ตอนที่ 634 มาอย่างถูกต้อง

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 634

มาอย่างถูกต้อง

“ชิวซุย…..”แทบไม่ต้องเดาเลย ทันทีที่ชิวซุยปล่อยพลังวิญญาณออกมากลางเมือง หลินเฟยผู้เป็นพี่ก็แทบจะสัมผัสได้ทันทีและมุ่งตรงมาที่ตลาดก่อนจะกลับไปที่สำนักเสียอีก

“ท่านพี่”เมื่อมาถึงสิ่งที่ได้พบก็คือใบหน้ายิ้มแย้มของน้องสาวตนเองกับศิษย์ของตนเองอีก 3 คนที่กำลังยืนเอ๋ออยู่ตรงหน้ากลุ่มศิษย์สำนักหมู่ดาวที่โดนมัดเอาไว้เสียเรียบร้อย

“นี่เจ้ามา……”หลินเฟยเห็นหน้าชิวซุยก็เตรียมจะถามคำถามทันทีแต่พอลงถึงพื้นมือของชิวซุยก็พุ่งเข้ามาปิดปากหลินเฟยเอาไว้ก่อนเสียอย่างนั้น

“ข้าขอท่านแม่แล้วนะ คราวนี้ไม่มีใครมาตามข้ากลับหรอก”ชิวซุยชิงบอกก่อนจะโดนพี่ชายตนเองสวดเรื่องแอบมาหาตนเองเข้าให้ ดูเหมือนว่าคราวนี้ชิวซุยจะมาโดยได้รับอนุญาตแล้วทำให้หลินเฟยลดท่าทีดุลง

“งั้นเหรอ ทำไมท่านแม่ถึงยอมให้เจ้ามาได้กันล่ะ”พอเอามือของชิวซุยออกไปแล้วหลินเฟยก็เอ่ยถามด้วยท่าทีงงๆ ส่วนเรื่องที่มีศิษย์สำนักหมู่ดาวถูกมัดกองเอาไว้กับพื้นนั้นหลินเฟยไม่ต้องเดาก็แทบจะรู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะตนเองก็คาดเดาเอาไว้อยู่แล้วว่าศิษย์สำนักหมู่ดาวต้องกำลังเดือดดาลกันอยู่แน่ๆที่อาวุโสของพวกตนโดนจับเข้าคุกกันนั่นเอง ความจริงหลินเฟยอยากจะรีบกลับสำนักบอกให้ศิษย์สำนักเหยี่ยวทะเลทรายระมัดระวังตัวหากจะออกไปข้างนอกกันเสียด้วยซ้ำ แต่เพราะโดนองค์รัชทายาทและองค์จักรพรรดิเรียกตัวเข้าไปพูดคุยเสียก่อนก็เลยกลับมาไม่ทัน

“ท่านพี่ลืมแล้วหรือเจ้าคะว่าวันเกิดของท่านกำลังจะมาถึงแล้ว”ชิวซุยเอียงคอสงสัยท่าทางหลินเฟยจะลืมวันเกิดตัวเองแล้วจริงๆ

“วันเกิด…..นั่นสิ จะถึงแล้วนี่นา”พอน้องสาวเอ่ยทักหลินเฟยก็เหมือนจะนึกออกขึ้นมาจนได้ เพราะช่วงนี้มันยุ่งจริงๆก็เลยไม่ได้นึกถึงวันเกิดเลย

“ท่านพี่นี่ลืมได้แม้กระทั่งวันเกิดตัวเอง ก็คงไม่แปลกหรอกที่ลืมวันเกิดข้า”ชิวซุยทำหน้ามุ่ยออกมาพร้อมรำลึกถึงเรื่องที่หลินเฟยทำชิวซุยโกรธเมื่อหลายเดือนก่อนขึ้นมาจนได้

“เจ้ายังโกรธข้าเรื่องนั้นอยู่อีกเหรอ”หลินเฟยยิ้มเจื่อนๆออกมาทันทีเมื่อโดนน้องสาวขุดเรื่องนั้นขึ้นมาพูด แต่พอเห็นหน้าหลินเฟยแบบนั้นชิวซุยก็อมยิ้มออกมาก่อนจะหัวเราะเบาๆ

“ข้าแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง ท่านพี่เรากลับกันเถอะ”ชิวซุยว่าพลางเดินเข้ามากอดแขนของหลินเฟยเอาไว้เหมือนจะชวนให้หลินเฟยเดินกลับสำนักพร้อมกัน

“อาจารย์ แล้วจะเอายังไงกับคนพวกนี้เจ้าคะ”หนี่หลิงหนานถามพลางชี้ไปทางศิษย์สำนักหมู่ดาวที่กองกันอยู่กับพื้น

“ปล่อยไว้แบบนั้นก็แล้วกัน ระหว่างทางกลับข้าจะแจ้งให้ทหารมาจับตัวพวกมันไปลงโทษ”หลินเฟยตอบด้วยท่าทีสบายๆ พวกมันโดนมัดแถมยังโดนชิวซุยสกัดจุดพลังวิญญาณเอาไว้แล้วด้วย ไม่มีแรงจะหนีหรอก

“เจ้าค่ะ….”พวกหนี่หลิงหนานตอบพลางเดินตามหลินเฟยไปช้าๆ สำหรับพวกนางแล้วได้เห็นอาจารย์อยู่กับน้องสาวช่างเป็นเรื่องที่แปลกตาไม่น้อย ยิ่งได้ทราบอายุที่แท้จริงของหลินเฟยแล้วพวกนางยิ่งรู้สึกว่าหลินเฟยต่างออกไปมาก ราวกับไม่ใช่อาจารย์ผู้ทรงเกียรติแต่เป็นชายหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับพวกตนที่กำลังเดินเล่นกับน้องสาวตามปกติเลย เรียกได้ว่ายามที่หลินเฟยอยู่กับชิวซุยดูผ่อนคลายลงมากทีเดียว

“นี่มัน เรื่องอะไรกัน…..”พอกลับมาถึงสำนัก สิ่งที่หลินเฟยได้เจอก็คือเหล่าศิษย์รวมทั้งอาวุโสกำลังวิ่งวุ่นกันทั่วสำนักพร้อมข้าวของเต็มมือ และของที่ว่าล้วนแล้วแต่เป็นของตกแต่งที่กำลังนำไปประดับรอบสำนักอีกต่างหาก

“ท่านเจ้าสำนักมาแล้วหรือขอรับ ฟงเป่าบอกข้าแล้ววันเกิดของท่านพวกเราจะจัดงานฉลองอย่างยิ่งใหญ่เลยขอรับ”ผานซูที่ถือตารางงานเดินเข้ามาหาหลินเฟยด้วยท่าทียิ้มแย้ม

“ฉลอง….วันเกิดข้า”หลินเฟยได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมองชิวซุยทันที หลินเฟยไม่เคยบอกวันเกิดให้ใครทราบแน่นอนว่าคนที่ทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นก็คือชิวซุยนั่นเอง

“ดีจังเลยนะเจ้าคะ สมัยก่อนท่านพี่ก็ชอบจัดงานแบบนี้นี่นา”ชิวซุยว่าพลางยิ้มด้วยท่าทียินดี จะว่าไปสมัยก่อนหลินเฟยก็จัดงานยิ่งใหญ่อลังการเสียยิ่งกว่านี้อีก แต่….

“ผานซู แล้วเงินของสำนักจะพอหรือไงเอามาจัดงานแบบนี้”หลินเฟยถามด้วยท่าทีกังวล แน่นอนว่าที่หลินเฟยทำไปทั้งหมดจะทำให้สำนักเหยี่ยวทะเลทรายได้รับงานมากขึ้นหลังจากนี้ ไม่ว่าจะงานหลวงหรืองานราษฎร์ แต่นั่นมันเรื่องของอนาคต แถมระหว่างนี้เงินสนับสนุนของราชสำนักยังโดนงดอีกต่างหาก

“พอแน่นอนขอรับ ของประดับส่วนใหญ่เป็นของที่เจ้าสำนักคนเก่าเก็บสะสมเอาไว้อยู่แล้ว เราเสียแค่ค่าอาหารเครื่องดื่มและค่าจ้างนักแสดงเท่านั้นขอรับ”ผานซูลอบมองซ้ายมองขวาพร้อมกระซิบข้างหูหลินเฟยเบาๆ

“งะ งั้นหรือ”หลินเฟยกะพริบตาปริบๆพลางมองของตกแต่งหรูหราที่กำลังจัดเอาไว้รอบสำนัก จะชมผานซูที่ประหยัดงบเก่งดีหรือจะด่าเจ้าสำนักคนเก่าที่สะสมของเหล่านี้เอาไว้ก่อนดี แต่ในเมื่องานเสียเงินไม่มากก็คงไม่เป็นไร

“เอาเถอะ จริงๆแล้วข้าอยากจะจัดงานต้อนรับอาทู้กับฉลองให้พวกเจ้าที่ทำผลงานในการประลองได้ยอดเยี่ยมก่อนแท้ๆ”หลินเฟยว่าพลางมองไปทางกลุ่มศิษย์ของตนเอง

“เช่นนั้นก็จัดพร้อมกันไม่ดีหรือขอรับ จะได้ประหยัดงบของสำนัก”ผานซูถามด้วยท่าทียิ้มแย้ม จะว่าไงดี คิดถูกจริงๆที่ฝากเรื่องเงินของสำนักให้ชายคนนี้ มันเหนียวเอาเรื่องเลยนี่นา

“ดีเลยเจ้าค่ะ พวกข้าเห็นด้วย”หนี่หลิงหนาน เซี่ยจินเย่ และอาทู้ต่างมีท่าทีเห็นด้วยกันอย่างเห็นได้ชัด เพราะพวกนางไม่ได้คิดเรื่องฉลองอะไรอยู่แล้ว และที่สำคัญยังไงงานวันเกิดของหลินเฟยก็ต้องจัดให้ได้

“ท่านรองเจ้าสำนัก ให้ข้าช่วยอีกแรงนะเจ้าคะ”พอได้ผลสรุป พวกหนี่หลิงหนานก็พากันเข้าไปช่วยศิษย์ๆคนอื่นๆจัดงานเสียอย่างนั้น แต่เพราะเห็นภาพท่าทางอบอุ่นเช่นนี้ชิวซุยเลยอดไม่ได้ที่จะอมยิ้มออกมา

“ชิวซุย เจ้าช่วยรักษาอาทู้ให้สินะ ขอบใจเจ้ามาก”หลินเฟยมองไปทางอาทู้ที่กำลังเดินตามพวกหนี่หลิงหนานไป เห็นนางออกมาเดินเที่ยวตลาดมันก็เลยลองตรวจสอบดู พอเห็นว่าอาการบาดเจ็บทั้งหมดของนางหายดีแล้วก็ทราบทันทีว่าคนที่รักษาคือชิวซุยนั่นเอง

“นางเรียกข้าว่าอาจารย์อาด้วย น่ารักกันจริงๆเลยนะเจ้าคะ”ชิวซุยยิ้มด้วยท่าทีมีความสุข แต่เดิมคนตระกูลไป๋ไม่รับศิษย์กันอยู่แล้วเพราะไม่ได้เปิดสำนัก ทำให้ชิวซุยพึ่งโดนเรียกอาจารย์อาเป็นครั้งแรก บอกตามตรงว่ารู้สึกดีไม่น้อยเลย

“พอรักษาหายแล้วจะฟื้นพลังของนางกลับมาเหมือนเดิมก็ไม่ใช่เรื่องยาก ข้าคงต้องหาวิชาที่เหมาะกับนางเสียแล้วสิ”หลินเฟยว่าพลางยิ้มบางๆออกมา คราวก่อนมันสุ่มเลือกวิชาให้ฟงเป่ากับหนี่หลิงหนานทำให้วิชาแรกไม่ดีเท่าไหร่ คราวนี้หลินเฟยคงต้องทำความรู้จักกับอาทู้ให้ดีเสียก่อน

“ทำไมไม่สอนลมปราณมังกรให้ล่ะเจ้าคะ วิชานี้เหมาะกับคนที่มีพลังธาตุศักดิ์สิทธิ์มากที่สุดเลยนะเจ้าคะ”ชิวซุยเสนอ เพราะทั้งตนเองและท่านตาก็ใช้วิชานี้ทั้งนั้น และมีแต่ผู้ใช้พลังธาตุศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่จะสามารถดึงพลังของวิชานี้ออกมาได้เต็มที่

“วิชานั่นเป็นของตระกูลไป๋ไม่ใช่หรือไง พี่เอามาให้ลูกศิษย์ไม่ได้หรอก”หลินเฟยส่ายหน้าช้าๆด้วยท่าทีเสียดาย ตั้งแต่ฝึกฝนพวกฟงเป่ามาหลินเฟยไม่เคยมอบวิชาฝึกฝนที่สืบทอดมาจากตระกูลไป๋เลย วิชาทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นวิชาที่ได้มาจากผู้อื่นทั้งสิ้น วิชากระบี่ร้อยบุปผาของหลานฮวาวิชากระจกภูตพรายของคนที่เคยมาท้าประลองน้าจูล่ง ทั้งกระบี่แสงอรุณ กระบี่เกลียวสมุทรเองก็เป็นวิชาที่หลินเฟยได้เรียนรู้มาจากการท่องเที่ยวในอาณาจักรไป๋ทั้งนั้น จะมีเพียงวิชาปีกทองสะบั้นฟ้าเท่านั้นที่คาบเกี่ยวเพราะเป็นวิชาที่ท่านตาไก่ฟ้ามอบให้หลินเฟยเองจะว่าไม่ใช่ของตระกูลไป๋ก็นับว่าเฉียดฉิวก็ได้

“แต่เดิมวิชาลมปราณมังกรก็ได้มาจากผู้อื่นนี่เจ้าคะ ข้าว่าท่านตาต้องยอมแน่ๆ”ชิวซุยตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีมั่นใจ แต่ถึงอย่างนั้นจะให้หลินเฟยถ่ายทอดวิชาของท่านตาโดยไม่ขอมันจะดีงั้นหรือ

“เอาอย่างนี้ พอจบงานฉลองแล้วข้าจะไปถามท่านตาเองว่าวิชาไหนท่านพี่จะถ่ายทอดให้ศิษย์ได้บ้าง แล้วข้าจะส่งจดหมายมาให้ท่าน”ชิวซุยตอบด้วยท่าทีจริงจัง ดูเหมือนนางเองก็ถูกใจเหล่าศิษย์พวกนี้เข้าแล้ว เลยอยากจะให้หลินเฟยถ่ายทอดวิชาที่ดีกว่านี้ให้

“เจ้าทำตัวสมเป็นอาจารย์อาดีนะ”หลินเฟยหัวเราะพลางพาชิวซุยเข้าไปในเขตของเจ้าสำนัก มันไม่ได้พบชิวซุยมาตั้งหลายเดือนมีเรื่องอยากเล่าและอยากถามตั้งมากมาย

“จริงสิ พูดถึงเรื่องฝึกฝนวิชาแล้ว”ชิวซุยยิ้มพลางหันมามองทางหลินเฟยช้าๆ

“ถ้าท่านพี่ยังขี้เกียจฝึกฝนวิชาแบบนี้ ข้าจะแซงหน้าท่านพี่แล้วนะ”ชิวซุยยิ้มด้วยท่าทีน่ารักน่าชังราวกับกำลังจะอวดพลังวิญญาณของตนเองที่ตีเสมอหลินเฟยได้แล้วเสียอย่างนั้น

“หึหึ เอาไว้เจ้าเก่งได้เท่าน้าจูล่งค่อยมาข่มข้าแล้วกัน”หลินเฟยหัวเราะออกมากับท่าทีของน้องสาว อยู่ที่เขตอสูรผาไร้ก้นย่อมฝึกฝนพลังได้ง่ายกว่าอยู่แล้ว แต่หลินเฟยยามนี้กลับไม่ค่อยสนใจฝีมือตนเองนัก มันกลับสนใจเรื่องของเหล่าศิษย์มากกว่าว่าจะพัฒนาได้ถึงไหน ทั้งฟงเป่า หนี่หลิงหนาน และ เซี่ยจินเย่ ต่างพัฒนาได้เร็วมาก ส่วนอาทู้นั้นก็เป็นคนมีพรสวรรค์และมีพลังธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่หาได้ยาก หากฝึกฝนดีๆก็คงกลายเป็นคนเก่งคนหนึ่งเลย

“ไม่เอา อย่าเอาท่านน้ามาเป็นตัวเปรียบเทียบสิ”ชิวซุยได้ยินเช่นนั้นก็โวยวายทันที หากเอาท่านน้าจูล่งมาเทียบต่อให้ชิวซุยฝึกจนถึงระดับเจ้าสวรรค์ขั้น 10 และพลังอสูรระดับบรรพกาลขั้นที่ 10 ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะแข็งแกร่งได้เท่าท่านน้าหรือเปล่า

“งั้นเป็นท่านตาก็แล้วกัน”หลินเฟยเห็นชิวซุยโวยวายเหมือนเด็กๆก็ขยี้หัวนางด้วยความเอ็นดูปนหมั่นไส้

“ไม่เอา อย่างน้อยก็เป็นท่านพ่อเถอะนะ”ชิวซุยว่าพลางทำท่าทางจริงจังขึ้นมาเสียอย่างนั้น ไม่ทราบชิงชิวได้ยินเช่นนี้จะรู้สึกดีใจหรือเสียใจดีที่ตนกลายเป็นตัวเลือกรองเช่นนี้