เสียงพลังปราณจากฝ่ามือของหลิงหยุนกระแทกเข้ากับใบหน้าของคนผู้หนึ่งขึ้นอีกครั้งแต่ครั้งนี้ไม่ใช่เฉินไห่เผิง แต่เป็นเฉินจิ้งเทียน!
  ไม่มีผู้ใดสามารถมองได้ทันว่าหลิงหยุนลงมือซัดฝ่ามือออกไปเมื่อใดเพราะเขาเคลื่อนไหวได้รวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ!
  และทันทีที่ได้ยินเสียงลมปะทะเข้ากับใบหน้านั้นทุกคนในที่นั้นแม้กระทั่งเหล่าสมาชิกตระกูลหลิงเอง และเหล่ายอดฝีมือที่แฝงตัวมาสืบข่าว เมื่อได้เห็นภาพเข้าก็ถึงกับหลับตาลงไม่กล้ามองต่อเช่นกัน..
  เด็กหนุ่มที่อายุเพียงแค่สิบแปดปีแต่กล้าตบหน้าชายชราที่มีอายุถึงเจ็ดสิบปี อย่าว่าแต่เหล่าชาวยุทธเลย แม้แต่คนธรรมดาก็ยากที่จะทนดูได้!
  หลังจากที่หลิงหยุนใช้พลังปราณตบหน้าเฉินจิ้งเทียนแล้วเขาก็จ้องมองเฉินจิ้งเทียนที่เวลานี้ถึงทำสีหน้าพูดไม่ออกบอกไม่ถูกอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา..
  “เฉินจิ้งเทียน..ที่ข้าตบหน้าเจ้าวันนี้ ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับความแค้นของเราสองตระกูลเลยแม้แต่น้อย แต่ข้าตบหน้าเจ้าเพราะเจ้าเป็นชายชราที่ไร้ยางอายอย่างที่สุด!”
  “ในอดีต..เจ้าไม่เพียงแย่งชิงของที่ควรจะเป็นของตระกูลหลิงไป แต่ในวันนี้เจ้ากลับพูดจากลับกลอก ใช้ความเจ้าเล่ห์และวาทศิลป์ของตนเอง กลับดำเป็นขาว กลับถูกเป็นผิด..”
  “วันนี้ข้า– หลิงหยุนขอประกาศไว้ ณ ตรงนี้ว่า.. ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ตามที่เคยแย่งชิงเอาของที่ควรจะต้องเป็นของตระกูลหลิงไป แม้ว่าจะเป็นเพียงอิฐแตกๆแค่ก้อนหนึ่ง หรือแม้แต่กระเบื้องเก่าๆเพียงหนึ่งแผ่น มันผู้นั้นจะต้องนำมาคืนให้กับตระกูลหลิงของข้าพร้อมกับดอกเบี้ย!”
  “จะขาดแม้แต่เศษเสี้ยวก็ไม่ได้!”
  และนี่คือคำประกาศกร้าวที่ออกจากปากของหลิงหยุน!
  ในเมื่อตระกูลหลิงจะผงาดขึ้นอีกครั้งแล้วก็ต้องผงาดขึ้นอย่างสง่างาม และเป็นที่น่าเกรงขามต่อทุกคนไม่ใช่หรือ
  หากยังมีผู้คนกล้าตอแยหรือกล้าข่มเหงตระกูลหลิงอีก เช่นนี้แล้วจะเรียกว่าผงาดได้เต็มปากเต็มคำอย่างนั้นหรือ
  การผงาดขึ้นของตระกูลหลิงนั้นต้องไม่ใช่เพียงแค่คำพูดที่ประกาศออกไปเท่านั้น แต่การผงาดขึ้นอย่างแท้จริงนั้น หมายถึงความพร้อมในการที่จะจัดการกับผู้ใดก็ตาม ที่กล้าแม้แต่จะพูดจาไม่ให้เกียรติตระกูลหลิง และกล้าทำเรื่องที่กระทบกระทั่งต่อตระกูลหลิง!
  นี่ต่างหากจึงจะเรียกว่าผงาดขึ้นอีกครั้งได้อย่างแท้จริง!
  หากในวันนี้..เปลี่ยนจากตระกูลหลิงเป็นตระกูหลง หากเฉินจิ้งเทียนกล้าพูดจาเช่นนี้กับคนตระกูลหลง มีหรือที่ตระกูลหลงจะยอมปล่อยให้เฉินจิ้งเทียนกลับไปโดยไม่ลงมือสั่งสอนได้!
  หลังจากที่ได้ฟังคำประกาศกร้าวของหลิงหยุนนั้นทั้งหลิงลี่ หลิงเสี่ยว หลิงเย่ว และเหล่าทายาทตระกูลหลิง ต่างก็รู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงขั้วหัวใจเลยทีเดียว แล้วทุกคนต่างก็หันไปมองหน้ากันอย่างช่วยไม่ได้..
  หลิงหยุน..เด็กหนุ่มคนนี้กล้าหาญ และไม่เกรงกลัวผู้ใดถึงเพียงนี้เชียวหรือ
  สิ่งที่กำลังปรากฏต่อหน้าพวกเขานั้นเป็นความจริงอย่างนั้นหรือ
  นั่นเพราะคำประกาศของหลิงหยุนเมื่อครู่นั้นย่อมหมายถึงการผลักให้ตระกูลใหญ่ทั้งห้าอย่างตระกูลหลง ตระกูลเย่ ตระกูลหลี่ ตระกูลเฉิน และตระกูลซัน ให้ไปเป็นฝ่ายเดียวกัน และหันมายืนตรงข้ามกับตระกูลหลิง..
  และนั่นทำให้หลิงลี่ถึงกับนึกหวั่นใจอยู่ไม่น้อย..
  แต่ถึงกระนั้น..แม้คำประกาศกร้าวของหลิงหยุนจะทำให้เหล่าสมาชิกตระกูลหลิงต่างก็นึกหวั่นใจ แต่ในขณะเดียวกันคำพูดที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นอกมั่นใจของหลิงหยุนนั้น ก็สามารถกระตุ้นจิตใจของคนตระกูลหลิงที่เคยห่อเหี่ยวมานานนับสิบปี ให้มีไฟฮึกเหิม และปลุกเลือดในกายของพวกเขาให้เดือดพล่านขึ้นด้วย!
  หากจำเป็นต้องประกาศสงคราม..ทุกคนในตระกูลหลิงก็พร้อมสู้ และไม่มีผู้ใดที่คิดจะยอมแพ้!
  เวลานี้ตระกูลหลิงมีทั้งหลิงหยุนและมรดกตระกูลหลิง! หนำซ้ำในกายของคนตระกูลหลิงทุกคน ต่างก็มีเลือดเนื้อของเหล่าบรรพชนตระกูลหลิงอยู่ด้วยทั้งสิ้น!
  ว่ากันว่าบรรพบุรุษตระกูลหลิงรุ่นแรกนั้นมาจากดินแดนที่เรียกว่าอู่เฉิน..
  แต่นั่นก็เป็นเพียงการเล่าขานกันปากต่อปากจากรุ่นสู่รุ่นและยาวนานถึงสองพันปีแล้ว จึงไม่มีหลักฐานต่างๆที่แน่ชัดปรากฏให้เห็น และไม่มีผู้ใดรู้ว่าดินแดนที่เรียกว่าอู่เฉินนั้นอยู่ที่ใดกันแน่
  แต่ถึงอย่างไรก็ตาม..เหล่าสมาชิกตระกูลหลิงต่างก็เป็นสายเลือดนักสู้ และยากนักที่จะลบความเป็นนักสู้ออกจากจิตใจของคนตระกูลหลิงได้!
  เฉินจิ้งเทียนจ้องมองหลิงหยุนด้วยแววตาเคียดแค้นรังสีสังหารคุกรุ่นทั่วร่างของเขา เฉินจิ้งเทียนร้องตะโกนออกไปด้วยความเคียดแค้น.
  “เจ้าเด็กสามหาว!นี่เจ้ากล้าตบหน้าข้าเชียวรึ ถ้าเช่นนั้นก็อย่าได้กล่าวหาข้าไม่ปราณีเด็กอย่างเจ้าก็แล้วกัน..”
  สายตาของเฉินจิ้งเทียนกวาดมองไปทั่วทั้งบริเวณและเขาก็สังเกตเห็นว่าเหล่ายอดฝีมือที่แฝงตัวมานั้น ต่างก็กำลังกดเครื่องมือสื่อสารเพื่อรายงานข่าวให้กับเจ้านายของตนเองกันอย่างขมักเขม้น..
  –วันนี้ข้า– หลิงหยุนขอประกาศไว้ ณ ตรงนี้ว่า.. ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ตามที่เคยแย่งชิงเอาของที่ควรจะต้องเป็นของตระกูลหลิงไป แม้ว่าจะเป็นเพียงอิฐแตกๆแค่ก้อนหนึ่ง หรือแม้แต่กระเบื้องเก่าๆเพียงหนึ่งแผ่น มันผู้นั้นจะต้องนำมาคืนให้กับตระกูลหลิงของข้าพร้อมกับดอกเบี้ย!-
  –จะขาดแม้แต่เศษเสี้ยวก็ไม่ได้!-
  คำประกาศกร้าวของหลิงหยุนนั้น..ทุกคนต่างก็ได้ยินกันชัดเจนถ้วนหน้า และต่างก็กำลังรายงานคำพูดของหลิงหยุนแบบคำต่อคำ ไม่ให้มีตกหล่นแม้แต่คำเดียว..
  เฉินจิ้งเทียนพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน..“เจ้าเด็กเมื่อวานซืน.. เจ้ามันช่างบ้าบิ่นไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ซ้ำยังยะโสโอหังยิ่งนัก! เจ้ากับตระกูลหลิงจะต้องนึกเสียใจกับสิ่งที่ได้ทำลงไปในวันนี้!”
  หลิงหยุนยิ้มกว้างอย่างไม่นึกเกรงกลัวพร้อมตอบกลับไปทันที “ตาเฒ่าคร่ำครึ.. ในเวลาเช่นนี้เจ้ายังจะปากเก่งอยู่อีกงั้นรึ”
  “ข้าจะนึกเสียใจหรือไม่นั้นยังคงต้องรอดูกันต่อไป แต่สำหรับเจ้า – เฉินจิ้งเจียน.. เจ้าจะต้องนึกเสียใจในทันทีแน่!”
  ในเมื่อเฉินจิ้งเทียนยังคงปากเก่งอยู่เช่นนี้หลิงหยุนก็จะสั่งสอน และอบรมมารยาทให้กับจิ้งจอกเฒ่าผู้นี้เอง!
  “ในเมื่อเจ้าเป็นคนพูดเองว่า..เป็นเพราะเกิดเรื่องกับตระกูลหลิงในครั้งนั้น ตระกูลหลิงจึงสูญเสียความสามารถจนไม่อาจดูแลกิจการต่างๆได้ต่อไปไม่ใช่รึ”
  “ถ้าเช่นนั้น..วันนี้ข้าจะให้ตระกูลเฉินประสบเหตุการณ์เช่นเดียวกันกับตระกูลหลิงในครั้งนั้น และจะให้ตระกูลเฉินได้ลิ้มรสการถูกช่วงชิงกิจการต่างๆไป เพราะสูญเสียความสามารถในการดูแลบ้างว่า พวกเจ้าจะรู้สึกเช่นใด”
  ระหว่างที่พูดออกไปนั้น..ร่างของหลิงหยุนก็พุ่งไปยืนอยู่ตรงหน้าของเฉินจิ้งเทียน และมือขวาก็กำหมัดชกตรงเข้าไปที่ใบหน้าของเฉินจิ้งเทียนอย่างไม่ปราณี!
  เฉินจิ้งเทียนเห็นหลิงหยุนจู่โจมเข้าไปเช่นนั้นเขาก็ไม่ได้นึกหวาดหวั่นแม้แต่น้อย สิ่งแรกที่เฉินจิ้งเทียนทำก็คือการเบี่ยงตัวหลบหมัดของหลิงหยุน แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือว่า ไม่ว่าเขาจะหลบหลีกไปทางใด ก็พบว่าหมัดของหลิงหยุนสามารถตามไปสกัดไว้ได้ตลอด และในที่สุดเฉินจิ้งเทียนก็ไม่สามารถหลบหลีกได้อีก..
  เวลานี้สิ่งเดียวที่เฉินจิ้งเทียนทำได้ก็คือการรวบรวมพลังปราณทั้งหมดในร่างกายที่มีอยู่ และซัดพลังปราณทั้งหมดที่รวบรวมได้ออกจากฝ่ามือขวา เข้าปะทะกับหมัดของหลิงหยุนที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว!
  หลิงหยุนแสยะยิ้มพร้อมกับร้องบอกว่า“เจ้าเตรียมเจ็บตัวได้แล้ว!”
  ปัง! novel-lucky
  สิ้นเสียงดังปังที่เกิดจากการปะทะกันนั้นข้อศอกขวาของเฉินจิ้งเทียนก็หัก และแตกละเอียดทันที!
  “อ๊าก!”
  เฉินจิ้งเทียนกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดทันทีและร่างของเขาที่ถูกแรงหมัดของหลิงหยุนกระแทกอย่างแรงนั้น ก็ลอยละลิ่วออกไปไกล และร่วงหล่นตรงหน้าประตูสุสานทันที แล้วจึงกลิ้งไปกับพื้น..
  ในนาทีนั้นเอง..เฉินจิ้งเทียนจึงได้เข้าใจว่าเพราะเหตุใดหลิงหยุนจึงได้กล้าผยองเช่นนี้!
  เพราะแม้แต่เขาซึ่งอยู่ในครึ่งระดับที่หนึ่งของขั้นเซียงเทียน-9ยังไม่สามารถต้านทานหมัดของหลิงหยุนเพียงหมัดเดียวได้ เช่นนี้แล้วจะไม่ให้หลิงหยุนหยิ่งผยองไม่เกรงกลัวผู้ใดได้อย่างไรกันเล่า
  แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น..ในเมื่อไฟโทสะในตัวหลิงหยุนได้ถูกปลุกให้ตื่นแล้ว แน่นอนว่าหลิงหยุนจะไม่หยุดเพียงแค่นี้..
  ร่างของเขาพุ่งตรงเข้าไปหาร่างของเฉินจิ้งเทียนที่นอนกองอยู่ที่หน้าประตูสุสานทันที..
  “เจ้าเด็กสารเลว!นี่เจ้ากล้าทำร้ายท่านพ่อของข้าเชียวรึ ข้าจะสู้กับเจ้าเอง..”
  เฉินไห่เผิงเห็นพ่อของตนเองได้รับบาดเจ็บจากการะประมือกับหลิงหยุนเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นก็รู้ได้ว่าตนเองย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงหยุนแน่ แต่ก็ไม่ลังเลที่จะกระโดดเข้าไปช่วยเฉินจิ้งเทียน..
  “ถอยไป!”
  หลิงหยุนร้องตะโกนสั่งเฉินไห่เผิงพร้อมกับซัดฝ่ามือเข้าใส่ร่างของเขาทันทีพลังปราณจากฝ่ามือของหลิงหยุนปะทะเข้ากับร่างของเฉินไห่เผิง จนกระเด็นลอยละลิ่วออกไปไกล ก่อนจะร่วงลงพื้นไปอีกคน..
  และครั้งนี้..เฉินไห่เผิงก็ไม่ได้โชคดีเหมือนก่อนหน้านี้ เขาได้รับบาดเจ็บภายในอย่างสาหัส และถึงกับกระอักออกมาเป็นเลือด เฉินไห่เผิลพยายามกระเสือกกระสนที่จะลุกขึ้นยืนให้ได้
  ภาพเช่นนี้อย่าว่าแต่เหล่าสมาชิกตระกูลเฉินเลยแม้แต่คนตระกูลหลิงเองยังคิดไม่ถึงว่าจะได้พบเห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้!
  หลิงเสี่ยวที่ยืนดูอยู่ถึงกับตกตะลึงและหลังจากที่ได้สติก็รีบหันไปพูดกับหลิงลี่ผ่านทางกระแสจิต
  –ท่านพ่อ..เหตุใดหลิงหยุนจึงต่อสู้ไม่เลือกเวลาสถานที่เช่นี้-
  หลิงหลี่ยักไหล่พร้อมกับตอบไปว่า–หลิงหยุนเป็นเช่นนี้เสมอ! เมื่อครั้งที่อยู่จิงฉูเขาก็มักทำเช่นนี้อยู่เสมอ นิสัยไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจริงๆ!-
  หลิงเสี่ยวได้แต่นิ่งไปไม่พูดอะไรอีก..
  เวลานี้เฉินจิ้งเทียนนอนกองอยู่หน้าประตูสุสานไม่เพียงแขนขวาใช้การไม่ได้ หนำซ้ำยังไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้อีกด้วย..
  “เฉินจิ้งเทียน..ตระกูลเฉินของเจ้าจับลุงสองของข้าไปขังไว้ หลังจากที่พ่ายแพ้ให้กับข้าในครั้งนั้น ตระกูลเฉินของเจ้าก็ส่งเหล่านินจามาถล่มบ้านตระกูลหลิง บัญชีแค้นครั้งนั้นวันนี้ข้าจะให้พวกเจ้าสองพ่อลูกเป็นผู้ชดใช้”
  ทั้งน้ำเสียงและแววตาของหลิงหยุนนั้นเต็มไปด้วยความเย็นชาเขาค่อยๆ เดินตรงเข้าไปหาร่างของเฉินจิ้งเทียนที่นอนกองอยู่กับพื้น จากนั้นหมัดที่สองของหลิงหยุนก็ชกเข้าที่กลางอกของเฉินจิ้นเทียนจนซี่โครงทั้งห้าซี่หักพร้อมกันทันที
  เวลานี้เฉินจิ้นเทียนหมดเรี่ยวหมดแรงที่จะต้านทานหลิงหยุนได้อีกและหากหลิงหยุนชกเข้าใส่ร่างของเฉินจิ้งเทียนอีกครั้ง แน่นอนว่าเขาต้องสิ้นใจตายในทันที!
  “หลิงหยุน..เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้!”
  ในนาทีนั้นเอง..ก็มีเสียงร้องตะโกนออกมารถสีดำที่พุ่งเข้ามาแต่ไกล และผู้คนในบริเวณนั้นต่างก็พากันหันไปมอง..
  หลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้ออกและพบว่าผู้ที่ร้องตะโกนห้ามเขาไว้ก็คือเหลยเชิ่งแห่งหน่วยเทพอินทรีย์นั่นเอง!
  หลิงหยุนได้แต่ยิ้มออกมาและคิดในใจว่า ‘สหายเก่าของข้า.. ในที่สุดเจ้าก็โผล่มาอีกจนได้!’
  หลิงหยุนหันไปทางเหลยเชิ่งพร้อมกับยิ้มออกมาและร้องตะโกนออกไปว่า “ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย.. ข้ากับพ่อลูกตระกูลเฉินกำลังเล่นสนุกกันเท่านั้น!”
  และในระหว่างนั้นเอง..หลิงหยุนก็ก้มหน้าลงพูดกับเฉินจิ้งเทียนว่า “คนแซ่เฉิน.. ที่ข้าทำร้ายเจ้าวันนี้ก็เพื่อจะบอกกับเจ้าว่า อย่าได้บีบบังคับตระกูลหลิงอีก!”
  “ตอนนี้ข้าก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า..ตระกูลเฉินของเจ้าไร้สามารถไม่อาจบริหารกิจการต่างๆได้อีก และหากเข้าเชิญตระกูลหลง ตระกูลเย่ ตระกูลหลี่ รวมทั้งตระกูลหลิงของข้า มาช่วยกันแบ่งเบาบริหารกิจการของตระกูลเฉินเล่า เจ้ารู้สึกเช่นใด?”
  เฉินจิ้งเทียนเลียริมฝีปากด้วยความเจ็บปวดและในที่สุดก็กระอักเลือดออกมา..
  สีหน้าของเฉินจิ้งเทียนนั้นบ่งบอกว่ากำลังเจ็บปวดอย่างที่สุดและดูเหมือนจะเจ็บปวดยิ่งกว่าคนตระกูลซันเสียอีก!
  สีหน้าของเฉินจิ้งเทียนครั้งนี้เจ็บปวดอย่าางมากจริงๆและดูเหมือนจะเจ็บปวดยิ่งกว่าตระกูลซันเสียอีก!
  และแน่นอนว่า..พวกเขาสองพ่อลูกล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงหยุน!
  …..
  “เจ้าเด็กอมมือตระกูลหลิง!นี่เจ้าถึงกับกล้าข่มเหงคนในตระกูลเฉินของข้าถึงเพียงนี้เชียวรึ ข้าต้องให้เจ้าชดใช้ด้วยชีวิต!”
  ระหว่างที่คำพูดประโยคนี้ดังขึ้น..เงาสีดำก็พุ่งออกมาจากระยะไกล!
  เขาก็คือยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งตระกูลเฉิน..นามว่าเฉินจิ้งเฉวียน!