหินหยกรีไซเคิลไหม”

 

“รับค่ะ” เถ้าแก่เนี้ยเหลือบมองและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หนึ่งพันยูโร!”

 

ผู้คนที่ได้ยินพากันตกใจจนพูดไม่ออก นี่เป็นหินที่เพิ่งซื้อไปด้วยราคาห้าแสนยูโร และตัดลงไปแค่สามครั้งเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะเหลือแค่พันยูโรแล้ว พนันหินแล้วแพ้ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเห็น แต่แพ้ขนาดนี้ก็ทำให้หัวใจคนหนาวเหน็บเหลือเกิน

 

“หนึ่งพันยูโร น้อยเกินไปหรือเปล่าครับ?” คุณหม่ายิ้มขื่นๆ “เถ้าแก่เนี้ย คุณเพิ่มราคาสักนิดเถอะ”

 

เถ้าแก่เนี้ยรูปร่างอ้วนท้วมได้แต่โคลงศีรษะไปมา ไร้ซึ่งความคิดที่จะเพิ่มราคาสักนิด จู่ๆ จ่านป๋ายหันไปพูดกับซีเหมินจินเหลียนว่า “ทำไมผมมองแล้วเหมือนเมล็ดแตงโมยังไงก็ไม่รู้?”

 

ซีเหมินจินเหลียนงงงัน แต่ไม่นานก็เข้าใจขึ้นมาได้ “ถ้าคุณสนใจ คุณก็ซื้อกลับไปตัดเล่นสิ? ไม่เคยเห็นคนแบบคุณที่สนใจในการเปิดเปลือกหินหยกขนาดนี้มาก่อนเลย”

 

“คนอื่นเขาซื้อหินหยกแล้วตัดออกมาดู มีแค่คุณที่ห้ามเปิดเปลือกหินอย่างเดียว!” จ่านป๋ายใบหน้าไม่ได้รับความเป็นธรรม “ผมก็แค่คันไม้คันมือน่ะครับ”

 

คนอื่นที่ได้ยินพากันยิ้มปนหัวเราะ แม้แต่คุณหม่าที่แพ้พนันหินยังเผยยิ้มออกมาบางๆ จ่านป๋ายเดินไปข้างหน้าคุณหม่าและกวาดสายตามองหินหยกก้อนนั้นซ้ายทีขวาที “คุณหม่า คุณให้ราคาหินหยกดิบนี้ถูกหน่อยแล้วกันครับ ขายต่อให้ผมตัดเล่นเป็นอย่างไร?”

 

คุณหม่าได้ยินจ่านป๋ายบอกว่าจะซื้อ ใจหนึ่งก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา หรือว่าซีเหมินจินเหลียนชอบพอหินหยกก้อนนี้อยู่? ฟังจากคนรอบข้างเล่าขานกันมาว่าเธอไร้ซึ่งช่องโหว่ในการพนันหิน ไม่เคยแพ้เลยสักครั้ง

 

แต่ได้ยินมาว่าเมื่อวานพวกเขาทั้งคู่อยู่ที่ถนนพนันหินหยก แต่กลับพนันแพ้ต่อเนื่องกันถึงสิบกว่าก้อน แพ้ไปไม่น้อยเลย ดูอย่างนี้แล้วข่าวลือคงแค่โอ้อวดเกินจริง

 

จะขายต่อให้เขาดีหรือเปล่า? คุณหม่าลังเลเกินกว่าจะตัดสินใจ ผู้คนที่เหลือแม้มีคนมุงดูมาก แต่ไม่มีใครที่ใจใหญ่ยอมเสนอราคา

 

“สามหมื่นละกันครับ” คุณหม่าคิดตระหนกอยู่นาน จากนั้นยอมกัดฟันพูด

 

จ่านป๋ายตั้งใจพูด “เงินหยวน?”

 

“เข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม ต้องเป็นยูโรสิครับ” คุณหม่าไม่รู้จะยิ้มหรือร้องไห้ดี ราคานี้ที่เขาเปิดก็เพื่อทดสอบจิตใจพวกเขาเป็นหลัก หากจ่านป๋ายไม่ต่อรองราคาแต่รับปากทันท่วงที เกรงว่าซีเหมินจินเหลียนคงชอบพออยู่เหมือนกัน แต่ถ้าเขาขอต่อรองราคา บางครั้งอาจจะแค่อยากเปิดเปลือกหยกเล่นอย่างที่เขาว่า

 

คนพนันหินส่วนใหญ่เห็นหินหยกดิบชั้นดีเลิศ บางครั้งก็ควบคุมจิตใจไว้ไม่ได้ อยากจะตัดออกมาให้รู้แล้วรู้รอด เคยได้ยินมาว่านักธุรกิจหยกบางคน เพราะว่ามีคนชนะพนันที่ร้านเขา ผลสุดท้ายตลอดทั้งคืนคนคนนี้นำหินหยกดิบขนาดเล็กใหญ่ในร้านของตนร้อยกว่าก้อนตัดไปกว่าครึ่ง

 

แน่นอนเปิดเปลือกหินหยกแบบนี้ มีแต่แพ้พนันทั้งนั้น การพนันหิน มีคำว่าพนัน กระบวนการพนันหินยิ่งมีพลังล่อตาล่อใจกว่าใคร

 

มันก็เหมือนกับคนซื้อลอตเตอรี่ขูด ยับยั้งตัวเองที่จะขูดมันไม่ได้…ดังนั้นการกระทำของจ่านป๋าย เขาพอจะเข้าใจ

 

“แพงเกินไปหรือเปล่าครับ” จ่านป๋ายส่ายหน้าติดต่อกัน “มากสุดผมก็ให้แค่หนึ่งหมื่น สามหมื่นเชียวเหรอ? นี่ผมตัดทองหรือเปล่าเนี่ย ต้องไม่ใช่ตัดหินแน่ๆ!”

 

“หยกชั้นเลิศแน่นอนว่าต้องแพงกว่าทองคำอยู่แล้วครับ” คุณหม่ายิ้ม

 

เถ้าแก่เนี้ยเห็นมีคนตัดหน้าทำธุรกิจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา แค่ยิ้มมองดูสถานการณ์ สุดท้ายแล้วจ่านป๋ายกับคุณหม่าทำการต่อรองราคาจนขายหินหยกดิบที่ตัดลงไปสามมีดด้วยราคาหนึ่งหมื่นหกพันยูโร

 

“เถ้าแก่เนี้ย ผมเปิดหินที่นี่เลยได้ใช่ไหมครับ?” จ่านป๋ายยิ้ม

 

“ตามสบายค่ะ” เถ้าแก่เนี้ยพูดภาษาจีนกลาง ฟังแล้วรู้สึกไม่รื่นหู แต่โชคดีที่ทุกคนฟังรู้เรื่อง

 

จ่านป๋ายสนอกสนใจนำหินหยกก้อนที่ถูกตัด มีขนาดหนึ่งในสามส่วนของหินหยกดิบมาวางตามตำแหน่งไว้บนเครื่องตัดหิน ก่อนจะเริ่มตัดลงทีละครั้ง แน่นอนบทสรุปในใจของทุกคนคิดไว้แล้วว่าต้องเป็นเกลื้อนสีเขียวพัวพันอยู่ไม่สวยงามน่าดู แต่ในเมื่อจ่านป๋ายเปิดหิน พวกเขาก็เลยไม่รีบจากไปไหน ยังคงมุงดูเกาะติดสถานการณ์

 

เห็นจ่านป๋ายนำหินหยกดิบทั้งหมดตัดเป็นก้อนเต้าหู้เล็กๆ แล้ว เจี่ยหยวนฮวากับซีเหมินจินเหลียนก็พูดคุยกันออกรส “ตอนอยู่ที่บ้าน เขาก็มีงานอดิเรกแบบนี้เหรอ”

 

“เศษหินหยกดิบบ้านคนอื่นยังพอขนออกไปขายเป็นเงินได้ แต่บ้านพวกเราขายให้แค่คุณป้าจางเท่านั้นละคะ” ซีเหมินจินเหลียนส่ายมือไปมา

 

“คุณป้าจาง?” เจี่ยหยวนฮวาสงสัย

 

จ่านป๋ายกำลังเปิดเปลือกหินอยู่ ได้ยินแล้วยิ้ม “ผมก็ไม่ได้ตัดเล็กขนาดนั้นเสียหน่อย? ป้าคนนั้นเขาขายเต้าหู้เหม็น ไม่ใช่ขายหยกก้อนเต้าหู้นะครับ!”

 

ทุกคนที่ได้ยินถึงรู้ว่าแท้จริงซีเหมินจินเหลียนล้อเลียนจ่านป๋ายว่าเขาตัดหินเล็กเกินไป อดที่จะพากันส่งเสียงหัวเราะไม่ได้

 

“ฉันยังต้องไปดูหินหยกก้อนอื่นอีก คุณลองตัดแค่สองมีดให้หายคันไม้คันมือก็พอแล้ว” ซีเหมินจินเหลียนพูด

 

“อืม ได้ครับ” จ่านป๋ายทำท่าจะทำอย่างสุดความสามารถ เรียกหาลูกน้องในร้านของเถ้าแก่เนี้ยให้คอยช่วยเหลือนำหินหยกดิบก้อนใหญ่ก้อนนั้นยกขึ้นไปวางบนเครื่องตัดหิน วางไว้อย่างดิบดี คิดถึงเรื่อง           ซีเหมินจินเหลียนวาดวงกลมไว้ในมือของเขา จากนั้นตัดมีดลงแบ่งจากตรงกลาง แน่นอนว่าไม่ใช้ตรงกลางที่หมายถึงหนึ่งในสาม น่าจะเป็นตรงกลางของทั้งหมด ในเมื่อเป็นอย่างนี้แสดงว่าใบมีดไม่จำเป็นต้องตัดจากตรงกลางจริงๆ?

 

ส่วนที่ถูกตัดหนึ่งในสามส่วน ขอแค่เคลื่อนย้ายนิดหน่อยก็คือตำแหน่งหินหยกตรงกลางของเดิมแล้ว

 

จ่านป๋ายคิดในใจและรีบลากเส้นกำกับไว้ เมื่อเงยหน้ามองซีเหมินจินเหลียน ก็เห็นเธอยิ้มเชิดมุมปาก เมื่อรู้ว่าตำแหน่งไม่ผิดเพี้ยนในใจก็มุ่งมั่น เมื่อสักครู่ที่เธอให้เขาซื้อมันไป เขารู้แก่ใจดีว่าหินหยกก้อนนี้ต้องมีผลประโยชน์ให้แสวงหาได้ แต่ในเมื่อซีเหมินจินเหลียนเปิดเปลือกหินท่ามกลางผู้คน แสดงว่าเธออาจจะตั้งใจขายออกไปเป็นเงินในตอนนี้เลย

 

เห็นได้ชัดว่าหินหยกดิบก้อนนี้ถึงจะเผยสีเขียว ถ้าไม่ใช่เพราะเฉดสีไม่ดี ก็อาจจะเป็นเพราะขนาดไม่ใหญ่ ถ้าตนลงมีดแบบไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ต้องสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่แน่

 

จัดตำแหน่งหินหยกดิบไว้อย่างดีแล้ว จ่านป๋ายจับไปที่ด้ามจับของเครื่องตัดหิน ใบมีดตัดลง…

 

ใบมีดหยุดเคลื่อนไหวแล้ว จ่านป๋ายเปิดเปลือกหินหยกชั้นหนาออกมาได้ อดไม่ได้ที่จะมองไปยังพื้นผิวที่ถูกตัด จากนั้นอึ้งนิ่งอยู่นาน เกลื้อนสีดำอัปลักษณ์ในตอนแรก เหมือนดั่งภูเขาและแม่น้ำที่แบ่งแยกภูมิทัศน์อีกฝั่ง ไม่มีรอยเกลื้อนคอยพัวพันอยู่บนเนื้อหิน แต่เป็นสีเขียวมรกตความยาวประมาณสิบกว่าเซนติเมตร กว้างเจ็ดถึงแปดเซนติเมตร ลื่นเนียนสว่างใสเหลือเกิน

 

จ่านป๋ายรีบนำน้ำสะอาดใสสาดลงบนหินหยกเพื่อชะล้างคราบฝุ่นให้หมดเกลี้ยง ทำให้สีเขียวมรกตแวววับยิ่งดึงดูดสายตาผู้คน แต่เพราะได้รับผลกระทบจากเกลื้อนหยก สีเลยไม่ได้เป็นเขียวสดบริสุทธิ์ ค่อนข้างไปทางเข้มหม่น ไม่โดดเด่นเท่าไหร่

 

แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น มันก็ยังเป็นชนิดเนื้อแก้วพะกัน ยังจัดอยู่ในชั้นดี และยังเป็นเนื้อเขียวเต็ม แม้ว่าสีจะเข้มไปหน่อย แต่สม่ำเสมอกัน นำออกมาทำเป็นเครื่องประดับคงได้รับความนิยมมากหลาย

 

“จินเหลียน!” จ่านป๋ายยิ้มยินดี “ตรงกลางมีสีเขียวนิดหน่อย ผมตัดมันออกมา เปลี่ยนมือขายไปในราคาหลายหมื่นหยวนก็ได้แล้ว!”

 

ผู้คนได้ยินที่เขาพูด ไม่เพียงแต่เขยิบเข้ามาใกล้ และไม่ทำตัวหลบซ่อนหรือถอนหายใจอีกต่อไป สีและชนิดดีขนาดนี้ เขายังกล้าบอกว่าขายได้หลายหมื่นหยวนเชียวเหรอ?

 

“พ่อหนุ่ม ปล่อยไหม ผมให้สองแสน!” คุณหลี่ที่ทำการต่อรองราคากับคุณหม่าไม่สำเร็จ ในเวลานี้ใจกว้างกว่าใคร เปิดราคามาด้วยสองแสน

 

สีหน้าของคุณหม่าไม่สู้ดี หากรู้ตั้งแต่แรกเขาน่าจะตัดลงไปอีกใบมีด แต่ไหนๆ ก็แพ้พนันไปแล้ว ไอหยา…ความกล้าของเขาไม่มากพอจริงๆ!

 

ความจริงนักพนันหินส่วนใหญ่ แม้จะแพ้พนันก็คงไม่เหมือนจ่านป๋ายที่เปิดหินหยกทีละนิดออกแล้วตัดเป็นก้อนเต้าหู้ เพราะแม้จะเป็นหินไร้ค่า แต่มันก็ยังเป็นหินหยกดิบ ไม่ใช่หิน และยิ่งไม่ใช่ก้อนเต้าหู้ ก้อนใหญ่ต้องมีมูลค่ามากกว่าก้อนเล็กอยู่แล้ว

 

“ผมขอเปิดเปลือกหินออกมาให้หมดก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะครับ ขอให้ผมหายคันไม้คันมือก่อน!”            จ่านป๋ายยิ้ม

 

ในระหว่างที่พูดเขาก็หันไปมองซีเหมินจินเหลียน ซีเหมินจินเหลียนยิ้มให้เขา…ไม่นานหินหยกทั้งหมดก็ถูกลอกเปลือกหินออกมา ความหนาประมาณสามเซนติเมตร นอกจากตรงกลางแล้ว ส่วนอื่นๆ ยังคงเป็นเกลื้อนหยกไร้ค่า

 

แต่ส่วนตรงกลางก้อนนั้น มีเนื้อหยกชนิดแก้วดั้งเดิม แม้สีจะไม่ใช่สีเขียวสด เพี้ยนไปทางเข้มเสียมากกว่า แต่สีก็สม่ำเสมอกันและเป็นสีเขียวเต็มยากที่พบเจอ

 

จ่านป๋ายแสดงออกอย่างชัดเจนว่าจะขายต่อ แน่นอนนักธุรกิจหยกพวกนั้นเลยไม่อยากพลาดโอกาสนี้ ทำการต่อรองราคาไปมา สุดท้ายก็เคาะไว้ที่หกแสนห้าหมื่นยูโร ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจ ขายหินหยกที่แท้ก็เพื่อหาเงิน แต่ถ้าแปรรูปไปเป็นเครื่องประดับหรือของตกแต่ง หินหยกก้อนนี้อย่างน้อยน่าจะขายได้ในราคาหนึ่งล้าน…แต่ก็ให้คนอื่นได้กำไรบ้างแล้วกัน