อากาศสดชื่นเย็นสบาย และบนท้องฟ้าก็มีเมฆมากมาย นั่นคือภาพบรรยากาศของเดือนทองคำในอัลลิน

“นี้ถึงเป็นเหตุผลว่าทำไมข้าถึงชอบเดือนตุลาคมในอัลลินมากที่สุด…” ทอมป์สัน สมาชิกสมาชิกของคณะกรรมการกิจการกล่าวขณะยืนอยู่ข้างหน้าต่างพร้อมทั้งชื่นชมทิวทัศน์ด้านนอก พร้อมกับถ้วยน้ำชาในมือของเขา

ในขณะที่พูด เขาก็หันไปรอบ ๆ และดันแว่นขอบทองที่วางบนจมูกของเขา ก่อนที่เขาจะหันไปถามคอร์เดนนักเรียนของเขาว่า “เจ้าเคาะประตูเพียงครั้งเดียว แล้วเข้ามาโดยไม่ได้รับการอนุญาตจากข้า มีอะไรเร่งด่วนหรือไม่?”

ทอมป์สันเป็นมิตรกับเพื่อน นักเรียน และผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา และเขาก็ให้ความสำคัญกับเรื่องพิธีการเพียงเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงไม่ตำหนิคอร์เดนมากเกินไปสำหรับการกระทำนี้

ขณะที่พวกเขาพูด เขาก็ปิดสมุดรายงานภารกิจบนโต๊ะทำงานไปด้วย นั่นเป็นกฎของคณะกรรมการกิจการ ผู้ที่ไม่ควรเห็นจะต้องไม่เห็น แม้ว่าจะเป็นลูกศิษย์ของเขาก็ตาม

รายงานภารกิจนี้เป็นรายงานที่แคทรีนาส่งมา เนื่องจากนางได้สืบสวนคดีบูชาปีศาจอย่างละเอียด รายงานฉบับนี้จึงไม่ได้รับความสนใจมากนักในเขตภารกิจ นักเวทระดับสูงที่ดูแลเขตภารกิจก็ตอบชัดเจนว่ารายงานฉบับนี้สมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว เขาจึงตัดสินใจว่าภารกิจของแคทรีนาสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่รายงานของนางจะถูกส่งไปที่ห้องเก็บเอกสาร

อย่างไรก็ตาม ทอมป์สันก็ให้ความสนใจกับคดีบูชาปีศาจมากกว่าเพราะมันมีบางอย่างที่คล้ายคลึงกับหลาย ๆ กรณีในเรนตาโต โคคัส และเมืองเหนือที่มีการอัญเชิญหรือบูชาปีศาจบรรพกาล เพียงแค่พื้นฐานแตกต่างกันเล็กน้อย

ดังนั้นหลังจากเสร็จสิ้นการทำงานของเขา เขาจึงดึงรายงานและเตรียมวิเคราะห์อย่างละเอียดเพื่อดูว่าเจ้าแห่งปีศาจมีใครบ้างที่เริ่มพัฒนาพลังแห่งศรัทธา ที่สำคัญกว่านั้น เขาต้องการทราบว่าเหตุการณ์นั้นเป็นกลางหรือไม่ หรือเป็นส่วนหนึ่งของชุดคดีที่เกิดขึ้นภายในเขตอำนาจศาลของสภาเวทมนตร์เพื่อที่เขาจะได้พบนกแห่งความตายหลังม่าน

น่าเสียดายที่เขาไม่เห็นอะไรเลยจากรายงานนอกจากความจริงที่ว่ามหาอัศวินเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาด้วยการบูชาปีศาจ

“แต่รายละเอียดบางอย่างมันบังเอิญเกินไป คนที่เกี่ยวข้องตายไปแล้ว และเวลาก็ผ่านไปนานมากเช่นกัน นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะดำเนินการตรวจสอบต่อไป แม้ว่าข้าจะสามารถไปที่อเวจีเพื่อถามเดโมกอร์กอนแห่งความมืดได้ คงไม่ใช่ว่าไวเคานต์ แอนดรีบูชามันหรือไม่ก็จับนิโคลล์ พายุมรณะเพื่อให้เขาสารภาพว่าทำไมเขาถึงเลือกไวเคานต์ แอนดรีมาเป็นลูกศิษย์ของเขาใช่มั้ย?” ทอมป์สันใช้มือขวาเคาะรายงาน

คอร์เดนที่ที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามเขานั้น เป็นชายหนุ่มรูปร่างผอมสูง แก้มตอบ และผิวของเขาก็ “ไหม้” เป็นสีแดงราวกับว่าเขาอาบแดดมากเกินไป นอกจากนี้ยังมีแว่นตาข้างเดียวที่ทันสมัยอยู่บนตาขวาของเขา จากนั้นเขาก็ขอโทษอย่างรวดเร็ว “ขออภัยท่านอาจารย์ หลังจากที่ข้าเคาะประตู มันก็เปิดออกโดยนิดหน่อย ข้าคิดว่านั้นเป็นคำใบ้ที่ท่านบอกให้ข้าเข้ามา…”

ทอมป์สันรู้จักความอดทน และความซื่อสัตย์ของนักเรียนเป็นอย่างดี เขาถามด้วยความงุนงงว่า “ประตูเปิดเองเหรอ? ข้าลืมปิดงั้นหรือ?”

“ข้าไม่รู้ ข้าวิ่งเข้าไปหาอัลเฟอร์ริสที่โถงทางเดิน ดูเหมือนเขาจะพอใจอะไรสักอย่าง…” ทันใดนั้น คอร์เดนก็นึกเรื่องอื่นขึ้นมาได้

ทอมป์สันทำหน้าเสียใจ “ปล่อยเขาไว้คนเดียว…มีอะไรให้ช่วยไหม?”

เมื่อย้อนกลับไป เขาได้เดิมพันกับอัลเฟอร์ริสไว้ โดยคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะถูกหลอกภาพลวงตาของอัลเฟอร์ริสหลอก เนื่องจากเขาอยู่ในขอบเขตวงแหวนที่เก้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่อยู่ในหอคอยเวทย์มนตร์อัลลิน ดังนั้นหากอัลเฟอร์ริสสามารถนำสิ่งของใด ๆ ก็ตามออกไปจากสำนักงานของเขาได้โดยไม่ต้องให้ใครช่วย เขาก็จะเปิดคลังและอนุญาตให้มังกรเลือกอัญมณีจำนวนมาก ดูเหมือนว่าเขาจะเดิมพันแพ้ซะแล้ว แต่มันก็ดูเหมือนจะไม่เลวร้ายมากนัก อย่างน้อยที่สุดเขาก็ไม่ต้องตื่นตัวตลอดเวลาอีกต่อไปแล้ว

“อาจารย์ท่านอีวานส์ได้ส่งบทความเรื่อง ‘ความมุ่งมั่น เจตจำนงเส รีและแหล่งที่มาของเวทมนตร์’ ที่เขาได้สร้างแบบจำลองเกี่ยวกับแก่นแท้ของเวทมนตร์ แม้ว่าคำถามมากมายจะยังไม่มีคำตอบ เช่น เหตุใดรูปแบบเวทมนตร์จึงสามารถช่วยให้เราสื่อสารกับความจริงของโลก และกลไกเบื้องหลังพวกมันคืออะไร บทความนี้ได้เปิดประตูใหม่สำหรับการศึกษาเกี่ยวกับเวทมนตร์ และพลังเหนือธรรมชาติของเรา … หลังจากที่วันนี้มีคนพบเจอโดยบังเอิญ มันก็กลายเป็นที่นิยมทันที…”

คอร์เดนตื่นเต้นมาก บวกกับนิสัยที่ใจร้อนของเขาก็ยิ่งทำให้เขาพูดเร็วกว่าพายุเข้าไปอีก และทอมป์สันก็แทบจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด “เดี๋ยวก่อน เดี๋ยว เดี๋ยว ส่งบทความให้ข้าก่อน!”

สำหรับจอมเวทระดับสูง การอ่านบทความนั้นง่ายกว่าการฟังคำบรรยายที่น่าตื่นเต้นซะอีก

ทอมป์สันมองไปที่วันที่บทความที่คอร์เดนยืมมา เขาพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ และโล่งอกว่า “มันถูกส่งมาเมื่อสามวันก่อน? ไม่น่าแปลกใจที่จะยังไม่มีการเผยแพร่บน อาร์คานาหรือเวทมนต์ …”

โดยทั่วไปแล้ว ไม่มีวารสารใดจะปฏิเสธบทความของมหาจอมเวทได้ตราบเท่าที่มันมีค่าอยู่บ้าง พวกเขาจะแข่งขันกันเพื่อเอกสารดังกล่าว อย่างไรก็ตามผลงานของลูเซียนแทบจะตีพิมพ์เฉพาะบนวารสารเรื่องที่เกี่ยวกับอาร์คานา ธรรมชาติ และธาตุ แม้ว่าบางครั้งเขาจะเขียนให้ “วารสารประจำเดือนสำหรับจอมเวทย์ทั่วไป” เมื่อได้รับการร้องขอก็ตาม ไม่มีทางที่อาร์คานาจะยอมทิ้งบทความสำคัญเช่นนี้ และเนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับแก่นแท้ของเวทมนตร์ เวทมนตร์จึงไม่อนุญาตให้คนอื่นเผยแพร่ได้อย่างง่ายดายเช่นกัน

เขาอ่านไปเรื่อย ๆ และเขาก็ขมวดคิ้วไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ช่วงแรกของบทความ ดูเหมือนว่านิยัตินิยมจะตกอยู่ในอันตรายอย่างแท้จริง!

แต่อย่างไรก็ตามเมื่อได้อ่านคำบรรยายของลูเซียนต่อไป คิ้วของเขาก็ผ่อนๆ คลายทีละนิด เขาดันแว่นของเขาแล้วพูดด้วยเสียงเบาๆ ว่า “ผลกระทบจากผู้สังเกตไม่มั่นคงอย่างสิ้นเชิง… ‘ความไม่มั่นคง’ ของรากฐานทางวัตถุ … นั่นเป็นเรื่องใหม่ แต่ถ้าเป็นเรื่องจริง ทุกอย่างจะทำงานตามปกติเมื่อไม่มีเวทมนตร์และพลังเหนือธรรมชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง มันน่าจะเป็นผลที่มาจากการเปลี่ยนแปลงที่ลึกลับระหว่างมาตราส่วนด้วยกล้องจุลทรรศน์ กับมาตราส่วนมหภาคหรือไม่? หึหึ ลูเซียนก็เคยคิดเช่นกันว่า…ผู้สังเกตที่อ่อนแอ และผู้สังเกตการณ์ที่แข็งแกร่ง…”

เขาให้ความสนใจกับบทความอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าบทความนี้จะไม่ได้รับการยืนยันจากการทดลองหรือปรากฏการณ์ใด ๆ และผลกระทบจากผู้สังเกตจะถูกปฏิเสธโดยตัวการหลักอย่างสภา แต่ก็มีความสอดคล้องกันในเชิงตรรกะ และดูเหมือนว่ามันถูกต้อง

คอร์เดนไม่แปลกใจกับปฏิกิริยาของอาจารย์ เขาหยิบปากกาขึ้นมา และเขียนคำถาม และความคิดเห็นของอาจารย์ลงในกระดาษ

“ …พลังงานที่เติมเต็มพลังทางวิญญาณนั้นมาจากความจริงของโลก? สาระเพิ่มเติมที่เกิดจากเวทมนตร์มาจากความจริงของโลก? หึ…” ด้วยความสงสัยของทอมป์สัน ทำให้เขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขารีบหันกลับมา และดึงบทความ “ธาตุ” ฉบับหนึ่งออกมาจากชั้นหนังสือของเขา จากนั้นเขาก็จับแว่นตาของเขาด้วยความตกใจ “มันเป็นปัญหาที่สามารถแก้ไขมหาสมุทรสถานะพลังงานเชิงลบได้หรือไม่?

“ใช่ ไม่ว่าจอมเวทคนไหนที่อ่านบทความนี้ก็ล้วนแต่นึกถึงมหาสมุทรที่มีสถานะพลังงานเชิงลบ มันบังเอิญไขปัญหาคำถามที่สำคัญบางอย่างในบทความของท่านอีวานส์ที่เกี่ยวกับแก่นแท้ของเวทมนตร์!”

หูของคอร์เดนไวพอที่จะจับเสียงพูดพึมพำของอาจารย์เขาได้

เขาพูดอย่างตื่นเต้นว่า “พวกมันทั้งคู่มีความสัมพันธ์กัน ตัวหนึ่งมุ่งเน้นไปที่แหล่งที่มาของพลังงานเวทมนตร์ และอีกตัวหนึ่งก็เสนอสมมติฐานเกี่ยวกับสาระสำคัญของเวทมนตร์ พวกมันร่วมกันสร้างระบบเวทมนตร์ที่สมบูรณ์!”

เมื่อเขากล่าวว่า “ระบบเวทมนตร์” นั้นคือเขาไม่ได้หมายถึงระบบการร่ายเวทมนต์

“ข้ากลัวว่านี่เป็นรูปแบบแรกที่ถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวกับแก่นแท้ของเวทมนตร์ ไม่มันเป็นทฤษฎีพื้นฐานของพลังเหนือธรรมชาติทั้งหมด” ทอมป์สันก็ตื่นเต้นเช่นกัน

ในประวัติศาสตร์ของเวทมนตร์ นักเวทยุคแรก ๆ ได้ถามแล้วว่าเวทมนตร์คืออะไร และตอบคำตอบของตัวเอง เช่นระบบของธาตุทั้งสี่ ได้แก่ ดิน ไฟ ลม และน้ำ นักเวทโบราณได้สร้างทฤษฎีบนพื้นฐานของโลกซึ่งพวกเขาเชื่อว่ามีธาตุเดียวกันอย่างสมบูรณ์ในรูปแบบของระนาบพลังงาน ระนาบดังกล่าวได้รับการขนานนามว่า “ดินแดนแห่งไฟ” “มหาสมุทรแห่งน้ำ” ฯลฯ คำตอบของพวกเขายังรวมถึงระบบรากซึ่งเชื่อว่าเวทมนตร์มีรากที่เป็นส่วนหนึ่งของความจริงของโลก

วิสัยทัศน์เกี่ยวกับเวทมนตร์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อนักเวทหลายชั่วอายุคนจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งสามารถยืนยันได้ด้วยคำศัพท์ที่ว่า เช่น ธาตุไฟ แต่เนื่องจากนักเวทโบราณขาดการสำรวจค้นหา วิสัยทัศน์ที่เกี่ยวกับเวทมนตร์ของพวกเขาจึงเป็นเพียงจินตนาการ และไม่มีการอ้างอิงทางทฤษฎีใด ๆ มันเป็นเหมือนความเพ้อฝันมากกว่าแบบจำลองที่กำหนดด้วยอาร์คานา

ในช่วงรุ่งเรืองของอาณาจักรเวทมนตร์ เหล่านักเวทให้ความสำคัญกับการค้นคว้า และการประยุกต์ใช้อย่างสม่ำเสมอ ไม่มีใครใส่ใจที่จะพิจารณาแก่นแท้ของเวทมนตร์ สิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องรู้ก็คือพลังวิญญาณเป็นสิ่งจำเป็นในการร่ายเวทย์ ดังนั้นแม้กระทั่งคนที่ยิ่งใหญ่อย่างราชันย์แห่งสุริยาธานอสก็ไม่ได้สร้างแบบจำลองเกี่ยวกับแก่นแท้ของเวทมนตร์

หลังจากการประชุมเวทมนตร์ การศึกษาเกี่ยวกับแก่นแท้ของเวทมนตร์ก็ดำเนินต่อไป แต่เนื่องจากทฤษฎีอื่นๆที่มีอยู่ไม่มีเพียงพอ จึงทำให้มีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อย ดังนั้นดักลาส และมหาจอมเวทย์คนอื่น ๆ จึงไม่ได้บุ่มบ่ามเสนอรูปแบบของแก่นแท้เวทมนตร์ของพวกเขา เผื่อในกรณีที่ความคิดแปลก ๆ ของพวกเขาจะมีผลกระทบต่อจอมเวทคนอื่นๆ

จนกระทั่งวันนี้ ทอมป์สันที่ได้เห็นแบบจำลองที่อธิบายความมหัศจรรย์จากแก่นแท้ และจุดเริ่มต้น และยังอ้างอิงจากการวิจัยที่ล้ำสมัยในขอบเขตกล้องจุลทรรศน์อีกด้วย!

ไม่ว่าแบบจำลองจะถูกต้องหรือไม่ก็ตาม มันก็มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน…ทอมป์สันถึงกับตกอยู่ในภวังค์ ราวกับเขาได้เห็นประวัติศาสตร์อีกครั้งซึ่งเกิดขึ้นมากมายในรอบสิบปีที่ผ่านมา

คอร์เดนกล่าวอย่างตื่นเต้น “มีใครบางคนอธิบายผลของบทความทั้งสองฉบับว่า ‘แบบจำลองอีวานส์เทลาวิฟ’ นี้เป็นแบบจำลองขอนแก่นเวทมนต์ชิ้นแรก!”

หลังจากพูดคุยกันสักพัก คอร์เดนก็กล่าวลา โดยเขาอ้างว่าเขาต้องอ่านบทความอย่างละเอียดให้มากขึ้นหลังจากที่เขากลับมา

ทอมป์สันรู้สึกสนุกที่เห็นนักเรียนของเขาพับกระดาษที่เขียนด้วยลายมือ และใส่ไว้ในกระเป๋าเวทมนตร์อย่างระมัดระวัง จากนั้นนักเรียนของเขาก็เดินไปที่ประตู

ทันใดนั้นทอมป์สันก็นึกขึ้นได้ และตะโกนว่า “หยุด!”

แต่คอร์เดนได้ก็ได้เดินเข้าไปในห้องโถงแล้ว

เขาหันกลับมาอย่างกะทันหันพร้อมกับหมอกที่ลอยอยู่รอบตัวเขา หลังจากหมอกหายไป เขาก็กลายเป็นมังกรคริสตัลตัวน้อยที่มีเกล็ดสวยงาม

เขาลากไอศกรีมขนาดใหญ่ออกมาจากใต้ท้องของเขา และเลียมันด้วยความพึงพอใจ จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงเด็กๆ และร่าเริงว่า “ทอมป์สัน เจ้าแพ้แล้ว!”

มังกรเดินเข้ามา เมื่อตอนที่เขากำลังพิจารณาคำถามทำให้เขาเสียสมาธิด้วยการบอกว่าประตูไม่ได้ปิด และ “อัลเฟอร์ริส” ก็เดินเข้ามามอบบทความให้เขาเพื่อให้เขาหลงใหลเหมือนกับคอร์เดน และเอาแค่กระดาษที่เขียนบันทึกการสนทนาไปลวก ๆ ไว้ไป…เมื่อนึกถึงทอมป์สันก็ต้องยอมรับว่าภาพลวงตาของอัลเฟอร์ริสก้าวหน้าขึ้นแล้ว แต่เขากลับเป็นคนที่ได้รับความเสียหาย!

ทอมป์สันจ้องมองอัลเฟอร์ริสด้วยใบหน้าที่น่ากลัว เขาก็อดไม่ได้ที่จะศึกษาบทความของลูเซียนต่อไป “ผู้สังเกตที่อ่อนแอ…ผู้สังเกตที่แข็งแกร่ง…”

เขาตกตะลึงในทันใด เมื่อนึกถึงการสอบสวนเมื่อเร็ว ๆ นี้ เขาคิดด้วยความกลัวว่า “การสะสมพลังแห่งศรัทธาดูเหมือนจะเป็นการรวมตัวของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแบบพิเศษ แต่แท้จริงแล้วเป็นการรวมตัวของผู้สังเกตที่อ่อนแอเพื่อพัฒนาเป็นผู้สังเกตที่แข็งแกร่งใช้ไหม?

“ดี…”

ผู้เชี่ยวชาญที่เก่งกาจในการเล่นด้วยพลังแห่งศรัทธาจะมองบทความนี้อย่างไรกันน่ะ