ตอนที่ 189 สาเหตุที่เรียกจิ่วหุนว่าเสี่ยวจิ่ว

เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1]

ซือหม่าหรุ่ยถอนใจ “ถึงการขับพิษไม่ดีต่อองค์ชายสี่ ทำให้เขาสูญเสียกำลังภายในจำนวนมากในเวลาอันสั้นเช่นนี้ แต่สถานการณ์ของจิ่วหุนตอนนี้ หากไม่ได้รับการช่วยเหลือจากองค์ชายสี่ แม้ไม่มีอันตรายถึงชีวิต แต่ก็ไม่รู้เลยว่าจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ กระทั่งอาจไม่ฟื้นขึ้นมาก็เป็นได้ ดังนั้นได้แต่ทำเช่นนี้แล้ว” 

 

 

เยี่ยเม่ยพยักหน้ารับ จ้องเขม็งมองประตูห้อง แอบใคร่ครวญอยู่ในใจ เห็นแก่ที่เขาช่วยนางเช่นนี้ ภายหน้าคงต้องดีกับเขาหน่อย 

 

 

เมื่อคิดได้ เยี่ยเม่ยก็มองซือหม่าหรุ่ย “เรื่องที่เสี่ยวจิ่วถูกพิษนี่มันเรื่องอะไรกัน” 

 

 

 “เจ้าไม่รู้เหรอ” ซือหม่าหรุ่ยตกใจอยู่บ้าง 

 

 

เยี่ยเม่ยมุ่นคิ้ว “หรือว่าเจ้ารู้ตั้งนานแล้ว” 

 

 

น่าแปลกใจจริง วันๆ เสี่ยวจิ่วติดตามอยู่ข้างกายตนเอง เขาถูกพิษนางยังไม่รู้ ซือหม่าหรุ่ยไม่น่าสนิทกับเสี่ยวจิ่ว 

 

 

น่าจะเคยพูดคุยกันไม่กี่ประโยคเท่านั้น แต่ว่าซือหม่าหรุ่ยกลับรู้เรื่องนี้ 

 

 

เยี่ยเม่ยพลันคิดว่านางที่ตั้งตนเป็นพี่สาวของจิ่วหุน แท้จริงแล้วบกพร่องในหน้าที่มาก 

 

 

ซือหม่าหรุ่ยมองสีหน้างุนงงของเยี่ยเม่ย ก็รู้ได้ทันทีว่าเยี่ยเม่ยไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น จึงเอ่ยปากอย่างรวดเร็วว่า “เรื่องที่เขาถูกพิษ ตามที่ข้ารู้พิษชนิดนี้ เป็นพิษที่องค์กรนักฆ่าใช้ควบคุมพวกนักฆ่า ไม่มียาถอนพิษที่แท้จริง เพียงแต่ทุกๆ ครึ่งปีกินยารักษาชีวิตครั้งหนึ่ง อีกทั้งผ่านไปช่วงหนึ่งก็ต้องกินยาเพื่อสะกดพิษเอาไว้” 

 

 

เยี่ยเม่ยหรี่ตาลง 

 

 

จิ่วหุนเคยเป็นนักฆ่า นางดูออกนานแล้ว วิธีการสังหารคนของนักฆ่า พฤติกรรมของสหายร่วมอาชีพ ทั้งยังเป็นยอดนักฆ่าในโลกนักฆ่าเช่นนี้ เยี่ยเม่ยรู้อย่างแจ่มแจ้ง 

 

 

แต่ที่คิดไม่ถึง… 

 

 

เยี่ยเม่ยมอง ซือหม่าหรุ่ย ถามเสียงเย็นเยียบ “เจ้ายังรู้อะไรอีก” 

 

 

การวิเคราะห์เรื่องยานี้ 

 

 

ยังมีอย่างอีกหรือเปล่า 

 

 

ซือหม่าหรุ่ยรีบเอ่ยปาก “ข้ายังรู้ว่าเพราะเขาต้องการออกจากองค์กรนักฆ่า ถึงได้ตกอยู่ในสภาพที่น่าอึดอัดเช่นนี้ แต่ว่าเขาก็ไม่ได้บอกอะไรข้ามากนัก เพียงแต่ตอนที่ข้าเพิ่งมาถึงชายแดน เขามาหาข้า ถามว่ามีวิธีหรือเปล่า นี่คือทั้งหมดที่ข้ารู้” 

 

 

 “เป็นอย่างนี้เอง…” เยี่ยเม่ยครุ่นคิดครู่หนึ่ง ถามขึ้นว่า “เจ้าคาดว่าเขาออกจากองค์กรนักฆ่ามานานแค่ไหนแล้ว” 

 

 

 “ไม่เกินหนึ่งเดือน” ซือหม่าหรุ่ยแสดงความคิดออกทันที ทั้งยังกล่าวต่อว่า “ครั้งก่อนที่เขากินยารักษาชีวิตมาจนถึงตอนนี้ ดูจากชีพจรแล้ว อย่างมากก็เป็นเวลาครึ่งเดือนกว่า” 

 

 

เยี่ยเม่ยสงบนิ่งไป 

 

 

ย้อนคิดถึงระยะเวลาที่นางกับจิ่วหุนรู้จักก็เป็นเวลาไม่กี่วัน น่าจะประมาณครึ่งเดือนเห็นจะได้ อีกทั้งตอนที่เพิ่งรู้จักกัน นางไปอาละวาดจวนนายอำเภอ จิ่วหุนหายตัวไปหลายวัน  

 

 

หลังจากกลับมาเขาบอกนางว่าไปจัดการเรื่องส่วนตัวแล้ว ซ้ำยังบอกว่าภายหน้าเขาจะไม่มีเรื่องส่วนตัวอีก หรือว่าเขาไปตัดความสัมพันธ์กับองค์กรนักฆ่ามาแล้ว ก็เพื่ออยู่ข้างกายนาง ถึงผลักไสให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ 

 

 

ในขณะที่เยี่ยเม่ยครุ่นคิด 

 

 

ซือหม่าหรุ่ยเอ่ยถามขึ้นมาประโยคหนึ่ง น้ำเสียงของนางเจือแววสงสัย “ความจริงข้ากับซินเยว่เยี่ยนมีความคิดคาดเดาข้อหนึ่งมาตลอด พวกเราต่างก็คิดว่าเสี่ยวจิ่วคือจิ่วหุน”  

 

 

ดังนั้นตอนนางมาเคาะประตูวันนี้ จึงร้องเรียกจิ่วหุน  

 

 

ถึงจะกังวลอีกฝ่าย แต่คิดจะหยั่งเชิง ดูว่าเสี่ยวจิ่วตอบหรือไม่ 

 

 

เยี่ยเม่ยมองซินเยว่เยี่ยนทีหนึ่ง ซินเยว่เยี่ยนรีบพยักหน้า ความจริงนางก็คิดเช่นนี้ หลังจากสองวันที่พวกนางคาดเดา เวลาพูดถึงปกติเสี่ยวจิ่วเป็นการส่วนตัว บางครั้งยังเรียกว่าจิ่วหุน เพียงแต่ล้วนเป็นการคาดเดา ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน 

 

 

เรื่องนี้ปลุกความแปลกใจของ เยี่ยเม่ย ถามว่า “เสี่ยวจิ่วกับจิ่วหุน สองชื่อนี้ต่างกันอย่างไร” 

 

 

ความจริงวันนั้นนางกำลังจะเรียกชื่อจิ่วหุน พลันถูกจิ่วหุนตัดบท ให้เรียกเขาว่าเสี่ยวจิ่ว นางแปลกใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่คิดมาก ดังนั้นต่อหน้าคนอื่นนางก็เรียกเสี่ยวจิ่ว เหล่าหทารชายแดนก็เรียกเขาว่าคุณชายเสี่ยวจิ่ว 

 

 

เดิมทีนางคิดว่าเสี่ยวจิ่วเป็นชื่อเล่น ดูจากคำพูดของซือหม่าหรุ่ยกับซินเยว่เยี่ยนในเวลานี้แล้ว เรื่องราวคงไม่ได้ง่ายดายนัก 

 

 

เมื่อได้ฟังคำถามของเยี่ยเม่ย  

 

 

ซินเยว่เยี่ยนมองคนถามอย่างไม่เชื่อสายตา “อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่รู้ จิ่วหุนคือนักฆ่าอันดับหนึ่งในใต้หล้า คร่าชีวิตคนไปแล้วนับไม่ถ้วน ในจำนวนนั้นมีไม่น้อยที่เป็นท่านอ๋องชนชั้นสูง เขาลงมือไม่เคยพลาดมาก่อน ดังนั้นเขาจึงเป็นนักฆ่าที่ค่าตัวแพงที่สุด นอกจากท่านอ๋องหรือคนชั้นสูงแล้ว ไม่มีใครควักเงินจ้างเขาได้” 

 

 

เยี่ยเม่ยพยักหน้า ดูจากฝีมือของจิ่วหุน ก็ดูออกว่าเจ้าเด็กนี่ไม่ธรรมดา 

 

 

อีกทั้งนางยังฉุกคิดขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ตอนแรกที่พบกัน เจ้าเด็กนั่นมีเงินเยอะเกินเหตุ เขามอบตั๋วเงินปึกหนึ่งให้นาง ตอนนี้ยังวางอยู่บนหัวเตียงนางเลย 

 

 

 “ร่ำรวยถึงขั้นครองดินแดนก็ควรเป็นเขานี่แหละ” ซือหม่าหรุ่ยด้านข้างเสริมขึ้นอีกประโยค “ถึงบอกว่าเงินที่เขาได้รับส่วนหนึ่งต้องแบ่งให้กับองค์กร แต่ว่าตามกฎในโลกนักฆ่า ยอดนักฆ่าจะได้รับส่วนแบ่งจำนวนไม่เลวเลย ความหมายก็คือการค้าทุกครั้ง เขาจะได้รับเงินจำนวนไม่น้อย ถึงกระทั่งอาจได้รับมากกว่าองค์กรของเขาด้วยซ้ำ เมื่อนับจำนวนคนที่ถูกสังหารหลายปีมานี้ ในใต้หล้าคงไม่มีใครมีเงินมากกว่าเขาไปได้อีกแล้ว แม้กระทั่งราชนิกุลส่วนใหญ่ยังไม่อาจเทียบได้” 

 

 

เรื่องนี้เยี่ยเม่ยก็รู้ เพราะนางคือยอดนักฆ่า 

 

 

นางกับเยาเนี่ยรับงาน แบ่งส่วนแบ่งกับหัวหน้า พวกนางได้รับเจ็ดส่วน ส่วนหัวหน้าได้รับสามส่วน 

 

 

แต่ว่า… 

 

 

เยี่ยเม่ยมองพวกนาง “อะไรอีกเล่า” 

 

 

พวกนางสองคนคงไม่หยั่งเชิงกับนางหรอกนะว่าจิ่วหุนมีเงินมากขนาดไหน 

 

 

ซินเยว่เยี่ยนปรายตามองเยี่ยเม่ย เล่าต่อว่า “แต่เขาก็มีศัตรูไม่น้อย เกรงว่าตัวเขายังนับไม่หมดเลย ขอเพียงฐานะของเขาแพร่งพรายออกมา คนข้างกายทั้งหมดของเขาจะโชคร้ายไปด้วย เขาจะถูกตามไล่สังหารไม่หยุดอย่างแน่นอน” 

 

 

 “เกรงว่าวันที่สุขสงบสักวันก็คงไม่มี” ซือหม่าหรุ่ยวิเคราะห์ กล่าวต่อว่า “ดังนั้นหากเขาคือจิ่วหุน ใช้ชื่อเสี่ยวจิ่วเพื่อปิดบังตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องแปลก” 

 

 

เยี่ยเม่ยเข้าใจแล้ว 

 

 

ที่แท้ต้องเรียกเจ้าเด็กนี่ว่าเสี่ยวจิ่ว ก็เพราะเหตุผลนี้ ไม่อยากหาความยุ่งยาก 

 

 

คิดดูแล้วเขาก็เคยบอกว่า คนที่ท่องอยู่ในยุทธภพต้องมีแผนการ ไม่เช่นนั้นก็จะตายเร็ว มาวันนี้ดูท่าจะจริง 

 

 

ซือหม่าหรุ่ยบอกต่อ “ที่สำคัญกว่าคือ ข้าคิดไม่ออกเลยว่า ในใต้หล้านี้นอกจากจิ่วหุนแล้ว ยังมีนักฆ่าคนไหนที่ประมือกับองค์ชายสี่ พ่ายแพ้เพียงครึ่งกระบวนท่า ดังนั้น…” 

 

 

 “ดังนั้นพวกเราสองคนสงสัยเรื่องฐานะเขามาตลอด” ซินเยว่เยี่ยนเอ่ยรับอย่างรวดเร็ว 

 

 

ยามนี้เยี่ยเม่ยคิดอะไรขึ้นมาได้ ปรายตามองพวกนาง “ดังนั้นไม่ว่าอย่างไร ฐานะจิ่วหุนก็ไม่อาจแพร่งพรายออกไปได้” 

 

 

 “ถูกต้อง ในสายตาคนทั่วหล้า เขาเป็นปีศาจสังหารคน แต่ละคนต่างคิดฆ่าเขาทั้งนั้น หากแพร่งพรายออกไป ไม่ต้องรอให้คู่แค้นของเขาตามมาหา คนในค่ายทหารทั้งหลายที่ชื่นชอบเขาก็คงเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว” ซือหม่าหรุ่ยวิเคราะห์ออกมา 

 

 

เยี่ยเม่ยเข้าใจ 

 

 

ดังนั้นต้องปกปิดฐานะจิ่วหุนให้ดี 

 

 

นางมองพวกนางสองคน เอ่ยว่า “อย่างนั้นเรื่องฐานะของจิ่วหุน พวกเจ้าก็ไม่ต้องถามอีกแล้ว” 

 

 

เมื่อเยี่ยเม่ยเอ่ยออกมาเช่นนี้ ซือหม่าหรุ่ยกับซินเยว่เยี่ยนก็เข้าใจทันที 

 

 

ก็ถูก หากเป็นจิ่วหุนจริง เยี่ยเม่ยยอมรับแล้วก็เท่ากับสร้างความยุ่งยากให้จิ่วหุน พวกนางก็เป็นคนฉลาด ไม่ถามออกมา ในเวลานี้เอง ในห้องเกิดความเคลื่อนไหว พวกนางรีบหมุนกาย เดินเข้าไปด้านใน