ตอนที่ 729 แสงแรกของเขา(4) โดย Ink Stone_Romance

มองดูสถานการณ์นี้ ไป๋ซู่เย่ใจหายวาบแล้วใจหายวาบอีก

กลุ่มคนเมื่อคืนกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลยเมื่อเทียบกับกลุ่มคนตรงหน้า

เธอเผลอหันไปมองเย่เซียวแวบหนึ่งแต่เทียบกับความตื่นตระหนกของเธอกับหยูอันแล้ว เย่เซียวกลับมีท่าทีเรียบนิ่งไม่ร้อนใจใดๆ

เฮลิคอปเตอร์ลงจอดอย่างโอ่อ่าจนเกิดพายุฝุ่นทรายขึ้นระลอกหนึ่ง ไป๋ซู่เย่ยกแขนบังตาอัตโนมัติ

คนแรกที่กระโดดลงจากเฮลิคอปเตอร์ทำให้หยูอันผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกที

 “คุณชายถัง!”

 “หยูอัน ปืนกระบอกนี้ของนายคิดจะเอามายิงฉันเหรอ?” ถังเจวี๋ยเลิกคิ้วสวยอย่างเย้ายวน คนคนนี้อยู่ในชุดลายทหารขนาดรูปร่างพอๆ กับเย่เซียว แต่หน้าตากลับงดงามยิ่งกว่าผู้หญิง กลอกดวงตาวาววับ

หยูอันรีบเก็บปืน “เข้าใจผิดครับคุณชายถัง”

เย่เซียวย่างกรายเข้าไปหาผู้บุกรุก ถังเจวี๋ยกางแขนออกแต่ไกลแล้วกอดเย่เซียวเต็มอกด้วยรอยยิ้ม

 “ไม่ได้เจอกันนาน!”

 “คิดว่าตอนกลับมาอาจจะต้องเก็บศพนาย” ถังเจวี๋ยยิ้มทุบอกเย่เซียวที “ดูเหมือนว่าจะไม่ได้บาดเจ็บ ฉันน่าจะมาทันเวลา”

ไป๋ซู่เย่ใจวูบโหวง เผลอก้าวเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วถามเสียงเบา “เย่เซียว คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย?”

กระสุนปืนที่ฝังอยู่ในหัวใจของเขาเหมือนระเบิดเวลาลูกหนึ่ง ไป๋ซู่เย่คอยนึกถึงอยู่เสมอ

 “สบายใจได้ ผมไม่เป็นไร” เย่เซียวส่ายศีรษะ เห็นสีหน้าท่าทางที่ไม่ค่อยเปลี่ยนไปจากเดิมเท่าไรของเขาแล้วไป๋ซู่เย่ถึงค่อยสบายใจขึ้นบ้าง

ถังเจวี๋ยปรายสายตามาทางไป๋ซู่เย่กวาดตามองประเมินเธอทีหนึ่ง ดวงตาทรงอัลมอนด์ยิ้มได้มีเสน่ห์มาก “สาวสวยคนนี้ ต้องเป็นสาวสวยที่ทำเย่เซียวไม่เป็นผู้เป็นคนเมื่อสิบปีก่อนแน่ๆ ใช่มั้ย?”

 “ถังเจวี๋ย นายพูดมากไปหน่อยนะ”

ไป๋ซู่เย่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

ถังเจวี๋ยหยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “ไม่แนะนำหน่อยเหรอ?”

เย่เซียวพยักพเยิดปลายคางไปทางถังเจวี๋ย “ลูกพี่ลูกน้องของถังซ่ง ถังเจวี๋ย”

ไป๋ซู่เย่พยักหน้ายิ้มอมยิ้มให้เขา ถังเจวี๋ย เธอไม่เคยทำความรู้จักกันจริงๆ มาก่อนและไม่เคยพบเจอมาก่อน แต่เธอค่อนข้างรู้จักกันดีกับคนตระกูลถังพอสมควร ตระกูลถังเองก็เป็นกลุ่มติดอาวุธที่ไม่ได้อยู่ภายใต้หน่วยงานรัฐบาล คนของตระกูลถังเป็นอัจฉริยะกันแทบทุกคน ถังซ่งเป็นอัจฉริยะด้านการแพทย์ ส่วนถังเจวี๋ยเป็นอัจฉริยะด้านการสร้างอาวุธ ได้ยินว่าตระกูลถังมีตัวแบบอาวุธใหม่มากมาย ไม่รู้ว่าตั้งกี่ประเทศที่ส่งสายลับมาสืบหาตัวแบบอาวุธเหล่านี้ แต่ไม่มีใครจบด้วยดีสักคน

ถังเจวี๋ยเป็นคนลึกลับมาโดยตลอด จนถึงตอนนี้ นับว่าเป็นครั้งแรกที่ไป๋ซู่เย่ได้รู้หน้าค่าตาของเขาอย่างแท้จริง

ดูดีเหลือเกิน

ดูดีมีเสน่ห์เกินไป นอกจากจะไม่ให้ความรู้สึกรุกล้ำที่รุนแรงแล้วแถมยังคล้ายตัวปีศาจที่คอยหลอกล่อปุถุชน

ผู้ชายแบบนี้หากไม่ได้รู้จักอย่างถ่องแท้ ใครจะรู้ว่าเขาจะเป็นตัวอินทรีย์ที่ยากจะกัดกินกระดูกบนผืนทะเลทรายซ่าเหยียนแห่งนี้

 “ไป๋ซู่เย่” เย่เซียวผายมือมาทางเธอ

 “เป็นเกียรติของผมที่ได้รู้จักกับสาวสวย” ถังเจวี๋ยจับมือเธอขึ้นมาหมายจะประทับจูบเป็นการทักทาย เย่เซียวขวางห้ามไว้กลางคันด้วยใบหน้าเย็นชา กระชากมือเธอกลับจากการกอบกุมของถังเจวี๋ยมากุมไว้แน่นแล้วสองตาก็ถลึงใส่ถังเจวี๋ย

ถังเจวี๋ยระเบิดเสียงหัวเราะ“เย่เซียว เมื่อก่อนไม่เคยรู้สึกว่านายจะใจแคบขนาดนี้มาก่อนเลยนะ”

ไป๋ซู่เย่ถือว่ามองทะลุปรุโปร่งแล้วว่าถังเจวี๋ยกับถังซ่งเกรงว่าจะเป็นคนประเภทเดียวกันที่กระตือรือร้นเรื่องผู้หญิงเป็นพิเศษ

 “ไปจากที่นี่ก่อนค่อยว่า” เย่เซียวบอกกับถังเจวี๋ย “บนแขนเธอมีแผล ต้องเปลี่ยนยา”

 “อือฮึ ขึ้นเครื่องเลย”

พวกเขากระโดดขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตามๆ กันโดยไม่รอช้า

เฮลิคอปเตอร์ทะยานสู่ท้องฟ้า ไป๋ซู่เย่ก้มมองผืนทะเลทรายสีทองด้านใต้และรู้ว่าบัดนี้พวกเขาปลอดภัยอย่างแท้จริงแล้วถึงรู้สึกผ่อนคลายลงสักที

เธอนั่งอยู่ข้างเย่เซียว ไม่รู้ว่าเพราะเสียงใบพัดที่ดังเกินไปหรืออยู่ในทะเลทรายนานเกินไปจนเธอล้าไปทั้งตัว ดังนั้นรอไม่นานก็อิงไหล่เย่เซียวผล็อยหลับไปอย่างสะลึมสะลือเพราะความเหนื่อยอ่อน

เย่เซียวหันตัวน้อยๆ พลางก้มหน้ามองเธอ ปลายนิ้วเรียวที่เห็นข้อกระดูกชัดเจนทัดผมเธอที่ปรกลงมาไว้หลังหู จ้องมองใบหน้าดวงเล็กเปื้อนฝุ่นนั่น สีหน้าอ่อนโยนขึ้นมากในพริบตา

ถังเจวี๋ยนั่งอยู่ตำแหน่งข้างคนขับ มองจากกระจกหน้าก็สามารถเห็นสีหน้าในเวลานี้ของเย่เซียวได้อย่างชัดเจน

 “เอ๊ะ ฉันว่านะ นายมองผู้หญิงคนอื่นด้วยแววตาลึกซึ้งแบบนี้ แถมยังยอมเสี่ยงชีวิตมาช่วยเธอ กลับไปนายจะรายงานกับคู่หมั้นตัวน้อยที่เพิ่งหมั้นกับนายยังไง?” ถังเจวี๋ยหัวเราะถาม

เย่เซียวไม่สนใจเขา แค่ถอนสายตาจากใบหน้าของไป๋ซู่เย่ไปยังนอกตัวเครื่องห่างไกลออกไป ถังเจวี๋ยเองก็ดูไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

เขาปรับสีหน้าให้จริงจัง “เย่เซียว มีบางเรื่องนายต้องคิดให้ดีนะ ถ้าพ่อบุญธรรมของนายรู้ว่านายวิ่งแจ้นมาที่นี่เพื่อคนที่เคยหักหลังมาก่อนอย่างไม่คิดชีวิต คิดว่าน่าจะโกรธน่าดู”

 “พอแล้ว ฉันรู้อยู่แก่ใจดี”

 “เรื่องที่ฉันเคยคุยกับนายเมื่อก่อน นายคิดว่ายังไงบ้างแล้ว?” ถังเจวี๋ยเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “ถ้านายร่วมงานกับฉัน แทนที่ไฟเรนเซ่ หลังจากนั้นนายอยากแต่งงานกับใครก็ได้”

 “ถังเจวี๋ย ถ้าเป็นเพื่อนกัน ห้ามพูดถึงเรื่องนี้อีก!” เย่เซียวหันหน้ามาขณะที่สีหน้าเย็นชากว่าเดิมนัก ให้เขาทำเรื่องที่ผิดศีลธรรม ไม่มีทาง!

 “OK!นายว่ายังไงก็อย่างนั้น แต่ว่าหนี้ที่ตาแก่ไฟเรนเซ่ติดค้างฉันไว้ สักวันฉันจะทวงกลับมาให้ได้!” พูดถึงนี่ใบหน้าดูดีของถังเจวี๋ยเองก็ปกคลุมด้วยความนิ่งขรึมชั้นบางๆ

…………………………

ไป๋ซู่เย่หลับสนิท

รอตื่นมาอีกทีก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว เธอลืมตาขึ้น ในตาเป็นเพดานที่ไม่คุ้นเคย เฟอร์นิเจอร์บ้านที่ไม่คุ้นตา สภาพแวดล้อมที่แปลกตา

เห็นได้ชัดว่าผ่านการอาบน้ำมาแล้วเพราะร่างกายที่แต่เดิมเต็มไปด้วยฝุ่นทรายขณะนี้กลับสดชื่นสะอาดและสบาย ชุดลายทหารบนตัวถูกถอดทิ้งสวมด้วยชุดนอนสีขาว

นี่มันที่ไหนกัน? เย่เซียวล่ะ? แล้วใครเป็นคนอาบน้ำให้ตน?

อีกทั้งยังอยู่ในสภาพที่เธอไม่รู้สึกตัวใดๆ

ทำไมเธอถึงหลับลึกขนาดนี้? หากเป็นปกติของการตื่นตัวของเธอ มีใครเคลื่อนย้ายตัวเองสักนิดเธอจะรู้สึกตัวทันที

ผิดปกติอย่างมาก

เธอมุ่นคิ้วยันตัวหมายจะลุกขึ้น แต่เพิ่งรู้สึกว่าวิงเวียนศีรษะอย่างแรงและบนแขนที่ยังปักด้วยเข็มอยู่

ลำคอเธอแห้งผาก

เผลอจับหน้าผากทีหนึ่งถึงรู้ว่าตัวเองไข้ขึ้นเสียได้

 “คุณไป๋ ตื่นแล้วหรือคะ?”

ประตูห้องถูกเปิดจากข้างนอก สาวรับใช้ยกถ้วยโจ๊กจืดจางเข้ามา “คุณไม่ได้ดื่มอะไรมาหนึ่งวันเต็มแล้ว คุณหมอบอกว่ารอคุณตื่นก็ให้ทานโจ๊กรองท้องก่อน”

ไป๋ซู่เย่ยันตัวให้ลุกขึ้นนั่ง “ฉันเป็นไข้ได้ยังไง?”

 “แผลตรงแขนของคุณอักเสบเลยทำให้ไข้ขึ้น แต่คุณหมอบอกว่ารอฉีดยานี้เสร็จ ไข้ก็จะลด”

ไป๋ซู่เย่ถอดชุดนอนออกมองปากแผลตรงแขนของตัวเอง ถูกทำแผลใหม่จริงๆ ด้วย

 “ที่นี่คือ?”

 “เป็นฐานบัญชาการหลักของนายท่านถัง คุณวางใจได้ ที่นี่ปลอดภัยมาก ในทะเลทรายซ่าเหยียนนี้ไม่มีใครไม่เคารพนายท่านของเรา” ใบหน้าสาวรับใช้ตัวน้อยเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจยามเอ่ยถึงนายท่านของตน

…………………………