“ฮ่า..ฮ่า..”
หลิงซิ่วหลานสาวคนโตของตระกูลหลิงถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างที่สุดจะกลั้นไว้ได้อีกนางเหลือบมองหลิงหยุน และได้แต่แอบคิดอยู่ในใจว่าคงจะมีเพียงหลิงหยุนคนเดียวเท่านั้น ที่จะกล้าพูดจาเช่นนี้ได้ในสถานการณ์ที่กำลังตึงเครียด..
ส่วนสมาชิกคนอื่นๆของตระกูลหลิงที่ต่างก็พากันกลั้นหัวเราะอยู่เช่นกันนั้นเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของหลิงซิ่วดังขึ้น พวกเขาต่างก็ไม่สามารถอดกลั้นอีกต่อไป จึงพากันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมๆกัน..
การจะหาใครสักคนที่กล้าพูดจากับคนตระกูลเฉินเยี่ยงนี้และต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้นั้น คงจะไม่มีผู้ใดอีกแล้วนอกจากหลิงหยุน!
ตั้งแต่ที่หลิงหยุนกลับเข้าตระกูลหลิง..เขาก็ปฏิบัติตัวต่อพี่ๆน้องๆด้วยความสุภาพอ่อนโยนเสมอมา พูดในสิ่งที่ควรพูด และทำในสิ่งที่ควรทำ ในสายตาของพี่น้องตระกูลหลิง ทุกคนจึงมองหลิงหยุนเป็นดั่งผู้ใหญ่คนหนึ่งที่มีเหตุมีผล และยากที่ผู้ใดจะโต้แย้งได้..
แต่คำพูดของหลิงหยุนเมื่อครู่นั้นได้เปลี่ยนความคิดที่เหล่าพี่น้องตระกูลหลิงมีต่อหลิงหยุนก่อนหน้าจนหมดสิ้น..
สำหรับคำที่จะใช้เรียกหลิงหยุนเวลานี้นั้นมันมากยิ่งกว่าคำว่าไร้ยางอาย มากกว่าคำว่าร้ายกาจ และหาใครที่จะมาเป็นคู่ปะทะฝีปากกับหลิงหยุนได้ยากยิ่งนัก!
และหากไม่เชื่อ..ก็คงต้องไปถามโม่วู๋เตา หรือไม่ก็กลับไปจิงฉูถามถังเมิ่ง ตี้เสี่ยวอู๋ หรือผู้ที่เคยปะทะฝีปากกับหลิงหยุนมาแล้ว ดูว่าทุกคนจะพูดถึงหลิงหยุนเช่นใด
เฉินจิ้งเทียนที่ได้ยินถึงกับตกตะลึงและนิ่งอึ้งไป ก่อนจะร้องตะโกนถามด้วยน้ำเสียงดุดัน “เจ้าว่าผู้ใดผายลม เจ้าหนู.. นี่เจ้าว่าข้างั้นรึ?”
หลังจากที่ถูกหลิงหยุนยั่วโมโหเฉินจิ้งเทียนก็โกรธจนหน้าดำหน้าแดง และยกมือขึ้นชี้หน้าหลิงหยุนพร้อมกับร้องตะโกนถามเสียงดัง
“เจ้าเด็กน้อย..นี่เจ้าว่าใคร”
หลิงหยุนก้าวเท้าออกมายืนเผชิญหน้ากับเฉินจิ้งเทียนพร้อมกับยิ้มให้ก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่ยี่หระนัก
“ตาเฒ่าปากเหม็น..ข้าจะว่าใครได้เล่า ก็ต้องว่าคนที่กำลังพูดน่ะสิ!”
เฒ่าปากเหม็นงั้นรึ
เฉินจิ้งเทียน– อดีตผู้นำตระกูลเฉินซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่นั้น ไม่ว่าจะก้าวเท้าเดินไปแห่งหนใดในปักกิ่ง ผู้คนต่างก็ให้การคาราวะ และปฏิบัติต่อเขาอย่างนอบน้อม แต่หลิงหยุนกลับเรียกเขาว่า ‘เฒ่าปากเหม็น’ อย่างนั้นหรือ
“ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า..”
หลังจากที่ได้ยินฉายาใหม่ของเฉินจิ้งเทียนที่หลิงหยุนเพิ่งจะตั้งให้เหล่าสมาชิกตระกูลหลิงต่างก็ไม่อาจอดกลั้นได้เช่นกัน ทุกคนไม่ว่าจะเป็นหลิงหย่ง หลิงเลี่วย หลิงซิ่ว หลิงซวี่ และคนอื่นๆ ต่างก็เผลอหัวเราะออกมาเสียงดัง..
เมื่อเฉินจิ้งเทียนเห็นเช่นนั้นใบหน้าเหี่ยวย่นของเขาก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยความโมโห และเวลานี้เขาก็ถูกหลิงหยุนยั่วจนรู้สึกโกรธอย่างมาก จึงสูดลมหายใจเข้าลึก และพยายามอดกลั้นอย่างยากเย็น..
แต่ถึงกระนั้นจิงจอกเฒ่าผู้นี้ก็เฉลียวฉลาดไม่เบาเลยทีเดียวและเลือกที่จะไม่ประมือกับหลิงหยุน..
นั่นเพราะเฉินจิ้งเทียนจำได้ว่า..ที่ผ่านมานั้นตระกูลเฉินได้ส่งยอดฝีมือไปจิงฉูเพื่อลอบสังหารหลิงหยุน แต่ก็ไม่มีใครรอดชีวิตกลับมาได้เลยแม้แต่คนเดียว และก่อนหน้านั้นทั้งเหล่าแวมไพร์นับร้อย และนินจาหลายสิบคน แม้กระทั่งคนตระกูลเฉินเอง ต่างก็ไม่มีใครรอดชีวิตกลับมาได้เช่นกัน!
ผู้ที่ตระกูลเฉินส่งไปจัดการกับหลิงหยุนนั้นแม้จะไม่แข็งแกร่งเท่ากับเฉินจิ้งเทียน แต่ก็ไม่ได้ด้อยกว่าเขามากนัก แต่ทุกคนล้วนถูกหลิงหยุนสังหารตายจนหมด และบางคนก็ไม่ทราบข่าวคราวว่าเป็นหรือตาย นี่ย่อมแสดงให้เห็นว่าหลิงหยุนนั้นแข็งแกร่ง และเก่งกาจมากเพียงใด แม้แต่ตัวเฉินจิ้งเทียนเองก็ยังไม่อาจคาดเดาได้..
“หึ..เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม อาวุโสเช่นข้าจะไม่ลดตัวลงไปเกลือกกลั้วกับเจ้า!”
เฉินจิ้งเทียนทำเสียงขึ้นจมูกพร้อมกับพูดออกไปอย่างไม่สนใจจากนั้นจึงหันไปทางหลิงลี่พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“หลิงลี่..นี่เจ้าไม่อบรมทายาทตระกูลหลิงบ้างเลยงั้นรึ พวกเราซึ่งนับว่าเป็นผู้อาวุโสยังคุยกันไม่จบ แต่เด็กอย่างเขากลับสอดขึ้นมากลางป้อง ช่างไร้มารยาทสิ้นดี!”
เฉินจิ้งเทียนรู้ตัวว่าตนนั้นไม่สามารถปากต่อคำกับหลิงหยุนได้จึงเปลี่ยนเป้าหมายไปที่หลิงลี่แทน หลิงลี่เห็นหลานชายตนเองพูดจาเพียงไม่กี่คำ ก็สามารถทำให้จิ้งจอกเฒ่าอย่างเฉินจิ้งเทียนโมโหได้เช่นนี้ ซึ่งแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังทำไม่ได้ จึงได้แต่ยืนมองอย่างมีความสุข..
แต่เมื่อเห็นเฉินจิ้งเทียนย้อนกลับมาเล่นงานตนเองเช่นนี้หลิงลี่จึงแสร้งทำเป็นกระแอม และตอบไปว่า
“เฉินจิ้งเทียน..มีบางเรื่องที่เจ้าคงยังไม่รู้ แต่ข้าจะบอกให้ เจ้าตั้งใจฟังให้ดีล่ะ!”
ระหว่างที่พูดนั้นหลิงลี่ก็ยกมือขึ้นชี้ไปทางหลิงหยุน “นี่คือหลานชายของข้า และเป็นทายาทตระกูลหลิงชื่อว่าหลิงหยุน เขาเป็นลูกชายของเจ้าสาม – หลิงเสี่ยว และเวลานี้หลิงหยุนได้กลับเข้าตระกูลหลิงอย่างเป็นทางการแล้ว หนำซ้ำเรื่องราวต่างๆทั้งภายในและภายนอกตระกูลหลิง ล้วนแล้วแต่อยู่ภายใต้การดูแลของหลิงหยุนทั้งสิ้น แม้แต่ข้าที่เป็นปู่ยังต้องก้มหัวให้เขาเลย..”
หลิงลี่ไม่เพียงจงใจพูดให้เฉินจิ้งเทียนได้ยินเท่านั้นแต่ยังเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้นเพื่อให้ทุกคนที่อยู่รอบๆ และที่อยู่ไกลออกไปได้ยินด้วย
คำพูดของหลิงลี่นั้นย่อมเป็นการประกาศต่อหน้าสาธารณชนว่าเวลานี้ตำแหน่งผู้นำตระกูลหลิงได้เป็นของหลิงหยุนแล้ว!
หลังจากคำพูดทั้งหมดหลุดจากปากของหลิงลี่แล้วทั้งเฉินจิ้งเทียน เหล่าสมาชิกตระกูลเฉิน และคนอื่นๆ ที่กำลังให้ความสนใจเรื่องของตระกูลหลิงนั้น ก็ถึงกับเย็นวาบไปทั่วทั้งร่าง..
ที่ผ่านมานั้น..หลายคนรู้เพียงแค่ว่าหลิงหยุนเด็กหนุ่มทีอายุยังไม่ถึงสิบเก้าปีผู้นี้ คือทายาทตระกูลหลิง และเพิ่งกลับเข้าตระกูลอย่างเป็นทางการได้ไม่ถึงหนึ่งวัน แต่เหตุใดจึงถูกรับเลือกให้เป็นผู้นำตระกูลหลิงได้
และเรื่องเช่นนี้ก็ไม่ควรเป็นเรื่องที่คนตระกูลหลิงจะนำมาพูดเล่นๆได้!
หนำซ้ำผู้ที่พูดก็คือหลิงลี่ซึ่งเป็นผู้อาวุโสที่สุดในตระกูลหลิงในเมื่องหลิงลี่เป็นผู้ประกาศออกมาเองเช่นนี้ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องตั้งคำถามอะไรอีก และเรื่องนี้ย่อมต้องเป็นความจริงอย่างแน่นอน!
เวลานี้เหล่ายอดฝีมือที่แฝงตัวมาซุ่มดูเหตุการณ์อยู่นั้นต่างก็พากันหยิบเครื่องมือสื่อสารของตนเองออกมา และทำการรายงานเรื่องที่สำคัญนี้ให้กับเจ้านายของตนทราบโดยทันที
“นี่..นี่หมายความว่า..”
เฉินจิ้งเทียนถึงกับตกตะลึงและได้แต่นิ่งอึ้งไปทันที..
หากหลิงหยุนซึ่งเป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุสิบแปดปีผู้นี้เป็นถึงผู้นำตระกูลหลิงจริงย่อมหมายความว่าฐานะของเขาในตระกูลหลิงนั้นเหนือกว่าคนอื่นๆ และย่อมมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเจรจาเฉินจิ้งเทียน!
“ตาเฒ่าปากเหม็น..เจ้าอย่าเพิ่งตกอกตกใจถึงเพียงนั้นสิ! เจ้าตั้งสติแล้วก็ฟังคำพูดของข้าอีกสักสองสามประโยค!”
หลิงหยุนไม่คิดจะมีมารยาทกับเฉินจิ้งเทียนและยังคงเรียกเขาว่าตาเฒ่าปากเหม็นเช่นเดิม!
จะให้หลิงหยุนมีมารยาทกับเฉินจิ้งเทียนอย่างนั้นหรือเขาไม่มีทางทำเช่นนัันแน่!
ยิ่งจะให้หลิงหยุนนบนอบต่อเฉินจิ้งเทียนแล้วล่ะก็..เลิกฝันลมๆแล้งๆได้เลย!
“เจ้าเด็กเมื่อวานซืน..ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อน หากเจ้ายังพูดจาไม่ให้เกียรติท่านพ่อของข้าเช่นนี้ ก็อย่าหาว่าข้ารังแกเด็กก็แล้วกัน!” novel-lucky
เฉินจิ้งเทียนอาจจะทนให้หลิงหยุนสบประมาทได้แต่เฉินไห่เผิงนั้นยากที่จะอดรนทนต่อไปได้อีก เขาหายใจแรงด้วยความโกรธ และกระโดดเข้าไปหาหลิงหยุนด้วยความโมโหทันที!
แต่หลิงหยุนกลับไม่พูดอะไรเขาเพียงแค่แสยะยิ้ม และสะบัดฝ่ามือออกไปเท่านั้น พลังปราณที่รุนแรงก็พุ่งออกจากฝ่ามือของหลิงหยุน ปะทะเข้ากับใบหน้าของเฉินไห่เผิงทันที!
พลังปราณจากฝ่ามือของหลิงหยุนนั้นรุนแรงจนแม้แต่พลังปราณรอบตัวของเฉินไห่เผิงไม่อาจจะปกป้องร่างของเขาได้อีก และพลังปราณจากฝ่ามือของหลิงหยุนก็กระแทกเข้ากับใบหน้าของเฉินไห่เผิงอย่างแรง
“อ๊าก!”
เสียงกรีดร้องดังออกจากปากของเฉินไห่เผิง..
เฉินไห่เผิงนั้นเป็นถึงยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-6แต่กลับถูกพลังปราณจากฝ่ามือของหลิงหยุนที่เพียงแค่สะบัดเบาๆ กระแทกเข้ากับใบหน้าของตนอย่างรุนแรง จนร่างของเขาถอยกรูดไปหลายก้าว กว่าที่จะหยุดนิ่งและทรงตัวได้ในที่สุด..
แม้ว่าครั้งนี้หลิงหยุนจะไม่ได้ใช้ฝ่ามือตบหน้าเฉินไห่เผิงโดยตรงเช่นเดียวที่ทำกับคนตระกูลซัน แต่การกระทำของหลิงหยุนครั้งนี้ กลับเป็นการฉีกหน้าเฉินไห่เผิงเสียยิ่งกว่าการตบหน้าด้วยฝ่ามือเสียอีก..
“ข้ากำลังพูดอยู่กับเฒ่าปากเหม็นผู้นี้..ใครใช้ให้เจ้าพูดสอดขึ้นมา!”
หลิงหยุนใช้พลังปราณตบหน้าเฉินไห่เผิงจนกระเด็นถอยหลังกลับไปทำให้เฉินไห่เผิงถึงกับหน้าชา..
และนั่นเป็นการบอกกับเฉินจิ้งเทียนว่า..ข้าจะคุยกับเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น!
นั่นเพราะเมื่อครู่เฉินจิ้งเทียนเป็นฝ่ายบอกว่าเขาพูดอยู่กับหลิงลี่หลิงหยุนไม่ควรพูดสอดขึ้นมา และในเมื่อหลิงหยุนกำลังพูดอยู่กับเฉินจิ้งเทียน เฉินไห่เผิงก็ไม่สมควรพูดสอดขึ้นมาเช่นกัน..
“หลิง..หลิงหยุน.. นี่เจ้า.. เจ้าไม่สนใจกฏเกณฑ์ยุทธภาพเช่นนี้ เจ้ากำแหงเกินไปแล้ว!”
เฉินจิ้งเทียนเห็นลูกชายของตนเองถูกหลิงหยุนทำให้ได้รับความอับอายเช่นนั้นก็ถึงกับโกรธมากจนจิตใจสั่นสะท้าน และไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้แม้แต่คำเดียว..
“ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า..”
หลิงหยุนหัวเราะออกมาพร้อมกับยกมือขึ้นชี้หน้าเฉินจิ้งเทียนอย่างไม่เกรงกลัวและพูดขึ้นว่า “เฒ่าปากเหม็น.. เมื่อครู่เจ้าเป็นฝ่ายพูดเองว่าผู้ใหญ่กำลังคุยกัน เด็กไม่ควรพูดสอดขึ้นมาไม่ใช่รึ ส่วนเรื่องกฏเกณฑ์บ้าบออะไรนั้น ข้าไม่เคยสนใจ!”
ภาพที่ทุกคนเห็นในเวลานี้ก็คือ..หลิงหยุนยืนชี้หน้าเฉินจิ้งเทียน พร้อมกับพูดตะโกนใส่หน้าเขาอย่างผยอง และโอหัง!
ในเมื่อต้องการข่มเหงศัตรูเหตุใดยังต้องนึกถึงมารยาทด้วยเล่า
หลิงหยุนรู้ว่าเวลานี้ตนเองสามารถยั่วโมโหเฉินจิ้งเทียนได้สำเร็จแล้วและเวลานี้เฉินจิ้งเทียนผู้มีปัญญาเฉียบแหลม และมีวาจาคมคายนั้น กลับมีสภาพจิตใจที่ไม่ปกติเช่นเดิมอีกแล้ว..
หลิงหยุนจึงพูดต่อทันทีว่า“ตาเฒ่าปากเหม็น.. คำพูดที่เจ้าพูดกับท่านปู่ของข้าเมื่อครู่นั้น ข้าได้ยินไม่ชัดเจน เจ้ากล้าพูดอีกครั้งหรือไม่ล่ะ ”
เวลานี้เฉินจิ้งเทียนกำลังโกรธและเดือดดาลอย่างที่สุด เขาจึงร้องตะโกนออกไปเสียงดัง “หากตระกูลหลิงคิดจะดึงกิจการคืนจากตระกูลซัน ก็ต้องถามความเห็นของตระกูลหลง ตระกูลเย่ ตระกูลหลี่ และตระกูลเฉินเสียก่อนว่าจะยินยอมหรือไม่”
หลิงหยุนส่ายหน้าไปมาพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ ไม่สิ.. ไม่ใช่ประโยคนี้ ข้าหมายถึงคำพูดก่อนหน้านั้นของเจ้าต่างหากเล่า..”
เฉินจิ้งเทียนมองหน้าหลิงหยุนและพยายามครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดก็พูดขึ้นว่า “”
“ครั้งนั้นเป็นเพราะเกิดโศกนาฏกรรมกับตระกูลหลิงจนตระกูลหลิงเองก็หมดความสามารถ และหมดอำนาจในการบริหารดูแลกิจการต่างๆ ทุกฝ่ายในปักกิ่งต่างก็ต้องออกมาช่วยบริหารจัดการกิจการแทนตระกูลหลิง..”
“หยุด..หยุด.. เจ้าหยุดก่อน..”
หลิงหยุนรีบยกมือขึ้นห้ามเฉินจิ้งเทียนทันทีเขามองหน้าเฉินจิ้งเทียนพร้อมกับถอนหายใจ และพูดขึ้นว่า
“คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะแก่ชราถึงเพียงนี้แล้วแต่กลับพูดจาเปลี่ยนดำเป็นขาวเช่นนี้..”
“ข้าขอถามเจ้า..อะไรคือตระกูลหลิงหมดความสามารถ และหมดอำนาจในการบริหารกิจการงั้นรึ”
“เอ่อ..!”เฉินจิ้งเทียนได้แต่อ้ำอึ้ง..
“แล้วที่จ้าพูดว่า..ทุกๆฝ่ายในปักกิ่งต่างก็ต้องออกมาช่วยบริหารจัดการกิจการแทนตระกูลหลิงนั้น มันหมายความเช่นใดงั้นรึ”
“หึ..ทั้งหมดที่เจ้าพูดออกมานั้น มันคือการฉกฉวย แย่งชิง และขโมยต่างหากเล่า! แต่เจ้ากลับพูดจากเปลี่ยนดำเป็นขาว เปลี่ยนถูกเป็นผิดเช่นนี้ก็ได้งั้นรึ”
หลิงลี่ที่นิ่งฟังอยู่นานถึงกับยกมือขึ้นตบต้นขาตนเองดังเพียะ!
นั่นเพราะเวลานี้จิ้งจอกเฒ่าอย่างเฉินจิ้งเทียนถึงกับอ้ำอึ้งเพราะไม่สามารถหาเหตุผลมาหักล้างคำพูดของหลิงหยุนได้ และเวลานี้จิ้งจอกเฒ่าก็กำลังเสียท่าให้กับหลิงหยุน ท่าทางเจ้าเล่ห์เฉลียวฉลาดของเฉินจิ้งเทียนได้อันตธานหายไปในทันที..
นับว่าหลิงหยุนแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างชาญฉลาดยิ่งนักไม่เช่นนั้นตระกูลหลิงคงต้องตกเป็นเป้าโจมตี และถูกผู้คนในเหตุการณ์วิพากษ์วิจารณ์อย่างเสียหาย..
แต่จากคำพูดของหลิงหยุนนั้นชายชราได้แต่แอบคิดว่าดูท่าหลิงหยุนจะไม่ได้ต้องการเรียกคืนกิจการจากตระกูลซันตระกูลเดียวเท่านั้น เขาน่าจะต้องการเรียกคืนจากตระกูลหลง ตระกูลเย่ ตระกูลหลี่ และตระกูลเฉินอีกด้วย..
“เอิ่ม..”
เฉินจิ้งเทียนได้แต่อ้ำอึ้งและไม่สามารถโต้เถียงหลิงหยุนได้ เวลานี้เขาเพิ่งจะรู้ซึ้งว่าหลิงหยุนไม่เพียงแข็งแกร่งเท่านั้น แต่วาจาของเขานั้นยังคมคาย และเฉลียวฉลาดยิ่งนัก..
แต่แล้วเฉินจิ้งเทียนที่หน้าแดงก่ำด้วยความโมโหก็ร้องตะโกนออกไปว่า “นั่นล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องเก่าเมื่อหลายปีก่อน เวลานี้ตระกูลหลิงของเจ้า..”
ปัง!