บทที่ 455 เริ่มเดินทางไปยังอาณาจักรมังกรทะยาน

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทที่ 455 เริ่มเดินทางไปยังอาณาจักรมังกรทะยาน

ในขณะที่หลิงตู้ฉิงและคนของเขาออกจากจวนเจ้าเมืองโดยทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อบินไปยังอาณาจักรมังกรทะยาน ทางด้านกองทัพมังกรของหลิงว่านจุนและกองทัพของหลิงฉุยฟงที่ตั้งค่ายอยู่นอกเมือง เมื่อเห็นเช่นนี้พวกเขาก็เปลี่ยนเป็นมังกรยักษ์และสัตว์ประหลาดบินขึ้นไปบนท้องฟ้าตามหลังรถม้าไปเช่นกัน

ภายในรถม้า หลิงตู้ฉิงเรียกหลิงยี่เทียนให้เข้ามาหาและถามว่า “เมื่อครู่ตอนที่เจ้าเล่นหมากรุก มันเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?”

ในฐานะพ่อที่เฝ้าดูหลิงยี่เทียนเติบโตขึ้นมาตั้งแต่เด็ก เขาจึงรู้ดีว่าหลิงยี่เทียนย่อมไม่พ่ายแพ้ง่าย ๆ นอกจากนี้หลิงยี่เทียนยังทำได้ดีมากในช่วงต้นเกม อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านไประยะหนึ่งมันก็มีบางอย่างผิดพลาดและสุดท้ายเขาก็แพ้ ซึ่งหลิงตู้ฉิงเห็นปัญหานี้เขาจึงต้องถามหลิงยี่เทียนให้คลายความสงสัย

“ข้านี่ไม่สามารถซ่อนอะไรจากท่านพ่อได้เลยจริง ๆ!” หลิงยี่เทียนหัวเราะ “ก่อนหน้านี้ข้าได้หยั่งรู้ถึงอะไรบางสิ่ง ข้าก็เลยอยากลองใช้มันในเกมหมากรุกเมื่อครู่ดู แต่แล้วเมื่อเล่นไปได้สักพักความเข้าใจในมันของข้าก็ได้พบกับปัญหาคอขวด ซึ่งทำให้ข้าไม่สามารถเล่นต่อได้”

“แสดงให้พ่อเห็นที…” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม แต่เมื่อเขาเห็นสายตาของหลิงยี่เทียนที่มองไปยังคนอื่น ๆ ที่อยู่ในรถม้า จากนั้นเขาก็พูดต่อ “อย่าเพิ่งแสดงตอนนี้ รอพ่อเตรียมการให้เจ้าก่อนสักครู่”

เนื่องจากหลิงยี่เทียนมีผลึกดวงใจสวรรค์อยู่ในตัว ซึ่งสิ่งนี้ไม่ควรถูกพบเห็นโดยคนอื่น ๆ ดังนั้นหลิงตู้ฉิงจึงใช้วิธีการทำให้หลิงยี่เทียนนอนหลับ จากนั้นเขาจึงใช้วิชาห้วงนิทราแห่งราชันเพื่อเข้าสู่ความฝันของหลิงยี่เทียนแทน

“เอาล่ะ ตอนนี้ไม่มีใครสามารถเห็นพวกเราได้แล้ว” หลิงตู้ฉิงพูดกับหลิงยี่เทียน

หลิงยี่เทียนพยักหน้ารับทราบ จากนั้นเขาก็เริ่มแสดงสิ่งที่เขาพึ่งหยั่งรู้มาแบบไม่สมบูรณ์ให้พ่อของเขาเห็น

สำหรับคนอื่น ๆ ที่อยู่ในรถม้า เมื่อพวกเขาสังเกตเห็นแสงสว่างปรากฎขึ้นบนร่างของหลิงยี่เทียน จ้าวเหมิงลู่ก็พูดกับเสี่ยวเยว่เฟิงทันที “เฟิง หยุดการเดินลงก่อน!”

เนื่องจากมีบางอย่างเกิดขึ้นกับหลิงยี่เทียน พวกเขาจึงจำเป็นต้องหยุดการเดินทางลงก่อน เพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับหลิงยี่เทียนนั้นสำคัญกว่า

ไม่ว่าจะยังไงอาณาจักรมังกรทะยานก็อยู่กับที่ไม่ได้หนีไปไหน หากพร้อมเมื่อไหร่พวกเขาก็สามารถออกเดินทางไปที่นั่นได้ตลอดเวลา

เมื่อรถม้าหยุดได้ไม่นาน การสนทนาของหลิงตู้ฉิงและหลิงยี่เทียนในห้วงความฝันก็จบลง จากนั้นหลิงยี่เทียนก็ตื่นขึ้น

“แนวความคิดของเจ้าดีมาก แต่ถ้าเจ้าต้องการเดินเส้นทางนี้พ่อเกรงว่ามันคงจะยากมาก” หลิงตู้ฉิงมองไปที่หลิงยี่เทียนและยิ้ม

“ท่านพ่อข้าอยากลอง!” หลิงยี่เทียนพูดอย่างหนักแน่น

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “งั้นก็จงลองดู! ถ้าเจ้าทำได้สำเร็จ มันจะน่ากลัวมาก ยิ่งกว่านั้นเงื่อนไขของเจ้าก็เพียงพอแล้ว ซึ่งมันก็คุ้มค่าที่จะลอง!”

ในระหว่าที่สองพ่อลูกคุยกัน คนรอบข้างก็ได้แต่สงสัยเนื่องจากว่าพวกเขาไม่รู้ว่าคู่พ่อลูกคุยกันเรื่องอะไร แต่พวกเขาก็ไม่ได้ถามอะไรขึ้นเช่นกัน

เมื่อเห็นว่าการสนทนาของหลิงตู้ฉิงและหลิงยี่เทียนจบลงแล้ว เสี่ยวเยว่เฟิงก็สั่งให้หลงเฉินออกเดินทางอีกครั้ง

จากเมืองเจินไห่ไปยังอาณาจักรมังกรทะยานนั้นมีระยะทางห่างกันถึงหลายแสนกิโลเมตร

และด้วยความเร็วของหลงเฉินที่ยังไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับกงหนิว ดังนั้นพวกเขาจึงต้องใช้เวลาพอสมควรในการเดินทาง

นอกจากนั้นรถม้าของเขายังหนักกว่ารถม้าธรรมดาหลายเท่า ดังนั้นความเร็วในการลากรถม้าของหลงเฉินจึงยิ่งช้าลงไปใหญ่

แม้ว่าพวกเขาจะเดินทางมา 5 วันแล้ว พวกเขาก็ยังคงไม่ได้ออกจากพื้นที่ของอาณาจักรอี้จิ๋น

ลั่วหยุน มี่ตั้วตั้วและสีเป่ยเซียะ ซึ่งตามออกมาจากเมืองในภายหลัง ตอนนี้พวกเขาได้ตามมาทันกลุ่มของหลิงตู้ฉิงแล้ว

“ข้าจะไปกับพวกเจ้าเพื่อดูการแสดงด้วย!” สีเป่ยเซียะประกาศขึ้น “แต่ในการเดินทางครั้งนี้ ข้าจะดูเพียงอย่างเดียวหวังว่าเจ้าคงเข้าใจ”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้คาดหวังว่าสีเป่ยเซียะจะต้องช่วยอะไรเขา

เนื่องจากการเดินทางไปยังอาณาจักรมังกรทะยานครั้งนี้ การต่อสู้ที่รุนแรงอาจไม่เกิดขึ้น

ถ้าอาณาจักรมังกรทะยานนั้นยังคงมีความฉลาดอยู่บ้าง ปัญหาทุกอย่างก็จะสามารถแก้ได้โดยไม่จำเป็นต้องเสียเลือดเนื้อของคนจำนวนมาก

แต่แน่นอนแม้ว่าจะมีการต่อสู้เกิดขึ้น หลิงตู้ฉิงก็ไม่ได้เกรงกลัวอะไร

แม้ว่าเขาจะไม่สามารถโจมตีได้อย่างใจนึก แต่เขาก็มีลั่วหยุนอยู่แล้ว ซึ่งเพียงเท่านี้ก็สามารถจัดการกับปัญหาได้ทั้งหมด

ลั่วหยุนหัวเราะและพูดว่า “ข้าเองได้แลกเปลี่ยนความคิดกับท่านมี่แล้ว และคุณสมบัติของเขาทั้งหมดก็สอดคล้องกับเงื่อนไขของตำหนักเทพโชคลาภของเราเป็นอย่างมาก เมื่อเรื่องนี้จบลงข้าจะรายงานให้คนอื่น ๆ ทราบว่า เขาจะกลายเป็นผู้สมัครตำแหน่งเทพแห่งโชคลาภของเรา ซึ่งจากนั้นมันจะขึ้นอยู่กับเทพแห่งโชคลาภคนอื่น ๆ ที่จะตัดสินใจต่อ”

แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ดูแลหอการค้าเชื่อมสวรรค์และแม้ว่าเขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับราชัน แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่ดูแลตำหนักเทพโชคลาภ ดังนั้นเขาจึงไม่มีอำนาจมากพอที่จะตัดสินใจอะไรได้

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าบ่งบอกว่าเขาเข้าใจ

สำหรับมี่ตั้วตั้ว หลิงตู้ฉิงได้ให้ความช่วยเหลือแก่เขามากมายในอดีต ดังนั้นในอนาคตเขาทำได้เพียงหวังว่า มี่ตั้วตั้วจะช่วยเขาค้นหาความลับที่เขาต้องการโดยอาศัยอิทธิพลของหอการค้าเชื่อมสวรรค์

ทางด้านของมี่ตั้วตั้ว เขาเองก็พูดเสริมขึ้นว่า “สำหรับหมู่ตึกหยูอี่ ข้าจะฝากให้คนของผู้อาวุโสลั่วดูแลเอาไว้ก่อน เนื่องจากตอนนี้หอการค้าของข้าเองยังคงไม่มีแผนที่จะออกมาเคลื่อนไหวนอกทะเลชางหมาง สถานการณ์ภายนอกทะเลชางหมางนั้นยังไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะสามารถจัดการได้ นอกจากนี้ยี่เทียนและข้ายังมีข้อตกลงที่จะช่วยกันรวมทะเลชางหมางให้เป็นปึกแผ่น”

หลิงตู้ฉิงยังคงพยักหน้าและไม่พูดอะไร

หลิงตู้ฉิงเข้าใจดีว่าด้วยกำลังที่มี่ตั้วตั้วมีอยู่ในตอนนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะรับมือกับสถานการณ์นอกทะเลชางหมางได้หากปราศจากความช่วยเหลือจากลั่วหยุน หากเพียงแค่พวกเข้าต้องเผชิญกับผู้เชี่ยวชาญระดับเหนือล้ำเพียงคนเดียวมันก็เพียงพอที่จะทำลายตระกูลมี่ให้ราบเป็นหน้ากลองลงได้

ในทางตรงกันข้าม หากมี่ตั้วตั้วยังคงร่วมมือกับหลิงยี่เทียนในแผนการรวมทะเลชางหมาง ทั้งมี่ตั้วตั้วและลูกชายของเขาก็จะได้รับประโยชน์ต่อกันได้ดีกว่า

หลิงยี่เทียนยิ้มจากด้านข้าง “ท่านปู่มี่ให้ข้าบอกข่าวดีแก่ท่าน อนาคตของอาณาจักรอี้จิ๋นจะถูกรวมเป็นดินแดนหนึ่งในอาณาจักรจันทราของข้าและด้วยการดำรงอยู่ของผู้อาวุโสลั่ว หนึ่งในห้าของอาณาเขตนภาทั้งหมดจะอยู่ในมือของข้าในอนาคตเช่นกัน”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของมี่ตั้วตั้วก็สว่างขึ้น “ยอดเยี่ยมมาก!”

สถานการณ์ดังกล่าวเป็นประโยชน์สำหรับพวกเขาทั้งสามคนเป็นอย่างมาก

หลิงยี่เทียนต้องการพลังแห่งความศรัทธา หลิงว่านจุนต้องการปราณของจักรพรรดิมังกรที่เกี่ยวเนื่องกับความแข็งแกร่งของหลิงยี่เทียน และด้วยการขยายอาณาเขตเช่นนี้ โอกาสในการหาเงินของหอการค้าตระกูลมี่ก็จะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อถึงเวลานั้นความเร็วในการบ่มเพาะของทั้งสามคนก็จะมีแต่เร็วขึ้นและเร็วขึ้น

ข้อมูลนี้หลิงยี่เทียนและหลิงว่านจุนรู้อยู่แล้ว เนื่องจากพวกเขาก็อยู่ในจวนเจ้าเมืองเจินไห่ด้วย

และเนื่องจากพวกเขารู้ว่าทางด้านมี่ตั้วตั้วนั้นยังไม่รู้ข่าวนี้ พวกเขาจึงบอกข่าวนี้กับมี่ตั้วตั้วทันทีที่มีโอกาส

มี่ไลซึ่งอยู่ไม่ไกลมองไปที่ทั้งสามคนด้วยรอยยิ้มแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

นางได้แต่นึกย้อนไปถึงตอนที่ตระกูลของนางอยู่ในเมืองฟีนิกซ์และต้องดิ้นรนเอาตัวรอดต่าง ๆ นานา แต่ในตอนนี้ตระกูลของนางกำลังจะได้มีโอกาสเฉิดฉายในมหาพิภพไร้จุดจบ ซึ่งโอกาสทั้งหมดที่ตระกูลของนางได้รับมานั้นเกิดขึ้นมาจากคนเพียงแค่คนเดียว

และในขณะนี้บุคคลนั้นก็กำลังคุยปัญหากับลั่วหยุน

“หลังจากจบเรื่องของอาณาจักรมังกรทะยานแล้ว ข้าจำเป็นต้องเดินทางออกไปจากอาณาเขตนภาพักใหญ่ ในตอนนั้นเจ้าจะต้องรับผิดชอบดูแลคนของข้าที่อยู่ในอาณาเขตนภา หรือถ้าจะให้ดีที่สุดข้าอยากให้เจ้าส่งคนของเจ้าเข้าไปช่วยดูแลในทะเลชางหมางด้วย นอกจากนี้เมื่อเจ้ากลับไปที่เมืองหยูหลัน เจ้าจงแจ้งเหวินลู่หยานให้ทำตามข้อตกลงที่ให้ไว้กับข้าโดยการส่งคนของนางเข้าไปที่ทะเลชางหมางเพื่อช่วยเหลือลูกชายของข้า” หลิงตู้ฉิงพูดกับลั่วหยุน

เนื่องจากภายในทะเลชางหมางตอนนี้สงครามรวมดินแดนกำลังอยู่ในช่วงรุนแรงเป็นอย่างมาก ซึ่งมันทำให้เกิดขั้วอำนาจใหม่ขึ้นมามากมาย ในเวลานั้นสงครามที่เกิดมันจะเป็นสิ่งที่โหดร้ายเหนือบรรยาย และมีความเป็นไปได้ที่จะมีเรื่องไม่แน่นอนบางอย่างเกิดขึ้น แม้ว่าเขาจะทิ้งแผนรองรับไว้เบื้องหลัง แต่มันก็ไม่มีอะไรจะรับประกันได้ว่ามันจะเพียงพอหรือไม่

และที่สำคัญด้วยพลังความอาฆาตและเจตจำนงแห่งการสังหารของผู้ที่เสียชีวิตในสนามรบอันมากมายจะก่อให้เกิดปัญหาใหญ่หลวงไม่ช้าก็เร็ว ดังนั้นหลิงตู้ฉิงจึงต้องให้คนจากหุบเขาบุปผาอนันต์มาช่วยชำระล้างพลังเหล่านั้นให้หมดไปอีกแรงหนึ่ง ซึ่งนี่คือเหตุผลที่เขาต้องให้หุบเขาบุปผาอนันต์เคลื่อนไหว