บทที่ 128 ออกค้นหากลางดึก โดย Ink Stone_Romance
เรื่องของสกุลกัวกับหวางหมาจื่อเป็นที่อลหม่านในหมู่บ้านเหลียนฮวา แต่สกุลอวี๋ก็ไม่มีกะจิตกะใจจะไปสนใจในตอนนี้ ดวงอาทิตย์กำลังจะตกและอวี๋หวั่นก็ยังไม่กลับมาบ้าน
อวี๋หวั่นมักจะไปที่ภูเขาด้านหลัง มิใช่ว่าเธอไม่เคยกลับดึก หากแต่เธอมีอวี๋เฟิงและอวี๋ซงไปด้วยเสมอ หากเธอขึ้นไปบนภูเขาเพียงลำพัง ช้าที่สุดก็กลับมาในช่วงบ่าย
ในบ้านหลังเก่า คนสกุลกัวร้องไห้โวยวายกับเรื่องของกัวเซี่ยนเยว่และหวางหมาจื่อ สกุลอวี๋เห็นแล้วก็ได้แต่เอือมระอา ต่างก็มาถึงบ้านสามแล้ว
ครอบครัวนั่งในห้องโถงอย่างกระสับกระส่าย
“ข้าจะไปดูอีกครั้ง!” เถี่ยตั้นน้อยวิ่งไปที่ห้องครัวไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไรแล้ว แต่เมื่อเขาโผล่หัวออกไปก็ยังไม่พบเงาของอวี๋หวั่น
“คงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอกใช่ไหม” ป้าสะใภ้ใหญ่ถามอย่างเป็นห่วง
อวี๋ซงลุกขึ้นยืน “ข้าจะออกไปตามหา!”
“กลับมานะ!” ป้าสะใภ้ใหญ่พูดหยุดเขา “หัวของเจ้ายังบาดเจ็บอยู่ เจ้าไปก็รังแต่สร้างปัญหาเปล่าๆ รอข่าวจากพี่ชายของเจ้าเถิด”
เมื่อครึ่งชั่วยามที่ผ่านมา อวี๋เฟิงได้ออกตามไปหาอวี๋หวั่นแล้ว
ลุงใหญ่สีหน้าเรียบเฉยไม่พูดจา
เด็กหญิงตัวเล็กนั่งบนม้านั่งอย่างเชื่อฟัง มองไปยังผู้ใหญ่และมองไปที่พี่เถี่ยตั้นอย่างรู้ความไม่ก่อกวนใดๆ
นางเจียงมองไปยังห้องครัว พักแก้มด้วยมือข้างหนึ่งและใช้ปลายนิ้วของอีกข้างขูดผิวโต๊ะเบาๆ
แอ๊ดดดด
ประตูด้านหลังของห้องครัวถูกผลักให้เปิดออก
“ท่านพี่!” เถี่ยตั้นน้อยกระโดดลงจากม้านั่งอย่างตื่นเต้นและรีบวิ่งออกไป
ไม่ช้า เสียงที่แสดงถึงผิดหวังของเถี่ยตั้นน้อยก็ดังมาจากครัว “พี่ใหญ่เองหรือ…”
อวี๋เฟิงเข้ามาในบ้านพร้อมส่ายหัวและพูดว่า “ข้าไม่เห็นอาหวั่นเลย นางบอกว่านางจะไปขุดผักโขม ใกล้ๆ กับป่าไผ่แต่ไม่ถึงป่าไผ่ ข้ามองหาอย่างละเอียดและผักโขมถูกคนเก็บไปแล้ว ข้าคิดว่า…อาหวั่นน่าจะผ่านไปทางนั้นแน่”
“นางบอกว่าจะไปเก็บอย่างอื่นหลังจากเก็บผักด้วยหรือไม่?” ป้าสะใภ้ใหญ่ถาม
“ท่านไปหาที่ลำธารเล็กๆ ดูหรือยัง? นางไปตกปลาอีกหรือเปล่า?” อวี๋ซงถามอย่างกังวล
อวี๋เฟิงส่ายหัวอีกครั้ง “ข้าไปหาที่ริมลำธารแล้ว”
ที่สำคัญคันเบ็ดและถังไม้ที่บ้านก็มิได้ขยับเลย ดูเหมือนว่าอาหวั่นจะมิได้มีแผนไปตกปลา
“ข้าจะไปตามหาอีกรอบ” อวี๋เฟิงกล่าว
ท้องฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆ อีกไม่นานภูเขาก็จะมืดจนมองไม่เห็นนิ้วมือทั้งห้าแล้ว เขาจึงก็กลับมาเอาคบเพลิง
“ข้าจะไปด้วย!” อวี๋ซงพูดพลางตบโต๊ะ
ครานี้ ป้าสะใภ้ใหญ่ก็มิได้หยุดเขาไว้
สองพี่น้องจุดคบเพลิง ขนน้ำมันใส่หลัง แล้วเดินออกไป
“ข้าจะไปหาหลี่เจิ้ง” ลุงใหญ่ยืนขึ้นพร้อมกับไม้เท้า แต่เมื่อมาถึงประตูก็พบกับหลี่เจิ้งที่ดูรีบร้อนเข้าโดยไม่คาดคิด
ที่แท้ไม่เพียงแต่ลุงใหญ่เท่านั้นที่ต้องการพบหลี่เจิ้ง แต่หลี่เจิ้งเองก็ต้องการพบลุงใหญ่
หลี่เจิ้งเข้ามาบ้านหลังเก่าด้วยเรื่องของหวางหมาจื่อกับกัวเซี่ยนเยว่
“อาหวั่นหายไป”
ลุงใหญ่พูดขึ้นก่อน
หลี่เจิ้งผงะและกลืนคำพูดที่จะพูดลงไป “เหตุใดนางจึงหายไป? ไปเข้าเมืองหรือว่า…”
“นางไปที่ภูเขาด้านหลัง” ลุงใหญ่พูด
ดวงตาของหลี่เจิ้งเบิกกว้าง “นางเป็นเด็กสาวตัวเล็กๆ…ก็ยังกล้าขึ้นไปภูเขาด้านหลังหรือ?”
ลุงใหญ่เองก็ยังเพิ่งรู้ว่าดรุณีผู้นี้มีนิสัยชอบขึ้นเขาไปคนเดียว เขาคิดมาตลอดว่านางคงจะไปกับอวี๋เฟิง
ลุงใหญ่ตอบอย่างเศร้าๆ “เสี่ยวเฟิงกับน้องชายของเขาออกไปตามหาแล้ว ข้าอยากจะให้หลี่เจิ้ง…” เมื่อพูดถึงตรงนี้ ลุงใหญ่ก็หยุดชะงัก
หลี่เจิ้งยกมือขึ้น “ไม่ต้องพูดแล้ว ข้าเข้าใจ ข้าจะไปตามคน!”
ภูเขาด้านหลังเป็นสถานที่ที่อันตราย ผู้ชายอย่างพวกเขายังไม่กล้าไปคนเดียว ดรุณีตัวเล็กๆ ผู้นี้ช่างกล้าหาญจริงๆ!
หลี่เจิ้งไม่กล้าที่จะรอช้า จึงรีบไปอย่างทันที
เขาไปตามชายหนุ่มผู้มีร่างกายแข็งแรงในหมู่บ้าน และถามว่าอาหวั่นออกไปทางไหน ไปกันเป็นกลุ่มสามคนห้าคน
ในบ้านหลังใหม่ของสกุลติง เหล่าเด็กน้อยที่ไม่ได้รับการหอมแก้ม ต่างนั่งบนธรณีประตูหลังของห้องโถงด้วยสีหน้าวิตกกังวล
พวกเขาจะขอให้อวี๋หวั่นหอมแก้มในทุกๆ เช้า แต่วันนี้ไม่ได้ น่าเศร้าเหลือเกิน
ทั้งสามคนนั่งรอบนขั้นบันไดอยู่นาน เมื่อพวกเขาเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นอีกครั้ง ก็รีบเข้าไปในบ้านของเยี่ยนจิ่วเฉา คว้าแขนเสื้อของเยี่ยนจิ่วเฉาและมองไปที่เขาด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
“อิ่งลิ่ว”
เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยด้วยเสียงเบาๆ
อิ่งลิ่วที่อยู่ในป่าลึกมานานแวบเข้ามา มองไปยังเด็กน้อยแล้วกระซิบว่า “ดูเหมือนจะเกิดเรื่องกับแม่นางอวี๋แล้ว”
แล้วเด็กน้อยทั้งสามก็ร้องไห้ออกมา!
…..
“อาหวั่น!!!”
“อาหวั่น!!!”
ภายในป่า ชาวบ้านถือคบเพลิง ค้นหาทุกเส้นทางไปพร้อมกับเรียกชื่อของอวี๋หวั่น
“ระวัง!” ทันใดนั้นนายพรานที่เดินนำหน้าก็ยกมือขึ้นหยุดหลี่เจิ้งและคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างๆ มือข้างหนึ่งของเขาถือคบเพลิง มืออีกข้างหนึ่งจับท่อนไม้แหย่เข้าไปในหญ้า “เป็นของจริง ผ่านไปได้”
“อ๊าา”
ห่างไปไม่ไกลนักก็มีเสียงกรีดร้องของซวนจื่อดังขึ้นมา
หลี่เจิ้งถามอย่างรีบร้อน “มีอะไรเกิดขึ้น ซวนจื่อ?!”
“ข้าเหยียบหน่อไม้!” ซวนจื่อตะโกนตอบ
หลี่เจิ้งจ้องเขม็ง “แค่หน่อไม้มีอะไรต้องเอะอะโวยวายเล่า?”
ซวนจื่อตะโกนตอบว่า “ไม่ใช่นะ หน่อไม้นี่ไม่งอกขึ้นมาจากพื้นดิน มันมีคนขุดขึ้นมา! เป็นไปได้หรือไม่ว่าอาหวั่นเป็นคนขุดมันขึ้นมา?”
หลี่เจิ้งเกิดความคิดขึ้นจึงพูดกับนายพรานว่า “ไป เข้าไปดูสิ!”
อวี๋เฟิงและอวี๋ซงก็ถูกดึงดูดให้มาสนใจความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นทางฝั่งนี้ด้วย
อวี๋ซงกำลังจะกระโดดลงไปยังผืนหญ้าลายพร้อยที่ขึ้นเป็นทางเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทันใดนั้นนายพรานก็คว้าแขนของเขาไว้
แต่อวี๋ซงออกแรงมากเกินไป เท้าของเขาลื่น ทำให้ทั้งตัวของเขาตกลงไปยังหญ้าในคูน้ำ เท้าย่ำลงไปสู่ความว่างเปล่า!
“อ๊ากก!” ซวนจื่อร้องด้วยความตกใจ!
นายพรานถูกแรงของเขาดึงจนล้มลงกับพื้น แต่ก็ยังคงจับไว้แน่นไม่ปล่อย
อวี๋เฟิงไม่คิดว่าน้องชายเขาที่เกลียดอาหวั่นมาโดยตลอดจะวิ่งนำไปข้างหน้า เขารีบก้าวเข้าไปและดึงอวี๋ซงขึ้นมา
แม้ว่าปากของอวี๋ซงจะไม่ได้พูดอะไร แต่หน้าผากและแผ่นหลังของเขากลับเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็นๆ
คนที่ไม่ได้ไปเหยียบคงไม่รู้ ความรู้สึกของเท้าที่ห้อยอยู่กลางอากาศ ลมเย็นๆ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในประตูนรก หากไม่ใช่ว่ามีนายพรานอยู่ เกรงว่าเขาคงจะตกลงไปแล้ว แม้แต่ซากกระดูกก็ไม่เหลือ
ซวนจื่อนึกถึงตอนที่เคยคิดว่าจะกระโดดลงไปดู ก็อดไม่ได้ที่จะนึกหวาดกลัว
หลี่เจิ้งใช้ไม้แหวกหญ้าที่สลับซับซ้อนกันออกไป ลมเย็นยะเยือกที่พัดมาจากด้านล่างของหุบเหวทำให้ทุกคนสั่นสะท้าน!
“แล้ว… อาหวั่น…จะตกลงไปหรือไม่?” ซวนจื่อถามเสียงเบาพลางมองไปที่หน่อไม้ในมือ
อวี๋ซงมองไปที่เชือกเส้นหนาที่หวางหมาจื่อแบกอยู่บนหลัง เขาหยิบมันมัดปลายด้านหนึ่งไว้กับตัวเองและส่งปลายอีกด้านหนึ่งใส่มือของอวี๋เฟิง “ข้าจะลงไปดู”
เขาไม่เคยจริงจังเช่นนี้มาก่อน
อวี๋เฟิงอ้าปากค้างด้วยความงุนงง ในภวังค์มีภาพลวงตาว่าน้องชายของเขาโตขึ้นแล้ว
อวี๋เฟิงและเหล่าชายหนุ่มที่แข็งแกร่งหลายคนจับเชือกไว้แน่น อวี๋ซงปีนลงจากหน้าผาไปอย่างเด็ดเดี่ยว
นายพรานพาซวนจื่อ หวางหมาจื่อและคนอื่นๆ ไปยังด้านล่างของหน้าผาเพื่อค้นหาต่อไป
แต่พวกเขาไม่ต้องการพบอวี๋หวั่นที่ด้านล่างของหน้าผา เพราะสิ่งที่พวกเขาพบคงจะมีเพียงซากศพที่เย็นเยือก
อีกด้านหนึ่ง อวี้จื่อกุยก็เดินลงไปด้านล่างของหน้าผา ตกลงมาจากที่สูงแบบนั้น โอกาสรอดอาจแทบไม่มี หากรอดก็เจอคน หากตายก็เจอศพ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เขาจะต้องหานางให้พบ
……………………………