ตอนที่ 132-2 ต่อให้ตาย ข้าก็จะลากเจ้าไปลงนรกกับข้าด้วย

จำนนรักชายาตัวร้าย

นางอยากจะอาเจียนจนแทบทนหายใจต่อไปไม่ได้แม้เพียงวินาทีเดียว!

 

 

คนที่อยู่เบื้องหน้าของนางในตอนนี้ ไม่สมควรจะเรียกว่าคนด้วยซ้ำ เขามันเดรัจฉาน สัตว์ร้ายแท้ๆ!

 

 

“ทุกอย่างซย่าชิงอวี้บังคับข้า! นางบีบบังคับข้าทั้งนั้น!”

 

 

“นังคนใฝ่ต่ำกลัวว่าข้าจะฆ่าไอ้เด็กนั่น ถึงกับบังคับให้ข้าสาบานด้วยเลือด ว่าจะไม่ทำร้ายมัน นางเคยคิดถึงความรู้สึกของข้าบ้างหรือไม่? นางทำเช่นนี้เท่ากับกำลังใช้มีดแทงเข้าที่หัวใจของข้า!”

 

 

“ในเมื่อ นางรังเกียจข้ามากจนไม่ยินยอมที่จะแต่งงานกับข้า ข้ายิ่งต้องได้ครอบครองนาง!”

 

 

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หนานกงอ๋าวก็บีบคางของซย่าจื่ออวี้ให้หันหน้าเข้าหาตนเอง

 

 

“หากมิใช่ใบหน้านี้ของเจ้ามีส่วนคล้ายคลึงกับพี่สาวของเจ้าอยู่บ้างละก็ เจ้าคิดหรือว่าข้าจะแต่งงานกับเด็กกำพร้าคนหนึ่งแล้วให้นางมาเป็นคุณนายใหญ่ปกครองบ้านอย่างนั้นหรือ? ซย่าจื่ออวี้ เจ้ามันไร้เดียงสาเกินไปจริงๆ!”

 

 

“หนานกงอ๋าว เจ้าทำให้ข้าขยะแขยง! คนเช่นเจ้า ตายไปก็ต้องตกนรก! เจ้าต้องตกนรกหมกไหม้!”

 

 

ซย่าจื่ออวี้ใช้แรงทั้งหมดที่มีวิ่งโถมเข้าชนหนานกงอ๋าวจนเขาล้มลง

 

 

จากนั้นก็ตรงเข้ากัดริมฝีปากของหนานกงอ๋าว แล้วกระชากมันออกมาสุดแรงเกิด สุดท้ายจึงดึงริมฝีปากของหนานกงอ๋าวออกมาได้สำเร็จ

 

 

“อ๊าก!” ริมฝีปากส่วนล่างของหนานกงอ๋าวถูกกัดจนแหว่ง ทำให้เลือดไหลออกมาไม่หยุด

 

 

“นังคนชั้นต่ำ!” หนานกงอ๋าวผลักซย่าจื่ออวี้ออกไปอย่างแรง แล้วคว้ามีดออกมากระหน่ำแทงเข้าไปที่ร่างของซย่าจื่ออวี้ไม่นับ

 

 

แต่ทว่าเขาจ้วงแทงไปได้เพียงสองครั้ง หนานกงอ๋าวก็รู้สึกคล้ายกับจะเป็นลม บาดแผลที่ริมฝีปากด้านล่างเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วง เขาโซซัดโซเซ ถลานั่งลงที่พื้น

 

 

“ที่ปากของเจ้าทายาพิษเอาไว้?” ฉับพลันหนานกงอ๋าวก็นึกขึ้นได้ในทันที ก่อนหน้านี้ในตอนที่อวี้เฟยเยียนให้ตรวจอาการให้กับซย่าจื่ออวี้นั้น นางป้อนยาให้กับซย่าจื่ออวี้ ทั้งยังทาอะไรบางอย่างที่ริมฝีปากให้กับซย่าจื่ออวี้

 

 

ตอนนั้นหนานกงอ๋าวยังคิดว่านั่นคือยาที่ช่วยรักษาปากที่แห้งแตกของซย่าจื่ออวี้ ไหนเลยจะคาดคิดว่านั่นคือยาพิษ!

 

 

หึๆ!

 

 

มองดูหนานกงอ๋าวที่นอนอยู่บนพื้น เริ่มที่จะขยับเขยื้อนร่างกายไม่ได้ ซย่าจื่ออวี้คลานขึ้นไปกัดเข้าที่ใบหูของหนานกงอ๋าว

 

 

“แผลนี้ข้าเอาคืนให้กับพี่สาวของข้า!”

 

 

ว่าแล้วก็กระชากใบหูของหนานกงอ๋าวออกมา ซย่าจื่ออวี้ยังตรงเข้าไปกัดที่จมูกของหนานกงอ๋าวต่อ

 

 

“นี่สำหรับสิ่งที่เจ้าติดค้างท่านพ่อท่านแม่ของข้า!”

 

 

“จื่ออวี้ เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือไร! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

 

 

ใบหูของหนานกงอ๋าวถูกกัดจนเป็นรอยแหว่งขนาดใหญ่ ส่วนจมูกของเขาตอนนี้ก็กลายเป็นบ่อเลือดกวงโบ๋ไปเสียแล้ว

 

 

“ใช่ ข้ามันเป็นบ้าไปแล้ว! ก็เพราะถูกเจ้าบีบบังคับจนเป็นบ้า! หนานกงอ๋าว เจ้าฆ่าคนสกุลซย่าไปกี่คน ข้าก็จะกัดเนื้อของเจ้าเท่าจำนวนนั้น ข้าจะแก้แค้นให้กับพวกเขา!”

 

 

ซย่าจื่ออวี้น้ำตาไหลพราก ลงมือก็เ**้ยมโหด ทุกครั้งที่นางกัดชินเนื้อของหนานกงอ๋าวออกมาก็จะถุยลงที่ข้างตัวหนานกงอ๋าวนั่นเอง

 

 

เมื่อครู่ อวี้เฟยเยียนยังคงสงสัยในคำพูดของซย่าจื่ออวี้ ดังนั้นยาที่ทาริมฝีปากให้กับนางจึงไม่ใช่ยาพิษที่มีพิษถึงชีวิต หากแต่เป็นยาที่ทำให้คนสิ้นเรี่ยวแรง ชาไปทั่วร่างเท่านั้น

 

 

และก่อนที่จะทายาทนั้นลงไป อวี้เฟยเยียนได้ป้อนยาถอนพิษให้กับซย่าจื่ออวี้แล้ว

 

 

ตอนนี้สถานการณ์ทั้งหมดได้กลับตาลปัตร หนานกงอ๋าวที่เคยเป็นฝ่ายจ้วงแทงซย่าจื่ออวี้นับครั้งไม่ถ้วนโดยไม่คำนึงถึงความเป็นสามี ภรรยากันมาก่อน

 

 

บัดนี้ เป็นซย่าจื่ออวี้ที่กลายร่างนางพญาแค้น กัดเอาเนื้อของหนานกงอ๋าวออกมาที่ละชิ้นทีละชิ้นเพื่อระบายความแค้น

 

 

ทว่าซย่าจื่ออวี้ก็หลงลืมไปว่าตนเองก็บาดเจ็บเช่นกัน อีกทั้งบาดแผลของนางกำลังหลั่งเลือด ตอนนี้นางกลับออกแรงสุดชีวิตเพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนในครอบครัวที่ตายไป

 

 

“จื่ออวี้ ข้าผิดไปแล้ว เจ้าอย่าฆ่าข้า ข้าผิดไปแล้วจริงๆ!”

 

 

“ข้าชอบเจ้าด้วยใจจริง!”

 

 

เมื่อครู่คำก็นังคนชั้นต่ำ สองคำก็นังชั้นต่ำ หนานกงอ๋าวที่ด่าทอลบหลู่ซย่าจื่ออวี้ต่างๆนานา เพียงครู่เดียวก็กลับคำกลายเป็นขอร้องอ้อนวอนหญิงที่กำลังคุ้มคลั่งอย่างซย่าจื่ออวี้ที่อยู่ตรงหน้าเสียแล้ว

 

 

“จื่ออวี้ จะชั่วดีอย่างไร เราสองคนก็เป็นผัวเมียกันมายี่สิบกว่าปี เจ้าไม่เห็นแก่หน้าชีก็เห็นแก่หน้าพระบ้าง!” หนานกงอ๋าวเจ็บปวดจนต้องร้องครวญคราง

 

 

ที่ใบหน้า ลำคอ ไหล่ หรือหน้าอกของหนานกงอ๋าว ตอนนี้ล้วนแต่เต็มไปด้วยบาดแผลเว้าแหว่งน้อยใหญ่เปื้อนเลือดเต็มไปหมด จนตอนนี้หนานกงอ๋าวขยับเขยื้อนร่างกายไม่ไหว ต้องยอมกลายเป็นเนื้อปลา ที่ใครจะตัด สับ บด อย่างไรก็ได้เสียแล้ว

 

 

ความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อกรใดๆเช่นนี้ มันนำพาซึ่งความหวาดกลัวอย่างที่สุดมาให้ ขณะเดียวกันมันก็ปลุกความทรงจำของหนานกงอ๋าวขึ้นมา ตอนนั้น ขณะที่หนานกงอ๋าวข่มเหงรังแกซย่าชิงอวี้นั้น นางก็ไร้สิ้นเรี่ยวแรงเจ็บปวดหวาดกลัวถึงเพียงนี้เช่นกันสินะ

 

 

นี่คือ…กรรมตามสนองใช่ไหม?

 

 

“ถุย!”

 

 

ซย่าจื่อกัดเนื้อในปากของหนานกงอ๋าว แล้วถุยลงบนใบหน้าของเขา

 

 

“สามีภรรยา? ยิ่งเจ้าพูดถึงมันข้าก็ยิ่งขยะแขยง! ข้ารู้สึกสกปรกตัวเองอย่างที่สุด ทั้งเนื้อทั้งตัวของข้าสกปรกโสโครกเสียจนข้าอยากจะอาเจียน! ข้าแค้นตัวข้าเอง!”

 

 

“จื่ออวี้ เจ้าอย่าทำอย่างนี้ จื่ออวี้…”

 

 

คำพูดของหนานกงอ๋าว ปลุกความทรงจำของความเป็นสามีภรรยาที่เคยรักกันหวานชื่นของเขากับซย่าจื่ออวี้ขึ้นมาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

 

 

สำหรับซย่าจื่ออวี้แล้ว การที่เขาพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเท่ากับเป็นการย้ำเตือนความโง่เขลาของนาง มันคือความอัปยศที่ไม่มีทางจะลบเลือนให้หมดไปได้ ซึ่งมันยิ่งเป็นการตอกย้ำซย่าจื่ออวี้ให้มากขึ้นไปอีก

 

 

“ข้าต้องแก้แค้น! ข้าต้องแก้แค้น!”

 

 

ในดวงตาของซย่าจื่ออวี้ดวงไฟแห่งความเคียดแค้นกำลังลุกโชน

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสายตาเยือกเย็น ทั้งไม่ได้ห้ามปรามแต่อย่างใด

 

 

เขาได้คิดไตร่ตรองเรื่องราวราวทุกอย่างถี่ถ้วนดีแล้ว ที่แท้ ตัวการแห่งโศกนาฏกรรมนี้ทั้งหมด ล้วนมาจากหนานกงอ๋าวทั้งสิ้น ดังนั้นเขาจึงสมควรที่จะรับโทษ

 

 

แต่สำหรับซย่าจื่ออวี้ ซย่าโหวฉิงเทียนกำลังรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก

 

 

‘แค้น? หรือไม่’

 

 

ทว่า เขาก็ยังคงมิอาจรู้สึกดีกับบุคคลที่ทำร้ายชีวิตของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าได้

 

 

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ให้พวกเขาจบบุญคุณความแค้นระหว่างกันด้วยตัวของพวกเขาเองเถอะ บางที นี่อาจจะเป็นจุดจบที่ดีที่สุด

 

 

รู้ดีว่าตอนนี้ซย่าโหวฉิงเทียนกำลังรู้เจ็บปวด อวี้เฟยเยียนจึงเข้าไปยืนข้างกายเขาเอื้อมมือเข้าไปใช้แขนคล้องแขนเขาเอาไว้แล้วใช้มือประสานกับมือของเขาแน่น ให้นิ้วทั้งห้านิ้วสัมผัสกัน

 

 

นางเลือกใช้วิธีการที่ไร้เสียง แสดงออกถึงความรักและสงสารของตนเองที่มีต่อซย่าโหวฉิงเทียน

 

 

หากไม่มีหนานกงอ๋าว พ่อแม่ของซย่าโหวฉิงเทียนก็คงจะยังอยู่ เขาก็จะได้มีครอบครัวพร้อมหน้า ได้เติบโตขึ้นมาท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยความรักและความสุข

 

 

เพียงแต่ว่า ความสุขที่แสนสวยงามนี้ถูกหนานกงอ๋าวทำลายลงไปเสียแล้ว

 

 

ต่อให้หนานกงอ๋าวตายไปก็ไม่สามารถชดใช้ความผิดได้ ไม่มีทางชดเชยความรักของพ่อและแม่ที่ซย่าโหวฉิงเทียนขาดไปได้ ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงยังไม่กล่าวอะไรออกมาเลย เสิ่นถูเลี่ยและอาหูจึงทำได้เพียงแต่ยืนดูอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ

 

 

เรื่องที่ได้พบเห็นในวันนี้เข้มข้นดุเดือนยิ่งกว่านิยายในหนังสือเป็นร้อยเท่า ซึ่งมันเกินกว่าที่คนทั่วไปจะรับไหวเอาไว้มาก

 

 

หนานกงอ๋าวไม่คู่ควรที่จะมีชีวิตเกิดมาบนโลกนี้ด้วยซ้ำ!

 

 

เสิ่นถูเลี่ยจ้องมองแผ่นหลังตั้งตรงของซย่าโหวฉิงเทียน ในใจก็ทอดอาลัย

 

 

เทียบกับซย่าโหวฉิงเทียนแล้ว ชีวิตของเขามีความสุขกว่ามากนัก

 

 

สมาชิกทุกคนในตระกูลเสิ่นรักใคร่ปรองดองกันดี ท่านพ่อท่านแม่ก็รักกันหวานชื่น พี่น้องก็รักและมีแต่ความปรารภนาดีให้กัน เขาได้เติบโตขึ้นมาท่ามกลางครอบครัวที่รักใคร่กลมเกลียวกัน นับเป็นวาสนาไม่รู้เท่าไหร่แล้วของเขา บางที อาจเป็นเพราะโชคชะตาของซย่าโหวฉิงเทียนโดหร้ายเกินไป ถึงต้องพบพานกับความโชคร้าย ความยากลำบากมาเพื่อให้ได้ฝึกฝนตัวเองจนกระทั่งมีทุกสิ่งทุกอย่างเฉกเช่นในวันนี้ได้

 

 

เหมือนดั่งที่อวี้เฟยเยียนกล่าวเอาไว้ เทียบกับซย่าโหวฉิงเทียนแล้ว เขาก็เป็นเพียงดอกไม้ในห้องที่แสนอบอุ่นเท่านั้น

 

 

ชายที่อยู่เบื้องหน้าของเขานี้ ควรค่าแก่การคารพยกย่อง เป็นแบบอย่างให้กับเขาได้เรียนรู้!

 

 

ซย่าจื่ออวี้กัดเนื้อของหนานกงอ๋าวจนเจ็บระบมฟันไปหมด นั่นทำให้นางรู้สึกเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย ซย่าจื่ออวี้หอบหายใจแรงแล้วเข้าไปหยิบอาวุธที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา

 

 

ในเมื่อนางไม่มีเรี่ยวแรงที่จะกัดชิ้นเนื้อของหนานกงอ๋าวอีกต่อไป ก็จะใช้อาวุธนี้เฉือนเนื้อของเขาออกมาก็นับเป็นการแก้แค้นหนานกงอ๋าวใช้เลือดล้างเลือดเช่นกัน