บทที่ 545 เขาเป็นคนที่ยึดมั่นในรัก

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

เวลาค่ำ ที่คอนโด

อาคิระเปิดประตูออก และเดินเข้าไป

ไฟในห้องสว่าง เป็นสีเหลืองนวลจางๆ มีความอบอุ่นที่อธิบายไม่ถูก

เด็กชายนั่งอยู่บนรถเข็น หมอบอยู่บนโต๊ะเพื่อทำการบ้าน หลังจากอุบัติเหตุทางรถยนต์นั้นขาของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้ยังยืนไม่ได้ ทำได้เพียงนั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น

หญิงสาวนั่งอยู่ที่ริมหน้าต่าง

ตรงหน้ามีกระดาษวาดรูปและจานสีวางอยู่

คางของเธอมีแผลจากการเย็บอยู่หลายเข็ม ซึ่งยังไม่ได้ตัดไหมออก

แก้มซ้ายมีรอยฟกช้ำที่ยังไม่ดีขึ้นด้วยเล็กน้อย ตกสะเก็ด ไม่รู้จะทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้หรือเปล่า

บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงหายใจที่แผ่วเบาของสองแม่ลูกที่สอดประสานกันอยู่ แต่อบอุ่น และสงบมาก

เมื่อได้ยินเสียง พนาวันก็หันมามอง

เมื่อดวงตาสบเข้ากับอาคิระ เธอก็ตกใจเล็กน้อย

เขาดูเหมือนคนไม่ได้อาบน้ำมาหลายวัน หนวดที่คางก็ขึ้นตอเขียว

ดวงตาที่จมลึกให้ความรู้สึกเหนื่อยล้า บนเสื้อเชิ้ตมีทั้งรอยยับและฝุ่นเกาะ ใบหน้าสีดำอมเขียว มุมปากบวมแดง ราวกับไปมีเรื่องชกต่อยมา

อาคิระเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาเย็นชา น้ำเสียงเยาะเย้ย“ทำไม สามีตัวเองก็จำไม่ได้แล้วหรือไง?”

ตกตะลึง พนาวันรู้สึกตัว

เธอถามเสียงดัง“หน้าคุณไปโดนอะไรมา?”

“ไม่ใช่ธุระอะไรของเธอ!”

พูดออกไปอย่างไม่สนใจ อาคิระปาดหลังมือไปที่มุมปาก เดินผ่านเธอ แล้วไปห้องน้ำ

พนาวันอ้าปากค้าง ไม่ได้ถามอะไรต่อ

เขาไม่อยากจะสนใจเธอ ต่อให้เธอถาม เขาก็ไม่คิดจะตอบ จะตอบทำไม ?

เรื่องของเขาไม่ใช่สิ่งที่เธอควรรู้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วน หรือเรื่องงาน

เธอไม่มีสิทธิ์ และไม่มีคุณสมบัติพอ

เธอ ไม่ใช่คนที่จะมีสิทธิ์มาตั้งคำถามอะไรกับเขา

ตั้งแต่แต่งงานจนตอนนี้ เขาเย็นชา และโหดร้ายกับเธอมาโดยตลอด

มีรอยยิ้มขมขื่นที่มุมปาก พนาวันละสายตาออก จ้องมองไปที่เด็กชาย

เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย ทำอะไรไม่ถูก

ท่าทางของเขาเวลาทำการบ้านนั้นไม่ค่อยจะดีเท่าไร สมุดการบ้านที่วางบนโต๊ะก็ไม่เคยวางให้ตรงเลยสักครั้ง

ร่างกายบิดเบี้ยวไปด้วย แขนวางบนโต๊ะ หน้าวางอยู่บนแขนอีกที นอนทำการบ้าน หน้าก็แทบจะแนบติดไปกับสมุดการบ้านให้ได้

เธอวางพู่กันลง เดินขากะเผลก เข้าไปหา

เด็กชายไม่ทันได้สังเกต ขนตาที่งอนยาวกะพริบตาเป็นระยะ สมุดการบ้านมีเงาดำปรากฏ

เอื้อมมือไป เธอตบไปที่หลังของเด็กชายเบาๆ ให้เขาปรับเปลี่ยนท่านั่ง“นั่งให้มันดีๆไม่ได้เหรอ ?”

“ได้ครับ”เด็กชายยิ้ม โชว์ฟันเขี้ยวสองซี่ให้เห็น ขยับร่างอันเล็ก นั่งตัวตรง เหยียดหลังตึง“แม่ ไม่วาดรูปแล้วเหรอ?”

ส่ายหัว พนาวันลูบไปที่ผมของเขา ถามว่า “หิวหรือยัง?”

หลังคลอด เส้นผมของเขาไม่ค่อยจะดีเท่าไร ทั้งเหลือง และทั้งบาง

เธอคิดว่าเธอคงกินอะไรที่ไม่ควรกินในตอนที่ท้อง หรือเพราะไม่มีสารอาหาร ยังดีที่ตอนนี้ทั้งดกและทั้งดำขึ้น เป็นมันวาว

เด็กชายเอามือกุมท้อง พยักหน้า “หิวแล้ว ตอนเที่ยงที่โรงเรียนให้กินเกี๊ยว ไส้ผัก มันมีกลิ่น ผมไม่ชอบ ผมชอบเกี๊ยวที่แม่ทำที่มีทั้งหมูและผักใส่รวมกันแบบนั้นที่สุด”

ได้ยินดังนั้น มือของพนาวันก็ชะงักไปเล็กน้อย ความคิดเตลิดและล่องลอยอย่างห้ามไม่อยู่

คนที่เคยเห็นหมีพูลต่างบอก ว่าทั้งหน้าตาของเขามีตากับปากเท่านั้นที่เหมือนเธอ

ส่วนอื่นเหมือนพ่อเขาทุกอย่าง หน้าตาแบบนี้ ราวกับออกมาจากพิมพ์เดียวกันยังไงอย่างนั้น

อันที่จริง ไม่เพียงแค่รูปลักษณ์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงนิสัยอาหารการกินทุกอย่างล้วนก็ถอดแบบมาจากอาคิระทั้งสิ้น

หัวหอม กระเทียม ขิง และยังกุยช่าย รวมไปถึงอาหารที่มีกลิ่นเหม็น ล้วนกินไม่ได้ทั้งสิ้น

หลังจากที่ถามไปสามสี่ครั้งก็ไม่ได้คำตอบจากคนเป็นแม่ เขาก็เขย่ามือของเธอ“แม่กำลังคิดอะไรอยู่?”

ได้สติ พนาวันส่ายหัวให้“เด็กดีทำการบ้านนะ แม่จะไปเตรียมอาหารเย็น”

หมีพูลพยักหน้า ราวกับคิดอะไรขึ้นมาได้ เขาเงยหน้าขึ้น “แม่ คืนนี้พ่อจะออกไปอีกหรือเปล่า?”

พนาวัน“ไม่รู้เหมือนกัน ลูกก็ถามพ่อเองสิ คงน่าจะออกไป”

น้อยครั้งที่อาคิระจะนอนที่นี่ ในหนึ่งปีคงมีแค่ไม่กี่วันเท่านั้นที่จะค้างคืนด้วย

หมีพูลรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาก้มศีรษะลง

พนาวันสัมผัสไปที่ศีรษะของลูกชายอย่างเจ็บปวดใจ

ต้องโทษตัวเองที่ไร้น้ำยา ทำให้อาคิระชอบเธอไม่ได้ ทำเอาลูกชายก็ทุกข์ระทมไปด้วย

อาหารเย็นเป็นแบบรสชาติอ่อน เธอทำข้าวต้ม แล้วทำเครื่องเคียงอีกสองจาน ทำซุปกระดูกให้หมีพูลด้วย

เขายังเด็ก อุบัติเหตุทางรถยนต์ได้รับบาดเจ็บที่ขา จึงต้องบำรุงมากๆ

จนอาหารเย็นเสร็จ อาคิระก็ยังไม่ออกมา

ลังเลอยู่นาน พนาวันเดินเข้าไปในห้องนอน เคาะไปที่ประตูห้องน้ำเบาๆ

ในห้องน้ำ อาคิระถามอย่างไม่พอใจว่า “มีอะไร?”

“อาหารเย็นเสร็จแล้ว คุณกินสักหน่อยไหม?” พนาวันถามอย่างระมัดระวัง

“ไปให้พ้น!”

เขาตวาดอย่างรำคาญ ปล่อยให้น้ำเย็นไหลผ่านร่างกาย หลับตาลง ความคิดหนักอึ้ง

เขารู้ดี ออกจากคุกมาได้ ต้องเป็นเพราะฝีมือของฉันทัชแน่ๆ ตอนนั้นเพราะเขาหน้ามืดตามัว จึงทำเรื่องพวกนี้ลงไป!

หากไม่ใช่เพราะเจตนาดีๆของยู่ยี่ในตอนหลัง เขาทั้งสองคนคงจบชีวิตในกระท่อมไม้นั้นไปแล้ว

แต่ว่า เมื่อมาคิดถึงดาหวัน หัวใจของเขาก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ เจ็บปวด ยากที่จะลืมภาพตอนเธอตายไม่ได้ นั้นเป็นหลุดดำในใจเขา

หากตอนนั้นเขาไม่ได้เอารูปถ่ายพวกนั้นให้คุณแม่ธันยวีร์ คุณแม่ธันยวีร์ก็ไม่ไปหาเธอ จบจุดก็คงจะไม่เป็นแบบนี้ใช่ไหม ?

หน้าห้องน้ำ

พนาวันสูดหายใจเข้าออก กักเก็บความขมขื่นในใจ

เขา ก็ยังคงรังเกียจตัวเองเหมือนเดิม

แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ก็ราวกับเป็นศัตรู

ในใจของเขา บาปนี้ไม่สามารถจะให้อภัยได้

จัดการกับอารมณ์แล้ว พนาวันก็เดินออกไป ไม่อยากให้ลูกชายรู้ว่าพวกเขามีปากเสียงกันอีกแล้ว

หมีพูลนั่งอย่างเรียบร้อยที่โต๊ะอาหาร“แม่ครับ พ่อไม่กินเหรอ?”

“อืม พ่อกินมาแล้ว กำลังอาบน้ำ ให้เรากินกันได้เลย ” พนาวันกล่าว

หมีพูลพยักหน้า เห็นแม่ยกยิ้ม ก็จึงโล่งใจ

พ่อคงไม่ได้ทะเลาะกับแม่แน่นอน

เขาแย่งเธอตักข้าว ทั้งรู้ความและเป็นเด็กดี

พนาวันถาม“วันนี้ทำอะไรที่โรงเรียนบ้าง ?”

หมีพูลตักน้ำซุปกระดูกกิน และบอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้เธอฟัง

หลังจากนั้นพนาวันก็เก็บล้างทำความสะอาดห้องครัว

หมีพูลนั่งดูทีวีในห้องนั่งเล่น

หลังจากที่ล้างจานชามเสร็จ พนาวันมองไปยังหมีพูล“แม่ไปอาบน้ำก่อน ลูกดูทีวีนะ ดูเสร็จ จะพากลับห้องนอน”

“ครับ”

เพราะ อาคิระอยู่ห้องนอนใหญ่

ดังนั้น เธอจึงไปที่ห้องรับรอง

ถอดเสื้อผ้า พนาวันในอ่างอาบน้ำ ปล่อยให้น้ำอุ่นไหลผ่านร่างกาย บรรเทาความเหนื่อยล้า

เธอมีรูปร่างที่เทียบได้กับนางแบบ บั้นท้าย มีขนาด36C ได้

ช่วงขาเรียวตรงและเรียบเนียน สวยสง่า และน่าดึงดูด

เสียอย่างเดียวคือขาขวาของเธอ ในวัยเด็กเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ และได้รับบาดเจ็บสาหัส

ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่สมประกอบ

กลายเป็นง่อยที่ทุกคนต่างเรียกกัน คนพิการ