ตอนที่ 291: กลับคำพิพากษา (2) Ink Stone_Romance
วันรุ่งขึ้นมาถึง เฉินเยี่ยนและซินห้าวเอาสมุดบัญชีและเครื่องบันทึกเสียงไปหน่วยงานเทศบาล
ในห้องประชุมคนที่ควรมาต่างมากันหมดแล้ว มีสิบกว่าคน มีบางคนที่เฉินเยี่ยนไม่รู้จัก และเธอก็ไม่จำเป็นต้องรู้จัก
พอพูดถึงปัญหาของซินชาน หัวหน้ากองวินัยก็บอกว่าพวกเขาทำตามขั้นตอนไม่ผิด หลักฐานที่ซินชานนั้นโกงเงินเป็นเรื่องจริง ถึงแม้จะมีสมุดบัญชี ซินชานยังมีเงินที่แจ้งไม่ชัดเจนอยู่ ถึงแม้จะแค่สองพันกว่าเหรียญ นั่นก็ไม่ใช่เงินน้อยๆ ดังนั้นพวกเขาเลยย้ายมาฝ่ายความมั่นคงนั้นถูกต้องแล้ว
หัวหน้าหลี่ก็พูดข้อสงสัยมาหลายข้อ บอกว่ายังตรวจสอบไม่หมด ก็ย้ายเรื่องมาให้พวกเขาแล้ว ดูทำอย่างรีบๆ
คณะกรรมการบอกว่าพวกเขาทำตามข้อสรุปของกองวินัยถึงได้ออกคำสั่งไล่ออก ปลดออกจากตำแหน่งทุกส่วน
เห็นพวกเขาแต่ละคนต่างถกเถียงกันอย่างดุเดือด ต่างบอกว่าตัวเองไม่ผิด เฉินเยี่ยนยิ้มเย็นชา จนตอนที่นายกเทศมนตรีให้เฉินเยี่ยนและซินห้าวพูด ทั้งสองคนไม่พูดอะไร แต่เปิดเครื่องบันทึกเสียงเลย
จนเครื่องบันทึกเสียงเล่นจบ คนในห้องประชุมต่างมองหน้ากัน สีหน้าตกใจกันมาก
“ตรวจสอบ ตรวจให้ละเอียด! ในเมืองมีเรื่องกำเริบเสิบสานได้ถึงเพียงนี้ ใช้ได้ที่ไหน ไปตรวจสอบมาให้แน่ขัด แล้วยังมีซูสิ่ง ไปเรียกเขามาพบผม ผมจะดูสิ ว่าใครที่กลั่นแกล้งกันอยู่”
สุดท้ายนายกเทศมนตรีตบโต๊ะ ถ้าเรื่องในเครื่องบันทึกเสียงนั้นเป็นเรื่องจริงทั้งหมด นั่นหมายถึงพวกเขาไร้ความสามารถ ส่วนซูสิ่งคือพ่อของซูเหม่ยลี่
นายกเทศมนตรียังให้ฝ่ายความมั่นคงส่งคนไปสถานที่ที่ซูเหม่ยลี่พูดโดยเฉพาะ คดีนั้นที่ซูเหม่ยลี่พูดก็ต้องตรวจสอบ ถ้าเป็นเรื่องจริง งั้นซูเหม่ยลี่ไม่ได้ฆ่าแค่คนคนเดียว
นายกเทศมนตรีโกรธจัด คนอื่นย่อมไม่กล้าพูดอะไรอยู่แล้ว ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งที่แล้ว เรื่องมาถึงตรงนี้แล้ว ใครจะคิดปกป้องใครนั้นเป็นไปไม่ได้แล้ว
ทุกฝ่ายเลยต่างรับหน้าที่ไป ต่างต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วและเฉียบขาด
ครึ่งเดือนผ่านไป คดีซินชานพลิก เขาไม่เพียงแต่ไม่ได้โกงเงินแม้แต่สตางค์เดียว แต่กลับตรวจสอบจนสุดท้ายพบว่าซินชานช่วยเหลือประชาชนมากมาย ช่วยของจริง และทำได้ไม่แย่ด้วย
ส่วนหัวหน้าจ้าวหลุดออกจากตำแหน่งเหมือนซินชาน เขาโดนทั้งกองวินัยและฝ่ายความมั่นคงตรวจสอบทั้งสองฝั่ง ตัวเขาโดนฝ่ายความมั่นคงกักตัวไว้
พยานบุคคลก็กลับคำแล้ว บอกว่าใส่ร้ายซินชาน
คณะกรรมการออกคำสั่งปลดซินชานออกจากตำแหน่งไปแล้ว แต่เพราะที่อำเภอตำแหน่งหัวหน้านั้นมีคนรับตำแหน่งไปแล้ว ซินชานเลยเป็นหัวหน้าเขตไม่ได้ แต่นายกเทศมนตรีจัดการให้ซินชานมาอยู่ในเมือง ถือว่าเป็นการเลื่อนตำแหน่งให้ซินชาน
สถานที่นั้นที่ซูเหม่ยลี่อยู่ก็มีข่าวกลับมา ซูเหม่ยลี่ไม่ได้โกหก ตรวจสอบจนถึงที่สุดต่างพิสูจน์ว่าคำพูดเธอเป็นความจริง
ที่ควรลงโทษนั้นทุกคนได้รับโทษหมด แต่สิ่งที่ทำให้เฉินเยี่ยนและซินห้าวคิดไม่ถึงคือซูเหม่ยลี่ไม่ได้ติดคุก เพราะเธอเป็นบ้า
เฉินเยี่ยนเพิ่งรู้ว่าทำไมซูเหม่ยลี่ถึงไปหาหมอที่โรงพยาบาล เธอไม่ได้หาหมอเรื่องอื่น แต่เป็นที่จิตใจเธอ
ซูเหม่ยลี่คนนี้โหดเหี้ยม แต่สิ่งที่เธอทำเรื่องเลวนั้นไม่ใช่ว่าไม่มีผลกระทบกับเธอเลย สองปีนี้เธอฝันร้ายทุกคืน โดยเฉพาะที่เธอโดนผู้ชายคนนั้นย่ำยี เธอลงมือโยนเด็กคนนั้นลงบ่อน้ำด้วยตัวเอง กลายเป็นปมฝังใจเธอ ทุกคืนกลางดึกเธอจะฝันร้าย เธอไม่กล้าปิดไฟนอน บางครั้งตอนกลางคืนตัวเธอจะพูดกับอากาศ
หนึ่งปีก่อนซูเหม่ยลี่ก็ไม่ปกติแล้ว แต่ไม่ได้มีผลเรื่องการแก้แค้นกับบ้านซินและเฉินเยี่ยน ตอนกลางวันเธอยังดูเป็นคนเอาใจใส่เหมือนปกติ หลายครั้งเวลาเธออยู่คนเดียวตอนกลางคืนโรคเธอจะกำเริบขึ้นมา
ครั้งนั้นเฉินเยี่ยนเห็นเธอ เธอมาหาหมอ แต่เธอไม่ยอมบอกอะไรกับหมอมาก แล้วให้หมอสั่งยานอนหลับให้เธอ ดังนั้นหมอเลยรู้แค่ว่าเธอพักผ่อนไม่ดี
หลังแผนล้มเหลว ตำรวจก็กักตัวซูเหม่ยลี่ไว้ คืนนั้นโรคเธอกำเริบขึ้นมา เธอพูดกับอากาศคนเดียวทั้งตะโกนทั้งโวยวายทั้งร้องไห้
วันรุ่งขึ้นพาเธอไปส่งโรงพยาบาล หลังจากผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว มั่นใจว่าจิตของซูเหม่ยลี่มีปัญหา ซึ่งก็หมายความว่าเธอเป็นโรคจิต
เป็นโรคจิตไม่ต้องติดคุก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าซูเหม่ยลี่จะมีจุดจบที่ดี เธอโดนส่งตัวไปโรงพยาบาลจิตเวช
เฉินเยี่ยนและซินห้าวไปเยี่ยมเธอครั้งหนึ่ง ซูเหม่ยลี่นั้นดูเป็นคนแปลกหน้ามาก เดี๋ยวก็ยิ้มให้พวกเขาอย่างกระหายเลือด เดี๋ยวในแววตาก็แสดงความหวาดกลัวออกมา สั่นไปทั้งตัว แล้วเดี๋ยวก็นั่งลงไม่ขยับ สงบจนเหมือนคนที่ไม่ได้โกรธ เหมือนหุ่นตุ๊กตาที่ไร้จิตวิญญาณ
ซูเหม่ยลี่สภาพนี้ทำให้เฉินเยี่ยนทอดถอนใจ เธอมีชาติตระกูลที่ดี มีหน้าตาสวยงาม มีจิตใจที่ละเอียดอ่อน แต่เธอกลับใช้ในทางที่ผิด จนมามีจุดจบแบบนี้ ทำให้เธอเสียดาย
ถึงแม้พ่อซูเหม่ยลี่จะไม่ถูกโดนเชื่อมโยงไปด้วย เพราะเขาเป็นคนที่ไม่แย่ เป็นข้าราชการที่สุจริต มีใจรักงาน ทำงานเพื่อประชาชน ผลงานเขาก็โดดเด่น ส่วนลูกสาวนั้นเขาไม่ค่อยได้สั่งสอน เขาคิดมาตลอดว่าลูกสาวนั้นรู้เรื่อง ฉลาดมาก เขาไม่ต้องใส่ใจมาก ตอนนี้เพิ่งมารู้ว่าลูกสาวนั้นทำเรื่องมากมายขนาดนี้ลับหลังเขา
คุณพ่อซูเสียใจ และโทษตัวเอง สุดท้ายเขาเขียนคำร้องขอให้ในเมืองลงโทษเขา และปลดเขาออกจากตำแหน่ง เขาบอกว่าแม้แต่พ่อเขายังทำได้ไม่ดี จะไปมีหน้าดูแลประชาชนได้ยังไง
ในที่สุดเรื่องก็จบลง ซินชานพบเจอโชคดีในโชคร้าย ไม่เพียงแต่ไม่มีเรื่องแล้ว ยังได้เลื่อนตำแหน่งอีก ซุนหม่านเซียงดีใจมาก ทำกับข้าวหลายอย่าง ฉลองให้ซินชาน
“ซินห้าว พรุ่งนี้แม่ตั้งใจจะไปกินข้าวนอกบ้าน เรียกคุณยาย คุณลุง คุณย่า คุณน้าพวกเขาไปเลี้ยง ช่วงนี้พวกเขาต่างกังวลใจกันไม่น้อย ตอนนี้พ่อลูกไม่เป็นอะไรแล้ว แล้วยังได้ย้ายมาในเมือง พวกเขาก็ดีใจกัน”
ซุนหม่านเซียงพูดไปยิ้มไป ตอนนี้เธอพอใจมาก สามีมาอยู่ในเมืองแล้ว ที่นั่นดีกว่าเยอะ และมีอนาคต ไม่ต้องไปอยู่ที่อำเภอ เธอคิดว่าดีกว่ามาก
ซินห้าวไม่ว่าอะไร ฝั่งคุณยาย เขาไม่ได้สนใจมาก ถึงแม้ว่าเพราะครั้งนี้พ่อพลิกคดีกลับมาได้ โรงงานเขาเลยยังไม่โดนเอาไป แต่เขาคิดว่าครบสัญญาครั้งนี้ เขาจะไม่ทำแล้ว เขากับเฉินเยี่ยนสองคนจะค้าขาย
เฉินเยี่ยนเหลือบมองแม่สามี เธอเข้าใจได้เรื่องที่ซุนหม่านเซียงดีใจ แต่ในใจเธอกลับไม่รู้สึกเป็นสุข
เธอมอบสูตรให้โรงงานม้วนบุหรี่ในเมือง โรงงานม้วนบุหรี่ในอำเภอเปิดต่อไปไม่ได้แล้ว คิดถึงคนงานพวกนั้น คิดถึงผลกำไรของโรงงาน เฉินเยี่ยนเสียใจ แต่เธอรู้ ถึงแม้จะไม่มีเรื่องซินชาน โรงงานม้วนบุหรี่ก็ทำต่อไปไม่ได้อยู่ดี
“พรุ่งนี้หนูไม่มานะคะ หนูจะกลับบ้านแม่”
ช่วงนี้เฉินเยี่ยนยุ่งเรื่องซินชานอยู่ฝั่งนี้ ซินชานไม่เป็นอะไรแล้ว เพียงแต่บอกบ้านเฉินไป เธอยังไม่ได้กลับไปเลย เธอคิดว่าพรุ่งนี้จะกลับไปเยี่ยม จะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับครอบครัวแม่สามีด้วย
พูดถึงเฉินเยี่ยนไม่ยอมเผชิญหน้าก็มีเหตุผล ช่วงนี้ที่ซินชานมีปัญหา เดิมทีซุนหม่านเซียงไม่ออกหน้าอยู่แล้ว คุณยายมาหาสองครั้ง แล้วยังด่าซินชาน บอกว่าเขาเอาเงินไปซี้ซั้วใช้ ทำให้ครอบครัวเดือดร้อน แล้วยังบอกว่าเงินเยอะขนาดนั้น ไม่เห็นซินชานเอามาให้พวกเขาเลยสักแดง
พวกคุณลุงคุณน้าก็ไม่พอใจเช่นกัน พูดจาประชดประชัน นอกจากลุงสอง น้าสองและลูกพวกเขาที่คอยช่วยวิ่งเต้นแล้ว คนพวกนั้นไม่มีใครช่วยเลยสักคน
แล้วยังบอกว่าตั้งแต่แรกจะไม่ให้ซุนหม่านเซียงแต่งงานกับซินชาน ได้สามีแบบนี้ ถือเป็นโชคร้าย ตอนนี้เห็นซินชานดีแล้ว เลี้ยงพวกเขากินข้าวเฉินเยี่ยนรู้สึกว่าจะพูดกับพวกเขาสักประโยคยังทรมานเลย