TQF:บทที่ 749 อวสาน (17)
พลังเซียนมหาศาลกระจายออกมาราวกับพายุโหมกระหน่ำ ยิ่งใหญ่อลังการ ฉีกอากาศออกในพริบตา เมื่อจู่โจมออกไปก็เป็นดั่งสายฟ้าฟาดฟัน จู่ๆโลกทั้งใบก็สั่นสะเทือน ท่ามกลางพลังอันน่าสะพรึงกลัวนี้มีคลื่นเวลาที่สั่นไหวอยู่แฝงมาด้วยลางๆ แม้แต่พายุที่พัดอยู่ยังต้องหยุดลงภายใต้พลังกดดันนี้ “อ๊ากกก…..”
เสียงโหยหวนดังขึ้น ร่างสีแดงปลิวออกไปราวกับว่าวที่ด้ายขาด แต่ไม่มีใครช่วยนาง
หยินเฟิ่งที่ล้มลงกับพื้นรีบเด้งตัวลุกขึ้นโดยไม่สนบาดแผล ร่างกายสั่นนิดหน่อย ก่อนจะมีเลือดไหลออกจากมุมปาก สีหน้าขาวซีดราวกระดาษ
นัยน์ตาทั้ง 2 ข้างมีประกายแห่งความดุร้าย นางค่อยๆเช็ดคาบเลือดที่มุมปาก กัดฟันกรอดและเอ่ยอย่างตั้งมั่น “สมควรตาย พวกเจ้าไม่ควรมาอยู่ที่นี่ ทุกคนสมควรตาย….”
เสียงกรีดร้องสุดท้ายแหลมคมเสมือนดาบตัดนภาขาดไป ความตั้งมั่นนั้นท่วมท้นทั้งผืนฟ้าและมหาสมุทร พร้อมจะทำลายทั่วใต้หล้า ราวกับคนที่ผิดไม่ใช่นาง แต่ผู้หญิงสาว 2 คนตรงหน้าที่ทำลายทุกอย่างของนาง “เจ้าสิสมควรตาย….”โม่ซวนซุนที่มีสีหน้าบึ้งตึงเย็นชาบันดาลโทสะอีกครั้ง เสียงของเขาดังเสมือนสายฟ้าที่ผ่าลงมา เป็นที่ตื่นตระหนกไปทั้งแผ่นดิน
มีแสงสีทองวาบผ่านหน้าทุกคนไป จู่ๆแสงที่สว่างยิ่งกว่าพระอาทิตย์ร้อยเท่าพันเท่าแผ่ออกจากตัวเขา ฝ่ามือสีทองที่เปี่ยมไปด้วยพลังเซียนมีพลังที่สามารถล้มล้างภูเขามหาสมุทร บิดเบือนฟ้าดิน พุ่งลงมาใส่หยินเฟิ่งอย่างแรงด้วยความเร็วปานสายฟ้า
เขาคิดจะฆ่าจริงๆ นาทีนี้นางกล้าที่จะพูดจาเหยียดหยามเฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อยอีก เขาที่โมโหมากอดไม่ได้ที่จะลงมือ “ตู้มม…..”
สิ้นเสียงดังตู้ม ฟ้าถล่มดินทลาย ฟ้าดินเปลี่ยนสี เมฆครึ้มทำให้ผืนฟ้าดูสั่นคลอน
นางกำลังจะถูกบดเป็นเศษเนื้อ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวส่งเสียงเรียกเบาๆ “เจ้าลูกคิด….”
ในช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวนี้ ฝ่ามือที่กำลังจะฟาดลงบนตัวหยินเฟิ่งชะงักลง พริบตาเดียวเท่านั้นประกายแสงก็สลายไป และกลับสู่ความสงบทันที ราวกับเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น
โม่ซวนซุนถามนางโดยไม่ใช้เสียง เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้มบางๆ กำลังจะเอ่ยตอบอะไรบางอย่าง หยินเฟิ่งจ้องนางเขม็งอย่างเคียดแค้น “นังสารเลว เจ้าไม่ต้องมาขอให้ไว้ชีวิต ข้าหยินเฟิ่งขอสาบานว่าจะฆ่าเจ้าให้ได้ จะสับเจ้าให้เป็นชิ้นๆ จะให้เจ้าตายไม่มีที่ฝัง จะทำให้วิญญาณเจ้าสลายหายไป จะทำให้เจ้าไม่มีวันได้ไปเกิดใหม่….”
คำสาปแช่งที่เลวร้ายขึ้นเรื่อยๆดังออกมา ฟังจนผู้คนขนลุกขนพอง ลูกศิษย์ทุกคนของโถงวิหารสวรรค์รู้สึกว่าศิษย์พี่ใหญ่บ้าไปแล้ว เป็นมารร้ายที่น่ากลัวยิ่งกว่าผีซะอีก
ต่อให้เป็นสามีภรรยาโม่อู๋เซอที่นึกสงสารก็หมดความคิดที่จะขอชีวิตผู้หญิงคนนี้ในนาทีนี้ คนบ้าแบบนี้ไม่คู่ควรให้ช่วย
แววตาของโม่ซวนซุนและหยูเฮงน้อยคุกรุ่นด้วยแรงอาฆาตอีกครั้ง อดทนจนทนไม่ได้ ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวห้ามเอาไว้ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะลงมือ “เจ้าคิดมากไปรึเปล่า ข้าไม่ได้ขอชีวิตให้เจ้า ก็แค่ไม่อยากสะสางแค้นระหว่างข้ากับเจ้าด้วยมือคนอื่นเท่านั้น”
แม้เสียงก่นด่าของนางจะฟังไม่เข้าหู แต่สีหน้าและน้ำเสียงของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวยังคงเรียบเฉยราวกับโกรธไม่เป็น แต่ไม่ว่าใครก็ฟังความกดดันและความต้องการฆ่าที่แฝงในน้ำเสียงของนางออก ซึ่งหมายความว่านางจะไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายแม้เพียงนิดเดียว
หรือพูดได้ว่าหยินเฟิ่งอยากจะฆ่านาง ส่วนนางก็อยากจะกำจัดหยินเฟิ่งซะเพื่อสะสางบ่วงกรรมนี้
เข้าใจผิด นางคิดไปเอง
หยินเฟิ่งรู้สึกอับอายมาก ใบหน้าสวยสดงดงามบิดเบี้ยว พลังเซียนหลั่งไหลออกมาราวกับคลื่นยักษ์ที่ถาโถม ร่างของนางกระโจนเกิดเป็นเส้นโค้งใหญ่ยักษ์แดงสู้พระอาทิตย์ ต้องการจะฆ่าเฉิงเสี่ยวเสี่ยวด้วยฝ่ามือตัวเองเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงให้ตัวเอง
มีความเยือกเย็นปรากฏในแววตาเฉิงเสี่ยวเสี่ยว นางยื่นมือออกไปยิ่งๆ มีประกายแสงหลากสีลอยฟุ้งขึ้นราวกับดวงดาราที่กำลังจะร่วงหล่น พลังรุนแรงดั่งมหาสมุทรไร้ขอบเขตและเปล่งประกายปะทะเข้ากับอีกฝ่าย “เปรี้ยง…”
เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง ทั้งผืนฟ้าสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงทันที เกิดเป็นเสียงดังกระหึ่มที่สะท้อนไปทั้งโถงวิหารสวรรค์“พรวด….”
ท่ามกลางเสียงร้องโหยหวน หยินเฟิ่งไม่อาจต้านทานได้ คนทั้งคนกระเด็นออกไปไกลราวกับกิ่งไม้ใบหญ้าที่แห้งเหี่ยว กระอักเลือดออกและกระแทกลงพื้น
ส่วนเฉิงเสี่ยวเสี่ยวเป็นเสมือนหินยักษ์ที่ตั้งไว้ไม่ขยับ ราวกับคนเมื่อกี้ที่สู้กับหยินเฟิ่งไม่ใช่นาง
หยินเฟิ่งที่ดิ้นรนลุกขึ้นจากพื้นปากกระตุก ความเจ็บปวดรวดร้าวกระจายไปทั่วร่าง นางไม่ได้สนใจบาดแผลตัวเอง แต่จ้องเฉิงเสี่ยวเสี่ยวเขม็งด้วยสีหน้าตกตะลึง มีความไม่อยากจะเชื่ออยู่ในแววตาของนาง
คนที่เคยถูกนางข่มเหงถล่มจนกระดิกตัวไม่ได้กลับปราบนางได้ในเวลาเพียง 3 ปีเท่านั้น
ไม่เชื่อ นางไม่เชื่อ
เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด
นางไม่ยอม ไม่ยอมเด็ดขาด “ข้าจะฆ่าเจ้า…..” ด้วยความริษยาในใจหยินเฟิ่งเริ่มแสดงอาการผิดปกติ นัยน์ตานางเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำราวกับกลายร่างเป็นมาร กรีดร้องคำราม แข็งกร้าวไม่หวั่นเกรงความตาย
นางเผาผลาญเลือดในตัวโดยไม่สนสิ่งใด ภายในร่างกายเรียกได้ว่าถล่มทลาย การเผาผลาญพลังชีวิตมากเกินไปทำให้เลือดลมเดือดพล่าน พลังเพิ่มขึ้นด้วยความเร็วสูง ร่างกายของนางเสมือนลูกโป่งที่เติมลมอยู่ตลอดเวลา พร้อมจะระเบิดออกทุกเมื่อ
นาทีนี้ หยินเฟิ่งแค่อยากจะตายไปด้วยกันกับผู้หญิงที่สมควรตายคนนี้
นางต้องการให้อีกฝ่ายตาย ต่อให้ต้องสังเวยชีวิตตัวเองด้วยก็ไม่เป็นไร
ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน นางพุ่งขึ้นฟ้าและกระโจนใส่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวราวกับธนูแหลมคม “เฮอะ…”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่ตกใจที่ได้เห็นท่าทีแบบนี้ของนาง ต่อให้กำลังต่อสู้ของอีกฝ่ายเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางอยู่ดี ตอนนี้น่ะนางอยู่จุดสูงสุดของระดับจักพรรดิเทพเซียนแล้ว เป็นไปได้ที่จะบรรลุเป็นเซียนสวรรค์ได้ทุกเมื่อ
นางจะกลัวก้าวสู่เทพเทวาเล็กๆนี่ทำไมกัน ทั้ง 2 ไม่ใช่คนที่อยู่ระดับเดียวกันเลย ต่อให้อีกฝ่ายทุ่มสุดชีวิตแล้วยังไง นางไม่เก็บมาใส่ใจหรอก
ชั่วขณะที่หยินเฟิ่งพุ่งตัวเข้ามา ก็มีไม้ตบยุงปรากฏในมือของเฉิงเสี่ยวเสี่ยว พัดที่แลดูธรรมดานั่นเปี่ยมล้นไปด้วยพลังเซียนอันไร้ขีดจำกัด ดุดันราวแม่น้ำไหลหราก เพียงโบกๆ 1 ทีพลังนั่นก็พุ่งพรวดเข้าไปหาอีกฝ่าย “ตู้มม….”
การจู่โจมนี้สะเทือนฟ้าดิน เสียงตู้มเดียวก้องไปทั้งผืนนภา ทั้งพื้นที่ต้องห้ามโถงวิหารสวรรค์ดูเหมือนจะสั่นไหวไปชั่วขณะ
ชั่วขณะที่สัมผัสกันหยินเฟิ่งก็กระเด็นออกไปหลายร้อยเมตรราวกับถูกสายฟ้าฟาดใส่ ก่อนที่ตัวนางจะระเบิดออกกลายเป็นฝนเลือดเทลงมา สุดท้ายนางก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับไม่เคยมีอยู่ในโลกใบนี้
ทุกคนมองฝนเลือดที่ค่อยๆหายไปจากฟ้าดินอย่างอ้าปากค้าง ใช้อิทธฤทธิ์ที่ทรงพลังแต่ทำลายตัวเองแบบนี้มีแต่จะต้องตายลงในที่สุด
ตายแล้ว หยินเฟิ่งตายแล้ว
ทั้งโถงวิหารสวรรค์เงียบฉี่ มองเฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่มีสีหน้าเรียบเฉยราวกับไม่มีอะไรขึ้นอย่างอึ้งๆ
ท่ามกลางขุนเขาหลักทั้งหลาย มีเสียงถอนหายใจเบาๆดังออกมาลางๆ
พวกเขาเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ในใจก็รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เรียกได้ว่าความตายของหยินเฟิ่งเพราะตัวนางเองทั้งนั้น ไม่เกี่ยวอะไรกับเฉิงเสี่ยวเสี่ยวเลย
แม้ว่าพวกของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวต้องการจะฆ่าจริงๆ แต่ที่จริงหยินเฟิ่งบีบตัวเองให้มาเดินเส้นทางสู่การสังเวยชีวิตเอง ต่อให้เหล่าปีศาจเฒ่าไม่พอใจเท่าไหร่แต่ก็โทษอะไรเฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่ได้
ถึงยังไงต้นเหตุทุกอย่างพวกเขาก็เห็นแล้วอย่างชัดเจน บัดนี้การสะสางบ่วงกรรมพวกเขาก็เห็นกับตา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้สุดท้ายแล้วปัญหาก็อยู่ที่หยินเฟิ่งของพวกเขาโถงวิหารสวรรค์นั่นแหละ
————————————