ตอนที่ 132-1 ต่อให้ตาย ข้าก็จะลากเจ้าไปลงนรกกับข้าด้วย

จำนนรักชายาตัวร้าย

“หากไม่ต้องการให้ใครรู้ เช่นนั้นก็อย่าทำ! เพราะกระดาษห่อไฟไม่ได้!” 

 

 

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ใบหน้าที่ซีดขาวของซย่าจื่ออวี้ก็แดงก่ำ นางกัดฟันแน่น จ้องมองหนานกงอ๋าวราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเขาอย่างไรอย่างนั้น 

 

 

“หนานกงอ๋าวเจ้าฆ่าล้างตระกูลข้า สามร้อยสี่สิบเอ็ดชีวิต เจ้าต่างหากที่เป็นศัตรูของข้า! เจ้าให้ร้ายพี่สาวข้า ให้ร้ายท่านพ่อท่านแม่ของข้า ให้ร้ายตระกูลของข้า!” 

 

 

“ต้องโทษข้าที่ตาบอด เห็นศัตรูเป็นคนรัก จนทำร้ายหลานชายแท้ๆของตัวเอง หลายต่อหลายครั้ง…” 

 

 

หยาดน้ำตาหลั่งออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างของซย่าจื่ออวี้ 

 

 

เพียงแค่คิดถึงว่าตนเองไม่เพียงแต่ถูกหนานกงอ๋าวหลอกลวง ยังมีลูกให้กับศัตรูอย่างเขา นางก็แค้นใจ ขยะแขยงจนอยากจะสำรอกออกมา 

 

 

สกปรกที่สุด! 

 

 

นางเห็นศัตรูเป็นคนรัก ช่างเป็นหญิงที่ไร้สติยิ่งนัก! 

 

 

“ในเมื่อเจ้าจดจำทุกอย่างได้หมดแล้ว เช่นนั้นข้าก็จะไม่ปฏิเสธอีกต่อไป!” เมื่อเห็นว่าเรื่องทุกอย่างถูกแฉจนหมดสิ้นแล้ว หนานกงอ๋าวก็เปิดปากยอมรับออกไปตรงๆเสียเลย 

 

 

“ถูกต้อง! ฆ่าล้างตระกูลซย่า เป็นฝีมือของข้าเอง!” 

 

 

“แต่ว่า เรื่องนี้จะโทษข้าไม่ได้! จะโทษก็ต้องโทษพี่สาวของเจ้า ซย่าชิงอวี้ นางรู้ทั้งรู้ว่าข้าชอบพอในตัวนาง แต่นางกลับไปรักกับไอ้คนไม่มีหัวนอนปลายเท้าจนให้กำเนิดเจ้ามารน้อยนี่! นางต่างหากที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด!” 

 

 

เห็นสีหน้าท่าทางชั่วร้ายน่ารังเกียจ และดวงตาทั้งสองข้างที่แดงก่ำของหนานกงอ๋าว ในที่สุดอวี้เฟยเยียนก็รู้แล้วว่าความชั่วช้าไร้ยางอายของหนานกงเช่อได้รับถ่ายทอดมาจากพ่อบังเกิดเกล้าของเขานี่เอง 

 

 

‘เจ้าชอบนาง อีกฝ่ายจะต้องชอบเจ้าตอบด้วยอย่างนั้นหรือ?’ 

 

 

‘นางไม่รักเจ้าตอบ เจ้าจึงต้องฆ่านางทั้งตระกูล?’ 

 

 

‘ต้องเห็นแก่ตัวเพียงใด ต้องจิตวิปลาสเพียงไหนกัน!’ 

 

 

‘หนานกงอ๋าว เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือแปล่า?’ 

 

 

เมื่อหวนรำลึกเรื่องราวในอดีต และฆาตกรก็ยอมรับความผิดของตัวเองหน้าตาเฉย นั่นทำให้ซย่าจื่ออวี้รับรู้ได้ในสิ่งที่แตกต่างกัน 

 

 

หยาดน้ำตาของซย่าจื่ออวี้ที่หลั่งออกมาอย่างเงียบๆในตอนแรก ในตนนี้กลับกลายเป็นการร่ำไห้เสียงดังด้วยความคับแค้นใจ 

 

 

“พี่สาวของนางเฉลียวฉลาด ดูออกตั้งแรกแล้วว่าท่านไม่ใช่คนดี ไม่ใช่สุภาพชน ทั้งยังตักเตือนข้าว่าอย่าไปโง่เขลาหลงรักท่าน ข้ามันโง่เอง ข้าทำร้ายนาง ข้าทำร้ายท่านพ่อ ทำร้ายท่านแม่ ข้าต่างหากที่สมควรตาย…” 

 

 

ซย่าจื่ออวี้น้ำตาไหลอาบแก้ม ราวกับภาพที่ซย่าชิงอวี้เคยตักเตือนนางในวันวานปรากฎขึ้นมาอีกครั้งที่เบื้องหน้า ซย่าจื่ออวี้ที่ดื้อรั้นเอาแต่ใจ ไม่ยอมฟังคำเตือนของพี่สาว ถึงได้กระทำความผิดพลาดร้ายแรงเช่นนี้ 

 

 

“นางมิได้เฉลียวฉลาด นางใฝ่ต่ำต่างหาก” 

 

 

เมื่อได้ยินซย่าจื่ออวี้เอ่ยถึงซย่าชิงอวี้ ทำให้หนานกงอ๋าวออกอาการคุ้มคลั่ง 

 

 

“แต่งงานกับข้าเป็นฮูหยินใหญ่ปกครองสกุลหนานกงไม่ดีตรงไหน? ข้าดีกับนางไม่พอหรืออย่างไร? นางถึงต้องไปรักไปชอบไอ้ผู้ชายที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนนั้น นางมันใฝ่ต่ำ!” 

 

 

“ยังมีพ่อแม่ของเจ้าอีก พวกเขากลับไปส่งเสริมนังคนใฝ่ต่ำคนนั้น ไม่สนใจการที่จะได้ดองกับสกุลหนานกง พวกเขาจึงสมควรตาย!” 

 

 

“หุบปากเดี๋ยวนี้นะ! ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าพูดถึงพี่สาวและท่านพ่อ ท่านแม่ของข้า!” 

 

 

ซย่าจื่ออวี้เค้นเสียงตะโกนออกไป และนางถึงกับรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี ตบหน้าหนานกงอ๋าวฉาดใหญ่ 

 

 

“เพี้ยะ——” 

 

 

หนานกงอ๋าวถูกตบหน้าจนหน้าตาเหลือกลาน 

 

 

“นังชั้นต่ำ นี่เจ้ากล้าตบข้าอย่างนั้นหรือ? เจ้าก็เหมือนกันพ่สาวของเจ้า ใฝ่ต่ำ พวกเจ้ามันใฝ่ต่ำ!” 

 

 

หนานกงอ๋าวโกรธเกรี้ยวจนคุ้มคลั่งตบหน้าซย่าจื่ออวี้ไม่ยั้งจนกระทั่งนางมีเลือดไหลออกมาจากจมูก หนานกงอ่าวถึงได้หยุดมือพร้อมกับหอบหายใจเสียงดัง 

 

 

ละครที่กำลังฉายอยู่ตรงหน้าทำเอาเสิ่นถูเลี่ยถึงกับตกตะลึงตาค้าง สกุลซย่า เคยเป็นคณะเปาเปียวที่มีชื่อเสียงมากคณะหนึ่งแห่งอู๋โยว 

 

 

สกุลซย่ามีคุณธรรมเปี่ยมด้วยน้ำใจ มีเพื่อนฝูงมากมาย 

 

 

ปีนั้น คดีฆ่าล้างตระกูลซย่าโด่งดังโจษจันไปทั่วทั้งอู๋โยว เรื่องนี้เสิ่นถูเลี่ยเคยได้ยินบิดาพูดถึงอยู่บ้าง นึกไม่ถึงเลยว่าเรื่องในวันนี้ ได้คลี่คลายปริศนาที่เก็บงำเป็นความลับมาตลอดหลายปีออกมา! 

 

 

หนานกงอ๋าวคนที่จิตใจชั่วช้าสามานย์ น้ำมือเ**้ยมโหดเช่นนี้ จะเป็นผู้นำตระกูลได้อย่างไร? มีคนผู้นี้อยู่ สกุลหนานกงไม่ล่มสลายต่างหากที่จะแปลก  

 

 

แต่ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็ยังคงเป็นซย่าโหวฉิงเทียน 

 

 

“เจ้าไม่ใช่แม่ของข้า?” มองดูใบหน้าที่บวมปูดบอบช้ำที่แทบมองเค้าโครงเดิมไม่ออกของซย่าจื่ออวี้ หัวใจของซย่าโหวฉิงเทียนก็ปั่นป่วนอย่างหนัก 

 

 

เขาเข้าใจมาตลอดว่าซย่าจื่ออวี้คือมารดาบังเกิดเกล้า จึงไม่เคยเข้าใจเลยว่า เพราะอะไรนางถึงได้ปฏิบัติกับเขาเช่นนี้ 

 

 

มาตอนนี้ซย่าจื่ออวี้กลับไม่ใช่มารดาบังเกิดเกล้าของเขาเสียแล้ว นี่มันเรื่องอะไรกัน? 

 

 

“ข้า…ข้า” ซย่าจื่ออวี้เอ่ยปากไม่ออก ตรงกันข้ามกลับเป็นหนานกงอ๋าวเสียอีกที่หยักยิ้มชั่วร้ายออกมา อย่างไรก็หนีไม่พ้นต้องตายอยู่ดี มิสู้ตอกย้ำหัวใจของอีกฝ่ายให้ชอกช้ำอีกสักสามสี่แผลเล่า! 

 

 

“ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้นะ เจ้าคือมารหัวขนที่เกิดกับซย่าจื่ออวี้และไอ้ผู้ชายไม่มีหัวนอนปลายเท้านั่น! ฮ่าๆ!” รอยยิ้มของหนานกงอ๋าวบิดเบี้ยวราวกับปีศาจร้ายอย่างไรอย่างนั้น 

 

 

“ต่อให้ตอนนี้เจ้ายิ่งใหญ่เกรียงไกรมากเพียงใด เจ้าก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงชาติกำเนิดที่ต่ำต้อยของตัวเองได้!” 

 

 

“พ่อของเจ้าคือพวกเร่ร่อน ไร้บ้านให้กลับ ส่วนแม่ของเจ้าก็เป็นพวกใฝ่ต่ำ! พวกมันสองคนแอบลักลอบได้เสียกันจนมีเจ้าเกิดขึ้นมา นับตั้งแต่เจ้าเกิดมาก็ถูกพวกมันทอดทิ้ง เพราะเจ้ามันชั้นต่ำ เจ้าคือความอัปยศ!” 

 

 

“เขา เขาพูดจาเหลวไหล…” 

 

 

เมื่อเห็นว่าหนานกงอ๋าวกำลังใส่ร้ายพี่สาวของตน ซย่าจื่ออวี้ก็โกรธเกรี้ยวอย่างหนัก 

 

 

“เจ้าอย่าไปฟังเขานะ! พี่สาวกับพี่เขยรักกันด้วยใจจริง พวกเขาแต่งงานกันแล้ว ถึงได้มีเจ้า! เด็กดี พ่อแม่ของเจ้ารักเจ้ามากนะ นี่เป็นความจริง!” 

 

 

ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์มักจะตาบอดมองเหตุการณ์ไม่ออก แต่ผู้ที่อยู่ภายนอกกลับมองเรื่อวราวได้ทะลุปรุโปร่ง 

 

 

ตอนนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนจัดว่าเป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วย ดังนั้นจึงเกิดอาการสับสนอย่างหนัก 

 

 

“ในเมื่อพวกเขารักข้า แล้วเหตุใดถึงได้…” 

 

 

เพราะอะไรถึงไม่ต้องการข้า?  

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนจิตใจหดหู่ยิ่งนัก 

 

 

“เพราะว่าพ่อของเจ้าทิ้งแม่ของเจ้าไป ดังนั้นนางถึงไม่ต้องการเจ้า!” หนานกงอ๋าวยังคงเติมเชื้อไฟเยาะเย้ยซย่าโหวฉิงเทียนต่อไป 

 

 

เขาแค้นซย่าชิงอวี้ แค้นนางจนไม่เคยคิดที่จะให้อภัยนางตลอดไป 

 

 

นับตั้งแต่ที่ซย่าชิงอวี้ปฏิเสธความรักของเขา เลือกไอ้ผู้ชายชั้นต่ำคนนั้น ความแค้นที่สุมอยุ่ในอกของหนานกงอ๋าวก็หยั่งรากฝังลึก จนผลิดอกออกผลเป็นความชั่วร้ายอย่างในวันนี้ 

 

 

“ไม่ ไม่ใช่นะ!” เห็นสีหน้าผิดหวังเสียใจของซย่าโหวฉิงเทียน ซย่าจื่ออวี้ก็ร้อนใจขึ้นมาทันที 

 

 

“ไม่ใช่อย่างนั้น!” 

 

 

“เมื่อพี่สาวตั้งครรภ์ พี่เขยดีใจเป็นอย่างมาก เขาเฝ้ารอคอยการเกิดมาของเจ้า ภายหลัง พี่เขยไปคุ้มครองการส่งสินค้า แล้วเกิดเรื่องขึ้นระหว่างทาง พี่เขยจึงไม่ได้กลับมาอีกเลย แต่พี่สาวก็ยังคงตัดสินใจด้วยความหนักแน่นว่าจะต้องให้กำเนิดเจ้าให้จงได้…” 

 

 

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ราวกับซย่าจื่ออวี้นึกอะไรบางอย่างออกมาได้ เพราะจู่ๆนางก็ถลาเข้าไปจับคอเสื้อของหนานกงอ๋าวเอาไว้แน่น 

 

 

“บอกมา เป็นฝีมือเจ้าใช่หรือไม่? เจ้าทำร้ายพี่เขย?” 

 

 

“ฮ่าๆ!” หนานกงอ๋าวหัวเราะเสียงดังจนกระทั่งน้ำหูน้ำตาไหล 

 

 

“ซย่าจื่ออวี้เจ้านี่มันโง่ดักดาน!” 

 

 

“ถูกต้อง ข้าทำเอง! ข้าสั่งให้คนไปซ่อนตัววางกำดักระหว่างทาง ก็เพื่อต้องการฆ่าไอ้คนชั้นต่ำคนนั้น เจ้าคงจะไม่รู้สินนะว่า สุดท้ายมันร่วงตกลงไปจากหน้าผา ร่างกายแหลกเหลวจนแม้แต่ศพก็หาไม่เจอ…” 

 

 

“หนานกงอ๋าว เจ้ามันชั่วช้าจิตใจโหดเ**้ยม! เจ้ามันไม่ใช่คน! เจ้ามันเดรัจฉาน!” ซย่าจื่ออวี้ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าทอชายหน้าเนื้อใจเสือตรงหน้านี้ได้แล้ว 

 

 

คนที่ทำลายความสุขของพี่สาวของนางก็คือเขา! 

 

 

เขาคือตัวการของเรื่องทั้งหมด! แล้วนางยังหลงคิดว่าเขาจะเป็นสามีที่ หลงคิดไปว่าเขาจะเขาจริงใจกับนาง นางมันตาบอด! ความทรงจำที่สูญหายไปไหลหลากกลับมาให้สมองของซย่าจื่ออวี้อย่างรวดเร็วราวกับสายน้ำก็ไม่ปาน 

 

 

ก่อนหน้านี้ซย่าจื่ออวี้จดจำได้เพียงบางส่วน แต่ตอนนี้ ภาพทุกอย่างมันฉายชัดย้อนกลับมาในหัวของนางอีกครั้งราวกับฉายภาพยนตร์ซ้ำไปซ้ำมา 

 

 

“ในเมื่อท่านชอบพี่สาวของข้ามากถึงเพียงนั้น สุดท้ายเพราะอะไร แม้แต่นาง ท่านก็ยังไม่ยอมปล่อย? “ 

 

 

ยิ่งเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น ที่หนานกงอ๋าวบีบบังคับครอบครองข่มเหงร่างกายของซย่าชิงอวี้ต่อหน้าท่านพ่อท่านแม่โดยไม่สนใจว่าภายในของนางกำลังหลั่งเลือดเพราะบอบช้ำจากการคลอดลูกมา สุดท้ายไม่เพียงแต่ทรมานซย่าชิงอวี้จนตาย ทั้งยังทำให้ท่านพ่อโมโหอัดอั้นตันใจจนตาย ซย่าจื่ออวี้ก็รู้สึกขยะแขยง