และแล้วท้องฟ้าก็เริ่มสว่างไสวชิงห่านอี้แต่งตัวและกลับไปสู่ห้องของเธอ ก่อนจะจากกัน ชิงสุ่ยจูบลาเธอเล็กน้อย แต่มันก็ยังคงไว้ซึ่งความสุข
สวรรค์ไม่เคยขวางทางผู้ที่มานะพยายามเขาไม่คิดเลยว่าการผสานระหว่างพลัง 9 หยิน และพลัง 9 หยางจะเปลี่ยนแปลงสภาพร่างกายของเขาได้มากมายขนาดนี้ มันเรียกว่านี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งที่ดีที่สุดตลอดช่วงเวลาที่เขาฝึกฝนอย่างหนัก จนเขาถึงกับสงสัยว่าในอนาคตเขาจะยังพบเจอกับการพัฒนาพลังที่ก้าวกระโดดแบบนี้อีกหรือไม่
กลิ่นอายและอารมณ์ของชิงสุ่ยก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยซึ่งพลังศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในร่างกายของเขาก็แปรสภาพเปลี่ยนไป ก่อนหน้านี้มันให้ความรู้สึกเหมือนมันเป็นพลังที่แข็งเหมือนเหล็กสวรรค์ แต่ตอนนี้มันแตกต่างไปจากเดิม คล้ายกับว่าของแข็งกลายสภาพแปรเปลี่ยนเป็นความอ่อน ความอ่อนแอไหวห้องน้ำที่ไหลผ่านทุกวัตถุโดยไม่มีที่สิ้นสุด มันคือจุดบรรจบระหว่างความแข็งแกร่งและความอ่อนโยน
ส่วนรากฐานพลังของเขาก็เพิ่มพูนขึ้นเช่นกันนั่นก็หมายความว่าถ้าหากเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส พลังรากฐานจะคอยฟื้นฟูพลังของเขาให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม หากศัตรูไม่มีพลังมากพอจะจัดการเขา ศัตรูผู้นั้นเท่ากับได้รับความพ่ายแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มสู้
ชิงสุ่ยค่อยๆแต่งตัวแล้วเดินออกมาที่ลานหน้าบ้านเพื่อฝึกฝนอย่างที่เคยทำเป็นประจํา นิสัยของเขายังคงเหมือนเดิม เขายังคงหมั่นฝึกฝนพัฒนาฝีมือเพลงหมัดไทเก๊กเพื่อหวังว่าสักวันหนึ่งมันจะพัฒนาไปมากกว่านี้
ซึ่งในคราวนี้ชิงสุ่ยก็รับรู้ได้ถึงความแตกต่าง ในเมื่อพลังของเขาเพิ่มสูงขึ้น เขาก็รู้ดีว่าการพัฒนาฝีมือมันยิ่งยากขึ้น แต่เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
มันเหมือนว่าพลังของเขาได้เพิ่มพูนขึ้นจนถึงระดับไร้ขอบเขตคำพูดนี้อาจจะดูเกินจริง แต่จากความรู้สึกของเขาการเปลี่ยนแปลงๆมันไม่ใช่แค่ผิวเผิน แต่มันเหมือนทุกอย่างทุกจัดระเบียบใหม่
ชิงสุ่ยจ้องมองแขนที่มั่นคงเมื่อเขาปลดปล่อยหมัดออกไป เขารับรู้ได้ถึงขึ้นเงาที่แสนน่ากลัวพุ่งทะยานออกไปพร้อมกับหมัดของเขา ในสายตาของชิงสุ่ย นี่คือทางที่แปลกมาก และคลื่นเงาที่พุ่งออกไปก็รุนแรงจะกรีดอากาศจนแยกออกเป็น 2 ซีก
ดินแดนพลังนี่คือดินแดนพลังใหม่!!
เงาของชิงสุ่ยขยับไปมาอย่างช้าๆเงาที่อยู่ใต้เท้าเองก็เคลื่อนไหวเป็นวงกลมรูปทรงไม่แน่นอน มากที่เขาปลดปล่อยออกไปข้างหน้า ในพริบตาพื้นที่เบื้องหน้าทั้งหมดก็ปรากฏเป็นเงาหมัดจำนวนมากราวกับว่าพลังของเขาตอนนี้ได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับพลังของสวรรค์และโลก
ในช่วงพริบตาอากาศโดยรอบเหมือนถูกเติมเต็มไปด้วยคลื่นสายฟ้า ชิงสุ่ยเองก็ไม่เข้าใจ แต่ร่างกายของเขาเหมือนกำลังถูกห้อมล้อมไปด้วยพลังของสวรรค์
ผู้คนที่อยู่ภายในหอคอยจักรพรรดิถึงกับสะดุ้งตื่น ก่อนจะแสดงสีหน้าตกตะลึงเมื่อเห็นสายฟ้าฟาดจำนวนมากเกิดขึ้นที่สวนฝั่งด้านหลังของหอคอยจักรพรรดิ และมันก็ไม่ใช่สายฟ้าทั่วๆไป ทันทีที่ทุกคนรีบวิ่งมาที่จุดเกิดเหตุ พวกเขาก็มองเห็นชิงสุ่ยที่กำลังฝึกซ้อมอยู่ท่ามกลางคลื่นสายฟ้า
ทัณฑ์สวรรค์แห่งเต๋า
ทัณฑ์สวรรค์แห่งเต๋าคือสิ่งที่น่าสนใจมากเพราะว่ามันไม่ใช่อะไรที่เกิดขึ้นได้ง่าย แต่จะเกิดได้โดยบังเอิญเท่านั้น
การปรากฏกายของทัณฑ์สวรรค์แห่งเต๋าจำเป็นต้องมีปัจจัยบางอย่างผสานร่วมเข้าด้วยกัน สำหรับผู้ที่เข้าถึงพลังแห่งเต๋า ทัณฑ์สวรรค์แห่งเต๋าคือสิ่งที่มีประโยชน์มาก ถ้าหากยอดยุทธระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ 2 คนเข้าต่อสู้กัน และทั้งสองคนก็มีระดับพลังเท่ากัน ผู้ใดเคยผ่านการลงทัณฑ์สวรรค์แห่งเต๋าผู้นั้นจะสามารถเอาชนะศัตรูอีกฝั่งได้ง่ายเหมือนปอกกล้วย
ชิงสุ่ยจมดิ่งอยู่กับการฝึกฝนเขารับรู้ถึงความสุขที่กระจายไปทั่วร่างกาย แม้ว่าหลักฐานพลังของเขาจะแข็งแกร่งขึ้นจากเดิมไม่มา แต่การเคลื่อนไหวของเขาเร็วขึ้นกว่าแต่ก่อนแบบเทียบไม่ติดฝุ่น
ครึ้นนนนนนนน!!
สายฟ้าขนาดใหญ่ฟาดลงกลางร่างกายชิงสุ่ยก่อให้เกิดก้อนพลังสายฟ้าตราตรึงอยู่ตรงกลางตัวชิงสุ่ย ส่วนสายฟ้าเส้นอื่นๆก็ไหลผ่านร่างกายของชิงสุ่ยไปราวกับสายน้ำ สายฟ้าทั้งหมดกำลังถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายชิงสุ่ยอย่างสมบูรณ์
สายฟ้าชุดที่2 ถาโถมเข้าสู่ร่างกายชิงสุ่ยเกือบจะคล้ายกับรูปแบบสายฟ้าชุดแรก
จากนั้นคลื่นพลังสายฟ้าชุดที่3 ชุดที่ 4 ……….
สายฟ้าแต่ละกลุ่มเพิ่มพูนปริมาณความหนาของคลื่นสายฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ จำนวนที่ถาโถมเข้าใส่ร่างกายก็เพิ่มมากขึ้นและถี่ขึ้นเช่นกัน
ชิงสุ่ยเริ่มรู้สึกถึงความเจ็บปวดแต่เขาปฏิเสธที่จะยอมแพ้ร่างกายที่แข็งแกร่งเปล่งประกายไปด้วยแสงสีเหลือง ไม่ว่าทัณฑ์สวรรค์แห่งเต๋าจะแข็งแกร่งป่าเถื่อนเพียงใด ร่างกายของชิงสุ่ยก็ดูดซับพลังสายฟ้าเหมือนถังน้ำที่ไม่มีวันเต็ม
คลื่นสายฟ้าพุ่งทะยานผ่านร่างกายและกล้ามเนื้อจนมองเห็นจากภายนอกได้อย่างชัดเจน
หลังจากเวลาผ่านไปสายฟ้าที่ลงมาจากฟากฟ้าก็ค่อยๆสลาย เมฆหมอกที่เคยมืดครึ้มก็เริ่มกระจัดกระจาย
ในที่สุดสายฟ้าก็สลายตัวท้องฟ้ากลับคืนสู่สภาพท้องฟ้ายามเช้าที่แสนงดงาม โดยปกติแล้วเมืองหลินห่ายจะเป็นเมืองที่ฟ้าครึ้ม แต่ในวันนี้เหนือน่านฟ้าของเมือง ปรากฏให้เห็นเป็นดวงอาทิตย์ที่ทอแสงสว่าง ชิงสุ่ยฟื้นคืนสติและรีบมองดูเสื้อผ้าบนร่างกายที่ขาดวิ่น บางส่วนก็สลายหายไป จากนั้นก็เงยหน้ามองดูบรรดาหญิงสาวที่กำลังรายล้อมอยู่ด้านข้างพร้อมกับรอยยิ้ม “ข้าขอตัวไปล้างเนื้อล้างตัวก่อน แล้วเดี๋ยวข้าจะรีบไปทานอาหารพร้อมกับพวกเจ้า”
ชิงสุ่ยรีบล้างเนื้อล้างตัวและเปลี่ยนไปใส่ชุดคลุมสีม่วงชุดใหม่
ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาพลังทุกอย่างได้ผลักดันชิงสุ่ยจนเขาดูเป็นผู้ใหญ่ยิ่งกว่าเก่า ความรู้สึกที่คนภายนอกมองเห็นชิงสุ่ย มันไม่ใช่ความรู้สึกของหญิงหรือชาย แต่มันเหมือนว่าคนคนนี้ได้ประสานระหว่างชายหญิงรวมเป็นหนึ่งเดียว มันเป็นความรู้สึกที่รับรู้มาจากบรรยากาศข้างกาย รวมถึงกลิ่นอายจากภายในตัวตน
ชิงสุ่ยเองก็ไม่รู้ว่าเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ในร่างกายของเขามันได้เพิ่มพูนขึ้นอีกหลายเท่า
ชิงห่านอี้ที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหารก็เช่นกันเมื่อชิงสุ่ยมองไปที่เธอ เขาก็รู้สึกถึงรูปลักษณ์ที่น่าประหลาดใจ มันเป็นความน่าทึ่งเกินกว่าที่เขาได้รับเมื่อคืนที่ผ่านมา ใบหน้าของทั้งสองคนแสดงให้เห็นถึงความเขินอาย พร้อมกับยิ้มให้กันและกัน
อวี้เนียงถานท่ายหลิงเยียนและอีเย่เจี้ยนเก้อเคยประสบพบเจอเรื่องราวเหล่านี้มาก่อน และเป็นผู้ที่มีประสบการณ์มาก คนอื่นอาจจะเพราะมโนภาพและรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ช้า แต่สำหรับอีเย่เจี้ยนเก้อ เธอรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นแทบจะทันทีที่ได้เห็นสีหน้าของทั้งสองคน
หญิงสาวแต่ละคนแสดงความอ้ำอึ้งเล็กน้อยก่อนจะแปรเปลี่ยนสีหน้าแสดงออกถึงความสุข ความสุขที่ได้กลายเป็นหญิงสาวของชิงสุ่ย
หลัวชิงเฉิงจ้องมองชิงสุ่ยก่อนจะเผยให้เห็นถึงความเขินอาย
แม้ว่าเธอจะเป็นคนเอาตัวเองเข้าไปรับการโจมตีเพื่อให้ชิงสุ่ยมีชีวิตรอดแต่เธอก็ไม่ได้ต้องการให้ชิงสุ่ยมาคอยดูแลเธอ ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงเดินทางไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อตามหายาอายุวัฒนะมาเปลี่ยนชะตากรรมของเธอ ในเวลานั้น เธอได้ยอมรับเขาเต็มตัว รู้ว่าเธอเจอคนที่เหมาะสมแล้ว แต่สำหรับชิงห่านอี้ เธอรู้ดีว่าหญิงสาวผู้นี้ไม่ยอมรับผู้ใด แต่ความรู้สึกบางอย่างมันทำให้เธอรู้แล้วว่าการกระทำของชิงห่านอี้ได้แปรเปลี่ยนไปแล้ว