ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อ ผู้คนเริ่มมารวมตัวกันที่ด้านนอกของลานเล็กๆแห่งนี้ พวกเขาเพียงยืนนิ่งเงียบอยู่ตรงนั้น ไม่มีผู้ใดเอ่ยปากกล่าววาจา พวกเขาต่างก็รู้สึกเศร้าโศกกับการจากไปของผู้พิทักษ์ในตำนาน พรึ่บ! เกิดเสียงการสั่นไหวของมิติขึ้นอย่างแผ่วเบา เงาร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเซียวอวี๋ เซียวอวี๋ไม่จำเป็นต้องหันกลับไปมองก็ทราบได้ว่าเป็นผู้ใด ผู้มาเป็นธีโอดอร์เอง ธีโอดอร์ยกมือปลดหมวกทรงแหลมบนศีรษะลงก่อนจะยืนนิ่งเงียบอยู่เช่นนั้น ไม่นาน มิติก็เกิดการผันผวนอีกครั้งก่อนที่ชายชราผมขาวจะปรากฏตัวออกมา เขากวาดมองลานเล็กๆที่ปกคลุมไปด้วยอนูวิญญาณของเอกวินน์ก่อนจะปลดหมวกบนศีรษะลงมาไว้แนบอกเพื่อแสดงความไว้อาลัย เซียวอวี๋หันไปมองอย่างตกตะลึง กลิ่นอายของคนผู้นี้ไม่ด้อยไปกว่าธีโอดอร์เลย ดูเหมือนว่าคนผู้นี้จะเป็นหนึ่งในสามตัวตนที่เข้าใกล้ตัวตนขั้นที่เจ็ดมากที่สุดในทวีป หลังจากนั้นไม่ถึงห้านาที มิติก็เกิดการผันผวนขึ้นอีกครั้ง ผู้มานี้ก็มีกลิ่นอายเหมือนกับธีโอดอร์ ชายชราผู้นี้ไม่ได้เอ่ยปากทักทายผู้ใด เขาปรากฏตัวอย่างเงียบๆก่อนจะพึมพำบางอย่าง เกิดละอองเวทขึ้นในอากาศก่อนจะลอยไปปกป้องละอองแสงอันอบอุ่นที่ลอยอยู่ในลาน จากนั้นชายชราคนนั้นก็ถอยกลับไปยืนที่ด้านข้างของธีโอดอร์และชายชราคนก่อนหน้าอย่างเงียบงัน สามวันหลังจากนั้น รูปปั้นขนาดใหญ่ก็ตั้งอยู่กลางลานนั้น ขณะที่เปล่งละอองแสงอ่อนๆออกมา กล่าวได้ว่ารูปปั้นที่ตั้งอยู่นี้ถูกสร้างขึ้นจากวัตถุดิบที่ดีที่สุดเท่าที่จะจัดหาได้จากทวีปนี้แล้ว กระทั่งรูปปั้นของอูเธอร์ที่ผู้คนกราบไหว้บูชาก้ยังไม่ทรงคุณค่าถึงเพียงนี้ หลังจากสร้างรูปปั้นเสร็จ ฮิกกิ้นก็กระอักโลหิตออกมาคำใหญ่ ตัวเขาเหน็ดเหนื่อยอย่างมากเพื่อสร้างรูปปั้นของเอกวินน์ให้สมบูรณ์แบบ ตลอดสามวันมานี้เขาจัดสร้างอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่เขาจะเหนื่อยล้าทั้งกายใจ “อาจารย์ฮิกกิ้น ลำบากท่านแล้ว” เซียวอวี๋โค้งตัวให้ฮิกกิ้น แต่ฮิกกิ้นไม่สนใจ เขาเพียงจ้องมองรูปปั้นพลางส่ายศีรษะ “ยังมีบางส่วนที่ขาดไป แม้มันจะดูสมบูรณ์แบบอย่างไร้ที่ติ กระนั้นกลับยังคงขาดซึ่ง’แก่นแท้’” “อะไรคือ ‘แก่นแท้’ ?” เซียวอวี๋เอ่ยปากถาม “กลิ่นอาย! ท่านเอกวินน์นั้นเป็นมหาจอมเวทย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แล้วนางจะไม่มีกลิ่นอายอยุ่รอบกายได้อย่างไร แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่อาจจัดสร้าง ข้าไม่แข็งแกร่งพอ ข้าไม่อาจอัดเวทมนตร์เข้าไปเพื่อให้รูปปั้นสมบูรณ์แบบ” ฮิกกิ้นกล่าวอย่างเลื่อนลอย “ให้พวงกเราจัดการเรื่องนั้นเอง!” ทันใดนั้น ธีโอดอร์และจ้าวมนตราอีกสองคนก็เสนอตัว ธีโอดอร์หันไปผงกศีรษะกับชายชราอีกสองคนและเริ่มท่องคาถา วงเวทพลันลอยออกมาจากร่างของทั้งสาม แม้ว่ามันจะเป็นวงเวทที่เรียบง่ายอย่างที่สุด กระนั้นมันกลับมีพลังอานุภาพสุดหยั่งอยู่ภายใน ทุกคนอดก้าวที่จะถอยห่างออกมาไม่ได้ พวกเขาไม่อาจทนทานกับกลิ่นอายและพลังอำนาจที่มันเปล่งออกมา การรวมกันของจ้าวมนตราทั้งสามนั้นเหนือล้ำขอบเขตขั้นที่เจ็ดอย่างสิ้นเชิง หากไม่ระวังให้ดี เมืองไลอ้อนก็อาจจะหายไปในพริบตา อย่างไรก็ตาม จ้าวมนตราทั้งสามค่อยๆถ่ายทอดพลังเวทมนตร์เข้าไปในรูปปั้น พวกเขาพยายามรีดเค้นเวทมนตร์ออกมาโดยปราศจากความลังเล ผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง จ้าวมนตราทั้งสามก็หยุดมือ ในเวลานี้ รูปปั้นของเอกิวนน์ปลดปล่อยกลิ่นอายเวทมนตร์อันทรงพลังออกมาอย่างเข้มข้นราวกับกลิ่นอายของจ้าวมังกร กลิ่นอายที่ปลกปล่อยออกมานี้ทำให้ผู้ที่มองดูอยู่พลันสูดหายใจอย่างหนาวเหน็บ “ในที่สุด! ในที่สุดมันก็สมบูรณ์! ท่านเอกวินน์จริงๆ ท่านผู้ยิ่งใหญ่เอกวินน์!…..” ฮิกกิ้นทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นพลางจ้องมองรูปปั้นที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายเวทมนตร์อันทรงพลัง เขาหลั่งน้ำตาพลางหัวเราะราวกับคนเสียสติ “ลำบากผู้อาวุโสทั้งสามท่านแล้ว” เซียวอวี๋กล่าวก่อนจะก้าวออกไปและยื่นน้ำยาฟื้นฟูมานาระดับสูงหนึ่งร้อยขวดให้แต่ละคน น้ำยาฟื้นฟูมานาระดับสูงนี้เซียวอวี่มีอยู่ไม่มากนัก กระนั้นเขาก็ยังคงไม่ลังเลที่จะมอบออกมาเพื่อเป็นการขอบคุณจ้าวมนตราทั้งสาม ชายชราทั้งสามพยักหน้ารับก่อนจะดื่มน้ำยาฟื้นฟูมานา หลังจา่กนั้นไม่กี่ชั่วโมง ทุกคนที่มาล้อมวงดูรูปปั้นของเอกวินน์ก็เริ่มพูดคุยกัน “ในวันพรุ่งนี้ ใช้เวทมนตร์เพื่อส่งสารไปยังสถาบันเวทมนตร์ทุกแห่งให้ไว้อาลัยต่อท่านเอกวินน์…” ธีโอดอร์กล่าว “นับจากนี้ ในวันพรุ่งนี้ของทุกปีจะเป็นวันรำลึกของผู้ใช้มนตรา เพื่อเป็นการระลึกถึงท่านมหาจอมเวทย์เอกวินน์” ชายชราอีกครั้งกล่าวเสริม ด้วยเหตุนั้น จอมมนตราหลายคนต่างก้ช่วยกันเขียนจดหมายเวทมนตร์และส่งไปยังสถาบันเวทมนตร์ทุกแห่งเพื่อให้สถาบันเหล่านั้นช่วยกันแจ้งต่อผู้ใช้มนตราทุกคนบนทวีป ในวันนั้น ผู้ใช้มนตราจากทั่วทุกสารทิศต่างหันมาทางเมืองไลอ้อนเพื่อไว้อาลัยก่อนที่ทุกคนจะยิงเวทมนตร์และสร้างสัญญลักษณ์ขึ้นบนฟ้าเพื่อเป็นการรำลึกถึงเอกวินน์ เซียวอวี๋พยักหน้าและเริ่มจัดเตรียมงานรำลึกให้กับเอกวินน์ในพรุ่งนี้ ในวันถัดมา ทั่วทั้งดินแดนไลอ้อนล้วนประดับไว้ด้วยผ้าดำ เมืองทุกเมืองต่างชักธงดำขึ้นเสา ผู้คนมากมายเดินทางมายังเมืองไลอ้อนเพื่อไว้อาลัย นักผจญภัยทั้งหมดต่างก็ผลัดกันมาไว้อาลัยลงวางดอกไม้ เซียวอวี๋สั่งให้สถานบันเทิงทั้งหมดหยุดทำการเป็นเวลาสามวันให้พวกนักผจญภัยทั้งหมดพักและกินอยู่ฟรี ในวันนี้ ทั่วทั้งทวีปต่างก็เต็มไปด้วยบรรยากาสเศร้าหมอง เมื่อจ้าวมนตราทั้งสามปลดปล่อยเวทมนตร์สร้างคำกล่าวภาวนาขึ้นที่บนฟ้าเหนือเมืองไลอ้อน ผู้ใช้มนตราทุกคนในทวีปก็สามารถได้ยินคำภาวนานั้น ท้องฟ้าปรากฏภาพรูปปั้นของเอกวินน์ขึ้น ขอเพียงใช้เวทมนตร์ได้เล็กน้อย คนผู้นั้นย่อมสามารถมองเห็นภาพรูปปั้นที่สร้างจากเวทมนตร์นี้ การกระทำเช่นนี้ต้องใช้เวทมนตร์อย่างมหาศาล กระนั้นจ้าวมนตราทั้งสามก็ไม่ลังเลที่จะทำ แม้การกระทำนี้จะลดอายุขัยของทั้งสามไปสิบปีก็ตาม พวกเขาเพียงต้องการแสดงความเคารพต่อเอกวินน์ มหาจอมเวทย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แม้นางจะจากไปแล้ว แต่นามของนางจะถูกเล่าขานสืบต่อไปตราบนานเท่านาน……