ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK

สารบัญ อาณาจักรวิญญาณ

••••••••••••••••••••

**บทที่****286:**แผนการอันชั่วร้าย

ความจริงแล้วนอกเหนือจากความสัมพันธ์ของสำนักที่ไม่ค่อยลงรอยกันมากนักและในตอนนี้มีกุญแจสำคัญคือมีคนสร้างปัญหาขึ้นมา สำหรับคนที่สร้างปัญหาขึ้นมาแน่นอนว่าพวกเขาถูกควบคุมโดยแม่มดเทวะ หลังจากที่ซ่งจงเข้าสู่ระดับจินตัน ความแข็งแกร่งของแม่มดเทวะนั้นเพิ่มขึ้นและอยู่ในระดับจินตันขั้นสุดท้าย เมื่อพวกนางพบใครสักคน ไม่เพียงแต่สามารถเข้าควบคุมพวกเขาได้อย่างรวดเร็ว แต่การกระทำทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างง่ายดายโดยที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น

แท้จริงแล้วเหล่าแม่มดเทวะนั้นเป็นปีศาจแห่งสรวงสวรรค์ พวกนางสามารถหลบซ่อนภายในจิตใจของผู้ใดก็ได้ เมื่อบุคคลนั้นลดการป้องกัน นางจะสามารถเข้าควบคุม ดังนั้นถือได้ว่าความได้เปรียบของแม่มดเทวะนั้นคือการปกปิดตนเองได้อย่างไร้ร่องรอย

ในขณะที่แม้ว่าแม่มดเทวะอยู่ในระดับจินตันขั้นสุดท้าย แต่ผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินก็ไม่สามารถมองออกได้ว่าสาวกของเขากำลังถูกควบคุม วิธีเดียวที่พวกเขาจะรู้ได้คือการตรวจสอบจิตวิญญาณของสาวกผู้นั้น อย่างไรก็ตามวิธีการเช่นนั้นยุ่งยากเกินกว่าที่ผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินจะลงมาใส่ใจ บรรยากาศในตอนนี้ตึงเครียดเกินกว่าจะคิดเรื่องนั้นได้ แน่นอนว่าไม่มีผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินคนไหนคิดที่จะตรวจสอบสาวกของตนเอง

ในตอนนี้ราวกับว่าแม่มดเทวะนั้นได้รับอนุญาตให้ทำเช่นนี้อย่างราบรื่น พวกนางไม่ต้องเกรงว่าผู้ใดจะค้นพบ เช่นนี้แผนการกระตุ้นให้พวกเขาต่อสู้กันเองยิ่งทำได้โดยง่าย

หลังจากผ่านการต่อสู้ที่ยาวนาน ตอนนี้มีคนตายตกไปแล้วมากกว่าสามถึงสี่พันคน บนเรือมังกรทองคำในตอนนี้เต็มไปด้วยซากศพซึ่งเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นว่าการต่อสู้นั้นโหดร้ายมากเพียงใด ทุกฝ่ายล้วนแต่สูญเสียและยิ่งทำให้ความแค้นภายในจิตใจมากยิ่งขึ้นไปอีก นับได้ว่าเป็นความประสบความสำเร็จของแผนการนี้อย่างมาก ซึ่งแม่มดเทวะทำมันได้อย่างดี

สำหรับซ่งจงที่หลบอยู่ในห้องลับ เขาเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างและเฝ้ามองการต่อสู้ของทุกคนอย่างสนุกสนานจนถึงจุดที่เขากลิ้งอยู่บนพื้นเพียงแค่หัวเราะจนไม่อาจทรงตัวได้

ฮัวชิงหยุน นักบวชเซือหมัวและนักบวชฮัวอวิ๋นต่างโกรธแค้นเมื่อรู้ข่าวเช่นนี้ “ไอ้พวกไร้ประโยชน์!” นักบวชฮัวอวิ๋นคำรามออกมาอย่างเดือดดาล

“เราไม่สามารถรอได้อีกต่อไปแล้ว พวกเราไม่เหลือโอกาสแน่ถ้าหากยังเป็นเช่นนี้!” นักบวชเซือหมัวกล่าวออกมาพร้อมกับขมวดคิ้ว “ทำไมเราจึงไม่ส่งผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินสักสองคนและสาวกระดับจินตันสักสิบคนเพื่อไปทำลายรูปแบบการบินล่ะ!”

“จริงด้วย!” ฮัวชิงหยุนพยักหน้าเห็นด้วยทันที “เราไม่สามารถล่าช้าได้อีกแล้ว ดีที่สุดถ้าหากเราเริ่มลงมือทันที!”

“อืม!” นักบวชฮัวอวิ๋นเห็นด้วยพร้อมหันหลังกลับ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว คุณชายใหญ่และคุณชายรองเดินออกมาพร้อมกับผู้ฝึกตนระดับจินตันทั้งสิบ อีกด้านหนึ่งนักบวชเซือหมัวกำลังพยายามโน้มน้าวให้แม่มดเมฆาและวายุยอมทำภารกิจนี้ สำหรับฮัวชิงหยุนนางได้ส่งผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินออกมาสองคนด้วยเช่นกัน เมื่อผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินหกคนมารวมตัวกัน แน่นอนว่าทั้งหมดไม่เสียเวลาพูดคุย ทุกคนเข้าใจในภารกิจและลงมือทันทีโดยมีสาวกระดับจินตันคอยสนับสนุนอยู่ด้านหลัง เมื่อผู้ฝึกตนระดับสูงทั้งสามสิบหกคนปรากฏตัวขึ้น เหล่าบุคคลที่ต่อสู้อยู่เกรงกลัวทันทีเพราะไม่รู้ว่าบุคคลเหล่านั้นคือพวกพ้องหรือศัตรู ทั้งหมดหลีกเลี่ยงที่จะปะทะกับทั้งสามสิบหกคนนี้ เช่นนี้จึงทำให้ผู้ฝึกตนทั้งสามสิบหกคนสามารถเดินไปมาบนเรือได้อย่างสะดวก ถ้าหากมีผู้ใดต้องการที่จะกีดขวางพวกเขา แน่นอนว่าไม่ทันได้อ้าปากกรีดร้อง บุคคลผู้นั้นจะถูกส่งลอยออกไปในอากาศอย่างไร้หนทางสู้ แม้ว่าจะไม่ถูกสังหาร แต่ผู้นั้นจะต้องเสียโลหิตเข้าขั้นการบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน นี่คือพลังของสำนักมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ ทำให้ผู้ฝึกตนที่มาจากสำนักเล็กๆไม่กล้าแม้แต่จะปริปากเรียกร้องสิ่งใด

อย่างไรก็ตาม ดั่งคำที่กล่าวไว้ว่า ‘การเดินอย่างไร้จุดหมายในยามค่ำคืน อาจทำให้ต้องพบเจอกับภูตผี’ สถานการณ์ตอนนี้ก็ไม่ได้เป็นข้อยกเว้นเช่นกัน เมื่อพวกเขาทั้งหมดเข้ามาในเรือมังกรทองคำและค้นหารูปแบบการบินของเรือ จู่ๆผู้ฝึกตนระดับจินตันจากสำนักเล็กได้วิ่งชนเข้ากับผู้ฝึกตนทั้งสามสิบหกคน แต่การที่เขาวิ่งนั้นเหตุผลเดียวก็คือกำลังหนีเอาชีวิตรอด แต่ทว่าผู้ฝึกตนทั้งสามสิบหกที่ระวังตัวอย่างเต็มที่ก็ไม่ได้ลดการป้องกันแต่อย่างใด ทั้งหมดปลดปล่อยพลังออกมาอย่างรวดเร็วจึงทำให้เกิดความโกลาหลอย่างมาก

ความจริงแล้วผู้ฝึกตนที่มาจากสามสำนักใหญ่นั้นยิ่งยโสอย่างมาก พวกเขาล้วนแต่รู้ตัวดีกว่าทั้งหมดคือพันธมิตรเพียงแค่ในนามเท่านั้นและสุดท้ายแล้วพวกเขาจะถูกจัดการหลังจากเรื่องราวทั้งหมดจบลง การสังหารสำนักเล็กในตอนนี้นึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก เพราะทั้งหมดไม่คิดที่จะสูญเสียผู้ฝึกตนระดับจินตันไปอย่างไร้ประโยชน์แน่นอน การที่จะสร้างผู้ฝึกตนระดับจินตันสักหนึ่งคนจะต้องใช้เวลายาวนานกว่าสองถึงสามร้อยปีในการทำงานอย่างหนัก พวกเขาทั้งหมดถือได้ว่าเป็นสมบัติของสำนัก การสูญเสียผู้ฝึกตนระดับจินตันเพียงคนเดียว นั่นทำให้เกิดความเจ็บปวดภายในจิตใจได้อย่างมหาศาล เช่นนี้การหลีกทางให้กับสามสำนักใหญ่ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ควรทำที่สุด

ความจริงแล้วแม้ปราณดาบที่ถูกปล่อยออกมาจะดูรุนแรงอย่างมาก แต่มันก็ไม่มีจิตสังหารปนเปื้อน ไม่ต้องกล่าวถึงผู้ฝึกตนระดับจินตัน แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิก็สามารถป้องกันการโจมตีนี้ได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วสามสำนักใหญ่เพียงแค่ต้องการให้พวกเขาหลีกทางเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะฆ่าฟันแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่เคยคาดคิดว่าผู้ฝึกตนระดับจินตันผู้นี้จะไม่ป้องกันตนเองเมื่อต้องเผชิญหน้ากับปราณดาบ เขาไม่ใช้อุปกรณ์ใดๆอีกทั้งยังปล่อยให้มันปะทะเข้ากับร่างกายอย่างสมบูรณ์

โศกนาฏกรรมได้เกิดขึ้นทันที ทุกคนในที่นี้ล้วนแต่เป็นพยานว่าผู้ฝึกตนระดับจินตันคนนี้ตายตกไปเพราะปราณดาบที่เจาะกลางอกของเขา ผู้ฝึกตนระดับจินตันที่อยู่ด้านหลังโกรธแค้นทันทีพร้อมกับตะโกนออกมา “สามสำนักมหาอำนาจได้เริ่มการสังหารแล้ว! เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการจะสังหารพวกเราทั้งหมดและจัดการกับสมบัติของซ่งจงแต่เพียงผู้เดียว!”

ด้วยพลังของผู้ฝึกตนระดับจินตัน แน่นอนว่าเสียงของเขาทำให้บุคคลที่อยู่ในรัศมีสามพันลี้ได้ยินอย่างชัดเจน เมื่อได้ยินเช่นนั้นทุกคนตื่นตระหนกทันทีพร้อมกับหยุดมือ เห็นได้ชัดว่าคำพูดนี้ส่งผลกระทบกับผู้ฝึกตนทั่วไปมากกว่าสิ่งที่ฮัวชิงหยุนได้กล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้

ผู้ฝึกตนทั้งสามสิบหกคนที่ได้ยินเช่นนี้โกรธจัดทันทีพร้อมกับคิดแค้นอยู่ภายในใจ ‘เห็นได้ชัดว่าพวกข้านั้นมาด้วยความปรารถนาดี เหตุใดจึงได้สาดโคลนใส่พวกเราเช่นนี้? พวกเจ้านั่นแหละที่ขยันสร้างปัญหา!’

ในบรรดาผู้ฝึกตนทั้งสามสิบหกคน แน่นอนว่าบุคคลที่มีอารมณ์ร้อนแรงที่สุดคือแม่มดเมฆาและวายุ หนึ่งคือพวกนางมาจากสำนักพันปีศาจที่ถูกทำลายและติดอยู่ในกับดักของแม่มดเทวะ นางได้สังหารศิษย์คนสำคัญของนักบวชเซือหมัวนั่นก็คือเซียนเก็กฮวยเฉาอี้ ในการอธิบายเรื่องเหล่านี้ พวกนางพยายามพูดจนปากจะฉีกขาดและไม่อาจหลีกเลี่ยงการถูกตำหนิจากนักบวชเซือหมัวได้ สุดท้ายแม่มดเมฆาและวายุได้พ่ายแพ้ พวกนางไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับเงื่อนไขของนักบวชเซือหมัวเพื่อระงับเรื่องนี้ไม่ให้ใหญ่โตไปมากกว่านี้ หลังจากที่ต้องเจ็บปวดกับการสูญเสียครั้งใหญ่อย่างไร้เหตุผล แน่นอนว่าทั้งสองนั้นย่อมมีแผลที่มากกว่าผู้อื่นในที่นี้ อย่างไรก็ตามนางไม่สามารถระบายความโกรธนั้นกับเหล่าสาวกของตนเองได้ แต่ในวันนี้สาวกที่โง่เขลาทั้งสองกำลังจะสร้างความลำบากให้กับนางอีกครั้ง

ราวกับว่ามีเชื้อเพลิงถูกเติมในกองไฟ เดิมทีแม่มดเมฆาและวายุนั้นไม่ได้ปริปากสิ่งใดอยู่แล้ว ในตอนนี้เช่นกัน ไม่มีแม้แต่คำพูดเดียวออกจากปากของพวกนาง ทั้งสองยกมือขึ้นพร้อมกับปลดปล่อยปราณดาบออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ผู้ฝึกตนระดับจินตันทั้งสองจะสามารถตั้งรับได้ พวกเขาหมดลมหายใจในทันที! หลังจากที่แม่มดทั้งสองสังหารพวกเขาแล้ว ทั้งสองยืดตัวขึ้นพร้อมกับกล่าวออกมาอย่างเกลียดชัง “เด็กน้อยที่โง่เขลาเช่นพวกเจ้า เหตุใดจึงสามารถกล้าทำตัวหยิ่งผยองต่อหน้าข้ากันนะ? รนหาที่ตายชัดๆ!” ผู้ฝึกตนทั้งหมดเห็นฉากนี้ต่างพากันตื่นกลัว ทั้งหมดคอตกและหันหลังกลับอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งถอดใจที่จะต่อสู้กับผู้ฝึกตนทั้งสามสิบหกคน

แม่มดเมฆาและวายุนั้นคิดว่าเรื่องราวเช่นนี้คงจะจบลงเสียที แต่กลับมีเสียงปริศนาดังขึ้นมา “ทุกคนจงระวัง! แม่มดเมฆาและวายุนั้นคิดจะทำการสังหารหมู่! หลังจากที่นางได้สังหารสาวกคนสำคัญของสำนักพันปีศาจ นางยังสังหารนักดาบฝีมือดีของสำนักอื่น ถ้าหากพวกเราไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน ท้ายที่สุดแล้วสำนักของพวกเราทั้งหมดจะล่มสลาย!”

เมื่อแม่มดเมฆาและวายุได้ยินเช่นนั้น ทั้งสองแทบจะกระอักเลือดตายอยู่ตรงนี้พร้อมกับมองหาบุคคลที่รนหาที่ตายอย่างรวดเร็ว นางได้ยินเสียงของเขาเต็มสองหูแต่กลับไม่พบใคร ความหดหู่ถาโถมจิตใจจนไม่อาจระงับไว้ได้ ทั้งสองตะโกนออกมาอย่างเหลืออด “ใครกันที่บังอาจกล่าวเช่นนี้? เจ้าไม่กล้าที่จะออกมาเผชิญหน้ากับข้างั้นหรือ?”

จากนั้นเสียงปริศนาได้ดังขึ้นอีกครั้ง “ถ้าหากข้าออกไป เจ้าทั้งสองจะทำอะไรล่ะ?”

“ข้าจะทำอะไรงั้นหรือ? แน่นอนว่าต้องเป็นการสังหารเจ้า!” แม่มดเมฆาและวายุกล่าวออกมาอย่างโกรธแค้น

“ฮ่า! พวกเจ้าทั้งหมดได้ยินหรือไม่? เขาสังหารผู้ฝึกตนระดับจินตันไปสามคนแล้วแต่ยังไม่พอใจและต้องการที่จะทำต่อไป พวกเจ้าทั้งหมดจะปล่อยให้พวกเขาทำเช่นนี้ต่อไปงั้นหรือ?” เสียงปริศนาดังขึ้นอีกครั้ง

“เจ้า!” แม่มดเมฆาและวายุถูกหลอกลวงอีกครั้ง ทั้งสองคนโกรธจัดจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียว ทั้งสองคนต้องการที่จะตอบโต้ เกิดเสียงปริศนาขึ้นอีกครั้ง “แม่มดเมฆาและวายุเอ๋ย เหล่าสาวกของชายชราผู้นี้นั้นทำร้ายเจ้าอย่างไรกัน? เหตุใดเจ้าทั้งสองจึงได้ลงมืออย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้?” ตามด้วยเสียงนั้นปรากฏกลุ่มผู้ฝึกตนสิบคนขึ้นมา กลุ่มนี้มีทั้งชายและหญิง ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาอยู่ในระดับจินตันและปฐมภูมิ มีเพียงสองคนเท่านั้นที่อยู่ในระดับหยวนหยินและเป็นผู้นำของกลุ่ม ที่หน้าอกด้านซ้ายของเสื้อคลุมมีการปักอย่างสวยงามว่าสำนักดาบโบราณ บุคคลที่กำลังพูดเช่นนั้นอยู่นั้นเป็นชายชราซึ่งดูสง่างามพร้อมทั้งถือดาบสีดำขลับภายในมือของเขาอีกด้วย สายตาของเขาที่จ้องมาที่แม่มดเมฆาและวายุเต็มไปด้วยความโกรธแค้น แม่มดเมฆาและวายุขมวดคิ้วทันทีเมื่อกลุ่มของพวกเขาปรากฏตัวขึ้น นางไม่ได้คาดหวังว่าจะพบกับปัญหาที่รวดเร็วเช่นนี้ ทั้งสองเพียงแค่ต้องการระบายความโกรธก่อนหน้านี้ออกไปและลืมคิดไปเวลานี้พวกนางไม่ควรที่จะต่อสู้กับใครทั้งนั้น

อย่างไรก็ตาม แม่มดเมฆาและวายุนั้นสะสมชื่อเสียงของตนเองมาเนิ่นนานและแน่นอนว่าพวกนางไม่ต้องการเสียหน้า แม้จะรู้ว่าการกระทำเมื่อครู่นี้พวกนางทั้งสองจะผิดเต็มๆก็ตาม ทั้งคู่ตอบกลับอย่างดื้อรั้น “สาวกของท่านนั้นกระทำการหยาบคายต่ออาวุโสและเราช่วยท่านไว้โดยการสังหารเขาทิ้ง เพราะว่าพวกเขาเหล่านั้นทำให้ชื่อเสียงของสำนักดาบโบราณต้องเสื่อมเสีย!”

เมื่อบุคคลจากสำนักดาบโบราณได้ยินเช่นนั้นพวกเขาโกรธจัดทันที! ดาบที่อยู่ในมือนั้นต้องการที่จะสังหารแม่มดเมฆาและวายุในทันที คุณชายใหญ่ คุณชายรองและอีกสองคนจากหอเฉวียนจี้เห็นสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขารีบเข้ามาหยุดยั้งการต่อสู้ทันที แต่ผู้ที่มาจากสำนักดาบโบราณนั้นไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปโดยง่าย สาวกที่พวกเขาพยายามปลุกปั้นและทำงานอย่างหนักมาเป็นเวลากว่าสองร้อยปีได้ตายตกไปและพวกเขายังกล่าวว่าสังหารเพื่อรักษาใบหน้าของสำนักดาบโบราณ นี่มันเป็นความอัปยศแบบไหนกัน?

ในขณะที่สำนักดาบโบราณต้องการจะพุ่งเข้าไปเพื่อจัดการกับปัญหานี้ แต่ทั้งหมดถูกหยุดไว้โดยสำนักเสวียนเทียนและหอเฉวียนจี้ เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะต้องเผชิญหน้ากับสามสำนักใหญ่ทั้งหมดจึงถอยกลับและไม่กล้าทำสิ่งใด อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่คิดจะปล่อยเรื่องนี้ไปโดยง่าย พร้อมทั้งยืนยันที่จะฟังคำอธิบายจากแม่มดทั้งสองนี้!

ทุกคนที่ยืนมองนั้นรู้ทันทีว่าสำนักดาบโบราณต้องการเหตุผลที่ดีพอให้พวกเขาล่าถอยกลับไป เพียงแค่แม่มดเมฆาและวายุยินดีที่จะกล่าวขอโทษ เรื่องนี้จะจบลงอย่างแน่นอน สำนักเสวียนเทียนและหอเฉวียนจี้เริ่มโน้มน้าวแม่มดทั้งสองให้กล่าวขอโทษสำนักดาบโบราณซะเสีย แต่พวกเขาไม่เคยคาดคิดว่าแม่มดเมฆาและวายุจะดื้อรั้นได้มากถึงเพียงนี้ ทั้งสองปฏิเสธที่จะกล่าวขอโทษโดยสิ้นเชิง ซึ่งเป็นธรรมดาที่ผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินล้วนแต่มีชื่อเสียงและใบหน้าที่ไม่อาจยอมก้มหัวให้ผู้ใดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่ที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายเช่นนี้

สถานการณ์ในตอนนี้อยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ฝ่ายหนึ่งต้องการคำขอโทษและอีกฝ่ายปฏิเสธเสียงแข็ง สำหรับคุณชายใหญ่และคุณชายรองพร้อมด้วยหอเฉวียนจี้ พวกเขาเหล่านี้ถูกขังให้อยู่ตรงกลาง ในตอนนี้ผู้ฝึกตนจากสำนักดาบโบราณได้เข้ามาร่วมเพิ่มเติมเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมกับแม่มดเมฆาและวายุ ในเวลานั้นพวกเขาไม่เห็นว่าสาวกของตนเองตายตกไปได้อย่างไร ทั้งหมดได้ยินเพียงแค่แม่มดเมฆาและวายุเป็นผู้สังหาร ซึ่งความจริงแล้วผู้ที่ตายตกไปก่อนในครั้งแรกนั้นตายเพราะผู้ฝึกตนด้วยกันและไม่เกี่ยวข้องอะไรกับแม่มดเมฆาและวายุแม้แต่น้อย

แต่ในเวลานี้แม่มดเมฆาและวายุได้ติดอยู่ในวังวนของสำนักดาบโบราณเสียแล้ว ในตอนนี้ทั้งสองหงุดหงิดจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ จึงคำรามออกมาอย่างดุดัน “มันไม่ใช่เพียงเหล่ามือใหม่งั้นหรือที่ตายตกไป? ทำไมต้องทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ด้วย? ถ้าหากพวกเจ้ากล้าที่จะยั่วยุข้าต่อไป ข้าจะส่งพวกเจ้าทั้งหมดไปอยู่กับมัน!”

ในตอนนี้สำนักดาบโบราณได้ดึงดาบออกมาพร้อมที่จะต่อสู้แล้ว ในขณะที่สาวกของแม่มดทั้งสองเตรียมตั้งรับอย่างรวดเร็ว ผลลัพธ์ในตอนนี้ก็คือสำนักเสวียนเทียนและหอเฉวียนจี้ได้ดิ่งลงเหวโดยสมบูรณ์ ทั้งสองฝ่ายไม่เต็มใจที่จะกลายเป็นแพะรับบาปจากการโจมตีครั้งนี้ ดังนั้นทั้งสองจึงถอยหลังกลับและให้ผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินไกล่เกลี่ยสถานการณ์ ในตอนนี้พวกเขาทั้งหมดอยู่ในทะเลตะวันออกและสามารถพบเจอกับเหล่าอสูรกายได้ทุกเวลา ทั้งสองฝ่ายพยายามที่จะควบคุมสถานการณ์นี้ไว้ให้ได้แม้ว่าจะมีความตึงเครียดสูงมาก ทั้งสองไม่อาจพูดคุยกันได้อีกต่อไป การต่อสู้จึงเป็นทางออกสุดท้าย!

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าทั้งหมดจะพยายามควบคุมสถานการณ์มากเพียงใด พวกเขาก็ไม่อาจเอาชนะได้ในตอนนี้! ผู้ฝึกตนทั้งสองสำนักกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดโดยไม่มีใครยอมใคร

ในเวลานี้สำนักปีศาจปรารถนานั้นคิดว่าฝ่ายสำนักพันปีศาจต้องการยั่วยุอย่างแท้จริง พวกเขาจึงส่งปราณดาบที่แข็งแกร่งออกมา ทั้งคู่ต่างปลดปล่อยพลังของตนเองอย่างสุดความสามารถ สำนักพันปีศาจไม่คิดจะป้องกันการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม แต่พวกเขากลับส่งการโจมตีที่แข็งแกร่งกว่าออกมา ความเร็วของมันนั้นต่างชั้นกับฝ่ายศัตรูอย่างมาก สำนักปีศาจปรารถนานั้นไม่มีโอกาสได้ป้องกันการโจมตีนั้นแม้แต่เสี้ยววินาที เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ฝึกตนระดับจินตันได้ตายตกไปอย่างง่ายดายอีกครั้ง!

ในขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดเช่นนี้ ไม่มีผู้ใดสงสัยว่าเหตุใดผู้ฝึกตนระดับจินตันจึงตายตกไปง่ายๆเช่นนี้แน่นอน เมื่อเห็นว่าพวกพ้องของตนเองถูกสังหาร ดวงตาของสำนักปีศาจปรารถนาแดงก่ำ พวกเขานั้นถือได้ว่าเป็นสำนักขนาดใหญ่ในหมู่ของผู้ฝึกตนชั่วร้ายและไม่ได้อ่อนแอไปกว่าสำนักพันปีศาจ ดังนั้นสาวกของพวกเขาจึงเย่อหยิ่งอย่างมาก ในวันนี้มีสาวกระดับจินตันถูกสังหารโดยสำนักพันปีศาจ ความโกรธนี้จะสามารถระงับไว้ได้อย่างไร? ทั้งหมดปลดปล่อยพลังและส่งเสียงคำรามกู่ก้องออกมา เมื่อสำนักดาบโบราณเห็นสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขารีบหยิบดาบของตนเองออกมาเพื่อเข้าร่วมการต่อสู้อย่างรวดเร็ว!

อีกฝ่ายหนึ่งคือเหล่าสาวกระดับจินตันสิบคนของสำนักพันปีศาจและอีกฝ่ายคือเหล่าสาวกนับร้อยคนจากสองสำนัก ด้านหนึ่งเป็นแม่มดเมฆาและวายุ อีกด้านหนึ่งคือผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินสี่คน ความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันมากเช่นนี้ สำนักพันปีศาจจะสามารถป้องกันการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างไร?

 

เพียงแค่การต่อสู้เพียงไม่กี่ลมหายใจ ผู้คนที่มาจากสำนักพันปีศาจได้พ่ายแพ้จนหมดสิ้น เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ย่ำแย่ แม่มดเมฆาและวายุตะโกนออกมาทันที “ผู้คนที่มาจากสำนักเสวียนเทียนและหอเฉวียนจี้นั้นทำได้เพียงยืนดูพวกเราพ่ายแพ้และตายไปงั้นหรือ? ถ้าหากเป็นเช่นนี้ ข้าคงต้องรายงานเรื่องนี้แก่ผู้นำของข้าเมื่อกลับไป!”

เมื่อได้ยินคำพูดของแม่มดเมฆาและวายุ ใบหน้าของสำนักเสวียนเทียนและหอเฉวียนจี้บิดเบี้ยว ทั้งสองนั้นรังเกียจบุคคลที่มาจากสำนักพันปีศาจ แต่ในตอนนี้ทั้งหมดเป็นพันธมิตรกัน ซึ่งอย่างน้อยสำนักพันปีศาจก็มีความต้องการที่จะกำจัดซ่งจงเช่นเดียวกับพวกเขา

สำนักเสวียนเทียนและหอเฉวียนจี้ไม่มีทางเลือก แต่อย่างไรก็ตามทั้งหมดควบคุมพลังของตนเองได้เป็นอย่างดี พวกเขาทั้งสองเพียงช่วยแยกให้สองฝ่ายเลิกทะเลาะกันเท่านั้น

แต่ในตอนนี้มีผู้ฝึกตนจากสำนักดาบโบราณวิ่งเข้าหาคมดาบของสำนักเสวียนเทียนและหอเฉวียนจี้อย่างไรเหตุผลและการกระทำที่บ้าคลั่งเช่นนี้ทำให้เขาตายตกในสนามรบทันที

ในความสับสนวุ่นวาย แน่นอนว่าไม่มีใครรู้ว่าสาวกผู้นั้นตายได้อย่างไร พวกเขาเห็นเพียงแค่ตายในคมดาบของสำนักเสวียนเทียนและหอเฉวียนจี้เท่านั้น ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คืออีกฝ่ายโกรธจัดโดยสมบูรณ์ ผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินของฝ่ายสำนักปีศาจปรารถนาคำรามออกมาทันที “หอเฉวียนจี้ สำนักเสวียนเทียนสำนักพันปีศาจ! ยอดเยี่ยม เยี่ยมมาก! พวกเจ้าจับมือกันเพื่อกำจัดพวกเราออกไปจริงๆสินะ?”

“เข้าใจผิดแล้ว มันเป็นการเข้าใจผิด! พวกเราไม่มีความคิดเช่นนั้นแม้แต่น้อย!” คุณชายใหญ่พยายามอธิบายด้วยน้ำเสียงที่อ้อนวอน

อย่างไรก็ตามช่างน่าสงสารที่ไม่มีใครฟังเขาเลยในเวลานี้ สาวกของพวกเขาได้ตายไปแล้วและหลักฐานมีเพียงภาพที่เห็นตรงหน้า แล้วจะสามารถเชื่อถือคำพูดของคุณชายใหญ่ได้อย่างไร? ชายชราที่สวมชุดคลุมสีดำจากสำนักปีศาจปรารถนานั้นเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ร้อนแรง บวกกับสาวกที่เพิ่งตายตกไปเป็นศิษย์คนโปรดของเขา ภายในใจของเขาร้อนรุ่นและผิดหวังอย่างมาก เขาพุ่งไปที่คุณชายใหญ่ด้วยความโกรธโดยไม่ฟังเหตุผลใดๆทั้งสิ้น ปลายดาบชี้ไปที่คุณชายใหญ่อย่างชัดเจนพร้อมทั้งกล่าวออกมาอย่างรังเกียจ “สหายเก่า งั้นข้าก็ขอทำเรื่องที่เข้าใจผิดเช่นกัน!”

เมื่อคุณชายใหญ่ได้เห็นการกระทำของอีกฝ่าย เขารู้ได้ทันทีว่าในตอนนี้ภารกิจไม่สามารถดำเนินต่อไปได้แล้ว มีสาวกจำนวนมากที่ตายตกไปอย่างซับซ้อนละพวกเขาไม่สามารถอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้และถึงแม้จะสามารถอธิบายได้ เหล่าสาวกของทั้งสองฝ่ายก็คงจะตายตกไปมากแล้ว อีกทั้งในสถานการณ์เช่นนี้เขาจะเอาเวลาที่ไหนไปค้นหาซ่งจง? ดังนั้นคุณชายใหญ่จึงหัวเราะออกมาอย่างขื่นขมพร้อมทั้งออกคำสั่งทันที “ลืมทุกอย่างเสีย! สาวกแห่งสำนักเสวียนเทียนจงฟังข้า! หนีไปซะ!”