TQF:บทที่ 748 อวสาน (16)

 

เมื่อเห็นนางออกแรงกวาดเหล่าผู้อาวุโสที่จะเข้ามาช่วยซะกระจาย ท่าทางยิ่งใหญ่ของนางตบหน้าเหล่าผู้คนในโถงวิหารสวรรค์ดังฉาด

 

ส่วนเฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่ถูกนางโจมตีใส่จนบาดเจ็บสาหัสยังไม่มีทีท่าจะถูกปล่อยไป จู่ๆก็ไปบังคับให้อีกฝ่ายยอมแพ้ ไม่สนว่าวิทยายุทธของตัวเองอยู่ระดับก้าวสู่เทพเทวาแล้ว ใช้พลังเซียนถล่มใส่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่มีวิทยายุทธแค่ระดับจักรพรรดิ์เทพยุทธ์เท่านั้น

 

ต้องยอมรับว่าเมื่อดูมาถึงตรงนี้ ต่อให้เป็นคนของโถงวิหารสวรรค์ก็ยังมีท่าทีเคืองโกรธ พวกเขาไม่อยากจะเชื่อจริงๆว่าศิษย์พี่ใหญ่อย่างหยินเฟิ่งจะเลือดเย็นไร้ความเป็นมนุษย์ได้ขนาดนี้

 

นี่มันรังแกกันเกินไปแล้ว เรียกได้ว่าผูกความแค้นชนิดที่ไม่ตายไม่เลิก

 

ภาพสุดท้ายคือตอนที่นางพาโม่ซวนซุนทะลุมิติไป “ซวนซุน…..”

 

เสียงกรีดร้องที่ทั้งโศกเศร้าและโกรธแค้นดังก้องอยู่ในนภา เฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่เสียใจเกินไปรู้สึกถึงก้อนหวานที่คอก่อนจะกระอักเลือดออกมา และหน้ามืดร่วงจากอากาศ “คุณหนู….”

 

ผู้เฒ่าหยิงที่บาดเจ็บสาหัสไม่สนบาดแผลของตัวเอง กระโจนตัวขึ้นไปรับคนที่กำลังร่วงลงมาไว้

 

เมื่อถึงตรงนี้หยูเฮงน้อยยกมือเก็บเอาภาพในอากาศกลับมา

 

ชั่วขณะนั้นทุกอย่างนิ่งสนิท ดูเหมือนเวลาจะหยุดลงที่นาทีนี้

 

มีคลื่นยักษ์ซัดอยู่ในใจของทุกคน

 

นาทีนั้นสายตาทุกคู่จับจ้องไปที่หยินเฟิ่ง ทุกคนไม่เข้าใจว่าทำไมนางถึงเป็นคนแบบนี้

 

โดยเฉพาะเหล่าปีศาจเฒ่าที่ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าทำไมพอโม่ซวนซุนได้ความทรงจำกลับมาปุ๊บก็มุ่งร้ายหยินเฟิ่งถึงเพียงนั้น ถ้าเป็นพวกเขาก็คงรับไม่ได้เหมือนกัน

 

นางทำเกินไปมาก

 

เรียกได้ว่าไม่มีความเป็นมนุษย์เลยสักนิด

 

อย่างนี้ต่างอะไรกับพวกนอกรีตที่เข่นฆ่าผู้คนในภาพ แต่คนๆนี้ดันเป็นคนของพวกเขาโถงวิหารสวรรค์“หยินเฟิ่ง เจ้ามีอะไรจะพูดอีกมั้ย” เสียงหนึ่งดังทำลายความเงียบ ราวกับสายฟ้าอันเกรี้ยวกราดที่ฟาดลงมาไม่ยั้ง ความกดดันในอากาศเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่าพันเท่า ไม่ว่าใครก็สามารถได้ยินความโมโหและความผิดหวังจากน้ำเสียงนี้

 

คนที่พูดก็คือผู้อาวุโสหนิง อาจารย์ของหยินเฟิ่ง

 

นาทีนั้นผู้อาวุโสหนิงที่เห็นนางเป็นลูกแท้ๆผิดหวังจนถึงที่สุด เขารู้สึกว่าตัวเองทำผิดไป ปกป้องหยินเฟิ่งโดยไม่สนถูกผิดแบบนี้ช่างไม่ยุติธรรมสำหรับพวกเฉิงเสี่ยวเสี่ยวเหลือเกิน

 

เมื่อหยินเฟิ่งได้ยินก็กลั้นลมหายใจ ใจเย็นวาบไปครึ่งดวง ราวกับถ้าตัวเองโกหกแม้แต่คำเดียวก็จะถูกฆ่าตายอยู่ตรงนี้

 

นางอ้าปากเล็กน้อย น้ำตาคลออยู่ในเบ้า แต่ก็พูดไม่ออกสักคำ โดยเฉพาะเมื่อเห็นสายตาห่างเหินและผิดหวังจากอาจารย์นางก็เสียใจเป็นอย่างมาก ทำไมตอนนั้นถึงทำแบบนี้ ทำไมถึงทำให้อาจารย์ต้องขายหน้า

 

เมื่อเห็นท่าทางน่าสงสารของนางผู้อาวุโสหนิงอดไม่ได้ที่จะหลับตาลง นึกถึงการกระทำของนางในหัวอีกครั้งก็หันหลังจากไปทันที “บ่วงกรรมที่เจ้าสร้าง ทำเรื่องเลวร้ายลงไปขนาดนี้ เจ้าก็ไปรับผลกรรมเอาเองแล้วกัน ในเมื่อเจ้าไม่เคยมีคำพูดที่อาจารย์สอนให้เป็นคนดีอยู่ในใจ จากนี้เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องกลับมาอีกแล้ว” เสียงเย็นยะเยือกและเย็นชาดังมาไกลๆ กึกก้องไปทั่วพื้นที่และดังเข้าหูของทุกคน

 

นางถูกไล่ออกจากสำนัก! “อาจารย์…..” น้ำตาไหลลงมาดั่งฝนตก หยินเฟิ่งร้องเรียกเสียงหลงกับทิศที่อาจารย์หายไป

 

ไม่มีเสียงตอบรับจากที่ไกลๆ ราวกับไม่ได้ยินเสียงร้องเรียกของนาง “หยินเฟิ่งไม่สามารถแยกแยะผิดชอบชั่วดีได้ พฤติกรรมอำมหิตและเอาแต่ใจ จากนี้ต่อไปนางไม่ใช่ลูกศิษย์ของโถงวิหารสวรรค์อีกแล้ว” เสียงของตาแก่ซอมซ่อดังขึ้นอย่างมั่นคง ราวกับระฆังยักษ์ที่ทำให้ฟ้าดินสะเทือน

 

เหล่าลูกศิษย์ของโถงวิหารสวรรค์เกลียดชังนางเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้เห็นท่าทางนางที่ร้องห่มร้องไห้น่าสงสารต่างมีสีหน้าหลากอารมณ์ “ร้องทำไม เจ้ามีหน้ามาร้องไห้ด้วยเหรอ” เสียงเหยียดหยามเย็นๆของหยูเฮงน้อยลอยลงมา

 

จากนั้นก็มีพลังลมปราณแข็งแกร่งมหาศาลแผ่พุ่งออกจากตัวนาง ราวกับมหาสมุทรคลื่นแรง ถล่มจากอากาศทำให้ผู้คนรู้สึกถึงแรงกดดันมากมายและหวั่นเกรง

 

เหล่าลูกศิษย์ที่อยู่ไม่ไกลเมื่อสัมผัสถึงลมปราณนี้ก็รู้สึกว่าจะจมลงไปและถูกฉีกเป็นชิ้นๆได้ทุกเมื่อ

 

หยูเฮงน้อยพุ่งจิตสังหารใส่นางอย่างแรงกล้า เย็นชาและไร้ความรู้สึก แฝงไปด้วยความมุ่งร้าย ลอยไปหาจากอากาศ

 

แต่หยินเฟิ่งที่หน้าซีดเผือดกลั้นน้ำตากลับไปอย่างดื้อรั้น มีประกายแห่งความแค้นและความมุ่งร้ายอยู่ในแววตา กล่าวขึ้นอย่างแค้นเคือง “ใช่ ข้าจะทำกับพวกเจ้าแบบนี้แหละ แล้วจะทำไม ที่ข้าเสียใจที่สุดในตอนนี้คือไม่ได้ฆ่าพวกเจ้าให้ตายๆไปซะ เก็บตัวก่อเรื่องอย่างพวกเจ้า 2 คนไว้ พวกเจ้าสมควรตาย…” “บังอาจ….”

 

เมื่อเห็นว่านางยังคงไม่สำนึกโม่ซวนซุนบันดาลโทสะอย่างสมบูรณ์ สายตาของเขาเยือกเย็นแทงกระดูก พลังเซียนสุดแกร่งที่จินตนาการไม่ออกแผ่พุ่งออกจากตัวเขา

 

พลังเซียนนี้กว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด ท่วมท้นไปทั่วนภา ปกคลุมทั้งโถงวิหารสวรรค์ไว้ด้านใน ความกดดันที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมพุ่งไปถล่มใส่หยินเฟิ่ง

 

เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังลมปราณนี้หยินเฟิ่งก็ตัวจ้อยเหมือนมดปลวกตัวนึงเท่านั้น ตัวเล็กและด้อยค่า แต่นางคิดไม่ถึงเลยว่าอาจารย์ปู่เล็กท่านนี้คิดจะฆ่าตัวเองจริงๆ นางเจ็บปวดใจเกินจะทน มีแววตาเย็นชาและเคียดแค้นปรากฏในนัยน์ตา ขณะเดียวกันก็เผยให้เห็นความดุร้ายและหมดความรู้สึก

 

นาทีนี้นางแค้นโม่ซวนซุนเป็นอย่างมาก แค้นความไม่มีใจของผู้ชายคนนี้ แค้นที่เขาไม่ใจอ่อนให้ตัวเอง แค้นเขา แค้นเขา…..

 

………

 

ความแค้นทั้งมวลแสดงออกในแววตาทั้ง 2 ข้างของนาง นางแค้นหมดทุกคนแล้ว….

 

 

ด้วยพลังการมองเห็นของเหล่าปีศาจเฒ่าย่อมมองอารมณ์ของนางออก แต่ละคนอดส่ายหน้าไม่ได้ ถ้าเมื่อกี้รู้สึกผิดหวังและอับอายกับการกระทำของนางที่ได้เห็น แต่ถึงยังไงนางก็เป็นคนที่โถงวิหารสวรรค์บ่มเพาะออกมา ในช่วงเวลาสำคัญยังไงก็ต้องคุ้มหัวนางไว้

 

บัดนี้ได้เห็นด้านนี้ที่นางเผยออกมา ให้ตายก็ไม่สำนึก และแค้นทุกคนเข้ากระดูกดำ เอานางไว้ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ และอาจจะทำให้เกิดภัยกับโถงวิหารสวรรค์อีกครั้ง

 

พวกเขามองหน้ากันและจากกันไปเงียบๆ

 

ในเมื่อปล่อยแล้วก็ปล่อยพวกเขาวุ่นวายกันไปเถอะ “อยากตายเหรอ ข้าสงเคราะห์ให้….”

 

หยูเฮงน้อยโมโหโดยสมบุูรณ์เมื่อเห็นสายตาเคียดแค้นอำมหิตของนาง มีพลังอันยิ่งใหญ่ที่มองไม่เห็นเกิดเป็นประกายแสงสีทองคละคลุ้งไปทั่วกลายเป็นแส้ฟาดลงไปบนตัวของหยินเฟิ่งอย่างแรง “นังชั่ว นังสารเลว เจ้ากล้าแตะต้องตัวข้าเหรอ เจ้ามันสมควรตาย….”

 

เสียงอันเคียดแค้นและแฝงไว้ด้วยความต้องการฆ่าดังก้องอยู่ในโถงวิหารสวรรค์ลูกศิษย์ทุกคนที่ได้ยินเสียงนี้อดตัวสั่นไม่ได้และรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่ทิ่มแทงถึงกระดูก

 

ผู้อาวุโสหนิงที่อยู่ในปราสาทไกลๆเมื่อได้ยินเสียงนี้ก็ตัวสั่นไปวูบหนึ่ง คนทั้งคนเหมือนจะแก่ลงไปเยอะ สายตาล่องลอยไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ “เอาแต่ใจ เอาแต่ใจเกินไปแล้ว เห้อ….”

 

เจ้าโถงวิหารสวรรค์ที่ยังอยู่ในโถงหลักอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าและอุทานเบาๆ บอกตามตรง เหล่าปีศาจเฒ่าอย่างพวกเขาประหลาดใจกันสุดๆ ไม่มีใครคิดเลยว่านิสัยของหยินเฟิ่งจะจองหองหยิ่งผยองได้ขนาดนี้ แล้วยังไม่แยกแยะผิดชอบชั่วดี พฤติกรรมเป็นที่น่าปวดใจ

 

ท่ามกลางการจ้องมองอย่างตกตะลึงของเหล่าลูกศิษย์โถงวิหารสวรรค์พริบตาเดียวหยินเฟิ่งก็กลายเป็นแสงสีแดงกระโจนใส่หยูเฮงน้อย “เจ้าสิรนหาที่ตาย…..” นัยน์ตาของหยูเฮงน้อยมีประกายเย็นยะเยือกแผ่พุ่งออกมา เผชิญกับการจู่โจมของอีกฝ่ายอย่างไม่ใส่ใจ “ตู้มม….”

—————————–