เล่มที่ 22 เล่มที่ 22 ตอนที่ 638 วิญญาณสามชาติสามภพ ดินแดนเสมือนจริงแคว้นเป่ยอี้

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

การแข่งขันซิ่งหลินนำไปสู่สงครามกลางเมือง และการนองเลือดที่น่าสลดที่สุดในประวัติศาสตร์

หลังการแข่งขัน ทูตแต่ละแคว้นที่มาเข้าร่วมการแข่งขันต้องกลับแคว้นของตน ทว่ามู่หรงอวิ๋นไห่ให้พวกเขาอยู่ต่อ ทั้งยังเชิญพวกเขาเข้าร่วมพิธีหวนคืนสู่บัลลังก์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ทูตแต่ละแว่นแคว้นจึงอาศัยอยู่ที่ค่ายของตนเอง

เมื่อซูจิ่นซีมาถึง เป่ยถางเย่กำลังเล่นกับนกอยู่ที่ลานของค่ายพัก

ท่านอ๋องน้อยผู้นี้ดูจะโปรดปรานดอกไม้และนกมาก เขาอยู่ที่หนานหลีเพียงไม่กี่วัน ทว่าเรือนพักของเขากลับเต็มไปด้วยดอกไม้และนกนานาพันธุ์

“พระชายาโยวอ๋อง แขกคนสำคัญ! ” เมื่อเป่ยถางเย่เห็นซูจิ่นซีเดินเข้าประตูมา จึงเอ่ยต้อนรับนาง

ทั้งคู่นั่งอยู่ภายในเรือนพัก โดยมีบ่าวรับใช้ยกน้ำชามาให้

“พระชายาโยวอ๋องมาหาข้า มีเรื่องอันใดหรือ? ” เป่ยถางเย่พูดเข้าประเด็นทันที

ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปาก “เห็นท่านอ๋องน้อยใบหน้ามีเลือดฝาด จิตใจแจ่มใส ดูแล้วอาการบาดเจ็บที่ได้รับตอนอยู่ในเขตเวทมนตร์คงหายดีแล้ว ตามตำนานกล่าวว่า แคว้นเป่ยอี้ลึกลับยากคาดเดา ราชวงศ์มีความสามารถที่ไม่เหมือนผู้ใด ทั้งยังยากจะหาผู้ใดเปรียบ ช่างสมคำร่ำลือเสียจริง! ”

“อาการบาดเจ็บของพระชายาโยวอ๋องก็ฟื้นฟูอย่างรวดเร็วเช่นกัน ไม่รู้ว่าพระชายาโยวอ๋องใช้วิธีใดรักษาอาการบาดเจ็บ? หากข้าจำไม่ผิด นอกจากแคว้นเป่ยอี้ของข้า ห้าแคว้นที่เหลือหาได้มีผู้ที่มีความสามารถแตกต่างจากคนทั่วไปเช่นนี้! ”

เป่ยถางเย่กำลังหยั่งเชิงซูจิ่นซี!

ท่าทางของซูจิ่นซียังคงสงบนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง

“ข้าเป็นผู้มีความรู้ด้านการแพทย์ การรักษาอาการบาดเจ็บเช่นนี้ ไม่ใช่ปัญหาสำหรับข้า ทว่าที่อาการบาดเจ็บของข้าดีขึ้นอย่างรวดเร็วนั้น ต้องขอบคุณยาวิเศษของจิ่วหรง”

ความเก่งกาจของสำนักแพทย์เทียนอีเป็นที่รู้จักกันดีในอาณาจักรเทียนเหอ เรื่องผิดปกติทางการแพทย์ ขอเพียงจิ่วหรงออกหน้า ก็ไม่มีอันใดน่าแปลกใจ

เป่ยถางเย่จิบชาพลางแย้มยิ้ม ซูจิ่นซีไม่พูดอ้อมและเอ่ยตรงเข้าประเด็นในทันที

“พูดอย่างไม่อ้อมค้อม ข้ามาที่นี่ครั้งนี้ เพื่อมาขอความช่วยเหลือจากท่านอ๋องน้อย”

“โอ้? ” เป่ยถางเย่เลิกคิ้วเล็กน้อย

“การแข่งขันครั้งก่อนในเขตเวทมนตร์ ไม่รู้ว่าตอนที่องค์ชายเย่ป้องกันพลังสยบมังกรของข้า ท่านใช้วิธีใดจึงสร้างดินแดนเสมือนจริงขึ้นมาได้? สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ท่านทำให้ข้าเห็นกับตาอีกครั้งได้หรือไม่? ”

ในตอนนั้น ดินแดนเสมือนจริงที่เป่ยถางเยี่ยสร้างขึ้น มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์หลังจากที่เทพธิดาซีโจวชุบชีวิตฉ่ายเวยให้ฟื้นคืนมา

ทว่าเหตุการณ์ในตอนนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซูจิ่นซียังเห็นไม่ชัดเจนนัก ทั้งยังดูไม่จบ ดินแดนเสมือนจริงก็สลายหายไปในอากาศ

ด้วยเหตุนี้ นางจึงต้องการมาพบเป่ยถางเย่

เป่ยถางเย่เลิกคิ้วเล็กน้อย หลังจากได้ฟังจุดประสงค์ของซูจิ่นซี “โอ้? ที่แท้ พระชายาโยวอ๋องก็มาหาข้าด้วยเรื่องนี้? เพียงแต่… ”

เขาจงใจเว้นช่วง

“เพียงแต่อันใด? ”

“เพียงแต่ ตอนที่อยู่ในเขตเวทมนตร์ พระชายาต้องการสังหารข้า! ตามเหตุผลแล้ว ข้าควรแค้นเคืองพระชายาโยวอ๋องเสียด้วยซ้ำ เหตุใดต้องตอบรับคำขอความช่วยเหลือของท่านด้วย? ”

ซูจิ่นซีหยิบจอกชาบนโต๊ะขึ้นมาลูบไล้แผ่วเบา

“โอ้? ท่านอ๋องน้อยเย่ยังแค้นเคืองข้าอยู่หรือ? ทว่า… หากท่านอ๋องน้อยเย่โกรธแค้นข้าจริง เกรงว่าวันนี้ ข้าคงไม่มีโอกาสได้ดื่มชากระมัง? ”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เป่ยถางเย่หัวเราะลั่น “เรื่องโกรธแค้นสตรีเช่นนี้ แน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งที่วิญญูชนพึงกระทำ ยิ่งสถานการณ์ในตอนนั้น พวกเราอยู่กันคนละฝ่าย แต่ละคนต่างมีความต้องการของตนเอง การกระทำของพระชายาโยวอ๋อง ข้าย่อมเข้าใจได้ หากในตอนนั้น พระชายาโยวอ๋องมีความคิดจะสังหารข้าจริง เกรงว่าข้าคงมีบางอย่างที่ทำให้พระชายาโยวอ๋องเข้าใจผิด! ”

ซูจิ่นซีจิบชาแผ่วเบาโดยไม่เอ่ยอันใด

นางกำลังร้องขอความช่วยเหลือ

ยิ่งไปกว่านั้น นางในตอนนั้นมีความคิดที่จะสังหารถังเป่ยเย่จริง เวลานี้ยอมทำให้อีกคนระบายโทสะบ้าง ก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว

รอจนเป่ยถางเย่หยุดหัวเราะและไม่พูดอันใดอีก ซูจิ่นซีจึงถามว่า “สิ่งที่ข้าขอร้องวันนี้ ท่านอ๋องน้อยเย่จะตกลงช่วยหรือไม่? ”

ท่าทีของเป่ยถางเย่ ทำให้ผู้คนยากคาดเดา

“ขอกล่าวตามตรง ตอนนั้นข้าใช้เคล็ดวิชาลับของราชวงศ์เป่ยอี้ แต่ละคนในราชวงศ์ ในหนึ่งชีวิตใช้ได้เพียงสามครั้งเท่านั้น ตอนที่อยู่ในเขตเวทมนตร์ ข้าใช้ไปแล้วหนึ่งครั้ง เท่ากับว่าเหลืออีกสองครั้ง โอกาสอันล้ำค่าเช่นนี้ ไม่สามารถมอบให้พระชายาโยวอ๋องได้”

ซูจิ่นซียังคงแย้มยิ้มเล็กน้อย “ท่านอ๋องน้อยเย่ต้องการสิ่งใดก็บอกมาได้ ขอเพียงข้าสามารถทำได้ ข้าย่อมไม่ปฏิเสธ”

เป่ยถางเย่หัวเราะเสียงดังอีกครั้ง

“พระชายาโยวอ๋องช่างตรงไปตรงมาเสียจริง เช่นนั้นข้าก็ขอพูดตามตรง การแข่งขันซิ่งหลินผ่านไปแล้ว ทุกคนต่างทราบดีว่าพระชายาโยวอ๋องเป็นคนของเผ่าเม้ย ข้าได้ยินมาว่า คนเผ่าเม้ยมีหยกกิเลนหยินหยางและพิณเฟิ่งหวงโบราณ ข้าศึกษาเกี่ยวกับโบราณวัตถุและมีความสนใจอย่างมาก จึงต้องการยืมพิณเฟิ่งหวงสักสองชั่วยาม ไม่รู้ว่าพระชายาโยวอ๋องจะยินดีหรือไม่? ”

ซูจิ่นซีขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ง่ายถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ”

“สำหรับพระชายาโยวอ๋องอาจเป็นเรื่องง่าย ทว่าสำหรับผู้ที่ชื่นชอบของโบราณเช่นข้า ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก”

ซูจิ่นซีครุ่นคิดหาข้อเท็จจริงอย่างรวดเร็ว ทว่าเป่ยถางเย่ไม่เผยความผิดปกติใดๆ อีกทั้งในตอนนี้ นางไม่มีความจำเป็นต้องใช้พิณเฟิ่งหวง ให้เป่ยถางเย่ยืมไปก็คงไม่เป็นอันใด

เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ ซูจิ่นซีจึงรีบตอบตกลงทันที “ตกลง! ทว่าตอนนี้ พิณเฟิ่งหวงไม่ได้อยู่กับข้า เมื่อกลับไป ข้าจะให้คนนำพิณเฟิ่งหวงมาส่งให้ท่านอ๋องน้อย”

เป่ยถางเย่ขมวดคิ้วเล็กน้อย

ให้ผู้อื่นนำมาให้หรือ?

สตรีนางนี้ช่างดูแคลนนัก นางคงไม่รู้คุณค่าและประโยชน์ที่แท้จริงของพิณเฟิ่งหวง!

ทั้งสองทำข้อตกลงกัน เป่ยถางเย่ไม่ได้พูดจาเลอะเลือน เขาค่อยๆ เชื่อมดินแดนเสมือนจริงตามวิธีที่ใช้ในการแข่งขันซิ่งหลินขึ้นมาอีกครั้ง

ซูจิ่นซีรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย นางไม่ละสายตาไปจากสถานการณ์ภายในดินแดนเสมือนจริง

สถานการณ์เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่นางเห็น หลังจากที่อาคมกำไลปี่อั้นเลื่อนระดับขั้นครั้งก่อน

เทพธิดาสังเวยชีวิตเพื่อฟื้นคืนชีพฉ่ายเวย จิ่วหรงเจ็บปวดจนไม่ต้องการมีชีวิตอยู่ โลกสวรรค์โศกเศร้า รัชทายาทเสวียนเยี่ยรีบเดินทางมา ทว่าสุดท้ายก็ช้าไปหนึ่งก้าว ฮ่องเต้คิดจะฉวยโอกาสนี้กำจัดจิ่นอีโหว จึงระดมกำลังพลและม้าจำนวนมากมาล้อมจวนจิ่นอีโหวไว้

รัชทายาทเสวียนเยี่ยกระชากจิ่วหรงที่นอนขดตัวอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด “ซีเอ๋อร์เล่า? ซีเอ๋อร์อยู่ที่ใด? ”

จิ่วหรงน้ำตาไหลพราก โศกเศร้าเจียนตาย “ไม่มีแล้ว ไม่มีแล้ว ไม่มีอันใดอีกแล้ว… ”

เสวียนเยี่ยค่อยๆ ปล่อยมือจากจิ่วหรงอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ความเศร้าในดวงตาของเขา ส่งไปไม่ถึงจิ่วหรงแม้แต่น้อย

“เหตุใด… เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้? เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้? ”

ทันใดนั้น เขาก็ใช้เท้าถีบไปที่ร่างของจิ่วหรงอย่างแรง “เป็นเจ้า เป็นเจ้าที่ฆ่านาง เป็นเจ้าที่ฆ่านาง จิ่วหรง เจ้าคนขี้ขลาด เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนที่ซีเอ๋อร์รักที่สุดคือเจ้า ทว่าเจ้ากลับพัวพันกับแม่นางผู้นี้ เจ้าคิดจะทำอันใด? หากไม่รักซีเอ๋อร์ก็ควรพูดกับนางให้ชัดเจน! เจ้ามันคนขี้ขลาด! ”

พูดจบ เขาก็ใช้เท้าสองข้างเตะร่างจิ่วหรงอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม เมื่อเหลือบไปเห็นฉ่ายเวยที่ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา เขาก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ