ตอนที่ 132-4 ต่อให้ตาย ข้าก็จะลากเจ้าไปลงนรกกับข้าด้วย

จำนนรักชายาตัวร้าย

“ถูกต้อง ข้าชื่อซย่าโหวฉิงเทียน!” ซย่าโหวฉิงเทียนค่อยๆเดินเข้ามาหา นั่งยองๆลงตรงหน้าซย่าจื่ออวี้

 

 

“เด็กดี…น้าผิดต่อเจ้า…น้าไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่! เจ้าจะให้อภัยน้าได้ไหม?” มืออันเย็นเยียบของซย่าจื่ออวี้เอื้อมจับฉายเสื้อของซย่าโหวฉิงเทียน

 

 

ซย่าจื่ออวี้ในตอนนี้ไม่หลงเหลือความงามดั่งเช่นเมื่อก่อนอีกต่อไป นางผ่ายผอมจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคน ทั้งเนื้อทั้งตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด

 

 

ซย่าจื่ออวี้ในความทรงจำของซย่าโหวฉิงเทียนเป็นหญิงที่รักสวยรักงามที่สุด ใส่ใจภาพลักษณ์ภายนอกของตนเองที่สุด แต่ดูนางในตอนนี้สิ มองเห็นเค้าความงามเฉกเช่นวันเวลายามเก่าก่อนที่ไหนกัน?

 

 

ชายเสื้อของซย่าโหวฉิงเทียนสั่นไหวเล็กน้อย ยังมิทันรอคอยที่ซย่าโหวฉิงเทียนจะเอ่ยตอบ ซย่าจื่ออวี้ก็เริ่มหนาวเหน็บจนเนื้อตัวสั่นเทาไปทั้งร่าง

 

 

“ข้าต้องไปพบพี่สาวแล้ว…ยังมีท่านพ่อท่านแม่…พวกเขาคงจะไม่ยอมที่จะพบข้า พวกเขาคงจะไม่ยอมให้อภัยข้าเป็นแน่…” ซย่าจื่ออวี้เริ่มตัวสั่นอย่างรุนแรง นางรับรู้ได้เป็นอย่างดีว่า ตนเองกำลังก้าวเข้าใกล้ยมบาลเข้าไปทุกขณะ

 

 

ความตาย สำหรับนางแล้วอาจเป็นหนทางที่นำนางไปสู่การหลุดพ้น

 

 

แต่ว่า เมื่อตายแล้ว นั่นก็หมายความว่านางจะต้องไปพบหน้าบรรพชนที่ล่วงลับไปก่อนหน้านี้

 

 

นางก่อกรรมทำเข็ญมามาก แล้วจะมีหน้าไปพบพวกเขาได้อย่างไรกัน?

 

 

“ฉิงเทียน น้าขอร้อง…ขอร้องเจ้า…เผาร่างของข้าเสีย แล้วนำเถ้ากระดูกไปลอยแม่น้ำ! เพราะข้าสกปรกเหลือเกิน…ไม่คู่ควรกลับคืนสู่สกุลซย่า…ไม่คู่ควร…”

 

 

เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ ดวงตาอันสวยงามของซย่าจื่ออวี้ก็ไร้แววแสง นางพยายามที่ลืมตาขึ้นมองดูใบหน้าของซย่าโหวฉิงเทียนอีกครั้ง ทว่ากลับมองอะไรไม่เห็นอีกเลย

 

 

“ข้าให้อภัยท่าน!” ซย่าโหวฉิงเทียนก้มหน้าลง ความเจ็บปวดขมขื่นหลั่งไหลเข้ามาในหัวใจ ญาติสนิทเพียงหนึ่งดียวที่มีสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเขาจากโลกนี้ไปแล้ว

 

 

“ข้าให้อภัยท่าน ท่านน้า”

 

 

คล้ายกับว่าได้ยินเสียงเอื้อนเอ่ยให้อภัยจากซย่าโหวฉิงเทียน หยาดน้ำตาอุ่นใสแวววาวไหลงมาอาบแก้มซย่าจื่ออวี้ ร่วงหล่นลงบนพื้น รดเรือนร่างที่คลุกฝุ่นซึ่งเปรียบดั่งชีวิตของนางที่เปรอะเปื้อนความสกปรกชั่วร้ายมาตลอดชีวิต

 

 

“ดีจริงๆ…” ซย่าจื่ออวี้ค่อยๆปิดเปลือกตาลงริมฝีปากหยักยิ้มเบาบาง

 

 

“อ๊าก”

 

 

การตายซย่าจื่ออวี้ ทำให้ความกดดันความอึดอัดในใจของซย่าโหวฉิงเทียนระเบิดออกมา เขาเงยหน้าขึ้นฟ้าร้องตะโกนออกมาเสียงดังสนั่น สองมือกำแน่น ดวงตาวาวโรจน์แดงก่ำ เสิ้นผมสีเงินปลิวสยาย

 

 

ตึ่งๆ!

 

 

เสียงแผ่นดินสั่นสะเทือน สิ่งก่อสร้างต่างๆกำลังสั่นไหว

 

 

“แย่แล้ว!”

 

 

เสิ่นถูเลี่ยเข้ามายืนบังอยู่ที่เบื้องหน้าของอวี้เฟยเยียน รั้งนางเข้ามาในอ้อมกอด

 

 

ขณะเดียวกัน ลำแสงสีม่วงอันทรงพลังก็สะท้อนออกมาจากร่างของซย่าโหวฉิงเทียน ราวกับแรงกระเพื่อมของคลื่นน้ำ ในลำน้ำก็ไม่ปาน แผ่ซ่านไปทั่วทุกทิศทาง

 

 

“แผ่นดินไหวแล้ว! แผ่นดินไหว!”

 

 

ฉับพลันชาวเมืองที่กำลังเฝ้าสังเกตการณ์อยู่นั้นต่างวิ่งออกจากบ้านเรือนมายังที่โล่งด้านนอกทันที

 

 

เมื่อยักษ์ใหญ่โกรธเกรี้ยว แผ่นดินขุนเขาจึงต้องหลั่งเลือด

 

 

ภูเขาทั่วทั้งเมืองสั่นสะเทือน จวนสกุลหนานกงทั้งหมดถล่มราบลงมา ฝังกลบสกุลทุกชีวิตของสกุลหนานกง ทุกชีวิตที่ก่อกำเนิดมา ณ สกุลหนานกงนับตั้งแต่เมืองอู๋โยวถือกำเนิดขึ้น ต้องดับมอดลงพร้อมกัน

 

 

“ฉิงเทียน หยุดนะ! เจ้าทำเช่นนี้จะทำร้ายเสี่ยวอวี้นะ!”

 

 

เสิ่นถูเลี่ยเดือดพล่าน เทพอาวุโสปะทุพลังออกมา เขาที่เป็นเพียงจักรพรรดิอาวุโสไหนเลยจะทานรับเอาไว้ได้ไหว ยิงมิต้องพูดถึงอวี้เฟยเยียนที่เป็นเพียงจอมปราชญ์อาวุโสเท่านั้น

 

 

“ซย่าโหวฉิงเทียน! ตื่น!”

 

 

ทว่าเสียงของเสิ่นถูเลี่ยไม่สามารถเรียกคืนสติของซย่าโหวฉิงเทียนกลับคืนมาได้สำเร็จ

 

 

เมื่อเห็นอวี้เฟยเยียนยิ่งเจ็บปวดทรมานมากขึ้น เสิ่นถูเลี่ยจึงชักดาบของตนเองออกมา ต้านพลังของซย่าโหวฉิงเทียนเอาไว้

 

 

“อ๋าว——บรู๊ว——”

 

 

วินาทีที่สถานการณ์กำลังคับขันนั่นเอง หานจื่อก็กระโจนเข้าใส่ซย่าโหวฉิงเทียน จนกระทั่งเขาล้มลงบนพื้น หยุดยั้งโศกนาฏกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ทันเวลา

 

 

“อ๋าว——บรู๊ว——” เสียงคำรามเสียงดังสนั่นของหานจื่อ ทำให้แววตาวาวโรจน์แดงก่ำของซย่าโหวฉิงเทียนค่อยๆกลับคืนสู่ภาวะปกติ

 

 

“อ๋าว——บรู๊ว——” ยิ่งเมื่อเห็นเสิ่นถูเลี่ยกำลังโอบกอดอวี้เฟยเยียนอยู่ ยิ่งทำให้เขาได้สติขึ้นมาโดยสมบูรณ์

 

 

เขาสมควรตายยิ่งนัก! นี่เขาเกือบจะทำร้ายแมวน้อย!

 

 

“แมวน้อย เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนโผลเข้าไปหาอวี้เฟยเยียน แล้วประคองนางให้นั่งลง

 

 

“ข้าไม่เป็นไร….” ใบหน้าดวงน้อยของอวี้เฟยเยียนซีดขาวจนไม่หลงเลือดสีเลือด ในที่สุดนางก็ได้รู้ซึ้งถึงพลังความร้ายกาจแห่งเทพอาวุโสขั้นปลาย น่ากลัวเหลือเกิน

 

 

“พี่ขอโทษ! ขอโทษด้วย!” เสียงขอโทษจากซย่าโหวฉิงเทียนดังขึ้นสองครั้ง สำหรับอวี้เฟยเยียน และเสิ่นถูเลี่ย

 

 

สำหรับอาการคุ้มคลั่งของซย่าโหวฉิงเทียน เสิ่นถูเลี่ยสามารถเข้าใจได้ จู่ๆเขาก็ได้รับรู้ถึงชาติกำเนิดของตนเอง ทั้งยังเจ็บปวดถึงเพียงนี้ ให้เป็นใครก็คงรับไม่ไหวด้วยกันทั้งนั้น

 

 

แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ได้ทำให้อวี้เฟยเยียนบาดเจ็บอยู่ดี!!    

 

 

“อย่าใช้ความผิดพลาดของผู้อื่นลงโทษตัวเอง นี่เป็นเรื่องที่คนโง่เขลาเท่านั้นที่จะทำ”

 

 

การกระทำของเสิ่นถูเลี่ยราวกับพี่ใหญ่ที่กำลังเตือนสติซย่าโหวฉิงเทียนก็ไม่ปาน

 

 

“ขอบคุณ…” ซย่าโหฉิงเทียนก้มหน้าลงต่ำ ตั้งแต่เล็กจนโตเขาก็ควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยมเสมอมา น้อยนักที่จะควบคุมตัวเองไม่ได้เฉกเช่นนวันนี้

 

 

ในขณะที่ซย่าโหวฉิงเทียนกำลังกล่าวโทษตัวเองอยู่นั้น มือเรียวงามก็เอื้อมเข้ามากุมมือของเขาเอาไว้

 

 

“ท่านยังมีข้า! ข้าจะอยู่คอยอยู่เคียงข้างท่าน! ข้าจะไม่จากท่านไปไหน!”

 

 

น้ำเสียงอ่อนโยนของอวี้เฟยเยียนราวกับสายน้ำ แสนจะอบอุ่น หลอมละลายความมืดดำกลัดกลุ้มในหัวใจของซย่าโหวฉิงเทียนจนหมดสิ้น

 

 

นั่นสินะ! ตอนนี้เขามีอวี้เฟยเยียน เขาและนางจะเป็นที่พึ่งให้แก่กันและกัน ไม่เพียงแต่เป็นคนรัก ทั้งยังเป็นญาติสนิท

 

 

ดีจริงๆเลย! ในเวลานี้มีเจ้าอยู่เคียงข้างพี่ ดียิ่งนัก!

 

 

แมวน้อย ตอนนี้พี่มีเพียงแต่เจ้าแล้ว…

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนใช้แก้มของตัวเองสัมผัสกับฝ่ามือของอวี้เฟยเยียน สีหน้าอมทุกข์

 

 

“อย่าฆ่าข้า อย่าฆ่าข้า!”

 

 

ตี้อู่หยวนมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นด้วยตาของตัวเอง เขาหวาดกลัวจนถึงกับขวัญเสีย เขาไม่ต้องการเทพอัคคีอีกต่อไปแล้ว เขาต้องการมีชีวิตรอด ต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไป

 

 

“อย่าฆ่าข้า! ข้าไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆ! “

 

 

มองดูซากปรักหกพังที่อยู่รอบกาย ตี้อู่หยวนก็เริ่มระล่ำระลักคร่ำครวญ จนเกือบจะฉี่รดกางเกงเลยทีเดียว

 

 

เทพอัคคีไปตายเสียเถอะ!

 

 

เขาจะไม่ละโมบโลภมากอีกแล้ว!

 

 

ชายหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีเงินนี้น่ากลัวยิ่งกว่าเทพอัคคีเป็นไหนๆ!

 

 

แม่เจ้า ใครจะมาช่วยเขาที!

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนในตอนนี้กลับคืนสู่สภาพเส้นผมสีดำ ดวงตาสีดำอีกครั้ง เส้นผมสีเงินของเขามันโด่ดเด่น เกินไปจริงๆ เขาไม่อยากกกลายเป็นแกะดำไป

 

 

“จอมยุทธ์ เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ข้าจะไม่เอาไปบอกกับใครอย่างแน่นอน ขอร้องท่านละ! ปล่อยข้าไปเถอะ! ข้าสาบาน จริงๆนะ!”

 

 

ตุ่มน้ำน้อยใหญ่บนตัวของตี้อู่หยวนทำให้เขาดูแลคล้ายกับสัตว์ประหลาดยิ่งนัก

 

 

อวี้เฟยเยียนกวักมือ เจ้าไฟบรรลัยกัลป์ก็กลับคืนสู่ร่างของนางทันที

 

 

ในตอนนั้นเอง ตี้อู่หยวนจึงได้รู้ว่า เทพอัคคีมีเจ้าของแล้วนั่นเอง

 

 

ตอนที่ต่อสู้กันผ้าปิดหน้าของอวี้เฟยเยียนร่วงหล่นหายไป ดังนั้นเมื่อตี้อู่หยวนได้เห็นใบหน้าของอวี้เฟยเยียนนั้น เขาถึงกับร้องออกมาเสียงดังว่า

 

 

“เทพธิดา! ท่าน ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน?”

 

 

ท่าทีของตี้อู่หยวน เรียกความสนใจจากอวี้เฟยเยียนได้อีกครั้ง เมื่อครั้งที่อยุ่ต้าโจว ตี้อู่เฉินเห็นใบหน้าของนางก็มีอาการตกใจเช่นนี้เหมือนกัน

 

 

เทพธิดาแห่งตันขวารูปร่างหน้าตาเหมือนกันกับนาง?

 

 

เทพธิดา?! เสิ่นถูเลี่ยมองมายังอวี้เฟยเยียน

 

 

ตี้อู่หยวนคือผู้เฒ่าแห่งตันขวา เขาถึงกับกล่าวเช่นนี้ หรือว่าอวี้เฟยเยียนคือเทพธิดาแห่งตันขวา?

 

 

“ข้ารูปร่างหน้าตาเหมือนกับเทพธิดาของพวกเจ้า?” อวี้เฟยเยียนลูบใบหน้าของตนเอง

 

 

“ในตอนที่ตี้อู่เฉินเห็นหน้าของข้าครั้งแรก ก็คิดว่าข้าคือเทพธิดาเช่นกัน”

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของอวี้เฟยเยียน ตี้อู่เฉินก็เข้าใจในทันที

 

 

“เจ้านั่นเองที่สังหารตี้อู่เฉิน? แล้วตี้อู่หงเย่ละ? เจ้าก็เป็นคนฆ่าเช่นกัน?”

 

 

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้!”

 

 

อวี้เฟยเยียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ เพราะอย่างไรเสียซย่าโหฉิงเทียนฆ่ากับนางเป็นคนฆ่าก็ไม่ต่างอะไรกัน

 

 

“เจ้า เจ้า…ไม่เกรงกลัวว่าตันขวาจะตามล้างแค้นหรอกหรือ?” ตี้อู่หยวนกัดฟันเอ่ยออกไป

 

 

ที่ควรจะเป็นกังวล คือตันขวาของพวกเจ้าต่างหาก!

 

 

อวี้เฟยเยียนยิ้มเยาะ

 

 

“ข้าคือลูกสาวของตี้อู่เยียนเอ๋อร์ ในอดีตพวกที่ส่งคนไปทำร้ายท่านพ่อท่านแม่ของข้าถึงหลัวอวี่ คือคนของตันขวาสินะ!”