TB:บทที่ 266 ทีมซุปเปอร์แมน

 

“ร่างพวกเขาได้รับยีนส์ของเอเลี่ยน พวกเขาจะต้องทำสำเร็จ เพียงแต่พวกเขายังไม่ตื่น เพราะบางทีร่างของพวกเขายังต้องการเวลาปรับตัวกับพลังที่ได้จากยีนส์” สตีฟว่า เขาพร้อมจะไปดูคอมพิวเตอร์แล้ว ตอนนั้นเองที่เขาพบว่าคอมพิวเตอร์เขาพังไปทั้งหมด “คอมพิวเตอร์ของฉัน ข้อมูลฉัน”

สตีฟจึงร้องออกมาอย่างหวาดกลัว

 

ส่วนประกอบทั้งหมดของโครงการซุปเปอร์เก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ของห้องทดลอง หากว่าคอมพิวเตอร์พังไป คงไม่เหลืออะไรเลย

“ฟังนะ มีอะไรที่สำคัญหายไปไหม” โคลแมนรีบถามไป

คนในห้องทดลองเร่งตรวจสอบ จากนั้น พวกเขาจึงพบว่ายีนส์ของเอเลี่ยนและ “หญ้ากันราก” ได้โดนทำลายไปแล้ว ในขณะเดียวกัน พวกเขายังพบว่ามีคนหายไปจากห้องทดลอง คนคนนั้นคือนักวิจัยที่ชื่อ ฟางเจอเจี่ย

 

“สตีฟ ทำไมคนจีนที่ชื่อฟางเจอเจี่ยถึงมาโผล่ในฐานทัพลับของเราได้ ไม่มีใครบอกนายให้ทำตามการรักษาความลับหรือไง” โคลแมนว่า โคลแมนจ้องสายตาที่สับสนของสตีฟเมื่อได้ยินว่าฟางเจอเจี่ยหายตัวไป

“เป็นไปไม่ได้ ทำไมฟางเจอเจี่ยจึงทำอะไรแบบนี้ เขาทุ่มเทมากมายให้โครงการซุปเปอร์แมน เราทุกคนก็รู้ อีกอย่างนะ แม้แต่ “หญ้ากันราก” คนที่เจอก็คือเขา เขาจะทำอะไรเช่นนี้ได้อย่างไร” สตีฟยังคงไม่เชื่อว่าฟางเจอเจี่ยจะทำอะไรเช่นนี้

 

“ประการหนึ่งคือตอนที่เรารับเขาเข้าร่วมแผนการ เราสอบสวนเขาแล้ว เขาอพยพมาตั้งแต่รุ่นตา ครอบครัวเขาประวัติใสสะอาดมาก เขาไม่เคยกลับไปยังจีนเลย เขาพูดจีนไม่ได้ด้วยซ้ำ คนแบบนี้จะไปเป็นสายได้อย่างไร อาจจะจริงที่มีใครตั้งใจจับเขาไปและสร้างภาพลวงให้เราคิดว่าเขาเป็นคนทำนะ” เมื่อสตีฟกล่าวจบ นักวิจัยบางคนก็พยักหน้าให้กับที่บอกว่าฟางเจอเจี่ยดูไม่เหมือนจะเป็นสายลับเลย

 

“ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรฟางเจอเจี่ยก็เป็นตัวสำคัญ เราต้องหาเขาให้เจอ” โคลแมนขึ้นไปยังฐานทัพด้านบน อย่าให้ใครออกไปได้

อย่างไรก็ตาม ข่าวที่เขาได้มาคือฟางเจอเจี่ยได้ออกไปแล้ว

“ได้ยินที่ว่าไหม ออกไปแล้ว หากว่าเขาไม่ได้ทำ ทำไมเขาจึงต้องออกไปก่อนเหมือนรู้สึกผิดด้วยละ เอาล่ะ ลูกน้องผมจะจัดการเรื่องนี้เอง ตอนนี้คุณไปปลุกพวกซุปเปอร์แมนของเราคงดีกว่า” เสียงของโคลแมนเย็นชาเล็กน้อย หากว่าไม่ใช่เพราะคำพูดของสตีฟแล้ว เขาคงโดนคนโง่ๆอย่างเขาฆ่าเอา

 

เมื่อได้ฟังที่โคลแมนว่า สตีฟทำได้เพียงไปดูพวกทหารยี่สิบคน เขาไม่รู้เลยว่าเขาได้ก้าวเท้าลงนรกไปแล้ว

ตอนที่สตีฟไปตรวจดูพวกนักรบซุปเปอร์แมน โคลแมนโทรออกไปสองสามสาย จากนั้นหน่วยต่างๆจึงเริ่มกระทำการ

 

หลังจากที่ฟางเจอเจี่ยออกจากฐานไป เขาขับรถจากไปในทันที

ถึงกระนั้น เนื่องจากที่จู่ๆโคลแมนก็มายังฐานทัพ และตัวฟางเจอเจี่ยที่ประมาทโคลแมนไป ทีมทหารอเมริกันติดอาวุธที่ขับยานพาหนะทหารจึงไล่ตามเขามาข้างหลัง

ฟางเจอเจี่ยต้องสู้กับทหารอเมริกันที่ไล่เขามา

ในการสู้ปืนกลของฟางเจอเจี่ยช่างแม่นยำเหลือเกิน แม้แต่ว่าเขาจะถือปืนพกที่การยิงไม่ได้ดีอะไรก็ตาม ประการหนึ่งคือพลังของเขาอยู่ในระดับสี่แล้ว

และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น

 

ทำไมชายจีนอเมริกันที่อยู่อเมริกามาถึงสี่ช่วงอายุคนคนที่แทบจะกลายเป็นคนอเมริกันหัวเก่าแล้วและไม่เคยกลับไปจีนจะทำเช่นนี้

เหตุผลนั้นไม่ยากอะไรใดๆ นั่นคือ เพราะตาและยายของเขาเป็นหนึ่งในสายลับที่ประเทศจีนส่งมายังสหรัฐ คล้ายกันกับพ่อและแม่เขาที่ก็เป็นสายลับ เมื่อมาถึงรุ่นของเขา เป็นธรรมดาที่เขาก็จะเป็นสายลับของจีนด้วย

 

แม้ว่าฟางเจอเจี่ยจะไม่เคยกลับไปจีน แต่สิ่งที่ตายาย และพ่อแม่ของเขาสอนไว้คือภาษาจีน และแม้เขาจะอาศัยในประเทศอื่นและกินอาหารแบบอื่น ร่างกายเขาก็ยังมีเลือดของมังกรอยู่ และถึงแม้เขาจะตายไป เขาก็จะกลายแป็นวิญญาณบรรพบุรุษจีน

 

ฉะนั้นตั้งแต่วัยเด็กมาแล้วที่ฟางเจอเจี่ยเก็บความคิดว่าเขาเป็นคนจีนไว้ในใจ เขาต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับประเทศ จนกระทั่งเขาได้มาติดต่อกับโครงการซุปเปอร์แมน เขาจึงรู้ว่าโอกาสนั้นได้มาถึงแล้ว เขาช่วยจีนได้ในเวลาที่เหมาะเจาะที่สุด

เช่นเดียวกับที่จีนไม่เคยทำอะไรแย่ๆกับเขา เมื่อ “นิวเวิร์ล” ได้วางตลาดแล้ว เขาจึงได้เวอร์ชั่นสมบูรณ์ของ “นิวเวิร์ล” ด้วย พลังของเขาจึงพัฒนาเป็นระดับที่สี่ จากนั้นเขาจึงพัฒนาเป็นนักแม่นปืนที่เยี่ยมยอดได้

 

ด้วยพลังดังนั้น ฟางเจอเจี่ยจึงแก้ปัญหาเรื่องคนที่ไล่เขามาได้และหายตัวไปในป่าบนเขา

ตอนนี้ฟางเจอเจี่ยอยู่คนเดียว พ่อแม่เขาแสร้งว่าเสียไปในอุบัติเหตุรถยนต์เมื่อสามปีก่อน แล้วกลับไปจีนแล้ว ตอนนี้เขาอยู่ตัวคนเดียว เขาไม่กลัวพวกคนเหล่านี้ที่เป็นภัยต่อเขา

เมื่อฟางเจอเจี่ยหายตัวไปในป่า ในที่สุดพวก “ทหารซุปเปอร์แมน” ยี่สิบคนในห้องทดลอง ต่างเปิดตาขึ้น

 

ดวงตาทั้งสองมีเพียงสีฟ้าเข้มซึ่งดูน่าหลงใหลเหลือเกิน

เมื่อเห็นว่าพวกทหารตื่นขึ้นมาแล้ว โคลแมนจึงเดินไปหาทหารตัวสูงผิวสีคนหนึ่ง เขากล่าวไปว่า

“ร้อยเอกคลีฟ จัดแถวลูกน้องคุณเสีย”

คลีฟทหารผิวสีมองโคลแมนด้วยดวงตาสีฟ้า สายตาเขาแสดงความไม่แน่ใจเล็กน้อย แล้วเขาก็สับสน สุดท้ายเขาจึงเหมือนนึกอะไรออก เขากล่าวกับโคลแมน “คุณคือพันตรีโคลแมนหรือ”

“ใช่แล้ว ร้อยเอกคลีฟ โปรดเรียงแถวลูกน้องของคุณ” โคลแมนกล่าวอีกครั้งกับคลีฟ เขาเน้นเสียง

“ร้อยเอก พันตรีหรือ ใช่ครับ ผมคือคลีฟ เป็นทหารนาวิกโยธิน เป็นหัวหน้าของทีมเฮก ชื่อว่าคลีฟ” เมื่อครุ่นคิดไปพักหนึ่ง ในที่สุดคลีฟก็จำตัวตนของเขาได้

แล้วเขาจึงทำความเคารพโคลแมนและกล่าวไป “พันตรีโคลแมน”

 

“เยี่ยม ไปรวมทีมคุณซะ” โคลแมนพยักหน้าให้คลีฟ

“หน่วยหนึ่งสองสามสี่ในเฮก” คลีฟหันไปและตะโกนใส่ทีมของเขา

แต่เมื่อเขาเห็นว่าคนในทีมของเขามีน้อยกว่าเดิมไปสิบคน เขามองโคลแมนด้วยความไม่แน่ใจ

“ร้อยเอกคลีฟ พวกเขาตายไปเพื่อประเทศชาติ จากนี้ทีมเฮกได้เปลี่ยนชื่อเป็นทีมซุปเปอร์แมนอย่างเป็นการแล้ว คุณจะยังเป็นหัวหน้าของทีมต่อไป” โคลแมนมองคนที่งุนงง

“ครับ พันตรีโคลแมน” คลีฟทำท่าเคารพโคลแมน

โคลแมนมองคลีฟอย่างพึงพอใจ

จากนั้น โคลแมนจึงเปิดใช้การสั่งการอย่างเป็นระบบ

ในขณะเดียวกัน ทีมซุปเปอร์แมนก็เริ่มจะทำภารกิจแรก คือการจับตัวฟางเจอเจี่ย เหมือนกับว่าฟางเจอเจี่ยจะไม่ได้มีค่าพอกับการลงแรงของทั้งทีมเลย คลีฟจึงส่งนักสู้ที่มีพลังระดับ “พลังลมปราณ” ไปสามคนเพื่อจับตัวฟางเจอเจี่ย

ไม่นานหลังจากนั้น เฉินหลงกลับมาจีนได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว อาทิตย์นี้เฉินหลงไม่ทำอะไรเลยนอกจากอยู่เป็นเพื่อนครอบครัวเขาและจี้โม่ซีเพื่อชดเชยสิ่งที่เขาติดค้างมามากว่าสองปี