บนถนนที่มุ่งสู่ประตูสุสานเวลานี้..เฉินจิ้งเทียน และเฉินไห่เผิงกำลังเดินเคียงคู่กันนำหน้าเหล่าสมาชิกตระกูลเฉินออกจากสุสาน
สีหน้าของอาวุโสทั้งสองแห่งตระกูลเฉินนั้นดูคล้ายคนที่กำลังหนักอกหนักใจอยู่ไม่น้อย ระหว่างที่เดินออกมาตามถนนนั้น ทั้งคู่ก็สนทนากันผ่านทางกระแสจิต..
เฉินไห่เผิงเป็นฝ่ายพูดขึ้นว่า..
–ท่านพ่อ..คิดไม่ถึงจริงๆว่าตระกูลซันเผชิญหน้ากับหลิงหยุนเช่นนี้ แต่กลับถูกหลิงหยุนสร้างความอับอายขายหน้าให้ได้ถึงเพียงนี้! หลิงหยุนเพียงผู้เดียว แต่กลับสามารถจัดการกับเหล่าสมาชิกตระกูลซันทั้งหมดได้ในคราวเดียวอย่างง่ายดาย!-
รถของตระกูลเฉินนั้นจอดอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าสุสานและทั้งคู่ก็ได้เห็นภาพการต่อสู้ระหว่างตระกูลหลิงกับตระกูลซันที่เพิ่งจบลงไป
เฉินจิ้งเทียนพยักหน้าพร้อมตอบกลับไปว่า..
–เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ข้าคาดคิดไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว!อาจดูเหมือนว่าตระกูลซันเรืองอำนาจ แต่ในความเป็นจริงแล้ว คนในตระกูลซันเองไม่มีผู้ใดที่เป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งเลยสักคนเดียว ที่ผ่านมาก็อาศัยเหล่ายอดฝีมือจากสำนัก และตระกูลเก่าทั้งสิ้น ตระกูลซันจึงไม่ต่างจากกระต่ายที่นั่งอยู่บนกรงเสือเท่านั้น เช่นนี้แล้วจะมีประโยชน์อะไร-
เฉินไห่เผิงนั้นเข้าใจความจริงข้อนี้ดีแต่เขาก็ไม่คิดว่าหลิงหยุนจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ จึงได้แต่พยักหน้าและตอบกลับไปว่า
–ดูท่าครั้งนี้ตระกูลซันคงต้องถึงคราวล่มสลายอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยงได้สินะท่านพ่อ!คนตระกูลซันคงได้แต่ก้มหน้ายอมรับไป..-
เฉินจิ้งเทียนทำสีหน้าเย้ยหยันพร้อมกับส่ายหน้า..
–แต่ตระกูลซันก็ใช่ว่าจะยอมจนตรอกง่ายๆแม้จะเป็นเพียงแค่กระต่าย แต่หากมันตกอกตกใจขึ้นมาก็ใช่ว่าจะไม่กัด! ตระกูลซันมีอำนาจอิทธิพลมากมาย เจ้าคิดว่าพวกมันจะยอมล้มง่ายๆอย่างนั้นรึ-
–ข้าเองก็เคยบอกกับเจ้านานแล้วว่า..เพื่อจัดการกับหลิงหยุน ตระกูลซันถึงกับเชิญเหล่ายอดฝีมือจากหน่วยนภา และตระกูลเก่าแก่ต่างๆ มากมายให้มาช่วย!-
–เพียงแต่ตาเฒ่าซันเจิ้นหวู่ผู้นี้คงจะคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนที่เพิ่งกลับเข้าตระกูล จะติดตามเหล่าสมาชิกตระกูลหลิงมาเคารพหลุมศพบรรพชนทันทีเช่นนี้!-
–แต่จะว่าไป..หากจะโทษก็ต้องโทษที่ตระกูลซันโชคร้าย!-
หลังจากฟังคำพูดของเฉินจิ้งเทียนเฉินไห่เผิงก็ได้แต่ส่ายหน้า และตอบไปว่า..
–ช่างน่าเห็นใจคนตระกูลซันยิ่งนัก!หากวันนี้เขานำยอดฝีมือมาด้วย ก็คงไม่ต้องพบกับความอัปยศอดสูเช่นนี้!-
สำหรับเฉินไห่เผิงแล้ว..หากวันนี้ตระกูลซันนำยอดฝีมือมาด้วยจริงๆ และหากเกิดการต่อสู้ระหว่างสองตระกูลขึ้น ไม่ว่าฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายแพ้ หรือว่าชนะ ตระกูลเฉินในฐานะคนนอกก็มีแต่จะได้ผลประโยชน์ทั้งสิ้น
อย่างน้อย..ตระกูลเฉินก็คงมองดูทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันด้วยความตื่นเต้น!
แต่เฉินจิ้งเทียนกับส่ายหน้าไปมาคล้ายไม่เห็นด้วยและพูดขึ้นว่า..
–ลูกเผิง..เจ้าผิดอีกแล้ว! เพราะความจริงนั้นไม่ว่าตระกูลซัน หรือว่าตระกูลหลิง ก็ล้วนแล้วแต่ประมาทไม่ได้ทั้งสิ้น!-
–ตระกูลซันเผชิญหน้ากับตระกูลหลิงเช่นนี้แต่ตระกูลซันกลับถูกหลิงหยุนเพียงคนเดียวจัดการเช่นนั้น หน้าตาที่สะสมมานานหลายปีก็คงต้องมลายสิ้นไปหมดอย่างแน่นอน!-
–ส่วนหลิงลี่เองก็ผยองยิ่งนัก!ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่า วันนี้เขาจะกล้าบีบบังคับตระกูลซันต่อหน้าสาธารณชน ให้คืนกิจการที่เคยเป็นของตระกูลหลิงทั้งหมดกลับคืนให้เช่นนี้–
–แต่จะว่าไปเฒ่าหลิงถูกตระกูลซันข่มเหงเหยียบย่ำมานานนับสิบปีครั้งนี้จึงได้ดุดันเยี่ยงนั้น! ข้าเองก็จนปัญญาที่จะช่วยตระกูลซันเช่นกัน!-
–การที่ตระกูลหลิงประกาศกร้าวต่อหน้าสาธารชนเช่นนั้นไม่เพียงเป็นการเหยียบย่ำตระกูลซัน แต่การกระทำที่ดูเหมือนจะเกินไปของหลิงลี่ในครั้งนี้ ดูเหมือนเเขาจงใจจะสร้างความหวาดกลัวให้กับฝ่ายอื่นๆในปักกิ่งด้วย!-
–หากตระกูลซันหมดอำนาจลงแน่นอนว่าตระกูลหลิงย่อมต้องผงาดขึ้นมาแทนที่ตระกูลซัน แต่ถึงอย่างนั้น.. การกระทำที่ดูออกจะเกินไปของตระกูลหลิงในครั้งนี้ ย่อมต้องสร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ให้กับผู้คนไม่มากก็น้อย..-
–และครั้งนี้หากตระกูลซันต้องการรักษาสถานภาพของตระกูลเอาไว้ได้พวกเขาจะต้องรีบหาหนทางกู้หน้ากลับคืนให้ได้โดยเร็วที่สุด! และการที่ตระกูลซันจะทำเช่นนั้นได้ ก็ย่อมต้องมีพันธมิตร แล้วในสถานการณ์เช่นนี้ตระกูลเฉินของเราก็คงจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของตระกูลซัน!-
จิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างเฉินจิ้งเทียนนั้นดูเหมือนจะเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหน้าประตูสุสานได้เป็นอย่างดี และไม่รีรอที่จะหาโอกาสฉกฉวยผลประโยชน์ให้กับตนเอง..
เฉินไห่เผิงถึงกับอุทานออกมาอย่างพึงพอใจ..
–ท่านพ่อ!นี่ท่านกำลังจะบอกข้าว่า ชัยชนะของตระกูลหลิงครั้งนี้จะสร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ให้เกิดขึ้นในหมู่คน ในขณะเดียวกันก็เป็นการบีบให้ตระกูลซันต้องมาเป็นพันธมิตรกับตระกูลเฉินของเราใช่หรือไม่ และหากเป็นเช่นนั้นจริง.. ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลซันกับตระกูลเฉินก็จะพัฒนาได้รวดเร็วกว่าที่พวกเราคาดการไว้มากสินะ?-
เฉินจิ้งเทียนเห็นว่าในที่สุดลูกชายของตนก็สามารถเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดได้แล้วจึงได้แต่ยิ้มและตอบกลับไปว่า
–เจ้าคาดเดาได้ถูกต้อง!เจ้าคอยดูสิว่า.. ทันทีที่พวกเรากลับถึงบ้านตระกูลเฉิน ก็จะพบซันเจิ้นหวู่รอพวกเราอยู่ที่นั่นแล้ว!-
เฉินจิ้งเทียนมั่นใจว่าตนเองนั้นคาดเดาไม่ผิดและเชื่อว่าครั้งนี้ซันเจิ้นหวู่จะต้องยอมกลืนเลือด และไปพบเขาเพื่อขอความช่วยเหลืออย่างแน่นอน!
แต่แล้วเฉินไห่เผิงก็ถามขึ้นอย่างระแวดระวัง–ท่านพ่อ.. หากเป็นเช่นนั้นจริง พวกเราควรทำเช่นไรต่อไป-
เฉิงจิ้งเทียนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด..
–นี่เจ้ายังจะต้องถามข้าอีกงั้นรึ-
–แน่นอนว่าตระกูลเฉินของเราย่อมต้องรับปากที่จะช่วยเหลือ!แต่เมื่อถึงคราวที่จะจัดการกับตระกูลหลิงจริง เราก็ปล่อยให้ตระกูลซันเป็นฝ่ายออกหน้า ส่วนตระกูลเฉินของเราก็เพียงแค่คอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เท่านั้น..-
เฉินไห่เผิงครุ่นคิดถึงผลประโยชน์ที่ตระกูลเฉินจะได้รับหากตระกูลซันถูกบดขยี้จริงก็ถึงกับเปลี่ยนใจอยากให้ตระกูลหลิงเป็นฝ่ายชนะ.. ไอลีนโนเวล
แต่จู่ๆเฉินจิ้งเทียนก็ถอนหายใจออกมา และพูดต่อว่า..
–แต่ตระกูลหลิงมีหลิงหยุนอยู่ด้วยนี่สิ!หนำซ้ำเขายังแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่ไม่มีใครสามารถฉุดรั้งได้ด้วย และหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป บรรดาตระกูลใหญ่คงจะได้รับหายนะใหญ่หลวงกันถ้วนหน้าแน่!-
ไม่ว่าอยากจะยอมรับหรือไม่แต่เฉินจิ้งเทียนก็จำต้องยอมรับความจริงว่า เวลานี้ตระกูลหลิงได้ผงาดขึ้นมาในประเทศนี้อีกครั้งแล้ว และด้วยคุณสมบัติของตระกูลหลิงเวลานี้ ก็สามารถต่อรองกับบรรดาตระกูลใหญ่ได้อย่างแน่นอน!
สองพ่อลูกตระกูลเฉินเดินคุยกันไปได้ไม่นานก็มาถึงบริเวณที่ห่างจากประตูสุสานไปราวหนึ่งร้อยเมตร..
เฉินไห่เผิงมองผู้คนที่เคลื่อนไหวอยู่ด้านนอกประตูสุสานพร้อมกับเอ่ยถามออกไป..
–ท่านพ่อ..พวกเราจะเดินออกไปตอนนี้เลยหรือไม่-
หลังจากที่ได้เห็นภาพความโชคร้ายของตระกูลซันเมื่อครู่นี้เฉินไห่เผิงก็เริ่มรู้สึกกดดันอย่างมากที่จะต้องเดินออกไปเวลานี้ เพราะเกรงว่าตนจะไม่สามารถรับมือกับหลิงหยุนได้..
ยิ่งใกล้ประตูสุสานเข้าไปมากเท่าไหร่เฉินจิ้งเทียนก็ยิ่งแสดงท่าทีขึงขังมากขึ้นเท่านั้น ที่ผ่านมาตตระกูลเฉินพ่ายแพ้ให้แก่หลิงหยุนหลายต่อหลายครั้ง ทำให้ตระกูลเฉินเสียหน้าอย่างมากมาย จนเฉินจิ้งเทียนถึงกับต้องไปขอร้องให้พี่ใหญ่อย่างเฉินจิ้งเฉวียนช่วยพัฒนาขั้นให้ จนในที่สุดเวลานี้เหลืออีกเพียงแค่ครึ่งระดับเขาก็จะสามารถเข้าสู่ระดับที่หนึ่งของขั้นเซียงเทียน-9 ได้แล้ว..
เฉินจิ้นเทียนยิ้มออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจและตอบกลับไปว่า –ลูกเผิง.. เจ้าอย่าได้กังวลใจไป ข้าไม่ใช่ซันเจิ้นหวู่ และตระกูลเฉินก็ไม่ใช่ตระกูลซัน!-
เฉินไห่เผิงเห็นพ่อของเขามั่นอกมั่นใจในความแข็งแกร่งของตนเองเช่นนี้จึงได้แต่นึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง แต่ก็รีบกระซิบเตือนว่า
“ท่านพ่อ..ครั้งนี้พวกเราอย่างเพิ่งทวงถามเรื่องของเฉินเซินจะดีกว่า!”
สำหรับตระกูลเฉินแล้ว..ไม่มีเรื่องใดที่จะทำให้ตระกูลเฉินเสียหน้าได้มากเท่ากับการที่หลิงหยุนจับตัวเฉินเซินไปต่อหน้าผุ้คนมากมาย..
เฉินจิ้งเทียนจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดัน“หากไม่ให้ข้าถามถึงเฉินเซิน ไม่เท่ากับว่าตระกูลเฉินเกรงกลัวตระกูลหลิงงั้นรึ”
“อีกอย่าง..ข้าได้รายงานเรื่องที่หลิงหยุนข่มเหงตระกูลซันให้ลุงของเจ้ารู้แล้ว หลังจากได้รับข่าวเรื่องนี้ เขาก็บอกกับข้าว่าจะมาที่นี่ด้วยตัวเอง และอีกไม่นานก็คงจะมาถึง..”
“หลิงหยุน..เจ้าชะตาขาดแล้ว!”
ทันทีที่เฉินไห่เผิงได้ยินว่าเฉินจิ้งเฉีวยนจะมาสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสดชื่น และดีอกดีใจขึ้นมาทันที
เฉินจิ้งเทียนพูดออกมาอย่างเย้ยหยัน“เรื่องที่หลิงหยุนกลับเข้าตระกูลนั้น หลายฝ่ายในปักกิ่งต่างก็ได้รับการยืนยันแน่นอนก่อนหน้านี้แล้ว ลุงของเจ้าเองก็ให้ความสนใจในตัวหลิงหยุนมาก และคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของเขาอยู่ หากหลิงหยุนคิดจะรอที่หน้าสุสานเพื่อหาเรื่องตระกูลเฉินแล้วล่ะก็.. มันก็คงได้แต่ฝัน!”
จากนั้นเฉินจิ้งเทียนก็รีบก้าวเท้าเดินให้เร็วขึ้นกว่าเดิมเขาเดินนำเหล่าสมาชิกตระกูลเฉินไปที่หน้าประตูสุสานทันที..
“หลิงลี่..ข้าได้ยินมาว่าตระกูลหลิงของเจ้าเพิ่งจะสร้างความอับอายให้กับตระกูลซันไม่ใช่รึ นับว่าตระกูลหลิงกล้าดีมากทีเดียว!”
ทันทีที่เฉินจิ้งเทียนปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูสุสานสายตาเจ้าเล่ห์ของเขาก็กวาดมองไปยังเหล่าสมาชิกตระกูลหลิง และไปหยุดอยู่ที่ร่างของหลิงลี่ในที่สุด จากนั้นจึงเริ่มพูดจาเหน็บแนม..
เฉินจิ้งเทียนนั้นเห็นหลิงหยุนนานแล้วแต่จงใจที่จะไม่พูดกับหลิงหยุน ในสายตาของเฉินจิ้งเทียนนั้น หลิงหยุนเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มคนหนึ่งเท่านั้น และหากเขาเป็นฝ่ายเจรจากับหลิงหยุน ย่อมต้องสูญเสียฐานะสูงส่งของตนเองอย่างแน่นอน!
หลิงลี่ที่เห็นว่าในที่สุดเฉินจิ้งเทียนก็เดินออกมาจนได้จึงได้แต่ยิ้มและตอบกลับไปว่า “นี่ตระกูลเฉินก็มาเคารพหลุมศพบรรพชนด้วยงั้นรึ ช่างบังเอิญมากจริงๆ”
เฉินจิ้งเทียนแสดงทีท่ากำแหงและพูดจาโอ้อวดเช่นนี้ มีหรือที่หลิงลี่ในเวลานี้จะยินยอมให้เฉินจิ้งเทียนข่มเหงได้ง่ายๆ
“หากจะพูดไป..ทุกคนในปักกิ่งต่างก็ย่อมรู้ดีว่าที่ผ่านมานั้นตระกูลซันข่มเหงตระกูลหลิงของเรามานานหลายปี วันนี้ตระกูลหลิงเพียงแค่เอาคืนบ้างเล็กๆน้อยๆ คงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องโตอะไรกระมัง..”
หลิงลี่เองก็ตอบโต้เฉินจิ้งเทียนกลับไปทันทีเช่นกัน..
“อ่อ..งั้นรึ”
เฉินจิ้งเทียนยิ้มและพูดต่อว่า “ครั้งนั้นเป็นเพราะเกิดโศกนาฏกรรมกับตระกูลหลิง จนตระกูลหลิงเองก็หมดความสามารถ และหมดอำนาจในการบริหารดูแลกิจการต่างๆ ทุกฝ่ายในปักกิ่งต่างก็ต้องออกมาช่วยบริหารจัดการกิจการแทนตระกูลหลิง จนกิจการของตระกูลหลิงเจริญรุ่งเรืองไม่น้อย เช่นนี้แล้วเหตุใดตระกูลหลิงจึงกล้านำกลับคืนไปอีกเล่า”
ทันทีที่คำพูดหลุดออกจากปากของเฉินจิ้งเทียนทั้งหลิงลี่ และสมาชิกคนอื่นๆของตระกูลหลิงที่เข้าใจความหมายในคำพูดของเฉินจิ้งเทียนดีนั้น ต่างก็ได้แต่นิ่งเงียบ และไม่อาจโต้เถียงได้..
คำพูดของเฉินจิ้งเทียนประโยคนั้นเป็นการบอกกับตระกูลหลิงเป็นนัยๆว่า จากนี้ไปตระกูลเฉินจะทำทุกวิถีทางเพื่อผลักให้ตระกูลหลิงต้องเป็นศัตรูกับทุกฝ่ายในปักกิ่ง!
หลิงลี่ได้ฟังถึงกับตกใจไม่น้อยและไม่อาจคิดหาคำพูดมาตอบโต้จิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างเฉินจิ้งเทียนได้ จึงได้แต่พูดออกไปว่า..
“เฉินจิ้งเทียน..เจ้าพูดเช่นนี้หมายความเช่นใดกัน”
หลิงลี่เป็นคนห้าวหาญตรงไปตรงมาหากต้องประมือกันแล้ว หลิงลี่ไม่เคยหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย แต่หากเป็นเรื่องของการโต้เถียงทางวาจาแล้วล่ะก็ เขาเองก็ไม่อาจเทียบเฉินจิ้งเทียนได้เลย..
เฉินจิ้งเทียนที่รู้สึกว่าตนเองกำลังถือไพ่เหนือกว่านั้นจึงตอบกลับไปยิ้มๆ “ข้าจะหมายความเช่นใดได้เล่า ในเมื่อได้ยินมาว่าซันเจิ้นหวู่ถูกตระกูลหลิงข่มขู่รีดไถเอากิจการคืนไปเช่นนี้ ได้ยินอย่างไร.. ข้าก็พูดไปตามนั้น!”
“เพียงแต่ข้าเองก็ต้องบอกกับเจ้าไว้เช่นกันว่า..อย่างไรตระกูลหลิงก็ยังต้องถามความเห็นจากตระกูลหลง ตระกูลเย่ ตระกูลหลี่ แล้วก็ตระกูลเฉินด้วยว่า ทุกฝ่ายยินดีให้ตระกูลซันคืนกิจการทั้งหมดให้กับตระกูลหลิงหรือไม่”
ทันทีที่หลิงหลี่ได้ยินคำตอบของเฉินจิ้งเทียนเขาก็ถึงกับโกรธจนควันออกหูและยกมือขึ้นชี้หน้าเฉินจิ้งเทียน และกำลังจะกร่นด่า..
แต่จู่ๆก็มีเสียงพูดดังขึ้นคล้ายรำคาญ “ใครมาผายลมแถวนี้กันนะ กลิ่นเหม็นน่าดูทีเดียว!”
และแน่นอนว่าคำพูดเช่นนี้จะเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากหลิงหยุน..
หลิงหยุนย่อมจำได้แม่นยำว่าชายชราผู้นี้ก็คือเฉินจิ้งเทียนเพราะเขาเคยพบเมื่อครั้งที่แอบเข้าไปคฤหาสน์ตระกูลเฉินเพื่อหาเช็คในห้องนอนของเฉินเซิน
หลิงหยุนที่ยืนฟังเฉินจิ้งเทียนอยู่นานนั้นก็พอที่จะรู้ว่าเฉินจิ้งเทียนนั้นเป็นคนเจ้าเล่ห์ อีกทั้งยังมีวาจาคมคาย หากจะให้ปู่ของเขาถกเถียงกับจิ้้งจอกเฒ่าตนนี้ต่อไป ก็มีแต่พ่ายแพ้อย่างแน่นอน..
หลังจากพูดโพล่งออกมาแล้วหลิงหยุนก็ยกมือขึ้นถูจมูกตนเองเบาๆ พร้อมกับส่ายหน้าไปมาราวกับกำลังหลบกลิ่นผายลมที่เหม็นมากจริงๆ!