TQF:บทที่ 747 อวสาน (15)
เมื่อได้เห็นคนคุ้นเคยทุกคนก็ยิ่งฮึกเหิมเข้าไปใหญ่ แม้แต่เหล่าปีศาจเฒ่าแห่งโถงวิหารสวรรค์ยังถูกภาพนี้ดึงดูดเอาไว้ ขณะเดียวกันพวกเขาก็ดูออกว่าคนพวกนี้วิทยายุทธต่ำจนน่าสงสาร แต่ก็ยังต้านทานการบุกรุกและการทำลายล้างประชากรของพวกนอกรีตไว้
พวกนอกรีตนับหมื่นปรากฏขึ้นในภาพยั้วเยี้ย เกิดเป็นความมืด กลิ่นไอมารฟุ้งไปทั่วราวกับเมฆครึ้ม พลังลมปราณอันดุร้ายและรุนแรงพุ่งทะยานสู่ฟ้า เสียงคำรามอันโหดเหี้ยมและน่ากลัวดังขึ้นไม่หยุด แม้แต่พสุธายังต้องสะเทือน
เหล่าผู้อาวุโสสู้กับพวกนอกรีตด้วยพลังของตัวเอง สถานการณ์ทั้ง 2 ฝ่ายเริ่มตึงขึ้นเรื่อยๆ เรียกได้ว่าโหดร้ายอย่างมาก ทั้งโจมตีและป้องกัน สู้กันจนยากจะแยกออกจากกัน ขอแค่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฝืนไว้ไม่ไหวก็จะถูกสับจนเละเป็นชิ้นๆได้ทุกเมื่อ ซึ่งก็คือจบด้วยการชะตาถึงฆาต
คนของโถงวิหารสวรรค์แม้จะไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้อันโหดร้ายนี้ แต่เมื่อเห็นศึกใหญ่ของธรรมมะและอธรรมก็ทำให้พวกเขาเลือดร้อนได้ แค้นที่ไม่สามารถลงมือกำจัดพวกนอกรีตที่บุกเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
นาทีนั้นภาพก็เปลี่ยนไปเป็นภาพที่หยินเฟิ่งใช้กริชตัดผ่านมิติทะลุมายังแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์จงหยวน จากนั้นเป็นพฤติกรรมการตามหาโม่ซวนซุนของนาง เมื่อเห็นมาถึงตรงนี้สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่หยินเฟิ่ง
ส่วนหยินเฟิ่งที่เห็นร่างตัวเองก็ตัวสั่นขึ้นมา สีหน้าซีดเผือดและแฝงด้วยอารมณ์หลากหลาย แอบนึกเสียใจอยู่ในใจ
ไม่นานนักสายตาของทุกคนก็ทอดไปยังภาพนั้นอีกครั้ง ครั้งนี้กลายเป็นภาพเข่นฆ่าอันโหดร้ายอีกครั้ง คอของผู้ฝึกฝนวิทยายุทธคนหนึ่งถูกผีดิบกัดไว้แน่น เขาร้องครวญครางออกมาอย่างน่าอนาถ
เสียงของเขาหายวูบไป เขาที่ถูกดูดเลือดไปจนหมดตัวกลายเป็นศพที่เหือดแห้ง จากนั้นผีดิบก็หักคอเขาและเตะร่างเขาร่วงลงจากฟ้า
ฉากแบบนี้เกิดขึ้นไม่หยุด พื้นด้านล่างมีศพทุกรูปแบบ ส่วนเฉิงเสี่ยวเสี่ยวและโม่ซวนซุนร่วมมือกันเกิดเป็นพลังที่สะท้านฟ้าดิน ยิ่งใหญ่กว่าภูเขาและมหาสมุทร เป็นที่สะเทือนไปทั้งแผ่นดิน มีแสงสีเงินสว่างวาบออกมา พวกนอกรีตและผีดิบตัวระเบิดตายทันทีที่สัมผัส ไม่เหลือแม้แต่ซาก ฝนเลือดกระจายไปทั่วฟ้า ซากแขนขากระเด็นกระดอนไปทั่ว แต่ไม่ว่าจะเป็นพวกนอกรีตหรือผีดิบยังพุ่งเข้ามากันไม่หยุด ต่อให้ต้องจบด้วยการไม่เหลือชีวิตพวกเขาก็ไม่สน
อนาถา!
เมื่อดูมาถึงฉากนี้ทุกคนต่างมีคำนี้เด้งเข้ามาในหัว มีความคับแค้นและเลือดร้อนเกิดขึ้นในใจของทุกคนอีกครั้งจนแทบอยากจะหายตัวเข้าไปในภาพเหล่านี้แล้วลงมือปลิดชีพพวกนอกรีตอันชั่วร้ายนี่ซะ
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ศพที่กองด้านล่างก็มากขึ้นเรื่อยๆจนเป็นภูเขา เลือดไหลนองเป็นลำธาร
ขณะนั้น มีร่างสีแดงร่างหนึ่งปรากฏขึ้นจากกลางอากาศในภาพ ตาคู่สวยมองลงไปยังภาพสงครามด้านล่าง
ทุกคนจำได้หมดว่าคนๆนี้คือใคร นางปรากฏตัวออกมาแต่ไม่ได้ยื่นมือเข้าไปช่วยแต่อย่างใด กลับยืนมองผู้คนที่สู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายอย่างสูงส่งราวกับนางเป็นแค่คนนอกเหมือนอย่างทุกคนในตอนนี้เท่านั้น
นางทำเหมือนแค่ดูละครอยู่เท่านั้น
สีหน้าของผู้คนในโถงวิหารสวรรค์ไม่สู้ดีนัก สายตาที่แฝงไปด้วยอารมณ์หลายๆอย่างทอดไปยังหยินเฟิ่ง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทุกสายตาแฝงไปด้วยการตำหนิอย่างมากมาย
นางเป็นถึงผู้ได้รับสืบทอดของโถงวิหารสวรรค์เมื่อได้อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้้ด้วยตัวเองกลับนิ่งเฉยไม่รู้สึกรู้สา พวกเขารับไม่ได้จริงๆ แค่มองในภาพพวกเขาก็แทบอยากจะพุ่งเข้าไปยื่นมือช่วยเหลือ แต่นางอยู่ที่นั่นด้วยตัวเองกลับแค่มองดูเฉยๆ
อย่าว่าแต่คนอื่นๆไม่พอใจเลย ต่อให้เป็นผู้อาวุโสหนิงที่ปกป้องนางมาตลอดยังรู้สึกไม่สบายใจ เขาไม่เคยรู้เลยว่าลูกศิษย์ที่ว่านอนสอนง่ายของเขาจะเลือดเย็นไร้ความเห็นใจได้ขนาดนี้
ขณะนั้นศึกในภาพได้ดำเนินมาถึงตอนสุดท้ายแล้ว ตาเฒ่าที่อยู่จุดสูงสุดของระดับราชาแห่งบู๊หลายร้อยคนร่วมมือกันโจมตี
“ตู้มมม….”
พายุพัดโหมไปทั้งฟ้า ทุกคนยังไม่ทันได้ตั้งตัว พลังหยวนในฟ้าดินโกลาหลเกิดเป็นคลื่นยักษ์ใหญ่ พลังลมปราณอันแข็งแกร่งห่างจากผู้คนแค่ไม่กี่พันนิ้วเท่านั้น พลังถล่มทลายจนไม่มีใครต้านทานได้ไหว แม้แต่เหล่าผู้คนที่แค่ดูอยู่ยังรู้สึกถึงความกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
สำหรับพวกผู้ฝึกฝนวิทยายุทธที่ระดับต่ำแล้ว นี่ถือเป็นการโจมตีที่ถึงแก่ชีวิต
ในขณะที่ทุกคนกำลังตะลึงอยู่โม่ซวนซุนสะบัดแขน ห่อหุ้มเฉิงเสี่ยวเสี่ยวไว้ด้วยพลังวิญญาณและส่งออกไปให้ไกลจากสถานที่ๆสู้กันอยู่เพื่อไม่ให้นางต้องเสี่ยงอันตราย
เขาใช้พลังทั้งหมด มีร่างที่ส่องแสงสีทองและสวมชุดจักรพรรดิ์ที่เหล่าปีศาจเฒ่ารู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดีออกจากตัว เข้าประจัญบานกับเทพนอกรีตสีดำมโหฬารอันโหดร้ายทารุณด้านหลังพวกนอกรีต เกิดเป็นเมฆดำและเพลิงขาวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ขณะเดียวกันฝนเลือดก็สาดลงมา ร่างของพวกนอกรีตและผีดิบร่วงหล่นจากฟ้าราวกับก้อนหิน
เทพนอกรีตกระเด็นออกไป 10 กว่าเมตรหลังโดนโจมตีอย่างรุนแรง ร่างบางเบาลงเรื่อยๆ ก่อนจะระเบิดออก เงาดำบางเบาค่อยๆหายไปจากใต้หล้า
ชนะแล้ว
เหล่าลูกศิษย์โถงวิหารสวรรค์ที่ยืนอยู่ไม่ไกลร้องไชโยขึ้นอย่างอดไม่ได้ พวกเขาดีใจแทนโม่ซวนซุนจริงๆ เขาเปลี่ยนชะตาทั้งมวลไปด้วยแรงตัวเองเพียงลำพัง แม้จะได้รับบาดเจ็บแต่ก็ทำลายเทพนอกรีตอันชั่วร้ายลงได้
เหล่าปีศาจเฒ่าเบาใจลงได้ในขณะนี้ หน้าที่บึ้งตึงอยู่เมื่อกี้ก็ค่อยๆผ่อนคลายลง
เพียงแต่….
นาทีต่อมาผู้หญิงชุดแดงที่พวกเขาคุ้นเคยปรากฏตัวและลงมือ นางสกัดโม่ซวนซุนที่ไม่ยังฟื้นตัวไว้ทันที และห่อหุ้มเขาไว้ด้วยพลังเซียน
เมื่อได้เห็นภาพนี้ทุกคนก็มีสีหน้านิ่งไป เหล่าลูกศิษย์อึ้งแทบไม่อยากจะเชื่อภาพตรงหน้าที่ตัวเองเห็น บทสนทนาของ 2 สาวในภาพก็ดังขึ้น
“เขาเป็นสามีของข้า ปล่อยเขาไป” หญิงสาวชุดขาวในภาพโทรมๆไปบ้างเพราะผ่านศึกมา เฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่เพิ่งปรากฏตัวที่โถงวิหารสวรรค์นั่นเอง ทุกคนมองปาดเดียวก็รู้
ผู้หญิงชุดแดงที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศมองด้วยสายตาเย่อหยิ่ง เสียงเย็นชาดังก้องไปทั่วฟ้าดิน “เขาไม่ใช่ของเจ้า เพราะเจ้าไม่คู่ควร”
“ทำไม”
“พวกเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า อย่าหาเรื่องใส่ตัวจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นข้าไม่คิดมากที่จะล้างบางพวกเจ้าหรอกนะ” ผู้หญิงชุดแดงกวาดตามองผู้คนที่จะเข้ามาช่วยด้วยสายตาเย็นชาและน้ำเสียงไม่ยี่หระ
ใบหน้าเลอโฉมของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวมีแววหยิ่งทะนง “คู่ควรหรือไม่เจ้าไม่มีสิทธิ์จะพูด เขาเป็นสามีของข้า นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้” “คุณหนู จะมัวพูดไร้สาระกับนางอยู่ทำไม ช่วยท่านเขยออกมาก่อน”
หยูเฮงน้อยที่ทุกคนคุ้นเคยปรากฏตัวออกมา นางถือเถาวัลย์สีเขียวขจีเอาไว้และฟาดลงไปที่ฟองอากาศของโม่ซวนซุน แต่กลับเจอเกราะป้องกันที่มองไม่เห็นขวางเอาไว้ จึงไม่สามารถฉีกฟองอากาศออกได้อย่างที่คิดไว้
โม่ซวนซุนที่ถูกห่อหุ้มไว้ก็พยายามจู่โจมใส่ฟองอากาศ ผู้หญิงชุดแดงด้านนอกนั่นแผ่พลังเซียนมหาศาลออกมาถล่มใส่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อย
โดยเฉพาะหยูเฮงน้อยที่นางไม่ออมมือสักนิดจนเกือบจะทำลายนางไป
เมื่อเห็นภาพนี้ทุกคนในโถงวิหารสวรรค์เงียบไป โดยเฉพาะผู้อาวุโสหนิงที่ปกป้องลูกศิษย์ตัวเองสุดฤทธิ์สุดเดชมาตลอดเหมือนถูกโจมตีอย่างหนัก มองลูกศิษย์ตัวเองด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ราวกับกำลังมองคนแปลกหน้าอยู่ คนที่จองหองพองขนขนาดนี้เป็นลูกศิษย์ที่ตัวเองอบรมสั่งสอนมากับมือจริงเหรอ
จากนั้นนางลงมืออีกครั้ง คิดจะฆ่าเฉิงเสี่ยวเสี่ยวทิ้งไปซะ “พลังมดปลวกอย่าคิดจะต่อต้านสวรรค์”
คำพูดเลือดเย็นนี้ทำให้ทุกคนในโถงวิหารสวรรค์รู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่า เสียงที่ดูสูงส่ง มีความกระหายอำนาจแฝงอยู่ในนั้น พูดถึงการฆ่าคนเหมือนแค่การฆ่ามดปลวกเท่านั้น ไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย
———————————-