มาถึงตอนนี้หลิงหยุนไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรอีกแล้วและแทบไม่อยากเสวนากับคนตระกูลซันเลยด้วยซ้ำไป เมื่อได้ยินซันเจิ้นหวู่ถามเช่นนั้น เขาจึงรีบตอบกลับไปตามตรง..
เวลานี้หลิงหยุนนับว่าแข็งแกร่งและเหนือฝ่ายตรงข้ามอย่างมาก เขาจึงไม่อยากเสียเวลาเจรจาให้นานนัก และอยากจะรีบๆ บดขยี้ตระกูลซันให้ราบเป็นหน้ากองโดยเร็วที่สุด!
“เจ้าคนชั่วช้าสารเลว!ข้าจะเอาชีวิตเจ้าเอง..”
เมื่อได้ยินหลิงหยุนยอมรับอย่างหน้าตาเฉยว่าเป็นผู้สังหารซันเทียนเปียวซันเทียนปา ซันจิ้ง และหนิวเฟิ่นเหยียว ซันเจิ้นหวู่ก็ถึงกับดวงตาเบิกโพลงจนแทบถลนออกมาจาเบ้า และกระโจนเข้าใส่หลิงหยุนด้วยความโกรธแค้นทันที!
ทั้งซันเจิ้นหวู่นั้นได้คาดเดาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าซันเทียนเปียวกับซันเทียนปาคงต้องถูกสังหารตายไปแล้วอย่างแน่นอน แต่เมื่อได้ฟังคำยืนยันจากปากของหลิงหยุนเช่นนี้ มีหรือที่เขาจะทนนิ่งเฉยต่อไปได้อีก
ไม่เพียงซันเจิ้นหวู่ที่กระโจนเข้าไปหาหลิงหยุนแม้แต่พ่อของซันเทียนเปียวกับซันเทียนปา และลูกๆของพวกเขา ต่างก็พุ่งเข้าใส่หลิงหยุนด้วยเช่นกัน ทุกคนต่างก็ต้องการที่จะฆ่าหลิงหยุนให้ตายกับมือ..
และในเมื่อหลิงเสี่ยวเห็นหลิงหยุนถูกกลุ้มรุมโดยคนของตระกูลซันเช่นนั้นเขาก็ไม่รีรอที่จะกระโดดเข้าไปช่วยหลิงหยุนเช่นกัน!
ทั้งสองฝ่ายต่างก็รู้ดีว่า..ทันทีที่หลิงหยุนตอบกลับไปเช่นนั้น ตระกูลหลิงกับตระกูลซันคงต้องเป็นเสมือนน้ำกับไฟ และยากที่จะอยู่ร่วมโลกกันได้อีก
ในเมื่อสถานการณ์กลับกลายเป็นเช่นนี้แล้วสองฝ่ายยังจะต้องเสียเวลาเจรจาอะไรกันอีกมากมายเล่า ต่างฝ่ายจึงต่างพุ่งเข้าหากันเพื่อประมือทันที!
“ลูกสาม..”
ระหว่างที่หลิงเสี่ยวพุ่งตัวออกไปเพื่อจะช่วยหลิงหยุนนั้นเสียงร้องตะโกนห้ามของหลิงลี่ก็ดังขึ้นพร้อมกับกระโดดออกไปขวางหน้าหลิงเสี่ยวไว้ จากนั้นจึงกระซิบบอกหลิงเสี่ยวเสียงเบา..
“เจ้าอย่าได้กังวลใจไปนัก..หลิงหยุนสามารถรับมือตระกูลซันได้ไม่ยาก!”
“พวกเรายืนดูอยู่ตรงนี้ก็พอ..”
ท่ามกลางสายตาทุกคู่ที่จ้องมองมานั้นไม่มีผู้ใดจะรู้ถึงความแข็งแกร่งของหลิงหยุนได้ดีไปกว่าหลิงลี่อีกแล้ว อย่าว่าแต่หลิงหยุนเลย.. เวลานี้เพียงแค่หลิงลี่คนเดียวก็สามารถรับมือเหล่าสมาชิกตระกูลซันทั้งสามสิบสองคนได้อย่างง่ายดาย!
หลิงเสี่ยวได้ฟังคำเตือนของหลิงลี่จึงได้สติ..และเพิ่งจะคิดได้ว่าเมื่อครั้งที่หลิงหยุนบุกไปช่วยตนเองที่ศูนย์บัญชาการใหญ่ขององค์นักฆ่าสาขาปักกิ่งนั้น หลิงหยุนก็ได้สังหารนักฆ่าไปมากกว่าร้อยคน เช่นนี้แล้วเหตุใดเขายังต้องกังวลกับคนตระกูลซันด้วยเล่า
เมื่อคิดได้เช่นนี้หลิงเสี่ยวจึงวางใจและยืนดูลูกชายตนเองแสดงความสามารถอยู่อย่างเงียบๆ
หลิงหยุนที่เห็นซันเจิ้นซิงและซันเจิ้นเยี่ยพุ่งเข้ามาหมายทำร้ายตนเช่นนั้นจึงได้ใช้วิชาเงาพรางร่างแยกออกเป็นสอง และหลิงหยุนทั้งสองร่างก็ได้ไปปรากฏอยู่ตรงหน้าของคนทั้งคู่ จากนั้นจึงยกมือขึ้นตบหน้าซันเจิ้นซิงกับซันเจิ้นเยี่ยทันที!
เพียะ!เพียะ!
เสียงฝ่ามือกระทบกับเนื้อบนใบหน้าดังขึ้นถึงสองครั้งติดกันตามมาด้วยเสียงกรีดร้องเจ็บปวดที่ดังขึ้นมาพร้อมกัน จากนั้นร่างของซันเจิ้นซิงและซันเจิ้นเยี่ยก็ลอยละลิ่วออกไปไกลกว่าสิบเมตร ก่อนจะร่วงลงสู่พื้นทันที..
ส่วนหลิงหยุนนั้นเวลานี้ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมราวกับว่าไม่เคยเคลื่อนที่ไปใหนเลยแม้แต่น้อย..
หลังจากที่ซันเจิ้นซิงกับซันเจิ้นเยี่ยร่วงลงกับพื้นแล้วร่างของคนทั้งคู่ก็กลิ้งไปกับพื้นอีกระยะหนึ่ง ทันทีที่หยุดนิ่งทั้งคู่ก็รีบตะเกียกตะกายลุขึ้นยืนทันที และเวลานี้บนใบหน้าของทั้งสองก็มีฝ่ามือสีแดงของหลิงหยุนประทับอยู่อย่างเห็นได้ชัด..
แต่นั่นหลิงหยุนเพียงแค่หยอกเย้าเท่านั้นเขายังไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมดที่มี และด้วยความแข็งแกร่งของหลิงหยุนเวลานี้ หากเขาออกแรงมากกว่านี้สักสองเท่า อาวุโสตระกูลซันทั้งสองก็คงถูกหลิงหยุนสังหารตายในทันที..
จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงคนพ่นน้ำลายออกจากปากและภาพที่ทุกคนเห็นเวลานี้ก็คือสองพยัคฆ์ตระกูลซันกำลังบ้วนเลือดออกจากปาก พร้อมกับมีฟันนับสิบซี่หลุดออกมาด้วย..
ซันเจิ้นซิงกับซันเจิ้นเยี่ยนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอะไรทั้งคู่จ้องมองหลิงหยุนด้วยแววตาดุดัน พร้อมกับร้องตะโกนออกไปอย่างโกรธแค้น
“เจ้าเด็กชั่วช้า..นี่เจ้า..!”
แม้จะร้องตะโกนออกไปด้วยความโมโหเช่นนั้นแต่ทั้งคู่ก็ไม่กล้าบุกเข้าไปหาหลิงหยุนสุ่มสี่สุ่มห้าอีก และถึงแม้ซันเจิ้นซิงกับซันเจิ้นเยี่ยจะบุกเข้าไปอีกก็คงจะไร้ประโยชน์ เพราะความแข็งแกร่งของทั้งคู่นั้นนับว่ายังห่างไกลหลิงหยุนอยู่มาก และยากที่จะรับมือหลิงหยุนได้อีก!
ในขณะที่อีกฝ่ายนั้นลงมืออย่างเต็มที่ส่วนหลิงหยุนนั้นดูเหมือนแทบจะไม่ได้ขยับตัวด้วยซ้ำไป แต่ถึงกระนั้นอีกฝ่ายก็ยังได้รับบาดเจ็บ เช่นนี้แล้วจะเอาอะไรไปสู้กับหลิงหยุนได้เล่า
หลิงหยุนใช้เพียงแค่ฝ่ามือเดียวแต่กลับสามารถสยบพยัคฆ์ร้ายทั้งสองของตระกูลซันได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้สมาชิกคนอื่นๆของตระกูลซันจะไม่ตกตะลึงได้เช่นไรเล่า
หลิงหยุนฉีกหน้าอาวุโสทั้งสองของตระกูลซันต่อหน้าผู้คนเช่นนี้เป็นการกระทำที่โหดร้ายเสียยิ่งกว่าทำร้ายพวกเขาจนได้รับบาดเจ็บสาหัสเสียอีก..
และสำหรับหลิงหยุน..หากขึ้นชื่อว่าเป็นศัตรูของเขาแล้วล่ะก็ หลิงหยุนไม่เคยนึกสงสาร หรือคิดปราณีเลยแม้แต่น้อย นั่นเพราะเมื่อครั้งที่เขายังอ่อนหัด ศัตรูที่แข็งแกร่งก็ไม่เคยเมตตาปราณีเขาเช่นกัน!
หลิงหยุนเข้าใจความจริงข้อนี้ได้อย่างลึกซึ้ง!
หลิงหยุนยืนจ้องมองทั้งสองคนอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ตระกูลซันมีฝีมือเพียงแค่นี้งั้นรึ เอาล่ะ.. ผู้ใดจะเป็นรายต่อไป?”
การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของหลิงหยุนนั้น..แม้กระทั่งผู้นำตระกูลซันอย่างซันเจิ้นหวู่ ยังไม่สามารถมองได้ทันว่าหลิงหยุนจู่โจมน้องชายทั้งสองของตนได้อย่างไร
ระหว่างนั้นซันเจิ้นหวู่กำลังครุ่นคิดว่าจะตอบโต้หลิงหยุนกลับไปเช่นใดแต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คิดหาหนทางจัดการกับหลิงหยุนไม่ได้ จึงอยากจะรีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด..
นั่นเพราะความแตกต่างระหว่างหลิงหยุนกับตระกูลซันนั้นกว้างมากเหลือเกินหากยังฝืนอยู่ที่นี่ต่อไปตระกูลซันคงต้องอับอายขายหน้ามากยิ่งกว่านี้แน่!
เมื่อคิดได้เช่นนี้..ซันเจิ้นหวู่จึงยกมือขึ้นห้ามน้องชายของเขาทั้งสองคนที่เพิ่งจะพ่ายแพ้ให้กับหลิงหยุนอย่างยับเยิน แล้วจึงหันไปพูดกับหลิงหยุนว่า
“หลิงหยุน..อย่าได้ข่มเหงกันเกินไปนัก!” novel-lucky
หลิงหยุนได้ฟังถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง“ฮ่า.. ฮ่า.. เวลานี้คนตระกูลซันได้รู้ซึ้งถึงคำว่า ‘ถูกข่มเหง’ บ้างแล้วงั้นรึ เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน?!”
หลิงหยุนหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมกับหันไปมองหน้าเหล่าสมาชิกตระกูลซันทั้งหมดที่ล้วนแล้วแต่มีสีหน้าโกรธขึ้ง แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะอ้าปากพูดอะไรออกมาแม้แต่คนเดียว..
นั่นเพราะไม่มีใครมีฝีมือที่จะสามารถอาจหาญมาสู้กับหลิงหยุนได้นั่นเอง!
หลิงหยุนเพียงคนเดียวและลงมือเพียงแค่ครั้งเดียว แต่กลับสามารถบดขยี้สมาชิกตระกูลซันทั้งหมดได้ในทันที!
ใบหน้าของซันเจิ้นหวู่แดงก่ำจนเกือบเขียวเขาหันมองไปทางเหล่าอาวุโสตระกูลหลิงก่อนจะหยุดนิ่งอยู่ที่ใบหน้าของหลิงลี่ และพูดขึ้นว่า
“หลิงลี่..ทายาทตระกูลหลิงยะโสโอหังเช่นนี้ เจ้าไม่คิดที่จะห้ามปรามบ้างเลยรึ”
ซันเจิ้นหวู่หมดหนทางที่จะจัดการกับหลิงหยุนจึงได้แต่หันไปพูดกับหลิงลี่เพื่อเตือนให้เขาจัดการกับหลิงหยุนแทน..
หลิงลี่ที่อยู่ห่างออกไปนั้นได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างไม่สามารถช่วยอะไรได้ เขาเหลือบมองหลานชายทั้งสามของตนเอง จากนั้นจึงได้ก้าวเท้าเดินออกไปข้างหน้า และค่อยๆฝ่าฝูงชนไปอย่างช้าๆ
หลิงหยุนฉีกหน้าตระกูลซันต่อหน้าผู้คนเช่นนี้และได้แสดงให้เหล่าสมาชิกตระกูลซันเห็นถึงความแข็งแกร่งของตนเอง จนทุกคนต่างก็ตกอกตกใจไปตามๆกัน หากหลิงหยุนยังต้องการที่จะสร้างความอัปยศให้กับตระกูลซันมากไปกว่านี้ เชื่อว่าตระกูลซันเองก็คงไม่ยอมแน่ และหากทั้งสองฝ่ายเกิดประมือกันเข้าจริงๆ เรื่องราวคงต้องโกลาหลวุ่นวายใหญ่โตอย่างแน่นอน!
ไม่ว่าตระกูลหลิงกับตระกูลซันจะมีเรื่องเคืองแค้นใจกันมากเพียงใดแต่ที่นี่ก็ไม่ใช่สถานที่ที่ทั้งสองตระกูลจะมาสะสางแความแค้นกัน เพราะหากหลิงหยุนสังหารคนตระกูลซันต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ หลายฝ่ายในปักกิ่งคงต้องไม่ยินยอม และเห็นด้วยกับการกระทำของหลิงหยุนอย่างแน่นอน..
“ซันเจิ้นหวู่!หากข้าจำไม่ผิด เจ้าเองที่เป็นฝ่ายบอกกับข้าว่า.. เจ้าจะรอวันที่พวกเราตระกูลหลิงกลับมาผงาดได้อีกครั้งไม่ใช่รึ”
หลิงลี่เป็นฝ่ายเอ่ยถามซันเจิ้นหวู่ในระหว่างที่เดินเข้าไปหาหลานชายทั้งสามแววตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจ..
และทันทีที่คำพูดประโยคนั้นหลุดออกจากปากของหลิงลี่สีหน้าของซันเจิ้นหวู่ก็เปลี่ยนเป็นกระอักระอ่วนขึ้นมาทันที เพราะเมื่อครั้งที่ตระกูลหลิงตกต่ำนั้น ตระกูลซันเองก็เคยข่มเหงตระกูลหลิง และได้เคยท้าทายหลิงลี่ว่า.. เขาจะรอวันที่ตระกูลหลิงกลับมาผงาดได้อีกครั้ง!
“ถูกต้อง..ข้าพูดเช่นนั้นจริง!”
ซันเจิ้นหวู่กัดฟันตอบกลับไปอย่างยากลำบาก..การจะให้ซันเจิ้นหวู่ยอมรับออกมาเช่นนี้ สู้ให้เขากระอักออกมาเป็นเลือดเสียยังจะดีกว่า ใบหน้าของซันเจิ้นหวู่เวลานี้บ่งบอกว่าเจ็บปวดใจไม่น้อย..
แต่เพราะรู้ดีว่าหากหลิงลี่ไม่ห้ามปรามหลิงหยุนเขาและเหล่าสมาชิกทั้งหมดของตระกูลซัน จะเป็นฝ่ายได้รับความอับอายมากยิ่งกว่านี้!
หลิงลี่ก้าวเท้าเข้าไปหาหลิงหยุนอย่างช้าๆและทันทีที่ไปยืนอยู่ตรงหน้าหลิงหยุนแล้ว หลิงลี่ก็ยิ้มออกมาพร้อมกับถามหลิงหยุนว่า
“หลิงหยุน..เจ้าบอกปู่ทีว่าเวลานี้ตระกูลหลิงของเรานับว่าผงาดขึ้นมาอีกครั้งได้แล้วหรือยัง”
หลิงหยุนตอบกลับมาอย่างไม่รอช้า“เป็นเช่นนั้นแล้วท่านปู่!”
“เยี่ยม!”
หลังจากนั้นหลิงลี่ก็หันไปทางเหล่าสมาชิกตระกูลซันพร้อมกับประกาศเสียงกร้าว “คนตระกูลซัน.. ฟังคำพูดของข้าให้ดี!”
“วันนี้ข้าจะสั่งให้หลิงหยุนปล่อยพวกเจ้าทั้งหมดกลับไปแต่ผลประโยชน์ใดๆ ที่หลายปีนี้ตระกูลซันได้ยึดไปจากตระกูลหลิง ตระกูลซันต้องส่งคืนกลับให้ตระกูลหลิงทั้งหมด!”
“ซันเจิ้นหวู่..เจ้าจะตกลงหรือไม่”
ทั้งท่าทางน้ำเสียง และคำพูดของหลิงลี่นั้นดูช่างมีพลังอำนาจยิ่งนัก ร่างสูงของเขาที่ยืนประจันหน้าอยู่กับซันเจิ้นหวู่นั้น ทำให้ซันเจิ้นหวู่ดูหมดราศีไปทันที!
และคำพูดของหลิงลี่นั้นก็ได้ประกาศชัดอยู่ในตัวแล้วว่า..หากวันนี้ตระกูลซันไม่ตกลงตามเงื่อนไขที่หลิงลี่เสนอ ก็อย่าได้หวังว่าจะกลับออกไปจากที่นี่ได้!
“นี่เจ้า..”
ซันเจิ้นหวู่คิดไม่ถึงว่าหลิงลี่จะแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้เขาถึงกับตกใจเมื่อได้เห็นไอพลังปราณที่พวยพุ่งออกมาจากร่างของหลิงลี่ และนั่นทำให้ซันเจิ้นหวู่รู้ได้ทันทีว่าตนเองนั้นไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไป!
เพราะนั่นคือไอพลังปราณในขั้นที่สามารถใช้พลังเหนือธรรมชาติได้มีหรือที่ยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-7 อย่างซันเจิ้นหวู่จะกล้าต่อกรด้วย!
ทันทีที่ได้ฟังข้อเรียกร้องของหลิงลี่อาวุโสตระกูลซันคนอื่นๆ รวมทั้งทายาทรุ่นกลาง ต่างก็มีสีหน้ากระวนกระวายใจขึ้นมาทันที
นั่นเพราะกิจการที่ตระกูลซันครอบครองอยู่ทุกวันนี้มากกว่าครึ่งหนึ่งเป็นกิจการที่ยึดมาจากตระกูลหลิงทั้งสิ้น และหากต้องคืนกลับให้ตระกูลหลิงแล้วล่ะก็..
หากเป็นเช่นนี้..ตระกูลซันไม่ต้องร่วงหล่นลงมาอยู่ในลำดับสุดท้ายของเจ็ดตระกูลใหญ่แห่งปักกิ่งงั้นหรือ
ซันเทียนหลัวไม่อาจทนนิ่งเฉยต่อไปได้อีก..เขารีบกระโดดเข้าไปหาซันเจิ้นหวู่พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ท่านพ่อ..”
“หุบปาก!”
ซันเจิ้นหวู่หันไปตะคอกใส่เทียนหลัวเสียงสั่นแล้วหันไปพูดกับหลิงลี่ด้วยร่างกายที่สั่นเทิ้ม..
“ข้าตกลง!”
หลังจากที่ซันเจิ้นหวู่ตอบไปเช่นนั้นภาพของตระกูลซันในสายตาผู้พบเห็นก็ตกต่ำลงไปทันที
“ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า..”
หลิงลี่หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับตอบไปว่า“ดี.. วันนี้ข้ามีความสุขมากจริงๆ!”
จากนั้นหลิงลี่ก็หันไปพูดกับซันเจิ้นหวู่ด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ“ซันเจิ้นหวู่.. ข้าให้เวลาเจ้าหนึ่งวัน พรุ่งนี้บ่ายเจ้าต้องนำเอกสารทั้งหมดไปพบหลิงเย่วที่บ้าน แล้วจัดการทำสัญญาทุกอย่างให้เรียบร้อย!”
ซันเจิ้นหวู่พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนักจากนั้นจึงหันไปมองหลิงหยุนและหลิงลี่ ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“วันนี้พวกเราตระกูลซันต้องขอแสดงความยินดีกับตระกูลหลิงด้วย!”
จากนั้นซันเจิ้นหวู่ก็หันไปโบกมือให้กับเหล่าสมาชิกตระกูลซันพร้อมกับร้องสั่งว่า “ทุกคน.. ตามข้ากลับได้แล้ว!”
หลิงลี่ยังไม่ได้บอกว่าผลประโยชน์ใดบ้างที่ตระกูลซันยึดไปจากคนตระกูลหลิงแต่แน่นอนว่าจะต้องมีทรัพย์สินจำนวนมหาศาล ที่ตระกูลซันจะต้องโอนกลับคืนให้กับตระกูลหลิง..
หลิงหยุนจัดการฉีกหน้าอาวุโสตระกูลซันทั้งสองคนต่อหน้าสาธารณชนความอับอายเช่นนี้ มีหรือที่ตระกูลซันจะทนแบกรับไว้ได้!
การต่อสู้ของผู้คนบนโลกใบนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าชื่อเสียงและเงินทอง ในเมื่อตระกูลหลิงเป็นฝ่ายชนะ ตระกูลซันก็ต้องพ่ายแพ้ไป..
และเวลานี้..ความแค้นใจของทั้งสองฝ่ายก็เกินเลยกว่าที่จะเจรจาต่อรองกันได้อีกแล้ว!
ในสายตาของหลิงหยุนเวลานี้..ตระกูลซันก็ไม่ต่างจากลูกแกะตัวน้อยที่รอคอยการเชือดเท่านั้นเอง!
การทำลายล้างตระกูลซัน..รออีกสักวันก็ยังไม่สาย!
“ฮ่า..ฮ่า.. เก่งมากเลย!”
“เยี่ยมมาก!”
เมื่อเห็นตระกูลซันถูกฉีกหน้าเช่นนั้นผู้คนที่มุงดูอยู่ทั้งที่อยู่บนรถ หรือนอกรถ ต่างก็พากันส่งเสียงยินดีกันอย่างครึกครื้น..
เวลานี้สมาชิกตระกูลหลิงทุกคนต่างก็จ้องมองหลิงหยุนด้วยรอยยิ้มและแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความชื่นชม!
หากไม่ใช่เพราะหลิงหยุนกลับเข้าตระกูลหลิงเช่นนี้มีหรือที่ตระกูลหลิงจะมีวันนี้ได้!
หลิงหยุนไม่พูดอะไรมากและยังคงนิ่งเงียบ.. นั่นเพราะภายในสุสานแห่งนี้ยังมีผู้นำตระกูลเฉินอีกถึงสองคน ซึ่งก็คือเฉินจิ้งเทียน และเฉินไห่เผิง!
และคนตระกูลเฉินก็กำลังเดินออกมาเช่นกัน!