ตอนที่ 635 เปิดโอกาส

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 635

เปิดโอกาส

“ขอแสดงความยินดีกับท่านเจ้าสำนักด้วยขอรับ”เหล่าอาวุโสและรองเจ้าสำนักรวมทั้งเหล่าอาจารย์และศิษย์ทั้งหลายในสำนักเหยี่ยวทะเลทรายยามนี้พากันมาแสดงความยินดีในงานฉลองวันเกิดของหลินเฟยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเรียกได้ว่าสมกับเป็นงานฉลองใหญ่ที่เตรียมตัวจัดกันมาหลายวันเลยทีเดียว และนอกจากงานนี้จะเป็นงานฉลองวันเกิดเจ้าสำนักแล้วยังเป็นงานฉลองที่เหล่าศิษย์เอกของเจ้าสำนักคว้าเอาชัยชนะจากสำนักเพราะทองมาได้อย่างงดงาม แน่นอนว่าเป็นงานเลี้ยงต้อนรับอาทู้ด้วย แต่เรื่องนั้นไม่ได้ประกาศออกไปอย่างเป็นทางการมีเพียงพวกศิษย์ที่ไปร่วมประลองและได้ทราบเหตุการณ์ด้วยกันเท่านั้นที่ฉลองให้กับเรื่องนี้

“วันนี้นับเป็นวันดีเชิญทุกท่านดื่มกินและรับชมการแสดงกันให้สำราญ”หลินเฟยยิ้มด้วยท่าทีดีใจก่อนจะประกาศเปิดงานฉลองพร้อมเสียงดนตรีที่กำลังเริ่มบรรเลง

“ท่านพี่ สุขสันต์วันเกิดเจ้าค่ะ”ชิวซุยที่นั่งอยู่ข้างๆเห็นพี่ชายตนเองกลับมานั่งเก้าอี้แล้วก็เอยคำอวยพรออกมาทันที

“แล้วก็นี่ของขวัญจากข้าเจ้าค่ะ”ชิวซุยพูดจบก็นำกระบี่เล่มหนึ่งออกมาจากมิติของตนเอง กระบี่เล่มนี้ไม่ใช่สิ่งแปลกตาสำหรับหลินเฟยเลย เพราะสมัยก่อนมันมักจะอยู่ในมิติส่วนตัวของหลินเฟยเสมอ หรือก็คือมันเป็นกระบี่ประจำตัวหลินเฟยนั่นเอง

“นี่เจ้า เอามาให้ข้างั้นหรือ”หลินเฟยถามด้วยท่าทีประหลาดใจ กระบี่เล่มนี้โดนยึดไปพร้อมๆกับของต่างๆในมิติของหลินเฟยหลังจากโดนลงโทษขับไล่ออกจากตระกูล

“เจ้าค่ะ ข้าขออนุญาตท่านตาเป็นกรณีพิเศษเลยนะ”ชิวซุยยิ้มหวานพลางส่งกระบี่ในมือให้หลินเฟย ความจริงเพียงขอจากไป๋จูเหวินนั้นยังไม่พอหรอก แต่ชิวซุยยังไปขอร้องเหล่าผู้เสียหายด้วยตนเองอีกด้วยกว่าจะได้รับอนุญาตให้นำกระบี่เล่มนี้มาให้หลินเฟยได้

“ขอบใจเจ้ามาก”หลินเฟยยิ้มออกมาด้วยท่าทีมีความสุขก่อนจะนำกระบี่มาถือในมือ วิชาควบคุมเพลิงของท่านตาราชสีห์นั้นเหนือล้ำกว่าหลินเฟยไปมาก ไม่มีทางที่หลินเฟยจะสร้างกระบี่แบบนี้ขึ้นมาเองได้แน่ แถมวัตถุดิบที่ใช้ตัวหลินเฟยก็ไม่แน่ใจว่าจะหาจากอาณาจักรซานได้หรือไม่ แต่ไม่ว่าหลินเฟยจะสร้างกระบี่ที่เหมือนกันออกมาได้หรือไม่ความคุ้นมือนี้ก็ไม่อาจเทียบกันได้อยู่ดี

“อาจารย์ นี่เป็นของขวัญจากพวกเราเจ้าค่ะ”พอเห็นว่าชิวซุยมอบของขวัญไปแล้ว พวกหนี่หลิงหนานเองก็เข้าไปให้ของขวัญที่ซื้อกันมาเช่นกัน แน่นอนว่าฟงเป่าเองก็เตรียมของขวัญเอาไว้ให้ด้วย

“เป็นชุดที่ดูดีมากทีเดียว ขอบใจพวกเจ้ามาก”หลินเฟยยิ้มบางๆออกมาเมื่อเห็นชุดที่พวกหนี่หลิงหนานซื้อมาให้ พวกนางไม่ได้มีเงินมากมายอะไรแต่ก็ยังหาซื้อของขวัญมานับว่าน่าเอ็นดูมาก และอย่างน้อยชุดที่พวกนางนำมาให้ก็เป็นชุดผู้ชายส่วนของฟงเป่าเป็นเครื่องประดับหยกสำหรับเหน็บที่เอวนับว่าเข้าชุดกับของที่พวกหนี่หลิงหนานหามาไม่น้อย เอาเป็นว่าหลินเฟยจะไม่สนใจว่าทำไมสีเสื้อผ้ามันถึงออกไปทางหวานมากกว่าปกติก็แล้วกัน

“จริงสิท่านพี่ พวกท่านน้าฝากของขวัญมาให้ด้วยนะ”ชิวซุยเห็นชุดของพวกหนี่หลิงหนานก็ทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ นางจึงนำของขวัญออกมาจากมิติของตนอีกหลายชิ้น

“……….”ถามว่าน่าดีใจหรือไม่ที่พวกน้าๆส่งของขวัญมาให้ แต่หลินเฟยก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมท่านน้าต้องส่งมาแต่เสื้อผ้าด้วย

“พวกเราส่งของมีค่ามาให้ท่านพี่ไม่ได้ ท่านน้าก็เลยส่งของพวกนี้มาให้แทน”ชิวซุยตอบด้วยท่าทียิ้มแย้ม แต่ถึงจะบอกว่าส่งของมีค่ามาไม่ได้ แต่ผ้าพวกนี้ต่างก็ทำมาจากวัสดุของสัตว์อสูร แม้ในอาณาจักรไป๋จะเป็นของที่หามาได้ไม่ยาก แต่ในอาณาจักรซานแห่งนี้คงขายได้ราคางามเลยมั้ง

“แล้วก็ของขวัญของท่านพ่อกับท่านแม่”ดูเหมือนของขวัญที่ชิวซุยนำมาจะยังไม่หมด นางยื่นจดหมายที่เป็นของขวัญของท่านแม่และท่านพ่อให้หลินเฟยด้วยท่าทียินดี ท่านแม่และท่านพ่อเหมือนจะไปขอร้องอะไรท่านตาสักอย่างก่อนถึงวันเกิดท่านพี่ บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องในจดหมายก็เป็นได้

“……..”หลินเฟยพอทราบว่าเป็นจดหมายของท่านแม่ก็เปิดอ่านออกช้าๆ แม้จะไม่ได้เจอกันหลายเดือน แต่เนื้อความในจดหมายของไป๋หลินก็แสดงความเป็นห่วงหลินเฟยอย่างชัดเจน นางถามอะไรหลายๆอย่างผ่านทางจดหมายและบอกให้หลินเฟยเขียนตอบมาด้วยเช่นกัน นางทั้งกังวลเรื่องที่อยู่อาศัย ปากท้อง และสังคมที่หลินเฟยต้องเข้าไปอยู่ เรียกได้ว่าถามละเอียดยิบจนน่าตกใจเลยทีเดียว

“ฮะๆ…..ท่านแม่ก็ยังขี้กังวลเหมือนเดิม”หลินเฟยยิ้มออกที่มุมปากก่อนจะนำกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาเขียนจดหมายตอบท่านแม่และส่งมอบให้ชิวซุยนำกลับไป แน่นอนว่านอกจากคำถามตามประสาแม่แล้วชิงชิวบิดาของหลินเฟยก็ยังมอบของขวัญผ่านทางจดหมายให้อีก 1 อย่างนั้นคือคำอนุญาตให้หลินเฟยสามารถจับอสูรสำหรับเดินทางมาได้ตนหนึ่ง หรือก็คือจะยอมให้เหลินเฟยใช้พลังดึงดูดเหล่าอสูร 1 ครั้งนั่นเอง ซึ่งเรื่องนี้ทำให้หลินเฟยแทบจะอยากกลับไปกอดบิดาสักหน การเดินทางในอาณาจักรซานนั้นยากลำบากมาก เพราะต้องเดินทางด้วยรถม้าเพียงอย่างเดียว ไม่มีรถไฟ ไม่มีรถยนต์ สำหรับหลินเฟยที่โตมาในยุคการเดินทางง่ายดายนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยชินเท่าไหร่เลย

โครม!!

หลินเฟยยังไม่หายซาบซึ้งจากของขวัญของพวกท่านน้าและท่านพ่อท่านแม่ อยู่ๆที่หน้าประตูสำนักก็เกิดเสียงดังสนั่นชนิดที่ว่ากลบเสียงเครื่องดนตรีจนมิด

“เจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทราย ออกมาเดี๋ยวนี้”เสียงตะโกนของชายคนหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศตื่นตกใจของเหล่าศิษย์ที่พากันมองไปทางประตูสำนัก ยามนี้มีชายกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมท่าทีเอาเรื่อง แน่นอนว่าว่าพวกมันต้องเป็นคนของสำนักหมู่ดาวแน่ๆ แต่คนที่เดินนำหน้ามานั้นกลับเป็นชายชราสวมใส่เสื้อผ้าสีขาวสะอาดดูแล้วไม่เหมือนคนที่มาจากสำนักหมู่ดาวเลย

“ท่านอาวุโส ไม่ทราบท่านคือใครหรือขอรับ”หลินเฟยไม่รีรอรีบออกมารับหน้าทันที ชายชราตรงหน้าเป็นชนชั้นยอดฝีมือของอาณาจักรซานอยู่ระดับเสินเซียนขั้น 10 จึงไม่น่าจะเป็นคนของสำนักหมู่ดาวแน่ๆ

“ข้าคืออาวุโสแห่งสำนักวิถีเซียน มาที่นี่เพื่อลงโทษเจ้า”ชายชราคนนั้นพูดพลางเดินเข้ามาหาหลินเฟยด้วยท่าทีเอาเรื่อง สำนักวิถีเซียนงั้นหรือ หากจำไม่ผิดน่าจะเป็นสำนักอันดับ 1 ของอาณาจักรซาน ว่ากันว่าเป็นสำนักที่เคร่งครัดมากๆ ทำตัวเหมือนนักบวชอาศัยอยู่บนเขาไม่สุงสิงกับโลกภายนอกนี่นา

“ท่านอาวุโส เกรงว่าท่านจะเข้าใจอะไรผิดนะขอรับ”หลินเฟยเลือกที่จะเจรจากันก่อนเพราะถึงอย่างไรด้านหลังมันก็กำลังจัดงานมงคล ไม่ควรตีกันกลางงานแบบนี้

“หลานเขยของข้าถูกเจ้าสังหาร มีอะไรต้องคุยอีก”ชายชราพูดด้วยท่าทีโมโหยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ท่าทางจะคุยกันไม่ได้แล้ว

“หลานเขยของท่าน…..”หลินเฟยมองไปด้านหลังชายชราด้วยท่าทีสงสัย คนที่หลินเฟยฆ่าไปมีเพียงคนเดียวเท่านั้นคือเจ้าสำนักหมู่ดาว แถมคนที่พาชายชราคนนี้มาก็คือคนของสำนักหมู่ดาวเสียด้วย ท่าทางจะเป็นคนอื่นไปไม่ได้เสียกระมัง

“หลานเขยของข้าคือเจ้าสำนักหมู่ดาว เจ้าบังอาจสังหารมันเท่ากับสังหารคนตระกูลข้า วันนี้ข้าจึงมาเพื่อแก้แค้น”ก่อนหน้านี้หลินเฟยสังหารเจ้าสำนักหมู่ดาวทำให้ภรรยาของมันเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก ถึงกับไปขอร้องให้ปู่ของตนมาช่วยแก้แค้น ตัวอาวุโสไม่อาจทนเห็นหลานสาวร้องไห้ปานจะขาดใจได้จึงลงมาแก้แค้นด้วยตนเอง แม้ระดับพลังจะเท่ากันแต่วิชาของสำนักวิถีเซียนนั้นลึกล้ำกว่ามาก คนที่เอาชนะเจ้าสำนักหมู่ดาวได้ก็ใช่ว่าจะเอาชนะอาวุโสของสำนักวิถีเซียนได้

“ท่านอาวุโส วันนั้นหลานเขยของท่านพยายามจะสังหารศิษย์ของข้า ที่ข้าสังหารมันก็เพื่อปกป้องศิษย์ของข้าท่านเห็นว่าข้ากระทำผิดงั้นหรือ”หลินเฟยถามพลางมองไปทางชายชราด้วยท่าทีสงบ หากฟังเท่านี้จะว่าหลินเฟยมีเหตุผลก็คงได้ แต่ในใจหลินเฟยรู้ดีว่าที่ตนสังหารเจ้าสำนักหมู่ดาวไปนั้นเป็นเพราะอารมณ์ล้วนๆ วันนั้นต่อให้มันไม่สังหารเจ้าสำนักหมู่ดาวก็มีความสามารถพอจะพาอาทู้ออกมาได้อยู่แล้ว

“ไม่….ข้าไม่เชื่อ…….”อาวุโสท่านนั้นท่าทางจะสายตามืดบอดไปเสียแล้ว ต่อให้อ้างเหตุผลอะไรก็คงจะแก้แค้นให้ได้ ทำให้หลินเฟยเตรียมตัวจะรับมืออีกฝ่ายเรียบร้อยแล้ว ขอเพียงเริ่มโจมตีหลินเฟยจะใช้ฝ่ามืออัสนีคู่ดับฟ้าจี้ไปที่กระหม่อมทั้งสองข้างของอีกฝ่ายทำใหหมดสติทันที และพาตัวออกไปส่งโดยไม่ให้มีเลือดแม้แต่หยดเดียว

“หยุดก่อน”อาวุโสสำนักวิถีเซียนกำลังจะโจมตี ชายหนุ่มคนหนึ่งก็เข้ามาขวางเอาไว้ก่อน เพียงแต่ชายหนุ่มที่เข้ามาขวางนั้นไม่ได้มาคนเดียว แต่มากันถึง 6 คนโดยแต่ละคนนั้นต่างสวมใส่เสื้อผ้าสีขาวสะอาดเช่นเดียวกับอาวุโสแห่งสำนักวิถีเซียน

“อาวุโสปินซุย ระงับโทสะก่อน”ชายหนุ่มที่เข้ามาขวางยืนตระหง่านตรงหน้าชายชรานามปินซุยด้วยท่าทีองอาจ แถมกลับเป็นฝ่ายปินซุยเองที่ชะงักเสียจนเสียอาการ

“ท่านเจ้าสำนักท่านมาที่นี่ได้อย่างไร”ปินซุยรีบประสานมือคารวะชายหนุ่มคนนั้นทันทีก่อนจะถอยห่างออกมาทันที

“ข้าได้สอบถามมาแล้ว เรื่องที่หลานเขยของท่านจะสังหารศิษย์ของเจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายเป็นความจริง ข้ามาเพื่อหยุดท่าน”เจ้าสำนักวิถีเซียนพูดก่อนจะหันไปประสานมือให้หลินเฟยช้าๆ

“ข้ารู้ แต่ข้าไม่แก้แค้นไม่ได้”ปินซุยว่าพลางกำหมัดแน่น มันทราบดีแล้วว่าหลานเขยมันเป็นคนผิดแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจเลิกคิดจะแก้แค้นได้อยู่ดี

“สำนักเรานับถือถูกผิดเป็นสำคัญ ข้าไม่อาจยอมให้ท่านทำเช่นนั้นได้ หากท่านอยากจะแก้แค้นนักก็ต้องข้ามศพข้าไปก่อน”เจ้าสำนักวิถีเซียนยืนกรานจะห้ามปินซุยให้ได้ ถึงขนาดยอมเป็นโล่ให้หลินเฟยเลยงั้นหรือ

“ท่านเจ้าสำนัก ท่านอย่าบีบคั้นข้าเลย”ปินซุยกัดฟันด้วยท่าทีเจ็บใจตัวมันนับถือเจ้าสำนักอยู่แล้วจะให้ฆ่าไม่ต้องพูดถึงแค่จะหันคมดาบใส่ท่านก็ยังทำไม่ได้เลย

“ศิษย์พี่ พวกเราต้องห้ามท่านเอาไว้จริงๆ”เหล่าชายชราที่ตามมาต่างเดินเข้ามาขวางเช่นเดียวกัน ทำเอาปินซุยยิ่งมีท่าทีตกใจ ผู้ที่ตามเจ้าสำนักมาต่างเป็นอาวุโสของสำนักวิถีเซียนทั้งสิ้น ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือระดับเสินเซียนขั้นที่ 10 ไม่มีทางที่ปินซุยจะฝ่าเข้าไปได้เลย

“ท่านอาวุโส ท่านอยากแกแค้นสินะขอรับ”ระหว่างความตึงเครียดของคนสำนักวิถีเซียนด้วยกัน หลินเฟยเห็นท่าทางจะไม่ดีเลยเข้าไปห้ามอีกแรง

“เช่นนั้นข้าจะให้ท่าน 3 กระบวนท่า หากข้าตกตายก็ถือว่าท่านแก้แค้นสำเร็จหากข้ารอดนับว่าเลิกแล้วต่อกันได้หรือไม่”หลินเฟยเสนอด้วยท่าทีกล้าหาญ แต่ชิวซุยที่นั่งดูอยู่จากระยะไกลกลับส่ายหน้าช้าๆ ท่านพี่เสนอแบบนี้ไม่มีความเท่าเทียมเอาเสียเลย ไม่มีทางที่คนพลังระดับเสินเซียนจะสร้างบาดแผลให้เกราะแมงมุมของหลินเฟยได้หรอก แบบนี้เหมือนยอมให้อีกฝ่ายระบายอารมณ์เท่านั้นเอง