ตอนที่ 1113 คนที่ไม่เป็นที่ต้องการ

Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ

ตอนที่ 1113 คนที่ไม่เป็นที่ต้องการ โดย Ink Stone_Fantasy

“ท่าน…แม่ทัพ?” โจงุนงงอยู่ครู่ก่อนจะเข้าใจว่าสถานะของอีกฝ่ายมันหมายถึงอะไร แล้วก็เข้าใจด้วยว่าความรู้สึกคุ้นเคยในตอนที่เจอหน้ากันครั้งแรกมันมาจากไหน แต่ว่ามัน…จะเป็นไปได้ยังไง?

“ข้า…ไม่เข้าใจ ท่านน่าจะเสียชีวิตไปในศึกป้องกันเดือนแห่งปีศาจครั้งหนึ่งแล้วไม่ใช่เหรอ…” ฟาร์รีน่ากลืนน้ำลาย “ยิ่งไปกว่านั้นนักรบอาญาสิทธิ์คือนักรบผู้ศรัทธาที่ถวายทั้งร่างกายและจิตใจให้กับพระผู้เป็นเจ้า พวกเขาแทบจะไม่…”

“ไม่พูดใช่ไหม เหมือนกับคนใบ้?” โซอี้พูดตัดบท “นี่มันไม่เกี่ยวกับศรัทธาเลย ที่พวกเขาพูดไม่ได้นั้นเป็นเพราะว่าพวกเขาถูกล้างสมองเท่านั้น ถ้าไม่ทำแบบนี้ ก็จะไม่สามารถกลายเป็นร่างเปลือกที่สมบูรณ์เพื่อให้พวกข้าใช้ได้”

ร่างเปลือก? ใช้?

“ท่านกำลังพูดอะไรกันแน่….”

“ข้าขอถามพวกเจ้าก่อน ศาสนจักรบอกพวกเจ้าว่ากองทัพอาญาสิทธิ์คืออะไร?”

โจแย่งชอบขึ้นมา “นักรบที่ได้รับพลังจากพระเจ้า เป็นดาวพิฆาตของแม่มดที่ชั่วร้าย แล้วก็เป็นความหวังสูงสุดในการกอบกู้โลกของศาสนจักร มีเพียงสาวกที่มีศรัทธาแน่วแน่และไม่หวาดกลัวถึงจะได้รับเกียรติอันนี้” เขาชะงักไปเล็กน้อย “เมื่อก่อนพวกเราคิดว่าการกอบกู้โลกคือการป้องกันไม่ให้สัตว์อสูรเข้ามาด้านในดินแดนของมนุษย์ แต่จากหนังสือสั่งเสียของท่านทัคเกอร์ พวกเราถึงได้รู้ว่าเรื่องสงครามแห่งโชคชะตาและปีศาจ”

“ดังนั้นความจริงแล้วกองทัพอาญาสิทธิ์ก็คือกองทัพพิเศษที่เอาไว้สู้กับปีศาจ” ฟาร์รีน่าพูดต่อ “มีแต่หน่วยลับของเฮอร์มีสเท่านั้นถึงจะรู้วิธีในการทำพิธีเปลี่ยนร่าง แต่ตอนนี้ทุกอย่างถูกโรแลนด์ วิมเบิลดันทำลายไปหมดแล้ว”

“ฟังแล้วช่างน่าตื้นตันจริงๆ แต่เสียดายที่ไม่มีประโยคไหนที่เป็นจริงเลย” โซอี้ยิ้มดูถูกขึ้นมา “กองทัพอาญาสิทธิ์ที่พวกเจ้าว่ามา พวกมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเอาไว้ใช้จัดการกับแม่มดและเป็นเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจของพวกที่แย่งชิงอำนาจมาเท่านั้น ถึงแม้จุดประสงค์แรกของการสร้างกองทัพอาญาสิทธิ์ึ้ขึ้นมาก็เพื่อปกป้องเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่คนที่เป็นคนวางแผนนี้ขึ้นมาไม่ใช่ศาสนจักร หากแต่เป็นแม่มดต่างหาก”

ฟาร์รีน่าทำสีหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อออกมา ถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่เอโนว่าผู้มีชื่อเสียงโด่งดังที่เป็นเหมือนฮีโร่ในใจของเธอ เธอคงจะตะโกนแย้งออกไปเป็นแน่

โจสูดหายใจ “ท่านช่วย…เล่าให้พวกเราฟังอย่างละเอียดได้ไหม?”

“ก็ได้ อย่างนั้นข้าะช่วยไขข้อข้องใจให้พวกเจ้าแล้วกัน คนธรรมดา” โซอี้ยิ้มมุมปาก

….

ในตอนที่อีกฝ่ายหยุดเล่า ฟาร์รีน่าพลันรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่ส่งขึ้นมาจากนิ้วทั้งสิบของเธอ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร เธอกำหมัดของตัวเองไว้แน่น นิ้วที่ถูกหักมีเลือดไหลออกมาอีกครั้ง

ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมคนที่ถูกจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์ถึงมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเธอได้ เอโนว่าที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้นั้นไม่ใช้แม่ทัพของกองทัพพิพากษาคนนั้น หากแต่เป็นแม่มดโบราณที่มีใช้ชีวิตมาตั้งแต่ 400 กว่าปีก่อน

ถ้าเป็นเวลาปกติ เธอคงจะตะโกนด่าทอพร้อมกับชักดาบขึ้นมาไล่ฟันอีกฝ่ายแล้ว ต่อให้ไม่สามารถเอาชนะได้ แต่เธอก็ไม่ยอมให้สาวกของความชั่วร้ายมาควบคุมศพของวีรบุรุษแน่

แต่ตอนนี้ เธอกลับรู้สึกว่าพลังทั่วทั้งร่างของตัวเองกำลังไหลออกไปจากปลายนิ้ว

น่าขัน

น่าขันสิ้นดี!

จากคำบอกเล่าของอีกฝ่าย เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่แม่มดสร้างขึ้นมา เขี้ยวเล็บของปีศาจ? ร่างจำแลงของความชั่วร้าย? เหลวไหล พวกนางต่างหากถึงจะเป็นคนที่เสียสละทุกอย่างเพื่อมวลมนุษย์ เป็นวีรบุรุษที่ไร้ซึ่งความกลัวอย่างแท้จริง! เพียงแค่ความกล้าของราชินีสตาร์ฟอลที่พร้อมจะเสียสละตัวเองก็นับว่าเหนือกว่าใครๆ บนโลกแล้ว…ยังจะมีเรื่องไหนที่น่าขันกว่านี้อีกเหรอ? เป้าหมายที่ตัวเองคิดมาตลอดว่าคือเกียรติยศกลับเป็นสิ่งที่ศัตรูของตัวเองเป็นคนสร้างขึ้นมา พิธีเปลี่ยนร่างที่ตัวเองเฝ้าปรารถนานั้นเป็นแค่เพียงร่างเปลือกที่เอาไว้ให้แม่มดใช้งาน เรียกได้ว่าที่โลกใบนี้มีสภาพเหมือนอย่างทุกวันนี้ล้วนแต่มีความเกี่ยวข้องกับแม่มดทั้งสิ้น

รีบแย้งนางเร็ว บอกว่านี่เป็นเรื่องโกหก เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมา!

ถึงแม้ภายในใจจะมีเสียงๆ หนึ่งกำลังตะโกนอยู่ แต่ฟาร์รีน่ากลับพูดอะไรไม่ออก

เพราะรายละเอียดหลายๆ อย่างมันฟังดูมีเหตุมีผล

อย่างเช่นข่าวลือเรื่องที่นักรบอาญาสิทธิ์หายตัวไปอย่างแปลกประหลาด

อย่างเช่นศพของผู้หญิงที่แห้งเหี่ยวเหมือนถูกอะไรบางอย่างสูบเลือดเนื้อออกไปจนหมด

อย่างเช่นสำนักนางชีขนาดใหญ่ในเมืองศักดิ์สิทธิ์เก่า

อย่างเช่นผู้บริสุทธิ์ที่แล้วเหมือนกับแม่มดไม่มีผิด…

ถ้าจะปิดบังเรื่องโกหกเอาไว้มิดชิดขนาดนี้ คนที่สร้างเรื่องโกหกนี้ขึ้นมาอย่างน้อยๆ ก็ต้องแฝงตัวอยู่ในศาสนจักรมามากกว่าสิบปี อีกทั้งยังสามารถเข้าไปในหน่วยลับของศาสนจักรได้ด้วย และในตอนนี้คนที่จะทำแบบนี้ก็ได้คงจะมีแต่พระสันตะปาปารุ่นก่อนๆ เท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหลักฐานชิ้นสำคัญอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ ‘พละกำลัง’

ในเมื่อเป้าหมายในการสร้างนักรบอาญาสิทธิ์ขึ้นมาก็เพื่อเอาไว้สู้กับปีศาจ อย่างนั้นมันก็ต้องยิ่งแข็งแกร่งยิ่งดี ซึ่งการทำให้มันกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาก็ย่อมต้องแข็งแกร่งกว่าการทำให้มันเป็นเหมือนสัตว์ป่าที่ไร้ซึ่งสติปัญญา และการที่ใช้คนเพียงสองคนก็สามารถโจมตีปราสาทของเกาะอาชดยุคที่มีนักรบอาญาสิทธิ์คอยเฝ้าอยู่ก็คือหลักฐานอย่างดี ถ้าแม่มดสามารถประสานงานกับร่างเปลือกอาญาสิทธิ์ได้ดีแบบนี้ ทำไมศาสนจักรถึงยังต้องไล่ฆ่าพวกเธอ แทนที่จะใช้งานพวกเธอ? ต่อให้แม่มดเร่ร่อนจะชั่วร้าย แต่พวกเขาก็ยังมีแม่มดผู้บริสุทธิ์ให้ใช้งาน

แต่ในความเป็นจริงคือเฮอร์มีสไม่เคยมีแม่มดอาญาสิทธิ์มาก่อน

ภายในหัวเธอมีข้อสรุปของเรื่องนี้ขึ้นมาทันที

ผู้บริสุทธิ์นั้นสามารถใช้หินอาญาสิทธิ์ควบคุมได้

แต่ศาสนจักรไม่มีวิธีในการควบคุมแม่มดอาญาสิทธิ์ที่เป็นเหมือนแม่มดอมนุษย์

ด้วยเหตุนี้ถึงแม้มันจะแข็งแกร่งแค่ไหน พวกเขาก็ไม่คิดที่จะสร้างมันขึ้นมา

สมมติว่าพระสันตะปาปาในเมืองศักดิ์สิทธิ์องค์นั้นตั้งแต่ที่จะเสียสละทุกอย่างเพื่อมนุษย์จริงๆ เธอเชื่อว่าต้องมีสาวกจำนวนมากที่พร้อมจะสละตัวเองอย่างแน่นอน รวมไปถึงแม่มดด้วย

แต่เมืองศักดิ์สิทธิ์กลับตัดความเป็นไปได้นี้ตั้งแต่เริ่มต้น

การกอบกู้โลกนั้นไม่ได้สำคัญสำหรับพวกเขาเหมือนอย่างที่ป่าวประกาศเอาไว้เลย

…นี่เหมือนกับที่อีกฝ่ายเยาะเย้ยเอาไว้เลย เธอคิดอย่างอ่อนแรง นักรบอาญาสิทธิ์นั้นไม่ใช่ไพ่ตายที่เอาไว้ต่อสู้กับปีศาจ หากแต่เป็นเครื่องมือที่เอาไว้จัดการกับแม่มดเท่านั้น

เห็นได้ชัดว่าโจเองก็คิดได้ถึงความขัดแย้งอันนี้เหมือนกัน เขาถามขึ้นมาอย่างระมัดระวังว่า “ในเมืองเนเวอร์วินเทอร์ที่คนเหมือนอย่างท่านอยู่เท่าไร?”

“หลายร้อยคน” โซอี้ยักไหล่ “ส่วนใหญ่ก็เป็นร่างเปลือกที่พวกเจ้าให้มานั่นแหละ หลังจากนี้ถ้าเจอคนรู้จักก็ไม่ต้องตกใจไปล่ะ”

ฟาร์รีน่าเหมือนจะพอเดาออกว่าทำไมโจถึงถามเช่นนี้

ถ้ามีนักรบอาญาสิทธิ์แค่คนสองคนก็ยังพอจะหาแม่มดมาปลอมตัวได้ แต่ถ้าหลายร้อยคนนั้นไม่มีทางแน่นอน

การที่อีกฝ่ายตอบอย่างมั่นใจเช่นนี้ก็ถือเป็นเครื่องยืนยันอย่างหนึ่งแล้ว

ฟาร์รีน่ารู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างภายในใจกำลังบินหนีจากเธอไป

เธอปรารถนาความรู้สึกที่ได้กลายเป็นที่ต้องการของคนอื่น

เดิมศาสนจักรนั้นคือสถานที่ที่แบกรับแสงสว่างและความหวัง เธอซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกของศาสนจักรก็ย่อมต้องแบกรับภาระหน้าที่นี้เอาไว้เหมือนกัน บนหลังของเธอคือเผ่าพันธุ์มนุษย์และสี่อาณาจักรใหญ่ แต่ตอนนี้พวกมันกำลังหลุดลอกออกไปทีละน้อยๆ เหมือนกับกำลังที่กระดำกระด่างเพราะลมฝน ส่วนด้านหลังกำแพงนั้น…กลับไม่มีอะไรอยู่เลย เหมือนเป็นภาพมายาทีอยู่ในความฝันอย่างไรอย่างนั้น

เธอจำเป็น…ต้องทำอะไรบางอย่าง

“ศาสนจักร…ศาสนจักรแก้ไขเรื่องนี้ได้…ทำให้ทุกอย่างกลับมาอยู่บนเส้นทางอย่างที่มันควรจะเป็น…” ฟาร์รีน่าพูดออกมาอย่างยากลำบาก

“อะไรนะ?” โซอี้มองดูเธอ

“แผนการแม่มดอาญาสิทธิ์…จำเป็นต้องใช้ร่างเปลือกใช่ไหมล่ะ? มีแต่ศาสนจักรเท่านั้นถึงจะมอบร่างเปลือกให้กับพวกเจ้าได้ อย่างเช่นข้า…” เธอสูดหายใจ “ข้ายินดีที่จะเข้าสู่พิธีเปลี่ยนร่าง”

“โอ้?” โซอี้ยิ้มเย้าแหย่ขึ้นมา “ต่อให้สูญเสียจิตสำนึกไปทั้งหมดน่ะเหรอ?”

“ฟาร์รีน่า!” โจตะโกนเสียงดัง

“ถ้ามันสามารถทำประโยชน์ให้กับมนุษย์ได้ล่ะก็…”

เมื่อทำแบบนี้ ด้านหลังของเธอก็จะมีแสงสว่างปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เธอยังคงเป็นที่ต้องการอยู่…

“น่าสนใจนี่ คนธรรมดา” แต่โซอี้กลับทำลายความฝันของเธอจนแหลกละเอียด “แต่ว่าแผนแม่มดอาญาสิทธิ์มันถูกล้มเลิกไปนานแล้ว”

“ทะ ทำไมล่ะ?”

“เพราะว่ามันไม่มีประโยชน์น่ะสิ” โซอี้ผายมือ “ถ้าเป็นเมื่อ 400 ปีก่อน มันอาจจะเป็นแผนที่ดี แต่ปีศาจในตอนนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะเอาชนะได้ด้วยแม่มดอาญาสิทธิ์เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป ดังนั้นพวกข้าถึงได้ไปสวามิภักดิ์ต่อราชาแห่งเกรย์คาสเซิล ก็เท่านี้”

“….” ฟาร์รีน่าอ้าปาก แต่เธอกลับทำได้เพียงส่งเสียงหายใจฮึดฮัด

“แม่มดที่มีชีวิตอยู่ต่อให้อ่อนแอแค่ไหน แต่ขอเพียงหาหนทางที่ถูกต้องเธอ ประโยชน์ของนางก็ยังมีมากกว่าเลือดแห่งเวทมนตร์กับร่างเปลือกเปล่าๆ มาก ถึงแม้นี่จะเป็นสิ่งที่ฝ่าบาทโรแลนด์ทรงค้นพบ แต่พวกข้าก็เป็นคนที่ถนัดในการเรียนรู้เหมือนกัน และในตอนนี้ทุกคนต่างก็ยอมรับในแนวคิดนี้กันแล้ว” โซอี้ยืนขึ้นมา ก่อนจะหมุนตัวเดินไปที่ประตู “พูดอีกอย่างก็คือต่อให้เจ้ายินดีที่จะเปลี่ยนเป็นร่างเปลือก ก็ไม่มีแม่มดคนไหนที่จะยอมสละเลือดของของตัวเองอีก เพราะว่ามันไม่คุ้มค่าเลยแม้แต่นิดเดียว”

ในขณะที่เธอกำลังก้าวข้ามธรณีประตูไป เธอพลันหยุดฝีเท้าแล้วหันหน้ากลับมายิ้มๆ

“ข้าขอพูดตรงๆ เลยแล้วกัน การปรากฏขึ้นมาของศาสนจักรมันคือความผิดพลาดมาตั้งแต่ต้นแล้ว”

พริบตานั้นเอง ฟาร์รีน่าได้ยินเสียงแตกดังเพล้ง

นั่นคือเสียงที่ดังมาจากในใจของเธอ

………………………………………………………….