“คนตระกูลหลิง!”
  ระหว่างทางที่เดินออกมาจากสุสานนั้นคนตระกูลซันทั้งหมดต่างก็เห็นว่าคนตระกูลหลิงได้มายืนอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าสูสานรออยู่แล้ว..
  “ฮ่า..ฮ่า.. ข้าคิดไว้อยู่แล้วว่าวันนี้จะต้องได้พบกับทายาทตระกูลหลิง! ดูสิ.. พวกมันยืนออกันอยู่ที่หน้าประตูทางเข้า ดูท่าเหล่าอาวุโสตระกูลหลิงคงจะยังมาไม่ถึง พวกมันถึงได้ไม่กล้าเดินเข้า!”
  ซันเมิ่งที่เห็นเหล่าทายาทตระกูลหลิงยืนเรียงกันอยู่หน้าประตูสุสานเช่นนั้นก็ทำท่าทางราวกับหมาป่าผู้หิวโหยที่พบเจอลูกแกะอ่อนแอเข้าพอดี ซันเมิ่งจ้องมองเหล่าทายาทตระกูลหลิงพร้อมกับร้องตะโกนออกมาอย่างสนุกปาก..
  ซันข่ายได้ยินก็ถึงกับหัวเราะออกมาพร้อมกับเสริมขึ้นว่า“นั่นสิ! พวกมันคงรู้ว่าพวกเราตระกูลซันอยู่ด้านใน ก็เลยกลัวกันหัวหดไม่กล้าเดินเข้ามา!”
  “ข้าว่าพวกเราไปแกล้งคนตระกูลหลิงกันดีกว่า!แต่พวกเจ้าห้ามยุ่งกับหลิงซวี่นะ ข้าจะเป็นคนแกล้งนางเอง ข้าแกล้งนางอยู่บ่อยๆเมื่อครั้งอยู่ในหน่วยเทพอินทรีย์!”
  ซันลี่รีบร้องบอกทุกคนแววตาของเขาเป็นประกายด้วยความสนุกสนาน และรีบวิ่งออกไปทันที..
  และนี่คืองานอดิเรกที่เหล่าทายาทตระกูลซันมักทำกันเป็นประจำเมื่อได้พบเจอทายาทตระกูลหลิง..
  แต่จะว่าไปนิสัยเช่นนี้ของเหล่าทายาทตระกูลซันนั้นก็ไม่ได้แปลกประหลาดอะไรนัก ทุกคนต่างก็มีอุปนิสัยใจคอไม่แตกต่างไปจากซันเจิ้นหวู่นัก และเวลานี้เหล่าทายาทตระกูลซันยังคงมองทายาทตระกูลหลิงเป็นเพียงลูกแกะอ่อนแอเช่นเดิม..
  “แต่เดี๋ยวก่อน..”
  แต่แล้วจู่ๆซันเจี๋วยก็ร้องตะโกนขึ้นมา และเขาก็คือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาพี่น้องตระกูลซันทั้งหมดนั่นเอง สายตาของซันเจี๋วยนั้นนับว่ามองเห็นได้ไกลยิ่งนัก..
  เขามองเห็นว่าห่างออกไปไกลๆนั้นมีสมาชิกหน้าใหม่ของตระกูลหลิงมายืนขวางหน้าประตูสุสานด้วยเช่นกัน
  “นั่นมัน..พวกเจ้ามาดูเร็วเข้า.. นั่นใช่หลิงหยุนหรือไม่”
  สายตาของซันเจี๋วยนั้นจับจ้องอยู่ที่ร่างของหลิงหยุนซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปแววตาของซันเจี๋วยนั้นเต็มไปด้วยความระมัดระวัง และรีบร้องถามน้องๆทันที
  “ซันเมิ่งซันข่าย ซันลี่.. พวกเจ้าสามคนมาอยู่ด้านหลังข้า!”
  ซันเจิ้นหวู่รีบร้องเตือนเหล่าทายาทรุ่นเล็กของตระกูลซันทันทีและได้แต่แอบคิดในใจว่า หลานๆของตนนั้นช่างโง่สิ้นดี ตัวเขาเองพยายามหลีกเลี่ยงไม่เผชิญหน้ากับหลิงหยุน แต่หลานๆหน้าโง่กลับพยายามที่จะหาเรื่อง และลองดีกับหลิงหยุน เช่นนี้แล้วไม่เท่ากับไปรนหาที่ตายงั้นรึ
  “อะไรนะ!หลิงหยุนงั้นรึ?!”
  “หลิงหยุน..นี่หลิงหยุนมากับคนตระกูลหลิงงั้นรึ นี่หมายความว่าหลิงหยุนต้องมาเคารพหลุมศพบรรพชนตระกูลหลิงด้วยแน่ๆ เช่นนี้ย่อมหมายความว่า..”
  เหล่าอาวุโสตระกูลซันต่างก็รีบร้อนตามมาสมทบทายาทตระกูลซันและร้องเตือนให้ซันเจี๋วยระมัดระวังหลิงหยุนที่ยืนอยู่ข้างๆ เหล่าทายาทตระกูลหลิง!
  ดังคำพูดที่ว่า..คนเก่งนั้นพบพานเพียงแค่เงาก็น่าสะพรึงกลัว!
  ทันทีที่ซันเมิ่งซันข่าย ซันลี่ และคนอื่นๆ ได้ยินว่าหลิงหยุนปรากฏตัว ทั้งหมดก็ถึงกับหยุดชะงัก และเริ่มเย็นวาบขึ้นมาทันที! ร่างของทุกคนแน่นิ่งราวกับถูกตรึงไว้ด้วยตะปู หลังจากที่ได้สติก็รีบวิ่งกลับไปรวมกลุ่มกับเหล่าอาวุโสตระกูลซันทันที!
  ในเมื่อมีหลิงหยุนอยู่ด้วยเช่นนี้..ใช่ว่าคนตระกูลหลิงจะสามารถข่มเหงรังแกได้ง่ายๆดังเดิมอีก!
  แต่ซันเจี๋วยที่นับว่าแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาทายาทตระกูลซันนั้นต้องการจะโอ้อวดความสามารถของตนเอง จึงได้ร้องตะโกนออกมาอย่างเย้ยหยัน..
  “หึ..หลิงหยุนแล้วยังไงกันเล่า ตระกูลซันของเรากลัวมันคนเดียวด้วยงั้นรึ?”
  ซันเจี๋วยนั้นก็เหมือนกับหลิงหยุนในเวลานี้ที่ทำตัวเป็นหัวหน้าของทายาทรุ่นใหม่ในตระกูล..
  “ความบาดหมางของตระกูลก็คือความบาดหมางของพวกเราด้วย!”
  “ในเมื่อหลิงหยุนเป็นทายาทตระกูลหลิงแห่งปักกิ่งเช่นนี้มันเองก็ย่อมต้องทำตามกฏยุทธภพด้วยเช่นกัน ข้าไม่เชื่อว่ามันจะกล้าสังหารผู้ใดท่ามต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้!”
  คำพูดของซันเจี๋วยนั้นดูเหมือนต้องการจะเตือนทุกคนในตระกูลซันว่าเมืองหลวงนั้นมีกฏเกณฑ์ของเมืองหลวง อีกทั้งเมืองหลวงยังเปรียบเสมือนที่พำนักของเหล่าจักรพรรดิ ไม่ใช่เมืองจิงฉูที่หลิงหยุนจะสามารถทำอะไรตามใจชอบก็ได้!
  สถานที่ทุกแห่งล้วนแล้วแต่มีกฏระเบียบของตัวเองยิ่งเป็นเมืองหลวงซึ่งเปรียบเสมือนที่พำนักของจักรพรรดิแล้ว ก็ย่อมเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยอำนาจอิทธิพล จึงต้องมีกฏเกณฑ์ และข้อตกลงที่ทุกฝ่ายต้องทำตาม..
  ซึ่งก็คือ..ต้องไม่ใช้วรยุทธต่อหน้าคนธรรมดา ต้องไม่ต่อสู้หรือสังหารผู้ใดบนท้องถนนทำให้ผู้คนทั่วไปตื่นตระหนกตกใจ ไม่เช่นนั้นหตุใดจึงต้องมีหน่วยนภา และหน่วยมังกรคอยออกลาดตระเวนตรวจตราด้วยเล่า
  และหากเกิดปัญหาขึ้นจริงๆหน่วยเทพอินทรีย์ก็จะเป็นหน่วยแรกที่ออกมาแก้ปัญหา!
  ความแค้นของเหล่าชาวยุทธนั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดาแต่หากต้องการที่จะสะสางความแค้นแล้วล่ะก็ ทุกฝ่ายจะต้องไปหาสถานที่ที่ไม่มีผู้คนธรรมดาอาศัยอยู่ จากนั้นหากต้องการจะฆ่าฟันกันเช่นใด ก็สามารถทำได้อย่างเต็มที่..
  “ท่านปู่ท่านพ่อ.. หลานจะเป็นตัวแทนตระกูลซันเจรจากับหลิงหยุนเอง จะปล่อยให้มันทำตัวบดบังรัศมีตระกูลซันเช่นนี้ไม่ได้!”
  ซันเจี๋วยนั้นประเมินว่าหลิงหยุนจะไม่กล้าทำอะไรตระกูลซันอย่างแน่นอนเขาจึงได้ขอเป็นตัวแทนไปเจรจากับหลิงหยุน
  ซันเทียนหลัวจ้องมองหลิงหยุนที่ยืนอยู่หน้าประตูคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่น และไม่สามารถตัดสินใจได้ จึงหันไปมองซันเจิ้นหวู่
  “ท่านพ่อ..ท่านมีความเห็นเช่นใด”
  ซันเจิ้นหวู่ไม่ต้องการให้มีการต่อสู้กันเกิดขึ้นจึงรีบปฏิเสธไปทันที“ไม่ได้.. พวกเราทุกคนเดินออกไปพร้อมกัน!”
  ตระกูลซันนั้นแตกต่างจากตระกูลหลิงตระกูลซันมาคาราวะหลุมศพบรรพชนจะไม่พาสตรีมาด้วย มีเพียงบุรุษเท่านั้นที่จะมาเคารพหลุมศพบรรพชนได้ และเวลานี้ก็มีหล่าบุรุษตระกูลซันอยู่ถึงสามสิบสองคน ทั้งหมดเดินมาพร้อมกันเป็นกลุ่มใหญ่เช่นนี้ สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือน และความน่าสะพรึงกลัวให้กับผู้พบเห็นได้ไม่น้อยเลยทีเดียว..
  ซันเจิ้นหวู่เชื่อว่า..หากตระกูลซันเดินออกไปพร้อมๆกันทั้งหมดเช่นนี้ หลิงหยุนคงจะไม่สามารถหาเหตุผลมาหาเรื่อง หรือหาเหตุที่จะประมือกับทายาทตระกูลซันได้..
  แต่หากปล่อยให้ซันเจี๋วยออกไปคนเดียวเช่นนั้นหากทั้งคู่พูดจาไม่เข้าหูกัน แน่นอนว่าต้องเกิดการต่อสู้กันขึ้นอย่างแน่นอน และถึงตอนนั้นฝ่ายที่จะต้องประสบกับปัญหาก็คงไม่พ้นตระกูลซันอย่างแน่นอน!
  ในเมื่อเด็กหนุ่มตกลงกันไม่ได้ผู้ใหญ่ก็ต้องเข้าร่วมต่อสู้ด้วย เช่นนี้แล้วจะยิ่งไม่โกลาหลวุ่นวายงั้นรึ ถึงตอนนั้นตระกูลซันคงต้องมีแต่เสียหาย และพ่ายแพ้ การเจรจาจึงยากที่จะเกิดขึ้นได้..
  และเมื่อถึงตอนนั้น..คนตระกูลซันอาจต้องเป็นฝ่ายเดินก้มหัวกลับออกไปก็เป็นได้!
  หลังจากที่ได้เห็นท่าทีของซันเจิ้นหวู่แล้วซันเจี๋วยก็ไม่มีทางเลือก และได้แต่ยินยอมตามนั้น!
  ซันเจิ้นหวู่หันไปจ้องมองหลิงหยุนเป็นคนแรกแล้วจึงเหลือบมองไปยังทายาทตระกูลหลิงคนอื่นๆ และในใจก็นึกตกใจอย่างที่สุด!
  เพราะซันเจิ้นหวู่ไม่สามารถมองเห็นขั้นกำลังภายในของหลิงหยุนแต่ทายาทตระกูลหลิงคนอื่นๆนั้น เขาเห็นได้อย่างชัดเจน!
  ทุกคนล้วนแล้วแต่อยู่ในขั้นเซียงเทียนแล้วหรือนี่
  “เกิดอะไรขึ้นกับตระกูลหลิงเหตุใดจู่ๆ ทายาทรุ่นเล็กของตระกูลหลิงทุกคนจึงได้เข้าสู่ขั้นเซียงเทียนได้พร้อมๆกันเช่นนี้?”
  ไม่เพียงซันเจิ้นหวู่เท่านั้นอาวุโสคนอื่นๆในตระกูลซันก็เห็นเช่นเดียวกัน และทุกคนต่างก็ถึงกับตกตะลึง และหน้าเปลี่ยนสี..
  นั่นเพราะการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้เกิดขึ้นทันทีหลังจากที่หลิงหยุนกลับเข้าตระกูลหลิง!
  เช่นนี้แล้ว..หลิงหยุนจะเก่งกาจ และแข็งแกร่งมากมายถึงเพียงใด
  “ไปกันได้แล้ว!”
  ซันเจิ้นหวู่ถึงกับหนักใจยิ่งกว่าเดิมแต่เวลานี้เขาไม่อาจเปลี่ยนใจถอยหลังได้แล้ว จึงได้แต่กัดฟันเดินนำหน้าทุกคนไปที่หน้าประตูทันที.. novel-lucky
  ในเวลานั้นเอง..เหล่าทายาทรุ่นเล็กของตระกูลหลิงก็ได้ยืนขวางประตูสุสานรออยู่แล้ว และเมื่อเห็นคนตระกูลซันเดินออกมา ทุกคนต่างก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างที่สุด!
  ทายาทตระกูลหลิงต่างก็ถูกตระกูลซันข่มเหงมานานหลายปีวันนี้จึงเป็นวันที่พวกเขารู้สึกภาคภูมิใจอย่างที่สุด!
  ความคับแค้นใจที่มีมาตลอดหลายปีจะได้รับการทวงถามคืนจากทายาทตระกูลซันในวันนี้! ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าวันนี้ช่างเป็นวันดีเสียเหลือเกิน!
  หลิงหย่งหลิงเฟิง หลิงเลีวย ทุกคนต่างก็ยืนเรียงหน้ากระดาน จ้องมองตระกูลซันที่กำลังเดินออกมาด้วยความรู้สึกตื่นเต้นจนร่างกายสั่นสะท้านไปหมด..
  แม้กระทั่งหลิงซิ่วกับหลิงซวี่เองก็เช่นกันสาวงามทั้งสองต่างก็ยืนคอยตระกูลซันอยู่อย่างเงียบๆ
  เวลานี้คนตระกูลซันได้เดินมาถึงหน้าประตูสุสานแล้วและอยู่ห่างจากทายาทตระกูลหลิงไปราวสองสามร้อยเมตรเท่านั้น แต่เมื่อมาถึงที่หน้าประตู ซันเจิ้นหวู่กลับไม่แม้แต่จะชายตามองหลิงหยุน เขาเดินเลี้ยวขวาตรงไปยังที่จอดรถทันที..
  ซันเจิ้นหวู่นั้นตอบโต้หลิงหยุนด้วยวิธีที่แสนจะธรรมดาเขาแสร้งทำเป็นไม่เห็นหลิงหยุน ในเมื่อไม่ข้องแวะ.. เช่นนี้แล้วหลิงหยุนจะหาเรื่องตระกูลซันได้อย่างไรกัน
  และเมื่อเหล่าทายาทตระกูลหลิงเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่รู้สึกผิดหวัง และต่างก็หันไปมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ..
  “อะไรกัน!นี่แกล้วทำเป็นไม่เห็นพวกเรางั้นรึ?”
  หลิงเลี่วยเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามขึ้นด้วยความหงุดหงิดแม้น้ำเสียงที่ถามจะไม่ได้ดังมาก แต่ก็จงใจให้คนตระกูลซันได้ยินกันถ้วนหน้า..
  เหล่าทายาทตระกูลซันต่างก็หน้าร้อนผ่าวและโกรธขึ้นมาทันที แล้วทุกคนก็หันไปจ้องมองหลิงเลี่วยด้วยแววตาดุดัน
  หลิงเลีวยเองก็จ้องมองกลับอย่างไม่เกรงกลัวเช่นกันเขาทำปากขมุบขมิบ พร้อมกับทำสีหน้าท่าทางยั่วยวน เพื่อยั่วโมโหเหล่าทายาทตระกูลซัน
  การได้ยั่วโมโหฝ่ายตรงข้ามโดยที่อีกฝ่ายเกรงกลัวไม่กล้าตอบโต้นั้นช่างเป็นความรู้สึกที่เยี่ยมยอดมาก หลิงเลี่วยรู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน!
  แต่หลิงหย่งซึ่งมีนิสัยดุดันและตรงไปตรงมากกว่าหลิงเลี่วยนัก เขาจึงร้องตะโกนถามซันเมิ่งออกไปว่า
  “นี่ซันเมิ่ง..เมื่อก่อนเจ้ายะโสโอหังกว่านี้นี่ ทุกครั้งมักต้องเป็นฝ่ายหาเรื่องข้า เหตุใดวันนี้จึงทำตัวเหมือนเต่าหดหัวเล่า?”
  หลิงหย่งจงใจยั่วยุอารมณ์ของซันเมิ่ง..
  ซันเมิ่งกับหลิงหย่งนั้นมีนิสัยใจคอที่คล้ายกันหลังจากที่ได้ฟังคำท้าทายของหลิงหย่ง ซันเมิ่งก็เลือดขึ้นหน้าทันที เขากำหมัดแน่นและไม่สามารถอดรนทนต่อไปได้อีก ซันเมิ่งเตรียมจะกระโดดออกไปหาหลิงหย่ง แต่แล้วก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น..
  “ห้ามมีเรื่อง!”
  ซันเจิ้นหวู่ร้องตะโกนห้ามซันเมิ่งไว้ทันทีและตราบใดที่พวกเขาอดทนจนสามารถก้าวขึ้นไปบนรถ แล้วขับออกจากที่นี่ได้ ทุกอย่างก็จะจบทันที..
  เห็นได้ชัดว่าตระกูลหลิงนั้นจงใจยั่วโมโหและหากทายาทตระกูลซันหลงกล ก็คงต้องเกิดการต่อสู้อย่างที่ไม่อาจหยุดยั้งได้อย่างแน่นอน!
  ซันเจิ้นหวู่ต้องการที่จะกลับออกไปโดยไม่ให้เกิดปัญหาใดๆทั้งสิ้น!
  แต่หากหลิงหยุนปล่อยให้คนตระกูลซันกลับไปได้ง่ายๆเช่นนี้เขาก็คงจะไม่ใช่หลิงหยุนอีกต่อไป!
  หลิงหยุนที่กำลังยืนกอดอกและสังเกตการณ์อยู่อย่างเงียบๆ ในที่สุดจึงผิวปากออกมา และร้องตะโกนใส่หน้าคนตระกูลซันว่า
  “นี่..เจ้าคนตระกูลซัน! พวกเจ้าก็มาเคารพหลุมศพบรรพชนด้วยงั้นรึ มีเรื่องหนึ่งที่ข้าจะต้องเตือนพวกเจ้า ครั้งนี้พวกเจ้าอย่าได้ลืมเผากระดาษเงินกระดาษทองไปให้ซันเทียนเปียว กับซันเทียนปาด้วยล่ะ!”
  หลิงหยุนนั้นหากไม่พูดก็คือไม่พูดและหากพูดออกไปแล้วทุกคำพูดของเขาก็ไม่ต่างจากใบมีดคมๆ ที่สามารถกรีดลึกลงไปในใจของผู้คนได้เลยทีเดียว
  คำพูดของหลิงหยุนนั้นยังเป็นการประกาศอย่างไม่เกรงกลัวว่าซันเทียนเปียว และซันเทียนปาได้ถูกเขาฆ่าตายแล้ว!
  และนี่เป็นการหยามเกียรติของคนตระกูลซันอย่างไม่ไว้หน้า!
  เมื่อคนตระกูลซันได้ฟังคำพูดเย้ยหยันของหลิงหยุนใหนเลยจะสามารถทนนิ่งเฉยต่อไปได้อีก..
  และมีหรือที่คนตระกูลซันทั้งสามสิบสองคนฟังแล้วจะสามารถนิ่งเฉย และเดินจากไปโดยทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรได้ ทั้งหมดต่างก็หยุดชะงักทันที!
  โดยเฉพาะอย่างยิ่งซันเจิ้นเยี่ยและซันเจิ้นซิง เวลานี้ต่อให้ซันเจิ้นหวู่ห้ามปรามเช่นใดก็คงจะไม่เป็นผลอย่างแน่นอน!
  ซันเจิ้นหวู่ถอนหายใจอย่างแรงก่อนจะค่อยๆ หันกลับไปเผชิญหน้ากับหลิงหยุน ซันเจิ้นหวู่เดินตรงเข้าไปหาหลิงหยุนช้าๆ ตามมาด้วยเหล่าทายาทตระกูลซันรุ่นเล็กที่มีท่าทีไม่ต่างจากหมาป่าที่หิวโหย..
  ซันเจิ้นหวู่ไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าหลิงหยุนห่างไปราวห้าเมตรพร้อมกับถามขึ้นด้วยความโมโห..
  “เจ้าคงจะเป็นหลิงหยุนสินะ”
  หลิงหยุนยิ้มให้กับซันเจิ้นหวู่พร้อมตอบกลับไปทันที“ถูกต้อง.. ข้านี่ล่ะหลิงหยุน! มีอะไรงั้นรึ”
  “เช่นนั้นก็ดี!”
  ซันเจิ้นหวู่ร้องถามกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ข้าขอถามเจ้าอีกครั้ง.. ซันเทียนเปียว ซันเทียนปา รวมทั้งหลานชายของข้าซันจิ้ง และลูกสะใภ้ของข้า เวลานี้อยู่ที่ใหน”
  ระหว่างที่เอ่ยถามหลิงหยุนนั้นพลังปราณในขั้นเซียงเทียน-7 ก็พวยพุ่งออกมาจากร่างของซันเจิ้นหวู่ และสายตาก็จับจ้องอยู่ที่หลิงหยุน และทายาทตระกูลหลิงทั้งหมด..
  หลิงหยุนยกมือขึ้นทำท่าปัดพลังปราณที่พวยพุ่งออกมาจากร่างของซันเจิ้นหวู่พร้อมตอบกลับไปด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
  “ทั้งสี่คนล้วนถูกข้าฆ่าตายหมดแล้ว!”