บทที่ 821 บุปผาโลหิตเบ่งบาน!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

กับดักแห่งความตายนี้ทั้งประหลาดและลึกลับเกินกว่าจะเข้าใจ พลังปราณและจิตสำนึกของหวังเป่าเล่อผสานรวมกันเป็นหนึ่งพร้อมด้วยอำนาจแห่งดาวเคราะห์ ผลลัพธ์ที่ออกมาคือพลังยิ่งใหญ่รุนแรงที่มองไม่เห็น ซึ่งแทรกซึมเข้าสู่ทุกอณูของอากาศ หมายมั่นทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้าให้ราบเป็นหน้ากลอง!

พลังนี้ไม่มีผู้ใดมองเห็นได้ แต่กลับสัมผัสได้โดยใช้สัมผัสสวรรค์ รอบกายของหวังเป่าเล่อไม่มีกำแพงใดกั้นอยู่ แต่ลมพายุรุนแรงกลับหยุดพัดพาทันทีที่พุ่งเข้าใส่ขอบเขตสนามรบที่ชายหนุ่มสร้างขึ้น เมื่อไม่มีลมเข้ามากล้ำกราย เม็ดฝุ่นก็ไม่สามารถลอยเข้ามาและตกลงสู่พื้นดินได้ สนามรบนี้ถูกตัดขาดออกจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง

กลายมาเป็นอีกโลกหนึ่งที่ตั้งอยู่ได้ด้วยตัวของมันเอง!

ลำพังหวังเป่าเล่อเองคงไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ต่อให้โชคเข้าข้างก็ตามที แม้ความต้องการสังหารของเขาและอำนาจพลังเวทจะผสานรวมกันกลายเป็นปราณกังวาน แต่ก็ยังเป็นไปไม่ได้อยู่ดีที่ชายหนุ่มจะทรงพลังมากพอที่จะสร้างโลกจำลองใบนี้ขึ้นมาได้ ทว่า… หน้ากากสุกรที่เขาสวมอยู่นี้ไม่ใช่หน้ากากธรรมดา กับดักสังหารที่วางไว้บวกกับพลังอำมหิตที่ลอยล่องอยู่ในอากาศ…เกิดขึ้นเพราะอำนาจของหน้ากากเป็นส่วนมาก!

หากพลังอำมหิตในอากาศปล่อยความสามารถที่แท้จริงออกมาแล้วละก็ ทั้งสวรรค์และผืนดินคงสั่นสะเทือนไม่เหลือชิ้นดี สีฟ้าของท้องฟ้าคงเหือดแห้งกลายเป็นสีเทา ลมคงกรีดร้องหวีดหวิว และเมฆคงพัดย้อนกลับ ภาพเหล่านั้นคงทำให้ใครก็ตามที่เห็น รู้สึกได้ถึงความตายที่ไม่อาจหลีกหนีไปได้!

ปรมาจารย์แห่งไฟให้ความช่วยเหลือหวังเป่าเล่อตามที่เขาได้ว่าไว้ ความเอื้ออาทรไม่ได้เริ่มแค่ในตอนนี้เท่านั้น แต่มีมาตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาเห็นชายหนุ่ม ในความเป็นจริงแล้ว… ชายชราได้เข้าแทรกแซงสัมผัสสวรรค์ของผู้อาวุโสจากตระกูลไม่รู้สิ้น ทำให้คนผู้นั้นไม่ได้รู้สึกถึงกับดักแห่งความตายที่รออยู่ จนกระทั่งเหยียบเข้าไปในบริเวณนี้ นอกจากนี้ปรมาจารย์แห่งไฟยังทำให้ผู้อาวุโสหลงลืมบางสิ่งที่ไม่ควรจะลืมอีกด้วย

ดวงตาปีศาจขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นเบื้องหลังหวังเป่าเล่อ นัยน์ตาของมันมองจ้องไปที่สนามรบรอบกาย เปลวไฟสีดำลุกโชติช่วงไหลเข้าท่วมสมรภูมิ เปลี่ยนมันให้กลายเป็นทะเลเพลิงทมิฬ ชายหนุ่มทั้งดูประหลาดและน่ากลัวเกินกว่าจะเข้าใจ ราวกับเป็นเทพเจ้าแห่งความตายอย่างไรอย่างนั้น ดอกไม้ที่เลื้อยพันเกี่ยวบนหน้ากากดูเหมือนมีชีวิตขึ้นมา กลีบแต่ละกลีบค่อยๆ บานออกตามธรรมชาติ!

บุปผาโลหิตคลี่แย้มเบ่งบาน หวังเป่าเล่อยืนอยู่ตรงนั้นเฝ้ารอการมาเยือนของศัตรู อาวุธทุกอย่างที่มีถูกเตรียมการไว้ต่อกรเป็นที่เรียบร้อย กระบวนเวทและเคล็ดเวททั้งหมดเตรียมระเบิดใส่คู่ต่อสู้… อากาศว่างเปล่าพลันบิดเบี้ยวเหนือพื้นที่โล่งแจ้งราวสามสิบเมตรรอบกาย จู่ๆ ผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นปลาย ผู้บัญชาการแห่งกองทหารของตระกูลไม่รู้สิ้นก็กระโจนออกจากพายุหมุนเบื้องหน้า

ใบหน้าของเขาโผล่ออกจากพายุหมุนก่อน ตามมาด้วยร่างกายที่เหลือ โครงร่างทั้งหมดค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ก้าวขาออกจากพายุเตรียมโจมตีคู่ต่อสู้!

ทุกสิ่งเกิดขึ้นในพริบตา ตั้งแต่ห้วงอากาศที่เริ่มบิดเบี้ยวจนกระทั่งผู้อาวุโสจากตระกูลไม่รู้สิ้นปรากฏตัวขึ้น

ด้วยความที่มีพลังปราณขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นปลาย ชายชราเองจึงมีกลเม็ดซ่อนไว้มากมายเช่นกัน ก่อนที่เท้าของเขาจะเหยียบลงบนพื้นดิน ดวงตาก็พลันเบิกกว้าง เขาสังเกตเห็นหวังเป่าเล่อที่ดูประหลาดเหลือ เบื้องหลังชายหนุ่มมีดวงตาสีดำขนาดยักษ์ลอยอยู่ รอบกายมีเปลวไฟสีดำเผาไหม้โชติช่วงราวไฟอเวจี รวมถึงดอกไม้หน้าตาน่ากลัวส่องประกายอยู่บนใบหน้าของชายหนุ่ม ทุกสิ่งที่ผู้อาวุโสจากตระกูลไม่รู้สิ้นเห็น ล้วนทำให้หัวใจของเขาเต้นระส่ำอย่างควบคุมไม่ได้

ในตอนนั้นเองที่ความรู้สึกถึงภัยอันตรายใหญ่หลวงระเบิดขึ้นในจิตใจของชายชรา ราวกับสวรรค์ได้ถล่มลงทับกาย และปฐพียกตัวสูงขึ้นบีบอัดให้ร่างของเขากลายเป็นเพียงเศษซากท่ามกลางความกดดัน เหมือนมีฝ่ามือสองข้างที่ตบเข้าหากัน และบีบอัดร่างกายของเขาอย่างรวดเร็วด้วยเสียงอันดัง

หัวใจของผู้อาวุโสเต้นไม่เป็นจังหวะ ความกลัวและความกระวนกระวายวาบผ่านใบหน้า ชายชราไม่อยากเชื่อเลยว่านี่คือเรื่องจริง สัมผัสสวรรค์บอกเขาว่าควรออกจากที่แห่งนี้โดยเร็ว แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจที่สุด คือความจริงที่ว่าก่อนหน้านี้เขาไม่ได้รู้สึกถึงอันตรายร้ายแรงนี้เลยแม้แต่นิด

มีคนเข้าแทรกแซงสัมผัสสวรรค์ของข้าและควบคุมจิตใจข้าให้ไม่รู้สึกตัว ข้าลืมไปเสียสนิท…ว่าภายใต้หน้ากากของผู้มาจุติมีคำสาปซุกซ่อนอยู่!

ความรู้สึกถึงอันตรายใหญ่หลวงเข้าเกาะกุมจิตใจของชายชรา หัวใจเต้นรัวขณะร่างถอยหนีไปด้านหลัง แต่ก็สายเกินแก้ไปเสียแล้ว ดวงตาของหวังเป่าเล่อสว่างวาบด้วยรอยเย็นเยียบ ทันทีที่เห็นผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นปลายปรากฏตัวขึ้นในกับดักที่ตนเองสร้างไว้ บุปผาโลหิตบนใบหน้าของชายหนุ่มก็พลันระเบิด!

“ดวงเนตรปีศาจ จงรีดเอาความเจ็บปวดของเขาออกมา!” ชายหนุ่มตะโกนก้อง ท้องฟ้าและพื้นดินสั่นสะเทือน ลมเริ่มพัดโหมกระหน่ำ เมฆเดือดพล่านอยู่บนท้องฟ้า ดวงตาสีดำขนาดยักษ์เบื้องหลังหวังเป่าเล่อที่ปิดอยู่ก่อนหน้านี้… พลันลืมตาตื่นโดยไม่ทันตั้งตัว!

เสียงคำรามเงียบเชียบสะท้อนสะเทือนไปในอากาศ ภาพเงาของผู้อาวุโสปรากฏขึ้นบนนัยน์ตาสีดำวาววับ ชายผู้เป็นเป้าหมายรู้สึกถึงสายฟ้านับแสนนับล้านที่ระเบิดอยู่ในศีรษะ

ชายชราตกใจกลัวเป็นอย่างมาก ร่างของเขาสั่นเทิ้ม…ถูกตรึงไว้กับพลังที่มองไม่เห็น ตัวขยับไปไหนไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว!

แต่ยังไม่จบเพียงเท่านั้น

ชายชรายืนอยู่ตรงนั้นไม่ไหวติง จิตใจถูกครอบงำด้วยความกลัว ความเจ็บปวดแสนสาหัสลามขึ้นมาที่ฝ่ามือขวาที่ถูกหวังเป่าเล่อสาปไว้ก่อนหน้านี้ แต่ได้รับการเยียวยาจนหายดีแล้วหลังจากการต่อสู้ ทว่าตอนนี้…เขากลับรู้สึกราวกับว่าความเจ็บปวดนั้นถูกดึงขึ้นมาสู่เส้นประสาทอีกครั้ง

นี่ไม่ใช่อำนาจซึ่งเป็นแก่นของวิชาดวงเนตรปีศาจ แต่เป็นหนึ่งในกระบวนเวทที่ทำให้ร่างกายของคู่ต่อสู้ได้รับผลกระทบ ดวงเนตรปีศาจดึงเอาอาการบาดเจ็บที่ถูกกดไว้และยังไม่หายดีให้เผยโฉมขึ้นมาอีกครั้ง!

“บัดซบสิ้นดี!” สีหน้าของผู้อาวุโสจากตระกูลไม่รู้สิ้นเต็มไปด้วยความทรมานและโทสะ เขาระเบิดพลังปราณของตนเองออกมา หมายปลดปล่อยร่างกายออกจากพันธนาการ ความรู้สึกถึงอันตรายใหญ่หลวงที่ครอบงำจิตใจมาตลอดนั้นค่อยๆ ทวีความรุนแรงขึ้นอีก ทำให้ชายชรากระวนกระวายใจหนักจนทำตัวไม่ถูกอีกต่อไป

ด้วยความแตกต่างด้านพลังปราณที่มากเกินไปของคนทั้งสอง วิชานี้จึงทำให้ผู้อาวุโสแน่นิ่งอยู่ได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น กระนั้น…หวังเป่าเล่อก็ยินยอมพร้อมใจที่จะสู้จนตัวตาย ชายหนุ่มกู่ร้อง เส้นเลือดปูดโปนออกจากพื้นผิวของดวงตาปีศาจที่อยู่เบื้องหลัง ดวงตาสีดำขนาดยักษ์ปลดปล่อยพลังทั้งหมดที่ตนเองมี เพื่อตรึงคู่ต่อสู้ให้นิ่งอยู่กับที่!

ขณะที่ผู้อาวุโสจากตระกูลไม่รู้สิ้นกำลังต่อสู้ดิ้นรนเพื่อให้ตนเองเป็นอิสระอยู่นั้น หวังเป่าเล่อก็ฟาดมือขวาไปในอากาศ ก่อนจะชี้ไปที่ท้องฟ้าโดยไม่ลังเล

“เปลวไฟสีดำจงดูดพิษทั้งหมดออกไป!”

ทะเลเพลิงสีนิลรอบกายพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า คลื่นพลังโกรธเกรี้ยวเริ่มปั่นป่วนหมุนวนรอบกายผู้อาวุโสและแปรเปลี่ยนเป็นพายุคลั่ง ราวกับกำลังเฝ้าดูมังกรบินม้วนตัวขึ้นสู่อากาศเบื้องบน พร้อมทั้งเปิดปากคำรามพ่นเปลวไฟสีดำออกมา เปลวไฟนั้นดูทรงพลังเสียจนทำลายทุกสิ่งให้กลายเป็นเถ้าธุลีได้!

ด้วยขั้นปราณของหวังเป่าเล่อ เปลวไฟสีดำของเขาจึงยังไม่ทรงพลังมากพอที่จะฆ่าผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นปลายได้ แต่เปลวไฟสีดำที่ก่อเกิดมาจากพลังแห่งความตายก็ยังถือเป็นหัวใจหลักในการโจมตีของเขา พิษร้ายนี้คล้ายคลึงกับพิษที่อาบอยู่บนกริชสีดำของหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มจงใจหลอมรวมเปลวไฟสีดำเข้ากับกริชสีดำซึ่งร่างอวตารของเขาใช้ทำร้ายผู้อาวุโส

เปลวไฟสีดำที่ระเบิดออกมา ปลุกอำนาจของพิษร้ายที่ผู้ฝึกตนจากตระกูลไม่รู้สิ้นพยายามกดไว้มาตลอด!

พิษร้ายที่สำแดงพลังอยู่ในร่างกายทำให้ผิวของผู้อาวุโสกลายเป็นเส้นสีดำ เส้นสีดำเหล่านี้เต้นเร่าราวมีชีวิต พวกมันชอนไชอยู่ใต้ผิวหนังของเขา ทำให้เลือดและเนื้อเริ่มเน่าเฟะ เนื้อเน่าค่อยๆ กินวงกว้างภายในกาย หลายจุดบนร่างของผู้อาวุโสที่เคยถูกพิษนี้เข้าไปเริ่มรวมกันเป็นหนึ่งเดียว จนกลายเป็นผนึกพิษร้าย!

“ไม่นะ!” ความตกใจและความกลัววาบเข้ามาบนใบหน้าของผู้อาวุโสจากตระกูลไม่รู้สิ้น ความรู้สึกถึงอันตรายอันหาที่สุดไม่ได้ระเบิดโพละอยู่ในหัว ทุกอณูในร่างกายของเขากำลังกรีดร้อง บอกเตือนให้เจ้าของร่างรีบพาตนเองหนีออกไปจากที่แห่งนี้โดยเร็ว เพราะหากไม่ทำเช่นนั้น…ก็คงหนีไม่พ้นความตายอย่างแน่นอน!

สัญญาณแห่งชีวิตที่ดับสูญนี้ไม่ได้มาจากความเจ็บปวดรุนแรงตรงมือขวา หรือพิษร้ายที่กำลังย่อยสลายเส้นเลือดของเขา หากแต่มาจาก…หน้ากากต้องคำสาปเบื้องหน้าและบุปผาโลหิตที่กำลังส่องประกายระยิบระยับอยู่บนหน้ากาก!

“ข้าไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก!” ผู้อาวุโสกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง เขาพยายามดิ้นหนี ศีรษะที่เหลือทั้งสองและแขนทั้งสี่ระเบิดออกจากร่างกาย เพื่อปลดปล่อยร่างที่แท้จริงให้โลกได้รับรู้!

แต่ก็…ไม่มีประโยชน์!

“ปลดปล่อยคำสาป!” หวังเป่าเล่อเงยหน้าขึ้นฉับพลัน ดวงตาวาวโรจน์ด้วยความอาฆาตมาดร้าย ชายหนุ่มคำรามพร้อมส่งพลังเทพที่จะเปลี่ยนผลลัพธ์ของการต่อสู้ครั้งนี้จากหน้ามือเป็นหลังมือออกจากกาย!

ดอกไม้สีเลือดบนหน้ากากแตกสลาย กลายร่างเป็นเส้นด้ายสีเลือดมากมายที่พุ่งเข้าใส่ผู้อาวุโสขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นปลายด้วยความเร็วเหลือเชื่อ กระจุกเส้นเลือดมาปรากฏเบื้องหน้าเขาในทันที ก่อนรวมร่างกลายเป็นดอกไม้อีกครั้ง และประทับตราลงบน…ใบหน้าของผู้อาวุโสผู้นั้น!

คำสาประเบิดแล้ว!

 …………………………………