“ไม่รู้ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเคยได้ยินคำนั้นเหมือนกัน” ไป๋ชิวหลินหันไปหาเหล่าโจว “เหล่าโจว นายมีความรู้มากที่สุดในพวกเราแล้ว นายรู้ไหมว่าเฮ็นไตคืออะไร?”

เหล่าโจวส่ายหน้าและกุมคางขณะวิเคราะห์ “บางทีอาจจะเป็นการ์ตูนแนวใหม่ ถ้ามีโอกาส พวกเราลองถามบอสดู”

“ความคิดไม่เลว ถ้าบอสเฉินรู้ว่างานของต้าเหนียนได้รับความชื่นชอบจากปรมาจารย์ เขาต้องดีใจมากแน่ ๆ” ต้วนเยว่ลากชิโนซากิออกจากห้อง เหล่าโจวและไป๋ชิวหลินแบกเสี่ยวเซี่ย และทั้งกลุ่มไม่ช้าก็ออกจากเขตที่พักอาศัย ไม่กี่นาทีหลังจากที่พวกเขาออกไป ก็มีเสียงฝีเท้าก้องมาตามทางเดิน

“จินหยวน? เว่ยจินหยวน?” เสียงแหลมดังมาจากประตู ประตูถูกผลักเปิดออก และหลี่ซางอิ๋นก็ชะโงกเข้ามาในห้องนั่งเล่น “เทปที่บนประตูถูกฉีกออก ดังนั้นพวกเขาน่าจะอยู่ที่นี่”

หลี่ซางอิ๋นนั้นสำรวจตึกติดกันแล้ว หลังจากที่ไปถึงชั้นใต้ดินชั้นที่สามเขาก็พบว่าตึกพวกนี้นั้นเชื่อมถึงกัน เกิดเป็นเขาวงกตใต้ดินขนาดใหญ่

สิ่งที่พวกเขาเห็นก่อนหน้านี้นั้นเป็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น ความสยองขวัญของจริงถูกฝังเอาไว้ใต้ดิน การเข้าชมบ้านผีสิงธรรมดาทั่วไปนั้นอย่างมากก็ให้เข้าชมพร้อมกันแค่ห้าคน และการสำรวจก็จำกัดเอาไว้ที่ยี่สิบนาที ส่วนการเข้าชมแบบของเฉินเกอซึ่งอนุญาตให้เข้าพร้อมกันได้สิบคนและมีเวลาจำกัดสี่สิบนาทีนั้นหายได้ยากมาก

หลี่ซางอิ๋นไม่เข้าใจจนกระทั่งเห็นฉากใต้ดิน ที่นี่ใหญ่มากจนสามารถให้ผู้เข้าชมเข้าพร้อมกันได้ยี่สิบคนด้วยซ้ำ

ตอนที่เว่ยจินหยวนร้องของความเมตตา หลี่ซานอิ๋นนั้นกำลังเดินลึกเข้าไปใต้ดิน ตอนที่เขาได้ยินเสียงร้อง เขาก็รีบมุ่งหน้ามาทางเสียง แต่โชคร้าย เขามาช้าไปก้าวหนึ่ง เดินมาตามทางเดินที่เหมือนกันไปหมดอย่างนี้ เขาก็กลัวว่าตัวเองจะหลงทาง ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเดินย้อนกลับไปตามทางที่ตัวเองเข้ามาก่อนจะมาตรวจดูสาเหตุเบื้องหลัง ‘อุบัติเหตุ’ ของเว่ยจินหยวน

“ห้องนี้ก็ว่างเปล่าเหมือนกัน ฉันเข้ามาที่นี่ยี่สิบนาทีแล้ว และฉันก็ยังไม่เจออะไรเลย ที่นี่มันยังไม่เสร็จสมบูรณ์หรือไง?”

ฉากใหญ่มาก ดังนั้นก็เป็นธรรมดาที่ต้องการนักแสดงจำนวนมากมาเติมเต็มพื้นที่ว่าง หลี่ซางอิ๋นนั้นคิดว่าเขาโชคไม่ดีเพราะว่าไม่เจอนักแสดงเลยสักคน

“ฉันหาใครมาถามก็ยังไม่ได้เลย” หลี่ซางอิ๋นเดินไปตามทางเดินสีหน้าไม่พอใจ “ฉันจะมัวเดินวนไปมาแบบนี้ไม่ได้ ดูเหมือนว่าต้องตามหานักแสดงเองเสียแล้วแหละ”

ตั้งแต่ที่เขาเกิดมา น้อยครั้งมากที่เขาจะรู้สึกกลัว ตอนที่เขายังเด็ก พ่อกับแม่ของเขาเคยพาเขาไปพบหมอ และหลังจากการตรวจ หมอก็พบว่าสมองของเขานั้นต่างไปจากปกติ

ในส่วนของสมองกลีบหน้านั้นทำงานได้ดีมาก แต่ว่าส่วนนอกของลิมบิกและสมองกลีบหน้าผากนั้นพัฒนาไม่เต็มที่ ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นปกติดี แต่วิธีการคิดและการมองโลกของเขานั้นต่างไปจากคนส่วนใหญ่

เขาพยายามที่จะเลียนแบบคนธรรมดาให้ดีที่สุด แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาเสียสมาธิไป ตัวตนแท้จริงของเขาก็จะผุดขึ้นมา เขาได้พยายามทำงานหลายอย่างมาก่อนหน้านี้ แต่ก็มักจะถูกไล่ออกด้วยเหตุผลประหลาด จนกกระทั่งเข้าร่วมกับสถาบันฝันร้ายที่ซินไห่

ซ่อนตัวอยู่ในความมืดและบ้านผีสิงที่น่าขนลุก ในที่สุดเขาก็สามารถสลัดการปลอมแปลงทิ้งและได้เป็นตัวเขาที่แท้จริง

หลี่ซางอิ๋นเกาหลังคอเดินออกมาจากเขตที่พักอาศัย เขากวาดตามองรอบ ๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก “บอสบอกคำใบ้ให้พวกเราสี่อย่าง แต่ฉันติดต่อกับผู้เข้าชมคนอื่น ๆ ไม่ได้ แล้วฉันจะเจอคำใบ้ได้ยังไง? เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาตอนที่ฉันออกไปสำรวจด้วยตัวเองกันนะ?

“เว่ยจินหยวนไม่ใช่คนขี้ขลาด และเขายังใช้เวลาทำงานอยู่ในบ้านผีสิงเกือบทั้งวัน มันผิดปกติมากที่เขาจะกรีดร้องอย่างนั้น หรือว่าข่าวลือเรื่องบ้านผีสิงนี่จะเป็นความจริง?”

หลี่ซางอิ๋นขมวดคิ้ว และเมื่อเขาคิดเรื่องอื่น เขาก็ไม่ได้สังเกตเห็นพุ่มไม้ที่ข้าง ๆ เขตที่พักอาศัยขยับไหว

และเขายังไม่ได้สังเกตเห็นผู้ชายส่วนเสื้อคลุมยาวถือกรรไกรด้ามหนึ่งตามหลังเขามาด้วย

ป้ายแขวนอยู่เหนือทางเข้าโรงแรมสว่างขึ้นและเผยให้เห็นชื่อของโรงแรม สายลมเย็นพัดเอื่อยไปตามถนนเงียบสนิท แสงไฟกะพริบ เงาของจางจิงจิ่วเหยียดยาวกว่าที่มันควรจะเป็น

“เล่นเป็นเจ้าของโรงแรมนี่ต้องทำยังไงนะ?”

เขาสวมชุดที่เฉินเกอดึงออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อของเหล่าวิญญาณ เขานั่งอยู่ที่โต๊ะไม้ มือเท้าคางและพยายามคิด

“ในเมื่อฉันตัดสินใจทำงานที่นี่แล้ว ฉันก็ควรจะพยายามให้ถึงที่สุด มือกรรไกรน่ะมีพรสวรรค์ตามธรรมชาติ หรือฉันควรจะพูดว่า เขาฝึกฝนเพื่อหน้าที่นี้มาเป็นเวลานาน เพื่อที่จะบรรลุระดับมืออาชีพอย่างเขา ฉันยังต้องเรียนรู้อีกมาก”

จางจิงจิ่วมองซ้ายมองขวา หลังจากแน่ใจแล้วว่ารอบด้านไม่มีผู้เข้าชม เขาก็แอบดึงโทรศัพท์ออกมาค้นบนออนไลน์เพื่อหาคำแนะนำในการเป็นนักแสดงที่มีคุณภาพ เขากำลังตั้งใจเรียนรู้ตอนที่เสียงฝีเท้าดังมาจากทางถนน ผู้ชายและผู้หญิงอย่างละคนกำลังวิ่งมาจากทางแยกพร้อมกับสีหน้าตระหนก

“มีแสงไฟ! ทำตามที่บอสสั่ง! พวกเราต้องไปหาที่ที่มีแสงไฟ!” ผู้ชายคนนั้นยังดูค่อนข้างมีสติ เขาลากเพื่อนผู้หญิงมาด้วยขณะวิ่งตรงมายังทางเข้าโรงแรม พวกเขาวิ่งเหมือนตัวเองเป็นผู้แข่งขันวิ่งแข่งหนึ่งร้อยเมตร พวกเขาล้มไปกับพื้นเมื่อมาถึงทางเข้า

“หยุดก่อน ฉันวิ่งไม่ไหวแล้ว” เด็กสาวโบกมือไปมา ผู้ชายคนนั้นก็ถึงขีดจำกัดของตัวเองแล้วเช่นกัน เขากระอักไอและสูดเอาอากาศเข้าปอดอย่างกระหายขณะที่หัวใจยังเต้นไม่เป็นจังหวะ

“ฉันมีลูกค้าแล้ว!” จางจิงจิ่วจัดเสื้อผ้า นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้ต้อนรับลูกค้าในบ้านผีสิง ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างกระวนกระวายอยู่บ้าง เขาเก็บโทรศัพท์ลงไป แล้วเดินไปที่ประตูทักทายพวกเขา “พวกคุณ… ต้องการความช่วยเหลือไหม?”

จางจิงจิ่วนั้นไม่ได้ตั้งใจจะพูดอย่างนั้น แต่ว่าเขารู้สึกสงสารผู้เข้าชมทั้งสองคน และเขาก็อดที่จะยื่นมือออกไปช่วยไม่ได้

ได้ยินเสียงแปลก ๆ ดังมาจากด้านหลัง ชายคนนั้นก็สะดุ้งผุดลุกขึ้นจากพื้นแล้วก็เซไปด้านหลังหลายก้าวก่อนที่จะยั้งตัวเองไว้ได้ เห็นปฏิกริยาของผู้ชายคนนั้นที่เหมือนกับเป็นหนูวิ่งมาเจอแมวจางจิงจิ่วก็ส่ายหน้ายิ้ม ๆ ผู้ชายคนนั้นต้องผ่านความสิ้นหวังมาขนาดไหนถึงได้ทำให้เขามีปฏิกริยาแบบนั้นกับการทักทายง่าย ๆ

“อย่าเข้าไปใกล้นะ! เขาเป็นพนักงานที่นี่!” ชายหนุ่มทำเหมือนกำลังอยู่ในสงคราม ผู้หญิงที่ข้าง ๆ เขารีบลุกขึ้นยืนแล้วขยับเข้าไปหาชายหนุ่ม

“ผมเป็นพนักงานที่นี่ แต่ว่ามาจากฝ่ายอื่น” จางจิวจิ่งไม่รู้จะอธิบายตัวเองว่ายังไง “ทำไมคุณไม่เข้าไปพักข้างในก่อนล่ะ? ในโรงแรมมีน้ำขวดบริการนะ”

“คุณคิดว่าผมจะเชื่อกับดักที่เห็นอยู่โต้ง ๆ อย่างนี้เหรอ?” ชายหนุ่มถอยออกไปจนหลังเกือบจะชนเข้ากับกำแพงของ ‘บ้านสุนัข’ ที่อีกฝั่งถนน

“คุณไม่เข้าใจคำพูดง่าย ๆ นี่เหรอ? ผมเป็นพนักงานใหม่ และบอสยังไม่ได้มอบหมายงานให้ผมหลอกผู้เข้าชม ฉากย่อยที่ผมรับผิดชอบน่ะเป็นจุดพักเดียวให้ผู้เข้าชมเข้าไปพัก” จางจิงจิ่วโบกมือให้พวกเขา “บอสเป็นห่วงว่าพวกคุณผู้เข้าชมจะไม่สามารถทนรับความกดดันของฉากที่ตึงเครียดนี่ได้ ดังนั้นเขาจึงตั้งใจจัดที่นี่เอาไว้ให้คุณได้พัก”

จางจิงจิ่วไม่ได้โกหก เขาแค่ไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของโรงแรมที่เขาได้รับมอบหมายให้ดูแล

อันที่จริงแล้ว โรงแรมเมืองหลี่ว่านนั้นเป็นสถานที่ที่พิเศษมาก ในเมืองหลี่ว่านจริง ๆ แล้วนั้น โรงแรมเป็นทั้งสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดและอันตรายที่สุด

เหมือนกับโรงแรมเมืองหลี่ว่านในบ้านผีสิงของเฉินเกอ เมื่อเจ้าของคือจางจิงจิ่ว มันก็จะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในเมืองเล็ก แต่เมื่อบทบาทนั้นถูกฟางหยวนยึดไป โรงแรมก็จะมีบรรยากาศที่ต่างออกไป