ตอนพิเศษ 1-4 ฮาแบค

วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์

“อยู่ข้างในหรือไม่ขอรับ”

 

 

เมื่ออยู่ๆ ก็มีเสียงเอ่ยถามดังขึ้น สตรีที่กำลังนั่งกอดเข่าจมอยู่กับความคิดของตนสะดุ้งตกใจและรีบจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยทันที

 

 

“เจ้าค่ะ นายท่าน”

 

 

“รบกวนแม่นางออกมาสักครู่”

 

 

นางชำเลืองมองโต๊ะเครื่องแป้งแวบหนึ่งระหว่างรีบร้อนจัดแจงตัวเอง รู้สึกรำคาญทรงผมที่เอนเอียงนิดหน่อย ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่ารำคาญผมที่ม้วนขึ้นต่างหากถึงจะถูก วาดยิ้มขมขื่นพลางใช้มือจัดทรงผมเล็กน้อย ก่อนจะเปิดประตูออกไปเงียบๆ

 

 

“เหมือนว่าวันนี้จะเลิกงานเร็วนะเจ้าคะ”

 

 

“หากฝ่าบาททรงไม่เปลี่ยนพระทัยอีก ก็คงจะเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ขอรับ เชิญตามข้ามาทางนี้”

 

 

แม้จะกลับมาเร็วกว่าปกติ แต่ท้องฟ้าก็ถูกปกคลุมด้วยความมืดสลัวมาสักพักแล้ว นางเดินตามอีกฝ่ายผ่านสวนหน้าบ้านมืดสนิทพร้อมนึกถึงสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่

 

 

ฝ่าบาทงั้นหรือ เขาอยู่ในสำนักหมอหลวงทั้งๆ ที่อายุยังน้อยถึงเพียงนี้เลยหรือเนี่ย ช่างน่าทึ่งเสียจริง หลังจากอุทานในใจก็เพิ่งตระหนักได้ว่าเขาส่องโคมไฟมาทางข้างตัว มิใช่ด้านหน้าของตัวเขาเอง เพื่อให้นางเดินสะดวกขึ้น นับเป็นการเอาใจใส่จากผู้อื่นเป็นครั้งแรกในชีวิตตั้งแต่เกิดมา แต่ดูเหมือนผู้กระทำจะไม่ได้คิดอะไร

 

 

“เข้ามาสิขอรับ ระวังเท้าด้วย”

 

 

เขากล่าวเช่นนั้นขณะเดินนำ สถานที่ที่เดินเข้ามาคือห้องยาหรือโรงเก็บสมุนไพรนั่นเอง แม้จะเปิดประตูทิ้งไว้ กลิ่นสมุนไพรก็อบอวลทั่วบริเวณจนฟุ้งกระจายเข้ามาในจมูก แต่เนื่องจากมันเป็นกลิ่นที่มักจะสัมผัสได้จากเสื้อผ้าของบุรุษตรงหน้าเป็นประจำ นางจึงไม่รู้สึกเหม็นหรือต่อต้านใดๆ

 

 

“พวกนี้เป็นพวกสมุนไพรที่ข้ามีครอบครองเป็นของส่วนตัวขอรับ ปกติแล้วข้าจะเป็นคนจัดการดูแลด้วยตนเอง แต่ช่วงนี้งานเยอะมากจึงแทบไม่มีเวลาเลย ไม่ทราบว่าแม่นางพอรู้หนังสือหรือไม่”

 

 

“แม้จะไม่ลึกมาก แต่ก็พออ่านออกเขียนได้เจ้าค่ะ”

 

 

“เท่านั้นก็เพียงพอแล้วขอรับ ทุกๆ เย็นข้าจะแจ้งว่าต้องทำอะไรบ้าง แม่นางเพียงแค่นำสมุนไพรที่ว่าออกมาช่วงกลางวันและคอยดูแลมัน แต่บางอันมีพิษร้ายแรง เพราะฉะนั้นนอกเหนือจากตัวที่ข้าสั่งแล้ว ห้ามแตะต้องตัวอื่นนะขอรับ สมุนไพรเป็นสิ่งละเอียดอ่อนมาก ก่อนหน้านี้ไม่มีผู้ใดที่ข้าไว้ใจว่าสามารถฝากพวกมันไว้ได้ แต่ในเมื่อมีแม่นางแล้ว ทุกอย่างก็น่าจะเป็นไปได้ด้วยดีขอรับ”

 

 

ไว้ใจและฝากดูแล คำอธิบายไหลผ่านอย่างสงบนิ่งราวกับสายน้ำ ทว่ามีเพียงส่วนนี้เท่านั้นที่คล้ายจะกระโดดพรวดขึ้นมาราวกับปลาเล่นน้ำ

 

 

“เหตุใดท่านถึงฝากพวกสมุนไพรละเอียดอ่อนเหล่านี้ไว้กับข้าหรือเจ้าคะ ทั้งๆ ที่ท่านเองก็ไม่รู้จักข้าเลยสักนิดเดียว”

 

 

“ดูจากมือน่ะขอรับ”

 

 

ฮาแบคยกโคมไฟขึ้นสูงเพื่อตรวจดูสมุนไพรที่แขวนอยู่ พลางเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก

 

 

“นิ้วมือเรียวยาวและเหยียดตรงแสดงว่ามีฝีมือและความประณีต ฝ่ามือด้านแสดงว่ามีความขยันขันแข็ง เพียงแค่ให้คำตอบกับข้าก็เพียงพอขอรับ ว่าอย่างไร แม่นางพอจะช่วยงานข้าได้หรือไม่”

 

 

น้ำเสียงอีกฝ่ายช่างเข้ากับสถานที่แห่งนี้เสียเหลือเกิน แม้จะมืดแต่ก็มีแสงรำไร แม้จะมีกลิ่นผสมปนเปกัน แต่หากลองดมดีๆ ก็จะสัมผัสถึงแต่ละกลิ่นได้อย่างชัดเจน นางคิดไตร่ตรองตามคำกล่าวก่อนจะพยักหน้าช้าๆ แต่ก็สะดุ้งตกใจจนถอยหลังหนึ่งก้าว เพราะอยู่ๆ บุรุษที่หันหลังให้ก็หันหน้ากลับมาแล้วนำโคมไฟส่องสำรวจใบหน้านาง

 

 

“ยะ ไยทำเช่นนี้หรือเจ้าคะ”

 

 

เอ่ยถามและพยายามทำให้หัวใจเต้นแรงสงบลง แต่คนตรงหน้าก็ไม่ตอบ เขาก้มตัวลงเล็กน้อยพร้อมขยับใบหน้าเข้าใกล้มากเสียจนไม่อาจหายใจเป็นปกติได้ ดวงตาคู่คมไม่ทราบความคิดค่อยๆ ไล่จากหน้าผากลงมาอย่างช้าๆ และจ้องมองภาพตนที่สะท้อนอยู่ในนัยน์ตากระจ่างใส ก่อนจะผ่านสันจมูกมีเสน่ห์และหยุดอยู่ตรงริมฝีปากเผยอเล็กน้อยด้วยความประหม่า กลิ่นหมึกจากตัวฮาแบคทั้งเบาบางและนุ่มนวล แต่ก็สามารถทะลุผ่านกลิ่นสมุนไพรแรงๆ จนลอยมาถึงนางได้

 

 

“ข้าเสียมารยาทสินะขอรับ”

 

 

หลังจากละสายตาและใบหน้าออก เจ้าตัวก็โค้งตัวพร้อมกล่าวขอโทษอย่างสุภาพ แม้จะพ่นลมหายใจที่กักเก็บไว้ออกมาดังฟู่ แต่หัวใจของนางก็ไม่ยอมสงบลงง่ายๆ

 

 

“เมื่อฝ่าบาทตรัสถาม ก็เป็นหน้าที่ของข้าหลวงที่ต้องหาคำตอบให้พระองค์ โปรดให้อภัยกับการเสียมารยาทของข้าด้วยขอรับ”

 

 

“ตรัสถามว่าอะไรหรือ…”

 

 

“ขออภัยขอรับ แต่ข้าไม่อาจกล่าวคำตรัสของฝ่าบาทให้ผู้ใดฟังได้”

 

 

คำพูดเฉียบขาดแต่ก็สุภาพอ่อนน้อม เขาเดินวนรอบโรงเก็บสมุนไพรอย่างช้าๆ หนึ่งรอบ จากนั้นจึงนำลังที่เต็มไปด้วยสมุนไพรแห้งออกมาจากมุมหนึ่งแล้ววางลงบนม้านั่ง

 

 

“สิ่งนี้คือชะเอม เป็นพื้นฐานของยาสมุนไพรแทบทั้งหมด สามารถนำไปผสมกับความเป็นพิษของยาชนิดอื่นเพื่อกระตุ้นฤทธิ์มันหรือจะใช้เดี่ยวๆ ก็ได้ขอรับ ถ้าเป็นกรณีหลังจะเห็นผลลัพธ์จากการถอนพิษ โรคตับอักเสบและโรคทางผิวหนัง พรุ่งนี้ตอนสายๆ แดดน่าจะดี เพราะฉะนั้นแม่นางช่วยนำพวกมันไปตากแห้งที่ลานบ้าน ปัดฝุ่นและเก็บเข้ามาใหม่ ทำได้หรือไม่ขอรับ”

 

 

“ชะเอมเป็นพื้นฐานของยาสมุนไพรเกือบทั้งหมด สามารถผสมกับความเป็นพิษเพื่อเพิ่มฤทธิ์ยาหรือแยกใช้เดี่ยวๆ ได้ จะเป็นผลกับการถอนพิษ โรคตับอักเสบและโรคทางผิวหนัง นำไปตากให้แห้งกับแดดช่วงสายๆ ปัดฝุ่นออกแล้วเอามาเก็บอีกรอบ เข้าใจแล้วเจ้าค่ะนายท่าน”

 

 

นางกลัวว่าจะลืมคำที่ได้รับฟังเมื่อครู่จึงทวนท่องจำให้ขึ้นใจ และจบด้วยการพยักหน้าตอบรับด้วยเสียงดังขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏบนใบหน้าฮาแบคยามก้มมองสตรีตรงหน้า แต่คนกำลังจดจ่อกับสมุนไพรไม่ทันสังเกตเห็น

 

 

“เช่นนั้นข้าฝากด้วย ตอนนี้แม่นางกลายเป็นผู้ช่วยของข้าแล้ว ดังนั้นอย่าคิดว่ามารบกวนอีกเลยขอรับ”

 

 

พูดจบก็ออกแรงเปิดประตูไม้หนักๆ หลีกทางให้อีกฝ่ายเดินนำก่อนถึงเดินตามออกมา จัดการลงกลอนประตูและกลับหลังหัน

 

 

“ขอมือหน่อยได้หรือไม่”

 

 

มือที่ยื่นมาให้อย่างลังเลมีนิ้วเรียวยาวและงดงามเหมือนคำกล่าวก่อนหน้านี้ของเขา แต่หนังด้านทั่วฝ่ามือก็แสดงให้เห็นว่าชีวิตของสตรีผู้นี้มิได้ราบรื่นนัก ฮาแบควางกุญแจที่เพิ่งใช้ลงกลอนประตูไปเมื่อสักครู่ลงบนมือนั้น ปลายนิ้วค่อนข้างหยาบกร้านผิดกับรูปโฉมสง่างามภายนอกเฉียดฝ่ามือเล็กเบาๆ และผละห่างออกไปในที่สุด

 

 

“ต้องพกมันติดตัวไว้เสมอนะขอรับ นอกจากแม่นางแล้ว ก็อย่าให้ผู้ใดเข้าไปในนั้นได้”

 

 

 

 

* * *

 

 

 

 

วันรุ่งขึ้นทันทีที่ตื่นนอน นางก็ตรวจดูสภาพอากาศด้านนอกเป็นอย่างแรก อากาศหนาวแต่ท้องฟ้าปลอดโปร่งไม่มีเมฆสักจุด ส่วนที่มีแสงแดดส่องสว่างลงมาก็อบอุ่น รู้สึกสนุกเมื่อมีงานให้ทำ หลังจากจัดการอาหารเช้าและยาสมุนไพรที่สาวใช้จัดเตรียมให้เรียบร้อยแล้ว ร่างบางก็มุ่งตรงไปยังห้องยาทันที

 

 

“คุณหนู เข้าไปในนั้นไม่ได้นะขอรับ”

 

 

คนรับใช้ที่กำลังกวาดลานบ้านอยู่รีบวิ่งเข้ามาห้ามอย่างว่องไว ถึงแม้ว่าประตูจะลงกลอนอยู่ แต่ก็เผื่อว่าอีกฝ่ายจะไม่รู้

 

 

“นายท่านมอบหมายให้ข้ามาดูแลห้องยาแทนเจ้าค่ะ”

 

 

“ขอรับ? แต่ว่าที่นี่ลงกลอนไว้…”

 

 

“นี่เจ้าค่ะ ท่านให้กุญแจมาด้วย”

 

 

นางแบมือออกให้เห็นกุญแจ ดวงตาของคนรับใช้เบิกโพลงขึ้น ตอนนี้ข้าได้ยินได้เห็นอะไรอยู่กันล่ะเนี่ย ได้แต่ยืนสับสนมึนงงจนต้องกะพริบตาปริบๆ กับสถานการณ์เข้าใจยากตรงหน้า นางเอียงคอมองอย่างสงสัยก่อนจะกลับหันไปเสียบลูกกุญแจไขแม่กุญแจขนาดใหญ่ แกร๊ก แม่กุญแจลงกลอนแน่นหนาคลายออกอย่างง่ายดายพร้อมเสียงโลหะกระทบกัน

 

 

“ตายแล้ว มันหนักนะขอรับ ส่งมาทางนี้เถิด”

 

 

แต่เมื่อเห็นสตรีผู้นี้ส่งเสียงโอดโอยยกลังสมุนไพรออกมาจากด้านใน คนรับใช้จึงรีบยื่นแขนออกมาช่วยเหลือ ทว่านางกลับส่ายหน้าอย่างดื้อรั้นและวางกล่องลงด้วยตนเองอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็กางเสื่อฟางข้าวสะอาดๆ ออกมาปูข้างๆ

 

 

“ขอบพระคุณสำหรับน้ำใจเจ้าค่ะ แต่นี่เป็นงานที่นายท่านมอบหมายให้กับข้า เพราะฉะนั้นข้าก็ต้องทำเองทั้งหมดถึงจะถูกต้องเจ้าค่ะ”

 

 

ไม่น่าเชื่อ คนรับใช้เหลียวหลังมองสตรีแปลกหน้าตากชะเอมลงบนเสื่อฟางข้าวอย่างขยันขันแข็งอยู่หลายรอบ ก่อนจะวิ่งข้ามประตูตรงไปยังห้องนอนของนายหญิงตระกูล ตัดสินใจว่าถึงอย่างไรก็ต้องรายงานเรื่องนี้ให้ท่านรับรู้

 

 

“นายหญิง อยู่ด้านในหรือไม่ขอรับ”

 

 

นายหญิงตระกูลจองเปิดประตูออกมาเองแทนคำตอบ

 

 

“มีเรื่องอะไรงั้นหรือ”

 

 

“ระ เรื่องแขกที่นายน้อยพามาขอรับ”

 

 

ซุบซิบๆ เมื่อคนรับใช้เล่าจบ ริมฝีปากเหยียดตรงปิดสนิทจนดูเยือกเย็นของผู้สูงศักดิ์กว่าก็ยกขึ้นเล็กน้อยทันที

 

 

“เข้าใจแล้ว เจ้าคอยสังเกตดูให้ดีว่าแม่นางผู้นั้นไม่สะดวกสบายตรงไหนหรือไม่ บอกให้คนครัวใส่ใจกับอาหารของนางมากขึ้นอีกหน่อยด้วย หากใต้เท้ากลับจวนแล้วก็พาเขามาพบข้าที”

 

 

“ขอรับ นายหญิง”