ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล


เซียวอวี๋ไม่ลืมที่จะเชิญจ้าวมนตราทั้งสามไปยังโถงประชุมเพื่อพูดคุย ต้องทราบว่าทั้งสามเป็นถึงผู้ใช้มนตราที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปเชียวนะ! เพียงหนึ่งในสามคนนี้ไปถึงที่ใดย่อมสามารถสร้างแรงกระเพื่อมใหญ่โต ตอนนี้พวกเขามารวมกันอยู่ที่เมืองไลอ้อน หากไม่ใช่เพราะเรื่องของเอกวินน์ เรื่องเช่นนี้คงไม่มีวันเกิดขึ้นได้ ความเศร้าโศกชักนำผู้คนมารวมกัน พวกเขามาที่นี่เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อเอกวินน์ เมื่อเซียวอวี๋นำผู้อาวุโสทั้งสามไป นิโคลัสย่อมไม่ยอมพลาดโอกาสและติดตามไปยังห้องโถง หลินมู่เสวี่ยหลังได้สืบทอดพลังของเอกวินน์ก็แทบไม่ได้ด้อยไปกว่าชายชราทั้งสามเลย ต้องทราบว่าการสืบทอดพลังครั้งนี้สำคัญยิ่ง มรดกนี้เป็นถึงมรดกพลังของเอกวินน์ผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าผู้ใดต่างก็ใฝ่ฝันจะครอบครอง เซียวอวี๋ย่อมไม่ต้องการให้ผู้ใดมารบกวน ดังนั้นจึงจัดวางกำลังเอาไว้โดยรอบ “ธีโอดอร์ เจ้านี่มันจริงๆเลย ได้รับประโยชน์มากมายกลับอุบเงียบไว้คนเดียว” ชายชราในชุดคลุมสีขาวที่ดูสูงส่งกล่าวขึ้นเบาๆ “ไม่เอาน่าชัคหลุน นี่จะตำหนิข้าได้อย่างไร? ข้าก็เคยเล่าสถานการณ์ให้เจ้าฟังแล้วนี่ว่าท่านเอกวินน์ไม่ต้องการให้ผู้ใดมารบกวน แต่ข้าก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้เจ้ามาเสียหน่อย” ธีโอดอร์หรี่ตาลงพลางกล่าวกับชัคหลุนอย่างเจ้าเล่ห์ “เฮ้อ เจ้าช่างโชคดีจริงๆที่มีโอกาสพูดคุยกับท่านเอกวินน์ แต่คราวนี้เจ้าคงไม่คิดจะผูกขาดคุณหนูหลินไว้คนเดียวหรอกนะ?” ชัคหลุนหันไปมองมู่หลินเสวี่ย “ใช่แล้ว เวลานี้มรดกของท่านเอกวินน์อยู่ในร่างคุณหนูหลิน ไม่ใช่ร่างเจ้า ผลประโยชน์นี้ควรแบ่งให้ผู้ใช้มนตราทุกคน ท่านเอกวินน์เป็นผู้พิทักษ์แห่งทวีป สิ่งที่นางตกทอดไว้ก็สมควรสร้างประโยชน์ให้ทั้งทวีป” จ้าวมนตราอีกคนกล่าวเสริม “เหอๆ ผู้อาวุโสทั้งสอง นั่นก็ไม่ถูกนะ มู่เสวี่ยเป็นภรรยาของข้า เมื่อพวกท่านกำลังพูดถึงภรรยาของข้า พวกท่านก็สมควรสอบถามความเห็นของข้าก่อน” เซียวอวี๋กล่าวแย้งอย่างสุภาพ ตาแก่สองคนนี้พูดคุยกันราวกับภรรยาของเขาเป็นสมบัติของส่วนรวมเสียอย่างนั้นแหละ “ดยุคเซียวอย่าเพิ่งเข้าใจผิด พวกเราไม่ได้จะบีบบังคับคุณหนูหลิน นางเป็นผู้สืบทอดของท่านเอกวินน์ ผู้พิทักษ์แห่งทวีป พวกเราจะกล้าไม่ให้ความเคารพนางได้อย่างไร พวกเราจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยเหลือนาง เพื่อที่นางจะได้สืบทอดทุกสิ่งโดยสมบูรณ์” ได้ยินคำกล่าวของเซียวอวี๋ ชัคหลุนก็รีบอธิบาย ซึ่งอันที่จริง หากเปลี่ยนเป็นบุคคลอื่นกล่าวเช่นนี้ ด้วยตัวตนของชัคหลุนแล้ว เขาก็คงคร้านจะอธิบายใดๆ แต่เวลานี้สถานะของหลินมู่เสวี่ยนั้นไม่ใช่สามัญแล้ว เซียวอวี๋เป็นคู่หมั้นของหลินมู่เสวี่ย และยังเป็นผู้ที่นำเอกวินน์กลับมา สถานะเหล่านี้ได้ช่วยยกตัวตนของเซียวอวี๋ให้สูงส่งขึ้นกว่าเดิม “ช่วยเสี่ยวเสวี่ย? เช่นนั้นพวกท่านสามารถช่วยด้วยกัน ใยจึงยังต้องแบ่งแยกด้วยเล่า? ท่านกล่าวราวกับจะแบ่งนางเป็นส่วนๆเสียอย่างนั้นล่ะ” เซียวอวี๋ไม่ยอมถูกหลอก “ดยุคเซียว เรื่องมันเป็นเช่นนี้ แม้ว่าคุณหนูหลินนั้นเป็นผู้สืบทอดของท่านเอกวินน์ แต่หากว่านางต้องการเรียกใช้พลังขุมนั้น นางก็ยังต้องการอาจารย์คอยชี้แนะ ซึ่งในระหว่างนั้น พวกเราเองก็จะสามารถศึกษาเวทมนตร์ของท่านเอกวินน์ซึ่งจะมีส่วนช่วยต่อพวกเราอย่างมหาศาลไปด้วย หากว่าธีโอดอร์คอยชี้แนะ เช่นนั้นพวกเราทั้งสองคนก็คงหมดโอกาสจะตัดผ่านไปยังขั้นที่เจ็ดแล้ว” ชายชราอีกคนกล่าวขึ้น “เช่นนี้เอง” ได้ยินดังนั้นเซียวอวี๋ก็เข้าใจ “ท่านคือท่านเฟอร์กูสัน?” สำหรับนามเฟอร์กูสันนี้ เซียวอวี๋ค่อนข้างคุ้นเคย อย่างไรเสียนี่ก็เป็นนามของหนึ่งในสามจ้าวมนตราที่แข็งแกร่งที่สุด “อืม ข้าคือเฟอร์กูสัน หัวหน้าจอมเวทย์วังหลวงแห่งอาณาจักรพยัคฆ์เมฆา” เฟอร์กูสันพยักหน้ารับ เซียวอวี๋เคยได้ยินมาว่าเฟอร์กูสันผู้นี้เคยเป็นที่ต้องการตัวอย่างมาก แต่เขาเป็นจ้าวมนตราที่ภักดีต่ออาณาจักรพยัคฆ์เมฆา หลายฝ่ายต่างก็พยายามจะเชิญเขาไปร่วมด้วย ทว่าสุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว อาจกล่าวได้ว่านี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมอาณาจักรพยัคฆ์เมฆาจึงยังสามารถยืนหยัดอยู่ได้ เหตุผลส่วนใหญ่ล้วนเป็นเพราะการดำรงอยู่ของเฟอร์กูสัน มิเช่นนั้นเกรงว่าคงมีตระกูลใหญ่โค่นล้มอาณาจักรพยัคฆ์เมฆาไปแล้ว เคยมีจ้าวมนตราผู้ยิ่งใหญ่ผู้หนึ่งก้าวล้ำล่วงเกิน คนผู้นั้นจึงถูกเฟอร์กูสันใช้เวทสาปให้เป็นนกก่อนจะถูกกำจัดทิ้งไป “ถ้าอย่างนั้น เช่นนั้นข้าขอบางสิ่งบ้างได้หรือไม่?” เซียวอวี๋พลันกล่าวขึ้น เป็นเพราะมรดกของเอกวินน์ ผลกระทบของมันนั้นใหญ่เกินไปจริงๆ มันเป็นโอกาสเดียวที่จะทำให้พวกเขาตัดผ่านไปยังขั้นที่เจ็ด แล้วพวกเขาจะยอมปล่อยให้มันหลุดลอยไปหรือ? เป็นเพราะตัวตนอันพิเศษของหลินมู่เสวี่ย พวกเขาจึงไม่กล้าใช้กำลังบีบบังคับ และทำได้เพียงถามความเห็นจากเซียวอวี๋และหลินมู่เสวี่ย ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมีโอกาสตักตวงเช่นนี้ เซียวอวี๋ก็ย่อมไม่ยอมพลาด ด้วยระดับของจ้าวมนตราสองท่านนี้ หากว่าสามารถรีดทรัพย์มาได้ ตัวเขาคงได้กำไรก้อนโต “นี่….ท่านมีข้อเรียกร้องอะไรหรือ?” ชัดหลุนมองดูเซียวอวี๋ ขณะที่ในใจรู้สึกถึงลางสังหรณ์อัปมงคล เซียวอวี๋ผู้นี้ดูคล้ายกับหมาป่าที่พบเจอแกะอ้วนพี “อืม….” เซียวอวี๋ฉีกยิ้มก่อนจะกล่าวถึงเงื่อนไขออกมา หลังจากได้ฟัง เฟอร์กูสันและชัคหลุนก็หน้าเขียวคล้ำ แต่ถึงแม้ว่าคำร้องขอของเซียวอวี๋นี้ออกจะเกินเลยไป พวกเขาก็ยังไม่กล้าตอแยเซียวอวี๋ พวกเขาจะสามารถตัดผ่านไปยังขั้นที่เจ็ดได้หรือไม่นั้นล้วนขึ้นอยู่กับหลินมู่เสวี่ย จะเป็นการดีกว่าหากไม่ไปตอแยเซียวอวี่ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหลินมู่เสวี่ย ผู้ใดใช้ให้หลินมู่เสวี่ยเป็นภรรยาของเซียวอวี๋กันเล่า? นิโคลัสทำได้เพียงนั่งกัดฟันด้วยความอิจฉาอยู่ด้านข้าง เขาอยากจะกินเซียวอวี๋ลงไปทั้งตัว เจ้าเซียวอวี๋ผู้นี้ออกจะโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว! แต่นั่นก็ช่วยไม่ได้ ตัวเขาไม่ได้มีภรรยาดีเช่นหลินมู่เสวี่ย ดังนั้นจึงทำได้เพียงอิจฉาแต่ทำอย่างไรไม่ได้…..