นอกป่ามีแสงไฟส่องสว่าง แม้เมฆดำจะปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้า แต่ท้องฟ้าก็ไม่ได้มืดสนิท แต่ในป่ากลับยื่นมือออกไปแทบจะมองไม่เห็นทั้งห้านิ้ว
จางจื่ออันเดินอย่างเชื่องช้า ถือกล้องส่องวัตถุในที่มืดสังเกตใต้เท้าและรอบบริเวณ
ในป่าเงียบสงัด กิ่งไม้ ใบไม้ และลำต้นราวกับพรมกันเสียง ดูดซับเสียงทุกอย่างแถวนี้เอาไว้ มีเพียงเสียงบางอย่างถูกเผาแตกดังเปรี๊ยะส่งมาบ้างเท่านั้น
จางจื่ออันรู้สึกว่าทุกย่างก้าวที่เหยียบลงบนใบไม้จะมีเสียงแหลมดังขึ้น ในขณะที่พวกภูตสัตว์เลี้ยงเดินเสียงเบามาก
ริชาร์ดปิดปากอย่างรู้งาน เพราะมันมองอะไรไม่เห็นเลย เมื่อเกิดอันตรายมันจะซวยที่สุด
เนื่องจากเพิ่งมีหมูป่าฝูงหนึ่งวิ่งผ่านไป กลิ่นในป่าจึงซับซ้อนอย่างยิ่ง เฟยหม่าซือกับฟราเทอร์จึงมุ่นอยู่กับการก้มดมพื้นตามหาและแยกแยะกลิ่นไปเรื่อยๆ
คนที่พบความผิดปกติก่อนกลับเป็นจางจื่ออัน เพราะเขาตัวสูง ข้อด้อยเรื่องการมองเห็นในตอนกลางคืนก็ได้กล้องส่องวัตถุในตอนกลางคืนมาชดเชยแล้ว
ขณะเดินอยู่ๆ เขาก็มองเห็นสัตว์ตัวหนึ่งหมอบอยู่บนแง่งกิ่งไม้ของต้นไม้ต้นหนึ่ง เพราะตาของมันเปล่งแสงสีเขียวเหมือนดวงไฟผีผ่านเลนส์กล้องส่องวัตถุในตอนกลางคืน ดูจากลักษณะภายนอกแล้วน่าจะเป็นแมว
เขาเอ่ยปากเตือน แล้วยกมือชี้ไปทางนั้น
แมวตัวนั้นมองลงมาข้างล่าง มันเองก็มองเห็นเขาแล้วเช่นกัน ตอนที่มันกำลังจะกระโดดลงจากบนต้นไม้แล้วหมุนตัววิ่งหนี มันก็ได้ยินฟีน่าตะโกนอย่างเยือกเย็น “หยุด!”
เสียงคำสั่งเหมือนภูเขาถล่ม แมวตัวนั้นตัวสั่นงันงก ก่อนจะล้มลงไม่เป็นท่า มันกระโดดลงจากแง่งกิ่งไม้ได้ปกติก็จริง แต่สุดท้ายกลับเสียสมดุลล้มลงบนพื้นเสียงดัง
ด้วยความสูงเพียงสองสามเมตร และบนพื้นเต็มไปด้วยใบไม้ร่วง แมวตัวนี้จึงไม่ได้เจ็บตรงไหน มันตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น ก่อนจะหันหน้าไปมองทางบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ทางเหนือของแหลมเชิงขอความช่วยเหลือ แล้วมองฟีน่าอย่างหวาดกลัว มันลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็ยกเท้าเล็กๆ ไปข้างหลังอย่างเชื่องช้า
จางจื่ออันเห็นว่า แมวตัวนี้ไม่ได้เชื่อฟังฟีน่าจริงๆ ถ้าเป็นแมวในร้านขายสัตว์เลี้ยงพวกนั้น ฟีน่าร้องเฮอะครั้งเดียวก็ทำพวกมันกลัวจนอึราดแล้ว
ฟีน่าทั้งโกรธทั้งเคือง มันอยากจะพุ่งไปตักเตือนด้วยตัวเอง เสวี่ยซือจื่อเสนอตัวทำแทนมัน ด้วยอยากถือโอกาสสร้างความประทับใจ แต่ก็ถูกจางจื่ออันขวางไว้
“ถ้าพวกมันมีโปรตีนพรีออนอะไรนั่น…ไม่คุ้มหรอกนะ” จางจื่ออันโน้มน้าว
ฟีน่ากวาดสายตามองมาอย่างรวดเร็วและดุดัน ก่อนร้องเมี๊ยวเสียงดังขึ้นสองครั้ง “ที่ซ่อนตัวอยู่แถวนี้ ไสหัวออกมาทั้งหมด!”
เมื่อสิ้นเสียง แมวที่หลบอยู่ในรูต้นไม้ ในพงหญ้า และหลังก้อนหินก็พากันเดินออกมาทีละตัว
ถ้าเป็นแมวบ้านที่พบเห็นได้ทั่วไป พอเห็นฟีน่าแล้วจะต้องหมอบลงกับพื้นเพื่อแสดงความสวามิภักดิ์ แม้แมวพวกนี้ออกมาแล้วจะไม่ได้วิ่งหนี แต่ก็ไม่ได้หมอบ ในสายตามีความเหลี่ยมจัดและดื้อแพ่ง
พอทุกคนเห็นว่าคำสั่งของมันไม่เป็นผล ฟีน่าก็หน้าร้อนฉ่าขึ้นมา อยากจะพุ่งเข้าไปเหวี่ยงแมวพวกนี้เสียเต็มประดา แต่เป็นอย่างที่จางจื่ออันพูด ไม่คุ้มค่าให้เสี่ยงอันตรายเพียงเพราะอารมรณ์โกรธชั่ววูบ
“ข้าขอสั่งพวกเจ้า ห้ามไปที่ไหนทั้งสิ้น ยืนสำนึกผิดต่อหน้าต้นไม้ตรงนี้ จนกว่าข้าจะอนุญาตให้พวกเจ้าไปจากที่นี่!” ฟีน่าตะโกนสั่ง
แมวพวกนี้เดินไปข้างๆ ต้นไม้ต้นที่ใกล้ที่สุดอย่างไม่ค่อยสมัครใจ แล้วหันหน้าเข้าต้นไม่อย่างมึนงง
ป่าตรงนี้ห่างจากด้านนอกไม่ไกล เดินหน้าไปสองสามก้าวก็ทะลุป่าออกไปแล้ว และที่อยู่ข้างหน้านั้นก็คือทุ่งนา
ฟราเทอร์ถอนหายใจ ก่อนหน้านี้มันส่งหมาป่าข้ามป่านี้เพื่อไปตรวจสอบอยู่หลายครั้ง แต่ละครั้งก็จะถูกแมวพบนี้พบและเรียกผู้คุมติดอาวุธมาพอดี หมาป่าปีนต้นไม้ไม่เป็น ไม่มีทางเอาชนะแมวพวกนี้ได้เลย คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะผ่านไปได้สบายๆ
ฟีน่ากลับยังมีสีหน้าตึงเครียด มันสังเกตเห็นว่าแมวพวกนี้ไม่ได้หันหน้าสำนึกผิดไปทางต้นไม้อย่างว่าง่ายแล้ว แต่พวกมันกลับทำท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาว หันหน้ากลับมามองมัน ราวกับกำลังรอมันจากไป
มันรู้ว่าหากมันออกไปจากตรงนี้ พวกมันก็จะทำเรื่องชั่วร้ายต่อ อาจจะหาวิธีรายงานข่าวผ่านสายลมทันทีเลยก็ได้
“พวกเจ้าไปก่อนเถอะ ข้าต้องอยู่เฝ้าพวกมันที่นี่” ฟีน่าพูด
จางจื่ออันขมวดคิ้ว แม้ฟีน่าจะแข็งแกร่งมาก และในป่านี้ก็ไม่มีสัตว์ป่าชนิดอื่น แต่ทิ้งมันไว้ที่นี่ก็ไม่ค่อยดีนัก
“เมี๊ยวๆๆ! ข้าน้อยยินดีอยู่เป็นเพื่อนฝ่าบาท! ฝ่าบาทอยู่ที่ไหน ข้าน้อยก็จะอยู่ที่นั่น!” เสวี่ยซือจื่อแสดงความซื่อสัตย์อย่างไม่ให้เสียโอกาส
เสวี่ยซือจื่อที่ดูแล้วนุ่มนิ่มน่ารัก แต่ความจริงใจดำโหดเ**้ยม ทว่าซื่อสัตย์ต่อฟีน่าอย่างแท้จริง
หากมีเสวี่ยซือจื่อยู่เป็นเพื่อนฟีน่า จางจื่ออันก็พอจะยอมตกลงได้
“งั้นพวกเธอก็ระวังตัวด้วย ห้ามประมาทเด็ดขาด” เขาเตือน
“ถุยๆๆ! ชายเฮงซวยจู้จี้จุกจิก รีบไสหัวไปให้ไกลๆ จากแม่เฒ่าเลย! อย่าขวางลูกตาอยู่ที่นี่ รบกวนเรื่องดีๆ ระหว่างข้ากับฝ่าบาทเสียเปล่า!” เสวี่ยซือจื่อย่นหน้าถ่มน้ำลายลงบนพื้น
ฟีน่ากับเสวี่ยซือจื่ออยู่เฝ้าดูแมวกบฏพวกนี้ ส่วนจางจื่ออันพาภูตสัตว์เลี้ยงตัวอื่นข้ามป่าไปอย่างรวดเร็ว
ครอก?
ครอกๆ?
หมูป่าฝูงหนึ่งที่พุ่งเข้ามาก่อนหน้านี้ยังแทะเล็มพืชผลอยู่ในทุ่งนา จนทุ่งนาเกือบจะเกลี้ยงแล้ว เหมือนกับผีหิวโหยกลับชาติมาเกิดใหม่ก็ไม่ปาน
ราชาหมูป่าหนักสี่ร้อยกิโลกรัมตัวนั้นได้กลิ่นหมาป่า ก่อนจะเงยหน้าถลึงตาใส่ฟราเทอร์ พร้อมแยกเขี้ยวติดมันเทศเป็นพรวน
บนแผ่นดินอเมริกาเหนือ นอกจากมนุษย์แล้ว หมาป่าเป็นศัตรูตามธรรมชาติตัวฉกาจของหมูป่า ราชาหมูป่าส่ายหน้าสะบัดมันเทศออกไป จากนั้นคำรามวี๊ดๆ อย่างโกรธเคือง หมูป่าตัวอื่นจึงพบการมาถึงของศัตรูตามธรรมชาติแล้ว
หมูป่ารวมตัวกัน จ้องฟราเทอร์ราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูคู่อาฆาต ขนบนคอที่ทั้งหนา ทั้งแข็งตั้งชันขึ้นทั้งตัว
รูจมูกของราชาหมูป่าตัวนั้นใหญ่พอจะยัดนิ้วโป้งของชายโตเต็มวัยได้เลยทีเดียว รูจมูกยังพ่นไอสีขาวออกมาตลอด กีบเท้าหน้าสองข้างสลับกันขุดดิน ส่งเสียงอู้อี้โมโหร้าย ราวกับรถบรรทุกที่พร้อมจะเหยียบคันเร่งได้ทุกเมื่อ
หากฟราเทอร์ก้าวเข้ามาอีกสักก้าว หมูป่าฝูงนี้ก็พร้อมจะรวมตัวกันบุก
ฟราเทอร์เป็นนักฆ่าโดยกำเนิด แม้ตอนนี้จะกลับตัวกลับใจแล้ว แต่ตอนนั้นก็มือเปื้อนเลือดมามาก มันมีประสบการณ์รับมือกับหมูป่าเต็มเปี่ยม ย่อมไม่กลัวหมูป่าพวกนี้ ถ้ามีความจำเป็น มันเชื่อว่าจะควักลำไส้ของราชาหมูป่าตัวนี้ออกมาได้ภายในไม่กี่กระบวนท่า
แต่มันไม่กลัว ไม่ได้หมายความว่าจางจื่ออันกับภูตสัตว์เลี้ยงตัวอื่นจะไม่กลัว โดยเฉพาะลิงน้อยตัวนั้น พอเห็นพวกศิษย์น้องแล้วไม่เพียงรู้สึกเหมือนได้เจอเพื่อนเก่า กลับตัวสั่นกลัวด้วยซ้ำ
หมูป่าวิ่งเร็วกว่าคนมาก จางจื่ออันที่ฝึกฝนออกกำลังกายมาเป็นเวลานานแล้วแข็งแรงกว่าคนทั่วไป แต่ยังอยู่ในขอบเขตความสามารถของมนุษย์ ถ้าให้ฝูงหมูป่าบุก เขากับลิงน้อยอาจจะเจอปัญหาที่ตัวเองไม่ได้ก่อ
ฟราเทอร์วิเคราะห์สถานการณ์ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วพูดกับจางจื่ออันว่า “พวกนายไปก่อนเถอะ ข้าจะอยู่รั้งหมูป่าฝูงนี้ไว้ที่นี่”
มันเข้าใจสถานการณ์แล้ว จางจื่ออันก็เข้าใจสถานการณ์แล้วเช่นกัน รู้ว่านี่เป็นทางเลือกเดียว ไม่อย่างนั้นก่อนที่จะรับมือกับศัตรูที่แท้จริง ก็ต้องสู้กับฝูงหมูป่าสักตั้งก่อน
ถ้าเทียบกับสถิติในเกม พวกหมูป่าก็เหมือนปิศาจที่การจู่โจมสูง เลือดเยอะ การป้องกันสูง ถึงพวกภูตสัตว์เลี้ยงตรงเข้าจู่โจมพร้อมกันก็ยังตึงมือ ถ้าตอนนี้ศัตรูถือโอกาสจู่โจมเขาแล้วคนอื่นจะทำอย่างไร