เฉินจิ้งเฉวียนนั้นนับว่ามาถึงเร็วมาก!
ระหว่างที่เสียงของเฉินจิ้งเฉวียนดังขึ้นนั้นร่างของเขายังอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุไปถึงสองสามร้อยเมตร นั่นหมายความว่า.. ยังไม่ทันที่คำพูดของเฉินจิ้งเฉวียนจะจบดี ร่างของเขาก็ได้เคลื่อนที่มาอยู่ห่างจากหลิงหยุนไปเพียงแค่หนึ่งร้อยเมตรเท่านั้น..
พรึบ..พรึบ.. พรึบ..
ร่างของเฉินจิ้งเฉวียนเคลื่อนที่ราวกับภาพกระพริบที่เมื่อหายจากตำแหน่งเดิมก็ไปปรากฏอยู่ในตำแหน่งใหม่จนกระทั่งเข้าใกล้หลิงหยุนมากขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างนั้นก็ได้ใช้ดัชนีปล่อยพลังปราณให้พุ่งออกไปด้านหน้า..
แต่เป้าหมายของการจู่โจมของเฉินจิ้นเฉวียนนั้นกลับไม่ใช่หลิงหยุนแต่เป็นหลิงเสี่ยวกับหลิงเย่วต่างหาก!
และวิชาที่เฉินจิ้งเฉวียนใชนั้นก็คือหนึ่งใน 72 กระบวนท่าที่เลื่องชื่อแห่งวัดเส้าหลิน!
แม้ว่าเฉินจิ้งเฉวียนจะเคลื่อนที่มาด้วยความเร็วอย่างที่สุดแล้วแต่ก็ยังนับว่าห่างจากร่างของสองพ่อลูกตระกูลเฉินมากนัก เฉินจิ้งเฉวียนเกรงว่าหากหลิงหยุนเห็นเขาปรากฏตัวขึ้น จะรีบชิงลงมือฆ่าเฉินจิ้งเทียนกับเฉินไห่เผิงทิ้งเสีย จึงได้ใช้วิธีล่อเสือออกจากถ้ำ ด้วยการทำร้ายหลิงเย่วกับหลิงเสี่ยว เพื่อดึงหลิงหยุนให้ห่างจากสองพ่อลูกตระกูลเฉินก่อน..
และหากหลิงหยุนยังยืนยันที่จะสังหารเฉินจิ้งเทียนและลูกชายจริงเช่นนั้นแล้วหลิงเสี่ยวกับหลิงเย่วก็ต้องถูกเฉินจิ้งเฉวียนสังหารตายด้วยเช่นกัน..
“แย่แล้ว!”
เมื่อหลิงหยุนเห็นเช่นนั้น..เขาก็ถึงกับตกใจ และล้มเลิกความคิดที่จะสังหารสองพ่อลูกตระกูลเฉินทันที แล้วรีบใช้วิชาเงาลวงตาซึ่งเคลื่อนไหวได้รวดเร็วราวกับหายตัว ไปปรากฏตัวอยู่ที่ข้างกายของหลิงเสี่ยวทันที..
จากนั้นจึงรีบเอื้อมมือออกไปกระชากร่างของหลิงเสี่ยวให้หลบพลังปราณจากดัชนีที่พุ่งเข้ามา ในขณะเดียวกันก็ใช้ฝ่ามือข้างที่เหลือซัดพลังปราณออกไปต้านพลังดัชนีอีกสายที่พุ่งเข้าใส่ร่างของหลิงเย่ว..
ตูม!
พลังดัชนีที่พุ่งเข้าใส่ร่างของหลิงเสี่ยวนั้นหลังจากที่หลิงหยุนดึงหลิงเสี่ยวให้หลบไปได้ทัน พลังจากดัชนีของเฉินจิ้งเฉวียนจึงพุ่งเข้าใส่พื้นหินด้านล่างแทน และพื้นหินตรงบริเวณนั้นก็กลายเป็นรูลึกทันที!
หลิงหยุนใช้จิตหยั่งรู้สำรวจดูก็ถึงกับตกใจไม่น้อย..นั่นเพราะบริเวณที่ถูกพลังดัชนีพุ่งเข้าใส่นั้น ได้กลายเป็นรูที่มีความลึกมากกว่าสองเมตรเลยทีเดียว!
ทั้งที่เวลานั้นร่างของเฉินจิ้งเฉวียนอยู่ห่างออกไปกว่ายี่สิบเมตร!
หากหลิงหยุนมาช้ากว่านี้แม้เพียงแค่เสี้ยววินาทีทั้งหลิงเสี่ยวกับหลิงเย่วคงต้องถูกพลังดัชนีของเฉินจิ้งเฉวียนทำร้ายอย่างแน่นอน และถึงตอนนั้นหากทั้งคู่ไม่เสียชีวิต ก็ย่อมได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นแน่!
และนี่คือศัตรูที่ร้ายกาจสำหรับหลิงหยุน!
หลิงหยุนคาดเดาว่าขั้นของเฉินจิ้งเฉวียนนั้นอย่างน้อยก็ต้องอยู่ในระดับที่สามารถใช้พลังจิต และพลังเหนือธรรมชาติได้ จึงแทบไม่ต้องพูดถึงความแข็งแกร่งของกำลังภายใน!
และทันทีที่เฉินจิ้งเฉวียนมาถึง..เขาก็ตรงเข้าไปหาสองพ่อลูกตระกูลเฉิน โดยไม่สนใจใยดีกับผู้คนที่อยู่รอบข้างเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่สำรวจดูอาการบาดเจ็บของเฉินจิ้งเทียนกับเฉินไห่เผิงอย่างละเอียดแล้ว เขาเองก็ถึงกับหน้าถอดสีเช่นกัน..
หลังจากที่เฉินจิ้งเฉวียนได้รับรายงานเรื่องของหลิงหยุนเขาก็รีบรุดมาที่นี่ทันที แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงช้าไปหนึ่งก้าว..
“เจ้าสอง..ในเมื่อเจ้าก็รู้ดีว่าเจ้าเด็กตระกูลหลิงนั่นไม่เล่นตามกฏกติกา เหตุใดจึงไม่อดทนอดกลั้นรอให้ข้ามาถึงที่นี่ก่อนเล่า”
เฉินจิ้งเฉวียนเอ่ยถามเฉินจิ้งเทียนด้วยความโมโห!
โดยปกติแล้ว..หากเกิดความขัดแย้งระหว่างเหล่าชาวยุทธขึ้น หรือแม้แต่พบเจอศัตรูก็ตาม ต่างฝ่ายต่างก็จะพยายามไม่ทำการต่อสู้ในที่สาธารณะเช่นนี้ เว้นแต่สถานการณ์บีบบังคับจริงๆ
หากต้องการประมือกันจริงๆทั้งสองฝ่ายก็จะนัดหมายวัน และสถานที่ที่ลับตา และห่างไกลผู้คนเพื่อทำการต่อสู้กัน..
แต่หลิงหยุนกลับไม่เคยปฏิบัติตามกฏยุทธภพเลย..
หากเขาตัดสินใจว่าจะลงมือต่อสู้เขาก็ไม่สนว่าที่แห่งนั้นจะเป็นที่ใด อยู่ต่อหน้าสาธารณชนหรือไม่? เมื่อคิดแล้วก็จะลงมือทันทีจนกว่าการต่อสู้จะจบลง..
แม้ว่าคนภายนอกจะมองว่าหลิงหยุนเป็นเด็กหนุ่มที่ยะโสโอหังไม่สนใจกฏเกณฑ์ใดๆ แต่สำหรับตัวหลิงหยุนเอง เขากลับมองว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่สุด!
นั่นเพราะหากสามารถเจรจาตกลงกันได้การต่อสู้ก็ไม่จำเป็น แต่หากไม่สามารถเจรจาได้แล้ว หลิงหยุนก็ไม่เคยเสียเวลาเช่นกัน!
“พี่..พี่ใหญ่! ข้าเองก็คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กชั่วช้านั่นจะลงมือกับข้ารวดเร็วเช่นนี้!”
เฉินจิ้งเทียนยอมรับว่า..เขาเองเพียงแค่โต้เถียงกับหลิงหยุนเท่านั้น และไม่คิดว่าจู่ๆ หลิงหยุนจะลงมือทันที โดยไม่เปิดโอกาสให้เข้าตั้งตั้งตัวด้วยซ้ำไป!
“หึ!”
เฉินจิ้งเฉวียนทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจนักจากนั้นร่างสูงใหญ่ของเขาจึงค่อยๆ ย่อลงตรงหน้าสองพ่อลูกตระกูลเฉิน แล้วหยิบโอสถออกมาสองเม็ดส่งให้ทั้งคู่กลืนเข้าไป..
หลังจากจัดการช่วยเฉินจิ้งเทียนกับเฉินไห่เผิงแล้วเฉินจิ้งเทียนก็ลุกขึ้นยืน พร้อมกับกวาดตามองเหล่าสมาชิกตระกูลเฉินที่ยังคงมีอาการหวาดกลัวอย่างมาก จากนั้นจึงร้องสั่งทุกคนว่า
“พวกเจ้ามาคอยดูแลคนพวกเขาทั้งสองคน!”
เหล่าสมาชิกตระกูลเฉินที่เพิ่งจะได้สติหลังจากได้ยินคำสั่งของเฉินจิ้งเฉวียน ก็รีบวิ่งตรงเข้าไปหาสองพ่อลูกตระกูลเฉินทันที!
ในขณะนั้นเอง..หลิงหยุนซึ่งไม่มั่นใจว่าหลังจากนี้จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง ทันทีที่ช่วยหลิงเสี่ยวกับหลิงเย่วได้แล้ว จึงรีบสั่งคนตระกูลหลิงทั้งหมดผ่านทางกระแสจิต ขอให้ทุกคนรีบเข้าไปอยู่ในความดูแลปกป้องของหลิงลี่ทันที..
ส่วนตัวเขานั้นจะเป็นผู้รับมือกับเฉินจิ้งเฉวียนซึ่งไม่เพียงแค่เป็นยอดฝีมือที่ล้ำเลิศเท่านั้น แต่ยังเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยนภาอีกด้วย..
เฉินจิ้งเฉวียนนั้นเป็นชายที่เกิดมาพร้อมกับรูปร่างที่สูงใหญ่และสง่างามยิ่งนัก แขนและนิ้วของเขาก็ยาวกว่าคนปกติธรรมดาทั่วไปมาก หากเฉินจิ้งเฉวียนยืนเอามือแนบลำตัวแล้วล่ะก็ แขนของเขาจะยาวถึงหัวเข่าเลยทีเดียว รูปร่างของเฉินจิ้งเฉวียนนั้นนับวาแตกต่างจากน้องชายอย่างเฉินจิ้งเทียนมากนัก และจมูกของเขาก็งองุ้มคล้ายกับปากเหยี่ยว..
รูปลักษณ์ภายนอกของเฉินจิ้งเฉวียนนั้นทำให้หลิงหยุนนึกถึงเฉินเจี้ยนห่าวที่ถูกเขาสังหารตาย..
ลักษณะรูปร่างดังเช่นเฉินจิ้งเฉวียนนั้นคือรูปร่างของผู้ที่เกิดมามีพรสวรรค์เหมาะสำหรับการฝึกวรยุทธในโลกใบนี้ยิ่งนัก!
เวลานี้เฉินจิ้งเฉวียนกำลังจ้องมองเหล่าสมาชิกตระกูลหลิงด้วยสีหน้าและแววตาที่ดุดัน และจู่ๆ เขาก็ก้าวเท้าออกไปข้างหน้า พร้อมกับยกมือขึ้นชี้ไปทางหลิงลี่กับหลิงหยุน และร้องตะโกนออกไปว่า
“หลิงลี่..หลิงหยุน.. พวกเจ้าสองคนก้าวเข้ามาหาข้า!”
หลังจากที่สำรวจดูเหล่าสมาชิกตระกูลหลิงทั้งหมดแล้วเฉินจิ้งเฉวียนก็พบว่ามีเพียงหลิงลี่กับหลิงหยุนเท่านั้น ที่มีคุณสมบัติที่จะต่อสู้ และเจรจากับตนเอง..
“หึ!”
หลังจากที่ได้ยินเฉินจิ้งเฉวียนร้องเรียกชื่นตนเองเช่นนั้นหลิงลี่ก็ทำเสียงคำรามอยู่ในลำคอพร้อมกับก้าวเท้าออกไปข้างหน้า..
แต่หลิงหยุนกลับรีบยื่นมือออกไปห้ามหลิงลี่ไว้ไม่ให้ก้าวต่อไปส่วนตัวเขานั้นก้าวเดินออกไปยืนกอดอกอยู่ด้านหน้า พร้อมกับแสยะยิ้มก่อนจะพูดกับเฉินจิ้งเฉวียนว่า.. ไอลีนโนเวล
“นี่ตาเฒ่าคร่ำครึ..เจ้าคิดว่าตนเองเป็นใครกันแน่ ถึงได้คิดว่าจะสั่งอะไรแล้วพวกเราจะต้องทำตาม!”
ถึงแม้หลิงหยุนจะรู้ว่าเฉินจิ้งเฉวียนนั้นเป็นศัตรูที่ค่อนข้างแข็งแกร่งมากแต่เขาก็ไม่ได้นึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย เพราะแม้แต่ซือกงถูก็ยังพ่ายแพ้ให้แก่ตนมาแล้ว หลิงหยุนจึงไม่เชื่อว่าเฉินจิ้งเฉวียนจะเหนือไปกว่าซือกงถู..
เมื่อได้ยินหลิงหยุนเรียกเฉินจิ้งเฉวียนว่าตาเฒ่าคร่ำครึนั้น..เหล่าสมาชิกตระกูลหลิงกลับไม่ได้รู้สึกตกอกตกใจอะไรอีก มีเพียงแค่เหลยเชิ่งแห่งหน่วยเทพอินทรีย์ที่เพิ่งจะมาถึงเท่านั้น เขาสะดุ้งตกใจราวกับว่าตนเองกำลังถูกตบหน้าอย่างแรง!
เหลยเชิ่งรีบกระโดดไปยืนข้างหลิงหยุนพร้อมกับกระซิบเสียงเบา“หลิงหยุน.. ผู้เฒ่าเฉินเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยนภา ต่อให้ตระกูลหลิงของเจ้ากับตระกูลเฉินมีเรื่องโกรธแค้นบาดหมางกัน แต่เจ้าก็ไม่ควรเสียมารยาทกับท่านผู้เฒ่าเฉิน..”
หากจะถามเหลยเชิ่งแห่งหน่วยเทพอินทรีย์ว่า..ใครคือคนที่เขาหวาดกลัวที่สุด แน่นอนว่าคำตอบก็คือหลิงหยุน! เหลยเชิ่งนั้นไม่ได้เกรงกลัวอะไรในตัวหลิงหยุนมากไปกว่าการกลัวว่าหลิงหยุนจะสร้างความเดือดร้อนให้กับตนเองไม่รู้จักจบจักสิ้น..
เพราะไม่ว่าหลิงหยุนจะทำอะไรเหลยเชิ่งในฐานะหัวหน้าหน่วยเทพอินทรีย์ ย่อมต้องมีหน้าที่จัดการสะสาง และยากนักที่จะหลีกเลี่ยงได้ เพราะมันคือหน้าที..
เวลานี้ทั้งสองฝ่ายที่มีปัญหากันอยู่นั้น..ฝ่ายหนึ่งเป็นถึงเจ้าหน้าที่ในหน่วยนภา ซึ่งแม้แต่หน่วยเทพอินทรีย์อย่างเขายังต้องรับฟังคำสั่ง และหากทั้งสองฝ่ายดื้อดึงที่จะลงมือต่อสู้กันที่นี่จริงๆแล้วล่ะก็ เหลยเชิ่งคงทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งร้องไห้!
หลังจากได้ฟังคำเตือนของเหลยเชิ่งหลิงหยุนก็ยิ่งจงใจพูดเสียงดังขึ้นกว่าเดิม “ทำไมรึ เหตุใดข้าต้องมีมารยาทกับเขาด้วย? และเหตุใดข้าต้องไว้หน้าเขาด้วย? และเหตุใดจึงเรียกเขาว่าตาเฒ่าคร่ำครึไม่ได้?”
เฉินจิ้งเฉวียนที่ยืนฟังอยู่นั้นถึงกับร้องตะโกนออกมาอย่างโมโห “หลิงหยุน.. เจ้าเด็กโอหัง! นี่เจ้าจะกำแหงเกินไปแล้ว..”
ระหว่างที่ยังร้องตะโกนใส่หน้าหลิงหยุนนั้นร่างของเฉินจิ้งเฉวียนก็ได้พุ่งมายืนอยู่ตรงหน้าหลิงหยุนแล้ว และจัดการพุ่งกรงเล็บเข้าใส่ใบหน้าของหลิงหยุนทันที!
วินาทีที่กรงเล็บดุดันของเฉินจิ้งเฉวียนพุ่งเข้าใส่ใบหน้าของหลิงหยุนนั้นหลิงหยุนก็สัมผัสได้ถึงพลังปราณอันแข็งแกร่งที่กำลังพุ่งเข้ามาทันที!
กรงเล็บนี้หลิงหยุนเคยเห็นเฉินเจี้ยนจื่อใช้มาก่อนแล้วแต่ในครั้งนั้นเฉินเจี้ยนจื่ออยู่เพียงแค่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-8 พลังปราณจึงไม่รุนแรงเท่ากับเฉินจิ้งเฉวียน..
“หึ..ฝีมือแค่หางอึ่งแต่กลับวางท่าใหญ่โต!”
หลิงหยุนทำเสียงเย้ยหยันพร้อมกับพุ่งหมัดปีศาจเถียนกังเข้าปะทะกับกรงเล็บของเฉินจิ้งเฉวียนทันที!
ตูม!
ทันทีที่กรงเล็บและหมัดปะทะกันก็เกิดเสียงดังรุนแรงราวกับเสียงระเบิด และรอบตัวหลิงหยุนกับเฉินจิ้งเฉวียนก็เกิดเป็นลมหมุนรอบตัวคนทั้งคู่..
แม้กระทั่งผู้คนที่ยืนอยู่รอบๆต่างก็รับรู้ได้ถึงกระแสลมที่รุนแรงจนไม่อาจจะลืมตาขึ้นได้..
ร่างของหลิงหยุนนั้นเพียงแค่สั่นสะท้านแต่ร่างของเฉินจิ้งเฉวียนนั้นถึงกับถอยหลังร่นไปไกลถึงสามก้าวด้วยฤทธิ์พลังหมัดของหลิงหยุน..
เฉินจิ้งเฉวียนถึงกับหน้าเปลี่ยนสีทันทีและสีหน้าของเขาก็แสดงออกถึงความหนักใจ ดวงตาคมดั่งพยัคฆ์คู่นั้นหรี่ลงเล็กน้อย..
จากการะประมือกันเพียงแค่ครั้งเดียวนั้นเฉินจิ้งเฉวียนก็รู้ได้ทันทีว่า ถึงแม้หลิงหยุนจะอยู่ในขั้นที่ต่ำกว่า แต่พลังและความแข็งแกร่งของหลิงหยุนนั้นไม่ได้เป็นรองเขาเลย หนำซ้ำพละกำลังดูเหมือนจะเหนือกว่าเขาด้วยซ้ำไป!
เฉินจิ้งเฉวียนถึงกับตกใจอย่างมาก!หลิงหยุนเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มอายุสิบแปดปีเท่านั้น เหตุใดจึงมีพละกำลังมากมาย และแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้!
ส่วนเฉินจิ้งเฉวียนนั้นอายุแปดสิบสองปีแล้วหนำซ้ำยังเริ่มฝึกวรยุทธมาตั้งแต่เยาว์วัย แต่เวลานี้เด็กหนุ่มตรงหน้าเขากลับสามารถเอาชนะเขาได้งั้นรึ
“เจ้าหนู..ข้าไม่เแปลกใจเลยที่เจ้าสามารถสังหารคนตระกูลเฉินตายไปมากมายถึงเพียงนั้น! เพราะเจ้าเองก็แข็งแกร่งไม่น้อยเลยทีเดียว..”
เฉินจิ้งเฉวียนไม่รีบร้อนลงมือต่อแต่กลับจ้องมองหลิงหยุนนิ่งพร้อมกับพูดออกมาอย่างประหลาดใจ และได้แต่คิดว่าการจะบดขยี้หลิงหยุนนั้นใช่ว่าจะสามารถทำได้ง่ายๆเสียแล้ว!
อีกอย่าง..หลิงหยุนอาจจะไม่สนใจกฏยุทธภพ นึกอยากจะต่อสู้ที่ใหนเมื่อใดก็ทำได้! แต่เฉินจิ้งเฉวียนไม่อาจทำเช่นนั้นได้ เพราะเขาไม่เพียงเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งตระกูลเฉิน แต่ยังเป็นถึงเจ้าหน้าที่ของหน่วยนภา จึงไม่อาจทำตามใจได้!
และหากเกิดการต่อสู้ระหว่างเขากับหลิงหยุนขึ้นในเวลานี้ผู้คนก็จะพากันตกอกตกใจ และคงเกิดความเสียหายอีกมากมายตามมา..
เฉินจิ้งเฉวียนจึงหยุดการประมือกับหลิงหยุนไว้เพียงเท่านั้นและหันไปทางหลิงลี่พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“หลิงลี่..ข้ามีคำพูดจะกล่าวกับเจ้า..”
หลิงลี่ที่เวลานี้เพิ่งจะหายจากการตกตะลึงจากการค้นพบว่า..หลิงหยุนนั้นแข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าเฉินจิ้งเฉวียนเลย หลิงลี่ได้แต่แอบคิดอยู่ในใจว่าหากตระกูลหลิงมีผู้ที่สามารถรับมือกับยอดฝีมือในขั้นพลังเหนือธรรมชาติได้เช่นนี้ ตระกูลหลิงคงจะไม่ต้องหวาดกลัวอะไรอีก!
ในเมื่อหลิงหยุนสามารถรับมือเฉินจิ้งเฉวียนได้เช่นนี้และดูเหมือนจะเหนือกว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำไป เช่นนี้แล้วหลิงลี่ยังต้องหวาดกลัวอะไรอีกเล่า
เมื่อเห็นว่าเฉินจิ้งเฉีวยนมีทีท่าคล้ายต้องการเจรจาหลิงลี่จึงก้าวเท้าขึ้นไปข้างหน้า พร้อมกับพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง
“เฉินจิ้งเฉวียน..เจ้ามีอะไรก็พูดมา!”
เฉินจิ้งเฉวียนจ้องไปที่หลิงลี่ครู่ใหญ่แต่แล้วจู่ๆคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันพร้อมกับถามขึ้นว่า
“หลิงลี่..นี่เจ้าเข้าสู่ระดับหนึ่งขั้นพลังเหนือธรรมชาติได้แล้วงั้นรึ!”
หลิงลี่นิ่งไม่ตอบคำถามและกำลังรอคอยว่าเฉินจิ้นเฉวียนจะพูดอะไร
แม้เฉินจิ้งเฉวียนจะตกตะลึงแต่ก็พูดต่อทันที “หลิงลี่.. ในเมื่อตระกูลหลิงกับตระกูลเฉินไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้ ถ้าเช่นนั้นพวกเราสองตระกูลก็อย่าได้เสียเวลาอีกเลย พวกเรามาตัดสินความแค้นของสองตระกูล ด้วยกฏโบราณของยุทธภพไม่ดีกว่ารึ”