ตอนที่ 132-3 ต่อให้ตาย ข้าก็จะลากเจ้าไปลงนรกกับข้าด้วย

จำนนรักชายาตัวร้าย

“ท่านแม่…ท่านแม่…” ในขณะที่ซย่าจื่ออวี้กำลังจะลงมือนั่นเอง เสียงอ่อนแอแผ่วเบาก็ดังแว่วเข้ามา 

 

 

หนานกงเช่อนอนอยู่บนบันไดหินที่ห่างออกไปไม่ไกล เขาสลบไปและเพิ่งจะได้สติขึ้นมา เมื่อลืมตาตื่นขึ้นก็ต้องพบกับฉากที่ซย่าจื่ออวี้กำลังเข่นข้าหนานกงอ๋าวทั้งหมดนี่เข้าให้ 

 

 

“ท่านแม่ นั่นคือท่านพ่อนะ ท่านอย่าทำร้ายท่านพ่อเลย…” 

 

 

เมื่อหนานกงเช่อตะเกียดตะกาย เขาก็รู้สึกเจ็บปวดที่บาดแผลอย่างแสนสาหัส เขาขยับเพียงเล็กน้อยก็รู้สึกราวกับว่าลมหายจกำลังจะหลุดลอยอย่างไรอย่างนั้น 

 

 

“ท่านแม่ อย่า…” เมื่อได้ยินเสียงเรียกของหนานกงเช่อ ซย่าจื่ออวี้ก็หันกลับไปมอง จึงได้เห็นหนานกงเช่อที่เลือดท่วมตัวนอนอยู่นั่น 

 

 

หากเป็นเมื่อก่อน นางเห็นลูกชายสุดที่รักตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น นางคงจะรู้สึกสงสารจับใจ แทบอยากที่จะไปจับตัวไอ้คนที่ทำร้ายลูกชายของนางมาแก้แค้นเสียในทันที แต่ตอนนี้กลับไม่ใช่อีกแล้ว 

 

 

การมีชีวิตอยู่ของหนานกงเช่อเท่ากับเป็นการย้ำเตือนซย่าจื่ออวี้ ว่านางเป็นภรรยาของศัตรู ทั้งยังมีลูกชายลูกสาวให้กับศัตรูอีกด้วย 

 

 

นางเคยครวญครางด้วยความสุขสมใต้ร่างของศัตรู ในขณะที่นางกำลังบำเรอความสุขให้กับเขา เรียกพ่อแม่ของศัตรูว่าท่านพ่อท่านแม่ ทว่ากลับไม่ได้ร่วงรู้เลยว่าพ่อแม่ของตนเองตลอดจนชาวสกุลซย่ากำลังร่ำไห้เพราะถูกให้ร้ายจนตาย นางมันอกตัญญู ! 

 

 

ตั้งแต่ต้นจนจบนางมันเป็นคนเลว! 

 

 

“เช่อเอ๋อร์…” ซย่าจื่ออวี้กัดฟันลุกขึ้นยืน แล้วเดินโซซัดโซเซเข้าไปหาหนานกงเช่อ 

 

 

“ท่านแม่…” 

 

 

เมื่อเห็นว่าซย่าจื่ออวี้ไม่ได้ทำร้ายหนานกงอ๋าวอีกต่อไป หนานกงเช่อก็เผยรอยยิ้มออกมา 

 

 

“ท่านแม่ เจ้าปีศาจน้อยใช่หรือไม่ที่ยุแหย่ให้ท่านพ่อและท่านแม่แตกคอกัน? มันเห็นพวกเราเป็นสุขไม่ได้ จริงๆนะ…เจ้าปีศาจน้อยชั่วร้ายที่สุด ท่านแม่อย่าเชื่อมันนะ! พวกเราต่างหากที่เป็นครอบครัวเดียวกัน!” 

 

 

เมื่อได้เห็นว่าจนกระทั่งถึงตอนนี้แล้ว หนานกงเช่อก็ยังสาดโคลนใส่ซย่าโหวฉิงเทียนไม่เลิก อวี้เฟยเยียนก็โกธเกรี้ยวขึ้นมา 

 

 

ล้อเล่นใช่ไหม! 

 

 

จะตายอยู่รอมล่อแล้ว ยังให้ร้ายคนอื่นอยู่ได้!  

 

 

“หนานกงเช่อ เจ้านี่มันหน้าด้านหน้าทนยิ่งนัก? ทั้งๆที่เจ้าเองสุขภาพร่างกายแข็งแรงดีทุกอย่าง กลับยังมานั่งปั้นหน้าแกล้งป่วยอยู่ได้ ทั้งยังเอ่ยปากปาวๆว่าต้องเปลี่ยนหัวใจเท่านั้น หรือว่าทั้งหมดนี้เจ้าไม่ได้อย่าให้ร้ายฉิงเทียนเลยหรือ?” 

 

 

เมื่อได้ยินอวี้เฟยเยียนกล่าวโทษ หนานกงเช่อก็ทอดถอนใจ 

 

 

“ใช่ ข้าแค้นมัน! ข้าอยากจะให้มันตาย! เพราะมันร้ายจนน้องสาวของข้าจนนางต้องตาย เพราะมัน!” 

 

 

คำพูดของหนานกงเช่อทำลายความเมตตาที่ยังคงหลงเหลือเพียงน้อยนิดในใจของซย่าจื่ออวี้ให้ดับสูญลงไปไม่มีเหลือ 

 

 

สมกับที่เป็นลูกของหนานกงอ๋าวจริงๆ! คำพูดคำจาและการกระทำต่ำช้าไร้ยางอายเหมือนกันกับหนานกงอ๋าวโดยไม่มีผิดเพี้ยน! 

 

 

หนานกงเช่อถึงกับแกล้งป่วย จุดประสงค์ก็เพื่อจะหลอกใช้นางให้ฆ่าลูกในไส้ของตัวเอง? จิตใจชั่วช้าสามานย์ยิ่งนัก! เพราะอะไรนางถึงได้ให้กำเนิดลูกเช่นออกมาได้? 

 

 

หากรู้เช่นนี้ นางคงจะเอาขี้เถ้ายัดปากเขาให้ตายไปตั้งเกิดแล้ว! 

 

 

ในตอนที่หนานกงเช่อกำลังจะเอ่ยปากต่อไปนั่นเอง ดาบอันแหลมคมในมือของซย่าจื่ออวี้ก็จ้วงแทงเข้าที่หัวใจของเขาโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว 

 

 

“อึก——” 

 

 

หนานกงเช่อกระอักเลือดออกมาจำนวนมาก จนสาดกระเซ็นบนใบหน้าของซย่าจื่ออวี้ 

 

 

“ท่าน…แม่” 

 

 

หยดเลือดไหลจากคิ้วของซย่าจื่ออวี้หล่นลงเข้าไปในดวงตาของหนานกงเช่อ ทันใดนั้น ดวงตาของเขาจึงเห็นเป็นสีเลือดทั้งหมด 

 

 

“ซย่าจื่ออวี้ เจ้าทำอะไรนะ! เช่อเอ๋อร์! ลูกชายของข้า!” 

 

 

หนานกงอ๋าวร้องขึ้นด้วยความคลั่งแค้น แม้ว่าร่างกายของเขาจะขยับไม่ได้ แต่เขาก็เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง 

 

 

และมันเจ็บปวดทรมานเสียยิ่งกว่าฆ่าเขาให้ตายเสียอีก 

 

 

“หึๆ…ฮ่าๆ” ซย่าจื่ออวี้หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง จนกระทั่งหอบหายใจแรงอย่างคนหายใจไม่ทัน นางดึงมีดออกมาอย่างแรงแล้วกระซวกเข้าไปที่ร่างของหนานกงเช่ออีกครั้งด้วยแรงทั้งหมดที่มี 

 

 

‘ท่านแม่ เพราะอะไรท่านถึงทำเช่นนี้?’ 

 

 

หนานกงเช่อไม่มีวันได้ถามคำถามนั้นอีกต่อไป เพราะเขาได้สิ้นใจตายเสียแล้ว 

 

 

เมื่อเห็นดวงตาของหนานกงเช่อค้างเติ่งไร้แวว มีเลือดไหลออกมาจากปากและจมูก ไม่มีลมหายใจ ซย่าจื่ออวี้ถึงได้ทรุดลงกับพื้น 

 

 

“ซย่าจื่ออวี้ เจ้าต้องไม่ตายดี!” 

 

 

หนานกงอ๋าวร้องตะโกนขึ้นราวกับสัตว์ป่าที่กำลังบาดเจ็บอย่างไรอย่างนั้น ลูกชายเพียงคนเดียวของเขาไม่เหลือแล้ว สกุลหนานกงไร้ซึ่งทายาท สิ้นลูกหลานโดยสมบูรณ์! 

 

 

“ข้าจะต้องไม่ตายดี?” ซย่าจื่ออวี้พิงบันไดหินท่าทางซวนเซ ปากก็ยิ้มเยาะหนานกงอ๋าว 

 

 

“คนอกตัญญูไร้คุณธรรมเช่นข้า สมควรจะลงนรกตั้งนานแล้ว! ข้าทำเรื่องชั่วข้ามาตั้งมากมาย สมควรที่จะตกนรกหมกไหม้ไม่ได้ผุดได้เกิดด้วยซ้ำ!” 

 

 

“แต่เจ้า หนานกงอ๋าว จุดจบของเจ้าก็ไม่ได้ดีไปกว่าข้า!” 

 

 

“เจ้าดูสิ ลูกสาวลูกชายของเจ้าตายหมดแล้ว ส่วนเจ้าในตอนนี้ก็ต้องตายเช่นกัน หนานกงอ๋าวเจ้าสิ้นลูกสิ้นหลาน! สกุลหนานกงล่มสลายด้วยน้ำมือของเจ้า เจ้าตายไปแล้วจะไปสู้หน้าบรรพชนสกุลหนานกงได้อย่างไร? เจ้ายังมีหน้าไปพบพวกเขาอีกหรือ?” 

 

 

“ซย่าจื่ออวี้ เช่อเอ๋อร์คือลูกชายแท้ๆของเจ้า! ลูกในไส้ของเจ้า! เสือร้ายยังไม่กินลูกเลย!” 

 

 

หนานกงอ๋าวถลึงตาจ้องมองซย่าจื่ออวี้ด้วยความเจ็บแค้น หากว่าสายตาของเขาอาบยาพิษเอาไว้ละก็ ซย่าจื่ออวี้คงจะตายไปเป็นร้อยครั้งพันครั้งแล้ว  

 

 

“ลูกในไส้?” เมื่อได้ยินคำนี้ ซย่าจื่ออวี้ก็ทั้งหัวเราะและร้องไห้ในเวลาเดียวกัน 

 

 

“เขาต่างหากคือความอัปยศที่แท้จริง เหมือนกันกับหลิงเอ๋อร์ ที่มิสมควรเกิดมาบนโลกนี้ด้วยซ้ำ พวกเขาตายไปนะดีแล้วทุกอย่างจะได้จบสิ้น!” 

 

 

“เจ้า เจ้า…” 

 

 

หนานกงอ๋าวโกรธเกรี้ยวอย่างที่สุด ใบหน้าที่เว้าแหว่งของเขาเริ่มถมึงทึงน่าหวาดกลัว 

 

 

“ข้าจะฆ่าเจ้า!” 

 

 

“ฆ่าข้า?” 

 

 

ซย่าจื่ออวี้ใช้มือค้ำยันขั้นบันได ค่อยๆประคองร่างของตนเองขึ้นมา อาวุธที่อยู่ในมือโชกชุ่มไปด้วยเลือดของหนานกงเช่อ 

 

 

“ข้าต่างหากที่สมควรพูดประโยคนี้!” 

 

 

เมื่อเห็นซย่าจื่ออวี้ค่อยๆก้าวเข้ามาหาทีละก้าว แววตาของหนานกงอ๋าวก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว 

 

 

“ไม่…ไม่ อย่าฆ่าข้า!” 

 

 

หนานกงอ๋าวหวาดกลัวอย่างที่สุด ผู้หญิงคนนี้เป็นบ้าไปแล้ว นางเป็นคนบ้า! 

 

 

หนานกงอ๋าวหวาดกลัว กลัวว่าจะต้องตายเฉกเช่นเดียวกับหนานกงเช่อเมื่อครู่ 

 

 

ไม่สิ! 

 

 

ซย่าจื่ออวี้จะต้องไม่ยอมให้เขาตายอย่างสบาย นางจะต้องใช้สารพัดวิธีมาทรมานเขา ลบหลู่ดูหมิ่นเขา! 

 

 

“หนานกงอ๋าว ในอดีตพี่สาวของข้าเคยขอร้องจ้าอย่างไรบ้าง ท่านพ่อท่านแม่ของข้าเคยขอร้องเจ้าอย่างไรบ้าง ยังมีคนในตระกูลซย่า…แต่เจ้าเคยปล่อยพวกเขาไปไหม! เพราะอะไรเจ้าถึงทำร้ายพวกเขา! เพราะอะไร!” 

 

 

ซย่าจื่ออวี้ราวกับเสียสติก็ไม่ปาน กระหน่ำแทงไปที่ร่างของหนานกงอ๋าวไปมั่วซั่วไม่มียั้ง 

 

 

เส้นผมสีขาวของนางสางขยายรุงรัง ทั้งบนศีรษะ ใบหน้า เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด มองดูแล้วก็ให้น่าตกใจยิ่งนัก 

 

 

เสียงของหนานกงอ๋าวอ่อนลงเรื่อยๆ สุดท้ายก็ราวกับว่าหลอดลมของเขาถูกอะไรบางอย่างอุดเอาไว้เพราะเปล่งออกมาได้เพียงแค่เสียง ‘เอ่อ’ เท่านั้น 

 

 

ซย่าจื่ออวี้หมดสิ้นซึ่งเรี่ยวแรง แต่ทว่าแค้นของนางยังมิได้สะสาง  

 

 

มือทั้งสองข้างที่กำอาวุธอยู่นั้นสั่นเทาเล็กน้อย มีดนั้นวาดไปมาอยู่ที่ทรวงอกของหนานกงอ๋าวอยู่เป็นนาน จนในที่สุดซย่าจื่ออวี้ก็ปักลงไปอย่างแรง ด้วยเกรงว่าเรี่ยวแรงของตัวเองจะไม่เพียงพอ นางจึงโถมร่างทั้งร่างกดทับอาวุธนั้นลงไป 

 

 

“เจ้า…” 

 

 

หนานกงอ๋าวกระอักเลือดออกมาอีกกองใหญ่ จนกระทั่งขาดใจตายในที่สุดแต่ดวงตาของเขาก็ยังเบิ่งกว้างคล้ายกลับไม่ยินยอมที่จะให้ทุกอย่างจบลงเช่นนนี้ 

 

 

ตึ่ง! 

 

 

ซย่าจื่ออวี้ทรุดลงที่พื้น หายใจรวยริน หากมิใช่ว่าทรวงอกของนางยังกระเพื่อมขึ้นกระเพื่อมลงแผ่วเบาอยู่ละก็ นางก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายไปแล้ว 

 

 

“ลูกเอ๋ย…” ซย่าจื่ออวี้รู้ตัวดีว่า วินาทีสุดท้ายของชีวิตกำลังจะมาถึงแล้ว มันใกล้เข้ามาทุกขณะ 

 

 

นางกำลังจะตาย 

 

 

แต่ว่า นางยังมีเรื่องที่ยังสะสางไม่เสร็จ  

 

 

ซย่าจื่ออวี้จึงเอื้อมมือไปด้านหน้า หันไปทางชายหนุ่มในชุดสีม่วง 

 

 

“เจ้าจริงๆหรือ?” 

 

 

มองเห็นร่างโชกเลือดที่นอนอยู่บนพื้นแล้ว ซย่าโหวฉิงเทียนก็เจ็บปวดใจยิ่งนัก ซย่าจื่ออวี้ใช้วิธีการสุดโต่งเพื่อแก้แค้นให้กับสกุลซย่า ขณะเดียวกันก็แลกมาด้วยชีวิตทั้งชีวิตและความตายของนาง 

 

 

“ข้าเอง!” 

 

 

หลังจากที่มีเสียงกระดูกโครงสร้างของร่างกายขยับเขยื้อน ซย่าโหวฉิงเทียนก็กลับคืนสู่ร่างเส้นผมสีเงินดวงตาสีม่วงดังเดิม 

 

 

“เจ้าชื่อ…ฉิงเทียน?” ซย่าจื่ออวี้รวบรวมเรี่ยวแรงอันน้อยนิดที่ยังหลงเหลืออยู่ฉีกยิ้มออกมา เพียงแต่ใบหน้าของนางเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือด จึงไม่หลงเหลือเค้าโครงหน้าตาเดิมให้เห็นอีกต่อไป