ตอนที่ 636
บาดเจ็บ..
“ท่านเจ้าสำนัก ขอรบกวนเวลาสักครู่ได้หรือไม่ขอรับ”ระหว่างที่หลินเฟยกำลังเสนอข้อแลกเปลี่ยนให้อาวุโสปินซุยอยู่นั้น เจ้าสำนักวิถีเซียนก็เดินเข้ามาหาหลินเฟยแทน ก่อนจะแยกออกมาปรึกษากันสองคนโดยไม่ให้ปินซุยได้ยิน
“เรื่องครั้งนี้สำนักเราต้องขออภัยจริงๆขอรับ ไม่นึกเลยว่าอาวุโสปินซุยจะหักห้ามใจไม่ได้ขนาดนี้”เจ้าสำนักวิถีเซียนเริ่มมาก็ประสานมือขอขมาหลินเฟยก่อนเป็นอย่างแรก ทำให้เห็นว่าเจ้าสำนักนั้นมีความรู้สึกเสียใจมากกับเรื่องนี้จริงๆ
“ท่านเจ้าสำนักอย่าได้คิดมากเลย ข้าสังหารคนรู้จักของท่านอาวุโส ท่านจะโกรธก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ข้าเองก็มอบชีวิตให้ไม่ได้ 3 กระบวนท่าที่ข้าเสนอนั้นถือว่ามากที่สุดแล้ว”หลินเฟยตอบพลางส่ายหน้าช้าๆ เรื่องความแค้นพวกนี้หลินเฟยก็เข้าใจ และไม่ถือโทษปินซุยด้วยที่โกรธจนมาหาเรื่องตนเอง แต่จะให้หลินเฟยยอมตายเพราะสวะอย่างเจ้าสำนักหมู่ดาวก็คงจะเกินไป
“เรื่องนั้นข้าเองก็เห็นด้วยขอรับ แต่หากท่านรับการโจมตีของอาวุโสปินซุยตามปกติท่านคงไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน แบบนั้นอาวุโสปินซุยต้องไม่หายแค้นแน่ๆ”เจ้าสำนักวิถีเซียนตอบพลางมองมาทางหลินเฟยนิ่ง พริบตานั้นหลินเฟยก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกเหมือนร่างกายถูกตรวจสอบทำให้หลินเฟยรีบมองไปที่ดวงตาของเจ้าสำนักวิถีเซียนทันที
“นี่ท่าน…ใช้เนตรจิตรได้งั้นหรือ”หลินเฟยพูดด้วยท่าทีประหลาดใจ วิชาเนตรจิตรเป็นวิชาแสลงของวิชาปกปิดพลังวิญญาณอยู่แล้ว มันเป็นวิชาที่ท่านพ่อของหลินเฟยเกลียดนักหนาเพราะมันจะทำให้เห็นตัวตนของชิงชิวแม้จะปกปิดพลังวิญญาณและล่องหนหายตัวจนมิดชิดเท่าไหร่ก็ตาม นั่นหมายความว่ายามนี้พลังวิญญาณที่หลินเฟยปกปิดเอาไว้ถูกอีกฝ่ายรับรู้หมดแล้วนั่นเอง
“ขอรับ ด้วยพลังของท่านการสังหารอาวุโสคงไม่ใช่เรื่องยาก ต้องขอบพระคุณจริงๆที่ท่านยั้งมือ แต่….”เจ้าสำนักวิถีเซียนมองกลับไปทางปินซุยที่ยังคงจ้องมาทางหลินเฟยไม่วางตา
“อาวุโสปินซุยเป็นคนสำคัญของสำนักข้าขอรับ ข้าเลยอยากจะขอร้องให้ท่านช่วยแกล้งเป็นบาดเจ็บได้หรือไม่ขอรับ”เจ้าสำนักวิถีเซียนขอร้องด้วยท่าทีเศร้าหมอง ตัวมันที่สัมผัสพลังของหลินเฟยได้นั้นทราบดีว่าตนต่างกับหลินเฟยแค่ไหน หากต้องการหลินเฟยคงสามารถทำลายสำนักของตนได้สบาย ลำพังแค่ไม่ให้หลินเฟยถือสาสำนักตนเองก็มากพอแล้ว การบังอาจขอร้องให้หลินเฟยแกล้งบาดเจ็บนั้นจะเกินไปหรือเปล่า…….
“นั่นสิ ถ้าข้าไม่เป็นอะไรเลยก็คงไปหักหน้าอาวุโสปินซุยอีก แบบนั้นความรู้สึกของอาวุโสปินซุยคงไม่คลี่คลายเป็นแน่ หากจะทำให้อาวุโสปินซุยได้สติข้าก็คงต้องเล่นละครเสียหน่อย”หลินเฟยพยักหน้าช้าๆอย่างเห็นด้วย ตอนแรกหลินเฟยก็ไม่คิดจะแกล้งบาดเจ็บหรอก แต่เพราะเห็นท่าทีของเจ้าสำนักวิถีเซียนดูแล้วเป็นคนดีไม่น้อยเลยเกิดถูกชะตา หากสามารถสานสัมพันธ์กับสำนักอันดับ 1 ของอาณาจักรได้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายนี่นะ แค่แกล้งบาดเจ็บเท่านั้นเอง
“ขอบพระคุณขอรับ”เจ้าสำนักวิถีเซียนได้ยินเช่นนั้นก็รีบประสานมือคารวะหลินเฟยทันที ทำให้คนภายนอกเห็นแต่เพียงว่าเจ้าสำนักวิถีเซียนคารวะหลินเฟยประหลกๆอยู่นานสองนานโดยไม่ทราบว่าพูดคุยอะไรกัน
“เอาล่ะ ข้ากับท่านเจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายได้ตกลงกันแล้ว อาวุโสปินซุยท่านเจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายจะยอมให้ท่านโจมตี 3 กระบวนท่าโดยไม่ปัดป้องใดๆ หากท่านฆ่าเจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายลงตรงนี้จะไม่มีความแค้นใดๆต่อกันอีก และหากท่านไม่ตายอาวุโสปินซุยท่านต้องปล่อยวางความแค้นนี้เสีย”ได้ยินคำประกาศเหล่าคนของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายก็มองตากันทันที ต่อให้หลินเฟยจะบอกว่าต่อให้หลินเฟยตายก็ห้ามแค้นเคืองก็เถอะ แต่หากเป็นแบบนั้นจริงพวกตนจะทำได้งั้นหรือ
“ย่อมได้ คนที่โดนกระบวนท่าของข้าเข้าไปแล้วยังรอดนอกจากเจ้าสำนักแล้วก็ไม่มีใครอีก”ปินซุยว่าพลางปล่อยพลังวิญญาณออกมาจำนวนมากทำเอาเหล่าศิษย์สำนักเหยี่ยวทะเลทรายถึงกับขนลุก ระดับพลังของยอดฝีมือนั้นช่างน่าหวาดกลัวจริงๆ
“เช่นนั้นอาวุโส ลงมือเลย”หลินเฟยเดินเข้าไปหาปินซุยก่อนจะประสานมือเล็กน้อยแล้วยืนตรงเพื่อให้อีกฝ่ายสามารถโจมตีได้เต็มที่ เพียงแต่ระหว่างรอนั้นหลินเฟยก็ได้แต่ครุ่นคิดว่าจะแกล้งบาดเจ็บอย่างไรดี ในมิติส่วนตัวของหลินเฟยพอจะมีสมุนไพรสีม่วงหรือสีแดงบ้างหรือเปล่านะ……..
“เช่นนั้นกระบวนท่าแรก”อาวุโสปินซุยเกร็งกำลังไปที่ฝ่ามือของตน ก่อนจะพุ่งตัวเข้ามาหาหลินเฟยแล้วกระแทกฝ่ามือใส่อกของหลินเฟยอย่างจัง
ปัง!!
ฝ่ามือของปินซุยยามนี้นับว่ารุนแรงก็ว่าแรง แต่เมื่อเทียบกับพลังของอาวุโสปินซุยแล้วเกรงว่ากระบวนท่านี้คงยังไม่ใช่กระบวนท่าที่แรงที่สุด หากหลินเฟยแสดงท่าทีจนเตะตาเกินไปคงได้ความแตกแน่ๆ…..
ครืดดดด……..
หลินเฟยปล่อยร่างให้ถอยไปสองถึงสามก้าวก่อนจะฝืนแรงยืนอยู่นิ่งไม่ไหวติง ฝ่ามือนี้ไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรมาก ต่อให้เป็นคนระดับเสินเซียนขั้น 10 เช่นกันก็คงไม่บาดเจ็บภายในอะไร
“ท่านอาวุโส อย่าได้ออมมือ โปรดระบายความแค้นใส่ข้าได้เลย”หลินเฟยตอบพลางยืนตัวตรงอีกครั้ง
“ได้ ข้าแค่เสียดายหากเจ้าจะตายตั้งแต่ฝ่ามือแรกเท่านั้น”ปินซุยว่าพลางรวบรวมไปที่ฝ่ามืออีกรอบแต่คราวนี้พลังที่ปล่อยออกมานั้นเหนือกว่าเดิมมาก แถมกระบวนท่าที่พุ่งเข้ามายังต่างออกไปอีกต่างหาก
ปัง!!
คราวนี้ฝ่ามือของปินซุยนั้นรุนแรงสมกับเป็นฝ่ามือของยอดฝีมือมาก มาถึงตรงนี้หลินเฟยควรแสดงท่าทีบาดเจ็บได้แล้วกระมัง
“อัก….”หลินเฟยถอยออกไปหลายก้าวก่อนจะทรุดลงกับพื้นพร้อมคายเอาสมุนไพรสีแดงที่ตนแอบเอาออกมาเคี้ยวก่อนหน้านี้ออกมา สีของมันแดงราวกับเลือดทำให้เหมือนหลินเฟยกระอักเลือดออกมาไม่มีผิด
“ท่านอาวุโส ฝ่ามือสุดท้ายแล้ว”หลินเฟยทำท่าลุกอย่างยากลำบาก ฝ่ามือเมื่อครู่รุนแรงมากจนทำเสื้อของหลินเฟยฉีกขาดเลย ที่หลินเฟยต้องแกล้งทรุดลงกับพื้นก็เพราะต้องนำสมุนไพรสีม่วงขึ้นมาทาที่อก เพราะหากเห็นว่าผิวหนังของหลินเฟยยังปกติดีคงได้ความแตกแน่ๆ
“ไม่ต้องพูด”ปินซุยเห็นหลินเฟยยังลุกขึ้นมาได้ก็รีบรวมพลังไว้ที่ฝ่ามือทั้งสองข้างทันที คราวนี้ปินซุยกะจะให้หลินเฟยตายให้ได้ด้วยกำลังทั้งหมดที่มีเลย
เปรี้ยง!!
ทันทีที่ฝ่ามือทั้งสองข้างของปินซุยกระแทกเข้าที่อกของหลินเฟย ร่างของหลินเฟยก็ลอยหวือไปข้างหลัง เพียงแต่ก่อนจะตกลงพื้นชิวซุยผู้เป็นน้องสาวก็เข้ามารับร่างของหลินเฟยเอาไว้ทันที
“ท่านพี่..”ชิวซุยพูดด้วยท่าทีเป็นห่วงก่อนจะหันไปมองปินซุยด้วยท่าทีเจ็บแค้นทำเอาปินซุยชะงักไปหลายอึดใจ สายตาที่ชิวซุยมองมาทางตนนั้นแทบไม่ต่างจากหลานสาวตัวเองตอนพูดถึงหลินเฟยเลย
“อาวุโสปินซุย เท่านี้คงพอแล้วกระมัง”เจ้าสำนักวิถีเซียนถามพลางมองไปทางปินซุยที่ยังอึ้งกับสายตาของชิวซุยอยู่ หารู้ไม่เลยว่ายามนี้เจ้าสำนักของตนกำลังเหงื่อตกจนร่างเย็นเฉียบเพราะไม่คิดว่าคนระดับหลินเฟยยังจะมีอยู่อีกคน
“เข้าใจแล้ว ความแค้นของเราจบลงเท่านี้”อาวุโสปินซุยว่าพลางกำหมัดแน่นเดินหันหลังกลับออกจากสำนักไป ตอนนี้หลินเฟยยังหายใจอยู่ แต่อาการบาดเจ็บขนาดนั้นจะรอดหรือไม่ก็ให้สวรรค์ตัดสินแล้วกัน
“ท่านพี่….ท่านเล่นใหญ่เกินไปแล้ว”ทันทีที่เห็นว่าปินซุยจากไปแล้ว ชิวซุยก็เปลี่ยนท่าทีในพริบตาก่อนจะพยุงให้หลินเฟยลุกขึ้นยืน
“เจ้าต่างหากล่ะไปเรียนทำหน้าแบบนั้นมาจากไหน”หลินเฟยหัวเราะก่อนจะเช็ดเลือดออกจากมุมปาก แม้แต่ในงานฉลองแบบนี้ยังจะมีเรื่องอีก ทำเอาหลินเฟยรู้สึกเหนื่อยไม่น้อย แถมหลังจากนี้หลินเฟยยังต้องเดินทางไปสำนักหญิงที่บุตรสาวของเจ้าสำนักแก่นจันทร์อยู่เพื่อไปตกลงรับสำนักดังกล่าวมาเป็นสำนักย่อยของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายอีก ไหนจะเรื่องไปหาจับสัตว์อสูรพาหนะอีก ทำเอาหลินเฟยอยากจะลาป่วยให้รู้แล้วรู้รอด
“ท่านเจ้าสำนัก ท่านเป็นอย่างไรบ้าง”ทันทีที่เห็นว่าคนของสำนักวิถีเซียนกลับไปแล้ว เหล่าอาวุโสและศิษย์ของหลินเฟยก็รีบเข้ามาทันทีด้วยความเป็นห่วง
“ข้าไม่…….”หลินเฟยกำลังจะตอบว่าไม่เป็นไรแล้วเช็ดสมุนไพรที่ตนทาเอาไว้ออก แต่พอนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนเองกำลังแกล้งบาดเจ็บหลินเฟยก็นึกอะไรบางอย่างออกขึ้นมาทันที
“ข้าไม่เป็นอะไร”หลินเฟยตอบก่อนจะทรุดตัวนั่งลงกับพื้นด้วยท่าทีเจ็บปวด ทำเอาเหล่าคนในสำนักต่างพากันเข้ามาหาด้วยท่าทีเป็นห่วง แต่ชิวซุยที่อยู่ข้างๆนั้นกลับมองมาทางหลินเฟยด้วยท่าทีสงสัยว่าทำไมพี่ชายของนางยังจะแกล้งเจ็บอยู่อีก คนของสำนักวิถีเซียนและสำนักหมู่ดาวก็กลับไปหมดแล้วนี่นา
“อาจารย์ ท่านพักผ่อนก่อนเถอะขอรับ อย่าฝืนร่างกายเลย”ฟงเป่าว่าพลางเข้ามาพยุงร่างของหลินเฟยอีกแรง
“ไม่ได้ ข้ายังมีงานต้องทำอีกตั้งหลายอย่างจะมามัวรักษาตัวได้อย่างไร”หลินเฟยพูดด้วยท่าทีฝืนๆ ทำเอาเหล่าอาวุโสรู้สึกตื้นตันกันอย่างมาก รวมถึงเหล่าศิษย์เองก็แทบจะน้ำตาไหลกับความหนักแน่นครั้งนี้
“ท่านเจ้าสำนักไม่ต้องกังวล งานต่างๆในสำนักข้าจะดูแลเอง ท่านพักผ่อนก่อนเถอะขอรับ”ผานซูว่าพลางเดินเข้ามารับหลินเฟยอีกคน ทำเอาหลินเฟยเผลอหลุดยิ้มออกมาเลยทีเดียว
“จริงสิ ข้าต้องไปติดต่อสำนักพิณอินนี่นา”หลินเฟยเปรยขึ้นมาเรื่องสำนักหญิงที่ตนต้องไปติดต่อ
“เรื่องนั้นข้าไปเองขอรับ อาจารย์ไม่ต้องห่วงหรอกขอรับ”ฟงเป่าว่าพลางพาหลินเฟยไปนั่งที่เก้าอี้ก่อนจะไปขอยาจากอาวุโสประจำคลังยาแล้วนำกลับมาหาหลินเฟยในทันที
“ว่าแต่อาจารย์ ผลหมอกม่วงนี่ไม่ได้ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บนี่ขอรับ ท่านเอามาทาทำไมหรือ”ฟงเป่าถามด้วยท่าทีงุนงง ทำเอาหลินเฟยที่กำลังแกล้งป่วยการเมืองสำลักไปเหมือนกัน ลืมไปเลยว่าฟงเป่ามีดวงตาสีทอง มันย่อมมองออกอยู่แล้วว่าที่อกของหลินเฟยนั้นไม่ใช่รอยช้ำจากการโจมตี แต่เป็นการเอาสีม่วงมาทาเท่านั้น
“ข้าหยิบผิดนะสิ”หลินเฟยกระแอมออกมาก่อนจะดึงเสื้อมาปิดบาดแผลปลอมๆของตนเอาไว้ เท่านี้ก็โยนงานให้คนอื่นได้หมดแล้ว หลินเฟยจะได้ไปจับอสูรบินสักตัวได้อย่างสบายใจเสียที ท่านพ่ออุตส่าห์ให้โอกาสทั้งที่ต้องจับตัวที่มีประโยชน์แล้ว