TB:บทที่ 265 สร้างซุปเปอร์แมน
“นี่คุณจะทดลองกับมนุษย์จริงๆหรือ” เมื่อได้ยินดังนั้น แม้แต่ประธานาธิบดียังหวังให้เร่งกระบวนการได้ แต่สตีฟกลับมีความไม่แน่ใจบางอย่าง
“ทำขั้นตอนการทดลองในมนุษย์เลยเถอะ เรามีเวลาให้เสียไม่มากแล้ว ครั้งนี้ผมพาทหารนาวิกโยธินชั้นเยี่ยมผู้ซื่อสัตย์สามสิบนายมาด้วย ผมหวังว่าผมจะช่วยคุณได้นะ” การเตรียมการของโคลแมนก่อนที่เขาจะมานั้นคือการหว่านล้อมสตีฟเรื่องเขาเคยคุยกันมาก่อน จึงเป็นธรรมดาที่เขาต้องการให้สตีฟทำการทดลองในมนุษย์ได้แล้ว
“ดีล่ะ งั้นเริ่มทำการทดลองในมนุษย์กันเลย” สตีฟครุ่นคิดไปแล้วจึงตกลง
เขาและทีมมาทำโครงการซุปเปอร์แมนนี่ก็เพราะเขาเป็นคนรักชาติ เขาหวังว่าเขาหวังว่าประเทศนี้จะแข็งแกร่งขึ้นและเป็นผู้นำของโลกนี้ต่อไปได้ แม้ว่าโครงการซุปเปอร์แมนจะยังไปไม่ถึงขั้นทดลองในมนุษย์ แต่ในตอนนี้แม้แต่ประธานาธิบดียังพูดเช่นนั้นเลย เขาคงทำได้เพียงเร่งขั้นตอนแล้ว
หลังจากนั้น สตีฟสั่งให้เริ่มเตรียมการทดลองในมนุษย์
เมื่อสตีฟสั่งการทดลองในมนุษย์แล้ว คนเอเชียที่ยังดูหนุ่มแน่นก็ดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่นานหลังจากนั้น แม้เขาจะกลับไปเป็นปกติแล้ว และเริ่มการเตรียมการกับคู่หูเขาเพื่อทำการทดลองในมนุษย์
ต่อมา ในห้องทดลองอันกว้างขวาง โคลแมนพานาวิกโยธินสามสิบนายเข้ามา ให้ถอดเสื้อทีละคน จากนั้นจึงให้เดินเข้าเครื่องมือที่จะแก้ไขร่างกายของมนุษย์แบบที่มีในหนังไซไฟหลายๆเรื่อง
ขั้นแรกโครงการซุปเปอร์แมนจะเป็นการผสมผสานยีนส์ของเอเลี่ยนเข้ากับยีนส์ของมนุษย์ แล้วจึงสกัดยีนส์ของนาวิกโยธินทั้งสามสิบนาย
จากนั้นจะมีการรวมยีนส์เพื่อสร้าง “เลือดซุปเปอร์แมน”
ขั้นตอนแต่ละขั้นเพื่อจะทำ “เลือดซุปเปอร์แมน” ช่างราบรื่น ในที่สุด“เลือดซุปเปอร์แมน” สีฟ้าก็ฉีดเข้าร่างของนาวิกโยธินทั้งสามสิบนาย
ตอนที่เลือดซุปเปอร์แมนได้ฉีดเข้าไปให้นาวิกโยธินทั้งสามสิบนาย สตีฟและเพื่อนร่วมงานของเขาเฝ้าดูตัวเลขแสดงค่าของนาวิกโยธินทั้งสามสิบนายในคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมกับเครื่องจักรพวกนั้นอย่างใกล้ชิด
คนเอเชียที่ก็เฝ้าดูอย่างระมัดระวังเช่นกันนั้น แต่เขามีแผนอื่นอยู่ในใจ
ตัวเลขบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมกับเครื่องจักรเปลี่ยนแปลงไปอย่างมั่นคง สตีฟกำมือแน่นแล้วจึงสวดภาวนา
เช่นเดียวกันนั้น คนเอเชียที่มีแผนอื่นในใจก็มองตัวเชขบนจออย่างกระวนกระวาย
แม้ว่าเขาจะมีความคิดอย่างอื่น แต่เขายังคงเป็นนักวิจัยอยู่ เขาร่วมการทดลอง “โครงการซุปเปอร์แมน” มาหลายปีแล้ว เขาทุ่มเททำงานหนักมาหลายปีเหลือเกิน เขายังคงหวังจากใจว่าการทดลองนี้จะสำเร็จและความพยามของเขาจะไม่สูญเปล่า
แต่อย่างไรแล้ว สุดท้าย “เลือดซุปเปอร์แมน” ได้ใส่ลงไปในยีนส์ของเอเลี่ยน แม้ว่าจะฝืนให้ผสมรวมกับยีนส์ของมนุษย์ได้ภายใต้ฤทธิ์ของ “หญ้ากันราก” แต่นั่นก็สามารถจะทำให้เกิดการต่อต้านเมื่อฉีดเข้าไปในร่างของมนุษย์ได้
หนึ่งชั่วโมงต่อมา มีเครื่องจักรหกเครื่องที่ไม่มีข้อมูลใด นั่นแสดงให้เห็นว่าคนทั้งหกได้ตายไปแล้ว
“โคลแมน ทำต่อไปไม่ได้แล้ว และ “เลือดซุปเปอร์แมน” ก็ใช้กับพวกเขาไม่ได้ หากเราจะทำต่อ พวกเขาคงตาย” เมื่อต้องเจอกับการตายของคนทั้งหก สตีฟไม่อาจทนได้อีกต่อไป เขาอยากหยุดการทดลองไว้
“ศาสตราจารย์สตีฟ มาถึงจุดนี้ เราคงหยุดการทดลองไม่ได้แล้ว พวกเขาเป็นทหารที่ดีที่สุดในประเทศเรานะ พวกเขารู้มาก่อนว่าพวกเขาจะมาสูญเสียชีวิตครั้งนี้ แต่พวกเขาก็เต็มใจมาสละชีวิตเพื่อประเทศ พูดแบบนี้แล้ว ทำไมไม่ทำต่อไปละ ไม่เห็นหรือไงว่าพวกเขายังทนต่อได้ พวกเขาคงไม่เต็มใจจะยอมแพ้หรอก พวกเขามีความเชื่อมั่น พวกเขาเชื่ออย่างมั่นคงว่าพวกเขาจะทำได้ เชื่อฉันสิว่าพวกเขาทำได้” โคลแมนว่า ด้วยสีหน้าแห่งความกระตือรือร้น เขาชี้ข้อมูลที่ยังเปลี่ยนไปบนจอ
“แต่….”
สตีฟยังคงไม่เต็มใจ แต่โคลแมนพูดขัดขึ้นก่อน
“ไม่ พวกเขาเป็นทหาร หน้าที่ของพวกเขาคือเชื่อฟังคำสั่ง เนื่องจากพวกเขาได้รับคำสั่งมาว่าต้องทำให้สำเร็จ ฉันเชื่อว่าพวกเขาจะทำได้”
เมื่อโคลแมนว่าดังนั้น สตีฟจึงหยุดพูดและทำการทดลองต่อไป
ขณะที่ผ่านผ่านพ้นไป คนอีกสี่คนเสียชีสิตไป ทว่าอีกยี่สิบคนยั้งฝืนต่อ
สองชั่วโมงต่อมาข้อมูลของทหารทั้งยี่สิบคนไม่เปลี่ยนแปลง แต่ค่าตัวเลขกลับพุ่งสูงขึ้นอย่างยิ่งยวดในทันที
หากว่าตัวเลขนี้คำนวณในมุมของระดับพลัง ตัวเลขที่สูงที่สุดนั้นมีถึงระดับ “หลอมรวมธรรมชาติ” ส่วนตัวเลขที่ต่ำที่สุดก็มีถึงระดับ “พลังลมปราณ” ในหมู่พวกเขา มีคนห้าคนที่เป็นระดับ “หลอมรวมธรรมชาติ” สิบคนเป็น “ปลดปล่อยพลังลมปราณ” และอีกห้าคนที่เป็น “พลังลมปราณ”
พลังเช่นนี้ช่างทรงพลังมากจริงๆ
เมื่อสตีฟเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้ พวกเขานิ่งอึ้งไปเลย “พวกเราทำสำเร็จแล้ว เราทำสำเร็จแล้ว พวกเราสร้างซุปเปอร์แมนได้แล้ว”
เมื่อเขาได้ยินคำพูดของสตีฟ โคลแมนก็แสดงสีหน้าดีใจ
ในตอนนั้นสตีฟกอดเขา ความพยายามในช่วงหลายปีที่ผ่านมาไม่ได้เสียเปล่า และนั่นทำให้พวกเขาตื่นเต้นเหลือเกิน
แต่ขณะนั้นชายหนุ่มเอเชียรีบวางปากกาข้างหน้าคอมพิวเตอร์ แล้วเขาก็ฉวยโอกาสออกไปจากห้องทดลองเงียบๆ
“ต้องขอโทษด้วย ศาสตราจารย์สตีฟและเพื่อนร่วมงานทั้งหมด ผมไม่เหมือนพวกคุณ… โปรดอย่าโทษผมเลย” เมื่อชายเอเชียคนนั้นออกจากห้องทดลองไป เขากดปุ่ม
จากนั้นปากกาที่วางไว้หน้าห้องทดลองก็รับกระแสไฟฟ้าจำนวนมากเข้าไป ปากกานั่นเปล่งแสงและตามมาด้วยการระเบิดที่รุนแรง นั่นทำให้คอมพิวเตอร์ทั้งหมดของห้องทดลองไหม้ไปในทันที แล้วห้องทดลองก็มืดมิดไปในทันใด ถึงกระนั้นไฟฉุกเฉินได้ติดขึ้น
ทว่าเครื่องจักรอีกยี่สิบเครื่องที่ประตูกำลังจะเปิดดกลับหยุดทำงานไป
การระเบิดได้ทำให้คอมพิวเตอร์ในห้องทดลองกลายเป็นชิ้นๆ แต่สตีฟไม่เจ็บเลยแม้แต่น้อย
สุดท้ายแล้ว ในสถานที่ลับเช่นนี้ การป้องกันนั้นเข้มงวดมาก จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาระเบิดที่พลังการทำลายล้างรุนแรงมา ดังนั้น คงเป็นการดีที่สุดหากชาวเอเชียคนนั้นจะเอาระเบิดไฟฟ้าเข้ามา
เมื่อเขาหายกลัว สตีฟรีบลุกขึ้นจากพื้น การโต้ตอบปรกติที่เขาทำคือไปดูเครื่องจักร เขาเห็นว่าประตูของเครื่องจักรเหล่านั้นยังคงปิดอยู่ เขาจึงรีบเรียกไป “เปิดประตูเร็วๆ เปิดประตูด้วยมือเลย”
เมื่อได้ยินเสียงร้องของสตีฟ คนในห้องทดลองต่างพุ่งเข้ามาที่เครื่องและเปิดประตู
เมื่อประตูเครื่องเปิดออก ทหารภายในยังปิดตาอยู่และไม่ตอบสนอง
“สตีฟ เกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมพวกเขาจึงยังไม่ตื่น” เมื่อเห็นว่าเหล่าทหารยังปิดตา โคลแมนจึงรีบถามไป นี่คือความหวังของประเทศ ไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ