ตอนที่หลินหว่านพูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาด้วยน้ำเสียงค่อนข้างแน่ใจนั้น ฮั่วเทียนอวี่รู้สึกว้าวุ่นจนสับสนไปหมดแล้ว เขาไม่รู้ว่าทำไมหลินหว่านจึงเกิดความคิดแบบนี้ขึ้น แต่เขายังบอกกับตัวเองว่าจะบอกความจริงกับหลินหว่านไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเขาจะสูญเสียผู้หญิงที่เขารักไป
“จะเป็นไปได้ยังไงกัน คุณก็คืออินเสี่ยวเสี่ยว เป็นแฟนของผม คุณจะเป็นหลินหว่านอะไรนั่นได้ยังไงกัน? คนที่หน้าเหมือนกันมีเยอะไป ตอนยังไม่เจอเราก็ไม่รู้หรอก พอได้เจอแล้วถึงได้รู้ว่าโลกนี้ยังมีคนสองคนที่เหมือนกันได้ถึงขนาดนี้ แล้วก็นะ หลินหว่านนั่นอยู่กับเซียวจิ่งสือด้วยไม่ใช่รึไง”
ฮั่วเทียนอวี่พยายามดึงให้หลินหว่านรู้สึกว่าหน้าคล้ายกันมันเป็นเรื่องธรรมดาซะ หวังให้เธอโยนข้อสงสัยทิ้งไป ฮั่วเทียนอวี่รู้ว่า พอหลินหว่านรู้ความจริงขึ้นมา ต้องจากไปแน่ ส่วนเขานั้นไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อยมือไปจากเธอเด็ดขาด เขาไม่ยอมให้คนที่เขารักจากไปแบบนี้หรอก
“งั้นต่อให้เป็นจริง มีคนหน้าตาเหมือนกันมากสองคน ทำไมไม่เป็นฉันที่เป็นหลินหว่าน ที่เซียวจิ่งสือตามหา ส่วนเธอเป็นอีกคนที่แอบอ้างเป็นหลินหว่านล่ะ?”
หลินหว่านพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ตอนนี้เธอยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัยว่า คนที่หน้าตาเหมือนกับเธอนั้น สวมรอยเป็นตัวตนที่แท้จริงของเธอ
หลินหว่านถามด้วยน้ำเสียงค่อนข้างจริงจัง เธอในตอนนี้ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่อินเสี่ยวเสี่ยวอะไรนั่น แต่เป็นหลินหว่านที่เซียวจิ่งสือกำลังตามหาตัวอยู่
“เสี่ยวเสี่ยว เธอพูดอะไรแบบนั้น คนคนนั้นทำไมต้องแอบอ้างว่าเป็นหลินหว่านด้วยล่ะ? ยังมีอีก การสวมรอยเป็นคนคนหนึ่ง เป็นเรื่องง่ายขนาดนี้เลยเหรอ? เซียวจิ่งสือจะไม่รู้เชียวหรือ? ขนาดเซียวจิ่งสือยังไม่สงสัยเธอเลย แถมยังพิสูจน์แล้วด้วยว่าเธอมีความทรงจำเรื่องอดีตของเธอกับเซียวจิ่งสือ แล้วคุณยังจะบอกว่าเธอเป็นตัวปลอมได้ยังไง? เสี่ยวเสี่ยว คุณก็คืออินเสี่ยวเสี่ยว อย่ามัวหลงทางไปกับเรื่องที่เกิดขึ้นระยะนี้ หรือกับความร่ำรวยของเซียวจิ่งสือ จนทำให้หลงลืมว่าตัวเองเป็นใครไปเลย”
ฮั่วเทียนอวี่ใช้คำพูดแรงไปหน่อย เขาเห็นว่าต้องทำเช่นนี้จึงจะทำให้หลินหว่านตระหนักถึงตัวตนที่เป็นอยู่
“แต่ว่า ถ้าเธอเป็นหลินหว่านตัวจริง ฉันเป็นอินเสี่ยวเสี่ยวตัวจริง ทำไมเธอต้องจับฉันไปขังด้วย ทำไมต้องให้หมอด้านสมองมาเฝ้าฉันไว้ แล้วทำไมต้องสะกดจิตฉันด้วยล่ะ? เรื่องนี้มันไม่มีเหตุผลเลยนี่นา!”
หลินหว่านไม่เห็นด้วยกับฮั่วเทียนอวี่ เรื่องที่เกิดขึ้นนี้มันน่าแปลกเกินไป ยากจะหาเหตุผลมาอธิบายให้ชัดเจนได้
“เสี่ยวเสี่ยว งั้นคุณคิดหรือเปล่าว่า ผู้หญิงทุกคนย่อมจะอิจฉาริษยากันหรือมีเรื่องที่ยอมกันไม่ได้ทั้งนั้น หลินหว่านกับเซียวจิ่งสือเป็นคู่รักกันใช่หรือเปล่า ถ้าหากคุณเห็นว่ามีคนอีกคนหนึ่งที่หน้าเหมือนกับตัวเอง มาป้วนเปี้ยนอยู่ข้างๆ แฟนตัวเองอยู่เรื่อยนี่ คุณจะรู้สึกอย่างไร? ย่อมจะไม่ชอบใจ ขัดใจมากเลย ใช่ไหม? ในเมื่อขัดใจไม่ชอบซะแล้ว งั้นถ้าอยากทำให้คนคนนี้หายตัวไปจากชีวิตของแฟนตัวเองนี่ ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ใช่ไหมเล่า เธอคงไม่อยากให้คุณเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเซียวจิ่งสือ ไม่อยากให้คุณเข้าไปทำลายความรักระหว่างพวกเขา จึงคิดจะแอบกำจัดคุณไปซะ ดังนั้นจึงมีเรื่องที่จับคุณไปขังยังไง ทั้งหมดนี้ก็เพราะความริษยาหึงหวงของพวกผู้หญิงทั้งนั้น ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดสักหน่อย”
ฮั่วเทียนอวี่แต่งเรื่องเป็นคุ้งเป็นแควขึ้นเพื่อชักใบให้เรือเสียพาหลินหว่านไปผิดทาง หลินหว่านจะได้คลายข้อข้องใจไปได้
“ทำไมคุณถึงพูดแบบนี้ออกมาได้นะ เพื่อให้ความรักของตัวเองคงอยู่ต่อไป ก็สามารถลงมือทำร้ายคนอื่นได้งั้นรึ? ทัศนคติแบบนี้มันบิดเบี้ยวไปหน่อยกระมัง ฉันไม่ขอร่วมสังคายนาด้วยหรอก”
หลินหว่านมองฮั่วเทียนอวี่อย่างดูแคลนอยู่บ้าง นึกไม่ถึงเลยว่า เหตุผลบิดๆ เบี้ยวๆ พวกนี้จะหลุดมาจากปากเขาได้
“โอย เสี่ยวเสี่ยว คุณก็อย่าเพิ่งรีบโกรธไปเลย ผมแค่บอกว่า หลินหว่านเธออาจจะคิดแบบนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะเห็นด้วยกับความคิดของเธอนี่นา แต่ผมเห็นด้วยว่า การยอมทำทุกอย่างเพื่อความรักโดยไม่สนความถูกผิด เป็นเรื่องผิดพลาดอย่างมาก และเป็นเรื่องน่าละอายมาก”
ฮั่วเทียนอวี่พอเห็นว่าหลินหว่านเริ่มโมโห ก็รีบพูดปลอบเสียงอ่อน
“นอกจากนี้ ฉันก็ยังไม่เห็นว่าคนที่คิดอย่างที่คุณว่าแล้วจับฉันมาขังไว้ จะเป็นหลินหว่านไปได้ เพราะว่าคนที่ทำเรื่องแบบนี้ได้ มันต่างจากหลินหว่านที่เซียวจิ่งสือเล่าให้ฉันฟังมาก จนไม่น่าจะเป็นคนคนเดียวกันได้เลย!”
หลินหว่านนึกถึงคนที่เซียวจิ่งสือบรรยายให้เธอฟังเมื่อตอนบ่ายนี้แล้วก็ยิ่งแน่ใจในความคิดของตัวเอง
“เฮอะ เซียวจิ่งสือเล่าให้คุณฟังว่าหลินหว่านเป็นคนยังไงเหรอ? ผมเองก็ชัดอยากจะรู้บ้างซะแล้วสิ”
ฮั่วเทียนอวี่หัวเราะพรืดออกมา แล้วถามอย่างอยากรู้
“เซียวจิ่งสือบอกว่าหลินหว่านของผม บริสุทธิ์ไร้เดียงสา ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่รู้จักใช้แผนการร้ายและยิ่งไม่ทำร้ายคนอื่นด้วย หลินหว่านเป็นคนดีมาก เธอยังหวังดีต่อบ้านคุณตาของเธอที่กดขี่ข่มเหงเธอ ใช้เธอเป็นเครื่องมือ ทำร้ายและทอดทิ้งเธออีกด้วย ตอนที่พวกเขามาหาเธอเพื่อขอความช่วยเหลือ เธอยังอดไม่ได้ที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ
นอกจากนี้หลินหว่านยังมีพรสวรรค์มากด้านการแสดง เธอเกิดมาเป็นศิลปินโดยแท้เลย ทุกคนล้วนเห็นว่าเธอมีความสามารถด้านการแสดงที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ขนาดถูกกลั่นแกล้งถึงขนาดนี้ พรสวรรค์ด้านการแสดงของเธอยังเป็นที่รู้เห็นกันอยู่ ยากจะปกปิดไว้ได้
เธอขยันขันแข็ง มีความมานะบากบั่นเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ มีชีวิตอย่างที่ตัวเองต้องการ เพื่อพิสูจน์ตัวเอง ต่อให้ต้องลำบากขนาดไหนก็ยอมทน เธอก็คือห่านฟ้าที่หยิ่งผยองในตัวเอง มุมานะเพื่อพิสูจน์ว่า เธอได้อาศัยเรี่ยวแรงกำลังและการเสียสละทุ่มเทของตัวเองเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ
เธอสวยแต่ไม่ถือดี ไม่เอาแต่ใจ ไม่ทำตัวเป็นเจ้าหญิงให้ใครต้องมาคอยบริการเอาอกเอาใจ เลยสักนิด อุปนิสัยเปิดเผยไม่คิดมากจุกจิกหยุมหยิม เหมือนเด็กผู้ชาย ไม่ขี้อ้อนงอแง ตรงไปตรงมา เป็นคนสบายๆ จริงใจไม่คิดมากคนหนึ่ง”
หลินหว่านบอกเล่าทุกคำพูดของเซียวจิ่งสือที่พูดกับเธอเมื่อตอนบ่ายวันนี้ให้ฮั่วเทียนอวี่ฟังจนหมดเปลือก จนฮั่วเทียนอวี่ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี เพราะเขารู้ว่าคนที่ตรงหน้าเขานี้ก็คือคนที่เซียวจิ่งสือบรรยายมาอย่างนั้นเลย
“แต่เธอดูสิ หลินหว่านอย่างในตอนนี้ เธอทั้งเจ้าคิดเจ้าแค้น ทั้งยังไม่ใจดีมีเมตตาเลยสักนิด ไม่งั้นก็คงไม่จับฉันไปขัง ทำร้ายฉัน ใช้วิธีการต่ำช้าแบบนี้ นอกจากนี้เธอยังไม่ใช่คนขยันขันแข็งเลยด้วย นี่ก็ตั้งนานแล้ว คุณเห็นเธอรับงานแสดงหรือไปแสดงหนังบ้างไหม? ไม่เหมือนกับหลินหว่านที่เซียวจิ่งสือพูดถึงเลยสักนิด แล้วฉันก็ยังเห็นเธอออดอ้อนออเซาะ งอแงวีนแตกไปตั้งหลายครั้ง คนแบบนี้เหรอที่คุณบอกฉันว่าปล่อยตัวตามสบาย…กับผีนะสิ”
หลินหว่านร่ายเรียงจุดที่อี้อวิ๋นฉังแตกต่างจากหลินหว่าน แล้วก็ยิ่งเชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง
“เสี่ยวเสี่ยว คุณก็รู้ว่า พวกเขาสองคนเป็นคู่รักกัน ก็อย่างที่บอกกันว่าในสายตาคนรักย่อมเห็นเป็นนางไซซีที่งามพร้อมไปหมดนั่นล่ะ เซียวจิ่งสือเป็นแฟนของหลินหว่าน ก็ย่อมจะขยายส่วนดีของเธอให้งามพร้อมยิ่งขึ้นไปอีก โดยละเลยข้อเสียไปก็ได้นี่ ทุกคนต่างก็ไม่อยากมีความทรงจำว่าคนที่ตัวเองรักเป็นคนไม่ดีหรอก”
ฮั่วเทียนอวี่พูดเหมือนมีหลักการ เขาหวังว่าการชักแม่น้ำทั้งห้าของตัวเองจะทำให้หลินหว่านยอมปล่อยวางกับสิ่งที่เธอคิดเสียที