ตอนที่ 1047 - ร่วมมือกับผู้ทรงพลัง

The Divine Nine Dragon Cauldron

แม้ว่าวิชามายาจริงจะได้ผลลัพธ์อันยิ่งใหญ่วิธีการแก้ก็ง่ายดาย
  ทันทีที่มีคนตื่นจากวิชามายาจริงได้เปิดเผยความจริงของแดนมายาวิชาจะล่มสลายไปจากความจริง และทุกคนที่ได้รับผลของวิชาจะตื่นขึ้นมาด้วย
  “นี่เป็นวิชามายา!หอคอยร้อยชั้นไม่มีอยู่จริง! พวกเจ้าทุกคนตื่นขึ้นมาได้แล้ว!”
  ซือหยูตะโกน
  ถึงอย่างนั้นทั้งสองหมื่นคนก็ยังคงไร้การเคลื่อนไหวไม่มีใครมีทีท่าว่าจะตื่นจากวิชามายาจริงเลย
  “ฮ่าฮ่าฮ่าข้าวางแผนไว้ทุกสถานการณ์ ข้าจะไม่ทำอะไรเลยหลังจากเจ้าขู่เรื่องวิชามายาจริงเรอะ? ตอนที่เจ้าถูกทำให้เป็นจ้าวชั้น ข้าก็เพิ่มวิชามายากับหุ่นเชิดของเจ้าไปแล้ว! ใครที่ต่อสู้กับเจ้าจะถูกกักขังอยู่ในมายา!”   “มีมายาอยู่สองชั้นถึงวิชามายาจริงจะสลายไป พวกมันก็ยังอยู่ในอีกมายาหนึ่ง! อีกหนึ่งมายามิได้สลายด้วยคำพูด มันจะยังคงอยู่จนกว่าพวกมันจะรู้ว่าตัวเองอยู่ในโลกมายา พลังจากภายนอกทำอะไรไม่ได้!”
  หมาดำหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและเดินจากไป
  “ลาก่อนเจ้ามนุษย์!เจ้าอยู่ที่นี่แล้วตายที่ชั้นแรกไปกับพวกมันซะเถอะ!”
  แต่ในตอนนั้นเองก็มีเสียงอันเย็นชาแต่ก็อ่อนโยนของผู้หญิงดังขึ้น
  “สุนัขพูดได้น่าสนใจนี่”
  หมาดำตัวแข็งทื่อและหันมามองด้วยความตกใจ!
  ท่ามกลางกลุ่มคนหญิงสาวสวมชุดดำเดินนวยนาดอย่างสง่างาม มีสุริยาทมิฬเหนือศีรษะของนาง
  วิญญาณหมาดำสั่นด้วยความกลัวมันหวาดกลัวความแข็งแกร่งของหญิงสาวที่สามารถตื่นจากมายาสองชั้นได้ เพราะแม้วิชามายาจริงจะสลายไป วิชามายาอีกชั้นนั้นยังคงอยู่
  “หมาดำจากที่ไหนไม่รู้กับเจตนาร้ายๆ หากได้เจอ เจ้าคิดว่าข้าจะไม่ลงมือทำอะไรเลยหรือ?”
  ซือหยูยิ้มอย่างสงบและเดินไปที่หมาดำ
  “เจ้าใช้วิชามายากับหุ่นเชิดข้าแต่เจ้าลืมไปแล้วรึว่าฮั่นเฟยไม่ได้เห็นแค่หุ่นเชิด นางเห็นตัวจริงของข้าด้วย!”
  หมาดำหรี่ตาเล็กน้อย
  “เจ้าจะบอกว่าในชั้นที่หนึ่งร้อยเจ้าสู้กับนางด้วยตัวเองและบอกข้อมูลให้นางโดยที่ข้าไม่รู้เรอะ?”
  “ถูกแล้ว”
  ซือหยูพยักหน้าเขาเดินเข้าใกล้มันเรื่อย ๆ
  หมาดำส่ายหน้า
  “เป็นไปไม่ได้!ข้าจับตาดูเจ้าทุกฝีก้าว ทุกสายตา ทุกคำที่เจ้าพูด เจ้าไม่ได้บอกนางเรื่องวิชามายาเลย!”
  ซือหยูมองหมาดำด้วยความเวทนา
  “ข้าถึงต้องบอกเจ้าไงเล่าเจ้าหมาซบ! เจ้าหมาโง่! ใครบอกกันว่าข้อมูลบอกได้แค่จากสายตา กับคำพูด? วิชาข้าเองก็เป็นข้อความอยู่แล้ว!”
  ฮั่ยเฟยยิ้มอย่างสงบใจ
  “ใช่โชคดีที่เขาเตือนข้า!”
  “ตั้งแต่ชั้นเก้าสิบหกถึงชั้นเก้าสิบเก้าเขาแบกรับเวลาที่ช้าลงสามเท่าไว้เองขณะที่ข้าต่อสู้ แต่ความช้าลงก็หายไปในตอนที่ข้าไปถึงชั้นสุดท้าย ข้าถึงคิดได้!”
  “หากหอคอยถูกควบคุมโดยระบบหุ่นเชิดเดิมจะมีรูปแบบสองรูปแบบได้รึ! คำอธิบายเดียวก็คือหอคอยไม่ได้เป็นไปตามระบบ แต่มีคนควบคุมอยู่!”
  “ข้าถึงตื่นออกมาจากมายาสองชั้นได้เมื่อประลองแพ้ข้าก็แค่รอเวลาดูว่าเจ้ากำลังเตรียตัวทำอะไร”
  เมื่อได้ฟังหมาดำเงียบไปนานและระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความบ้าคลั่ง
  “เจ้าคิดว่าเจ้าชนะแล้วเรอะ?อย่าลืมว่าเจ้ายังอยู่ในหอคอย แค่ความคิดเดียวของข้าก็ทำให้เจ้าติดอยู่ในชั้นแรกไปตลอดกาลจนตาย!”
  เมื่อพูดจบมันแปลงกายเป็นลำแสงทมิฬพุ่งตรงไปยังทางออกหอคอย
  ซือหยูยิ้ม
  “ข้าบอกเจ้าแล้วเจ้าไปไหนไม่ได้หรอก”
  ทันทีที่หมาดำเปิดประตูพู่กันห้าสีได้ปรากฏขึ้นมาราวกับถูกวางไว้นานแล้ว พวกมันกลายเป็นม่านแสงห้าสีปิดล้อมหมาดำเอาไว้
  “ค่ายกลดับสวรรค์ห้าธาตุรึ?”
  ฮั่ยเฟยมองซือหยูด้วยความสงสัย
  ค่ายกลที่แข็งแกร่งไม่ใช่เรื่องแปลกแต่ที่แปลกก็คือค่ายกลนี้มีที่มาจากองครักษ์แสงกระจ่าง นางไม่เคยได้ยินเลยว่าองครักษ์เหล่านั้นส่งมอบค่ายกลให้ใคร
  และองครักษ์แสงกระจ่างเองก็เป็นฝั่งตรงข้ามของดินแดนพรสวรรค์
  แววตางดงามของนางมีความเฉียบแหลมซุกซ่อนอยู่
  “เจ้าวางค่ายกลไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
  หมาดำอุทานอย่างไม่เชื่อสายตาเมื่อรู้ว่าซือหยูปิดทางออก!ทุกการกระทำของเขาเกิดขึ้นโดยที่มันไม่รู้ตัว แต่เรื่องที่มันไม่รู้ตัวกำลังทำให้มันทำอะไรไม่ได้!
  “หึหึนายน้อย จางตี๋เก้อทำได้ดีไหม?”
  ที่พื้นเบื้องล่างพลังภูติผีดำสนิทหมุนเป็นเกลียวจับกลุ่มเป็นร่างมนุษย์ ก่อเกิดเป็นร่างสาวน้อยน่ารัก
  หมาดำผงะมันพูดเสียงเบา
  “เจ้ามีมิติอยู่ในร่างที่เก็บสิ่งมีชีวิตได้เรอะ?”
  มิติธรรมดามิอาจกักเก็บสิ่งมีชีวิตได้มีเพียงมิติที่สร้างจากเซียนเท่านั้นที่จะเก็บมนุษย์ไว้ได้
  แต่มิติของเซียนนั้นมักจะสร้างขึ้นแบบเฉพาะเจาะจงเซียนทั่วไปมิอาจสร้างมิติที่จะพกพาไปไหนมาไหนได้อย่างที่ซือหยูทำ มีเพียงเทพเจ้าในตำนานเท่านั้นที่จะสร้างสิ่งนี้ได้
  “ใครสั่งเจ้ามา?”
  ดูเหมือนว่าหมาดำจะเข้าใจผิดว่าซือหยูถูกเทพเจ้าส่งมาในเบื้องหลัง
  “เลิกเดาเถอะเจ้าหมาว่าง่ายกับข้าก็พอแล้ว!”
  ซือหยูสายตาเยือกเย็นเขากดมือลง
  ค่ายกลดดับสวรรค์ห้าธาตุลดขนาดกดหมาดำเอาไว้
  หมาดำแยกเขี้ยวเพลิงเขียวพุ่งออกมาจากดวงตาเข้าใส่ม่านแสงห้าสี
  ม่านแสงถูกเพลิงเผาจนเกิดเป็นรูขนาดใหญ่  ซือหยูตกใจค่ายกลที่สามารถขังอสูรเนรมิตรขั้นหนึ่งได้ถูกแหกออกมาอย่างไม่ยากเย็น!
  เมื่อซือหยูจะชักกระบี่ไผ่เงินสุริยาทมิฬก็ก่อตัวที่หน้าหมาดำจากความว่างเปล่า มันกลืนร่างหมาดำเข้าไปในพริบตา! นี่คือฝีมือฮั่นเฟย!
  แต่ทันใดนั้นโลหิตก็กระจายไปทั่วทุกหนแห่งร่างหมาดำครึ่งตัวที่แหลกสลายและอีกครึ่งท่อนที่ยังอยู่กลับมารวมตัวกัน มันฟื้นตัวกลัวมาด้วยความเร็วสูง!
  มันเป็นภาพอันน่าตกใจการฟื้นฟูร่างกายนั้นไม่ได้ยิ่งลใหญ่นักสำหรับยอดฝีมือที่ประสบความสำเร็จ บางคนถึงกับฟื้นฟูร่างกายได้ในลมหายใจเดียว
  ถึงอย่างนั้นหมาดำกลับไร้รอยข่วนเมื่อร่างกายขาดหายไปครึ่งท่อน นั่นรวมถึงกะโหลกของมันด้วย!
  สิ่งนี้ทำให้ซือหยูนึกถึงจักรพรรดิโลหิตทันทีมันคือกายาเงินอมตะที่เมื่อร่างกายแหลกเป็นผุยผงแล้ว มันจะกลับมารวมตัวกันใหม่ได้อีกในพริบตา
  หมาดำรู้สึกไม่ดีนักเนตรมรกตของมันดูหม่นแสงลง ขนเงางามของมันเริ่มมีเงาสีเทา ดูเหมือนว่าการใช้เพลิงและการฟื้นตัวของมันจะใช้พลังไปมาก
  แม้ซือหยูกับฮั่นเฟยจะร่วมมือกันทั้งสองก็มิอาจจับตัวหมาดำได้ มันหายตัวไปจากหอคอราวกับกลุ่มควัน ประตูหอคอยสั่นสะเทือนและปิดตัวลง
  สายลมพัดเข้ามาฮั่นเฟยเดินไปที่ประตูศิลาด้วยใบหน้าสงบ นางใช้สุริยาทมิฬพยายามพังประตู
  แต่มันก็ไม่มีผลประตูศิลาไม่แม้แต่สั่นสะเทือน
  “สมกับเป็นหอคอยที่ป้องกันได้แม้แต่เซียนซือหยูเซี่ยน ข้าเกรงว่าพวกเราติดอยู่ในที่นี่แล้วล่ะ”
  ฮั่นเฟยหันกลับมาพูด  “ข้าไม่เข้าใจเจ้ามีโอกาสหนี ใยถึงยังอยู่?”
  หนึ่งคนเป็นนภาจรัสอีกคนเป็นยอดฝีมือที่ไม่มีใครรู้จัก แต่ตอนนี้เวลานี้ ทั้งสองติดอยู่ในที่เดียวกัน
  ซือหยูมองฮั่นเฟย
  “ข้ามีเหตุผลเจ้าก็มีเหตุผลเหมือนกันไม่ใช่รึ แม่นางฮั่น?”
  ฮั่นเฟยเพียงแค่ยิ้มโดยไม่พูดสักคำ
  เมื่อได้เป็นศิษย์ที่ทรงพลังที่สุดในสำนักอสูรสวรรค์ไม่มีใครเชื่อว่าสำนักจะไม่ให้ของช่วยชีวิตนางในเวลาคับขันมา
  หอคอยนี้ไม่ยิ่งใหญ่พอที่จะพันธนาการฮั่นเฟย!
  ฮั่นเฟยเดินมาหาเขาและถาม
  “ในความคิดเจ้าความตั้งใจของจ้าวหอคอยคืออะไร?”
  “อย่างแรกมันไม่ใช่แค่จ้าวชั้นของหอคอย! มันเป็นมากกว่านั้น! เรื่องที่สองอุบายของมันซับซ้อน แต่ก็ดูเรียบง่ายด้วย”
  ฮั่นเฟยถามต่อ
  “โอ้?บอกข้าหน่อยสิ”
  “แม่นางฮั่นทดสอบข้าอยู่รึ?เจ้าก็รู้อยู่แล้วนี่”
  “เรามีข้อมูลน้อยเกิดไปในเรื่องความตั้งใจสุดท้ายของมันเราถึงไม่แน่ใจ แต่สิ่งที่มันจะทำตอนนี้น่ะชัดเจน! มันกำลังเก็บเกี่ยวยอดฝีมือในยุคนี้!”
  “ไม่ว่าจะเป็นการทำให้เกิดการนองเลือดด้วยวิบัติหรือการกักขังเราเอาไว้ในหอคอยจนตายสิ่งเหล่านี้ได้ผลแบบเดียวกัน! มันคือการสังหารพวกเราทุกคนให้ได้มากที่สุด! ไม่ว่าจะมองยังไง ความตายของเราก็มีประโยชน์กับมัน! แต่การมีชีวิตรอดคือภัยคุกคาม!”
  รอยยิ้มเบ่งบานบนใบหน้าฮั่นเฟย
  “ถ้าเช่นนั้นเราก็อยู่ด้วยเหตุผลเดียวกัน!”
  นางเหลือบมองคนทั้งสองหมื่นคนการมองดูพวกเขาตายขณะที่ถูกขังอยู่ในหอคอยนั้นรังแต่จะทำให้ผู้อยู่เบื้องหลังได้ประโยชน์ แต่เป็นโทษกับพวกเขา
  “พวกเรามีเป้าหมายเดียวกัน”
  ฮั่นเฟยพูดเบาๆ นางไม่ได้พูดถึงเรื่องลูกแก้วที่เอาไว้แลกสมัติภูติ ซึ่งนั่นคือเป้าหมายสุดท้ายแน่นอน!
  แม้แต่ในสำนักอสูรสวรรค์สมบัติภูติก็เป็นของล้ำค่ามาก เป็นสมบัติที่ยากจะได้เจอและถูกสำนักรักษาเอาไว้ ฮั่นเฟยคงไม่ยอมหลับหูหลับตาปล่อยให้มันตกอยู่ในมือซือหยู การต่อสู้ถูกลิขิตกับทั้งสองแล้ว
  “หากจะไขอุบายของไอ้หมาเวรนั่นเราต้องทำสองอย่างก่อน อย่างแรกคือทำให้ทุกคนหลุดจากมายา อย่างที่สองคือหยุดทุกคนไม่ให้เข่นฆ่ากันเอง!”
  ฮั่นเฟยพูดอย่างใจเย็น
  “เรื่องแรกไม่ยากแต่เรื่องที่สองน่ะยาก ระบบแข่งขันที่มีมาตั้งแต่อดีตจะทำให้พวกนั้นฆ่ากันเองอย่างโหดเหี้ยมหลังจากตื่นขึ้น การเอาทุกคนออกจากหอคอยโดยไม่ให้ฆ่ากันเองนั้นถือเป็นเรื่องเปลืองแรง”
  จิตใจมนุษย์ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงจะง่ายรึที่จะทำให้คนทั้งสองหมื่นคนเชื่อว่าพวกเขาอยู่ในอุบายของใครบางคนและเกลี้ยกล่อมให้ไม่ฆ่ากันเอง?
  ซือหยูตอบ
  “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้า”
  “เจ้าน่ะรึ?”
  ฮั่นเฟยแปลกใจแต่เมื่อคิดให้ดีแล้ว…นางยิ้มออกมาอย่างงดงาม
  “เรื่องบังเอิญก็นับเป็นวิธีแก้ปัญหาสินะ”
  ฮั่นเฟยพูดอีกครั้ง
  “แต่ยังมีอีกเรื่องที่ต้องทำ”
  นางชี้ไปยังคนทั้งสองหมื่นที่หลับตาอยู่พวกเขายังคงอยู่ในแดนมายาที่สิ่งภายนอกมิอาจรบกวนได้
  “ข้าไม่เก่งวิชามายานักแม่นางฮั่นมีทางหรือไม่?”
  ซือหยูมองปิงหวูชิง
  ฮั่นเฟยเลิกคิ้วนางส่ายหน้าเบา ๆ
  “ถึงสำนักอสูรสวรรค์จะมีวิชาอสูรมายาเราก็ไม่เคยสนใจมัน ข้าเกรงว่าข้าคงทำอะไรไม่ได้”
  ทั้งสองรู้สึกราวกับถึงทางตัน
  ถ้าพวกเขาปลุกทุกคนให้ออกจากแดนมายาไม่ได้แล้วพวกเขาจะช่วยคนเหล่านั้นยังไง?
  “ถ้าทั้งเจ้ากับข้าทำอะไรไม่ได้คนที่สร้างเรื่องก็ควรจะจบมัน เราต้องเอาตัวไอ้หมานั่นกลับมา!”
  ฮั่นเฟยมีสติปัญญาเฉียบแหลมมิเช่นนั้นนางคงไม่ได้เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งสำนักอสูรสวรรค์
  “เราจะไม่ต่อรองหรืออ้อนวอนมันแน่นอน”
  ฮั่นเฟยพูดหลังจากคิดมาครู่หนึ่งนางไม่รู้ว่าซือหยูจะทำอะไร แต่การต่อรองนั้นไม่ใช่ทางเลือกแน่นอน
  หมาดำอยู่ในสถานการณ์ที่ได้เปรียบมันไม่จำเป็นต้องต่อรองกับพวกเขา
  “อ้อนวอนรึ?ฮื่ม สบายใจได้ มันจะทนไม่ไหวแล้วกระโดดเข้ามาคลายมายาเองนั่นแหละ!”
  ซือหยูแสยะยิ้ม
  มั่นใจขนาดนี้เชียว?ฮั่นเฟยมองซือหยู นางหยุดรู้สึกสงสัยในตัวซือหยูไม่ได้ มันไม่เข้ากับนิสัยของนางเลย
  “ข้าจะรอดูแล้วกัน”
  ฮั่นเฟยยิ้มอย่างน่าหลงใหล
  “เตรียมขั้นแรกก่อนเถอะ!”
  ซือหยูพูด
  ฮั่นเฟยมองซือหยูนางรอให้ซือหยูบอกแผน
  นางอยากจะรู้จริงๆ ว่าซือหยูจะทำให้หมาดำเข้ามาคลายมายาของคนทั้งสองหมื่นด้วยตัวเองได้ด้วยวิธีใด