ตอนที่ 1048 - ประชันปัญญาและความกล้า

The Divine Nine Dragon Cauldron

“ไม่ยาก”
  ซือหยูมองทางเข้าที่ถูกปิดผนึกทั้งแปด
  “แค่เปิดทางก็ทำได้แล้ว!”
  ฮั่นเฟยนั้นคิดอ่านได้รวดเร็วเพียงบอกใบ้นางก็เข้าใจความตั้งใจของซือหยูทันที
  “ข้ารู้แล้วว่าต้องทำอะไร”
  ฮั่นเฟยตอบอย่างใจเย็นคลื่นพลังอสูรเอ่อล้นออกมาจากร่างกายนางอย่างเข้มข้น พลังถาโถมเป็นสุริยาทมิฬ
  ความแตกต่างระหว่างสุริยาทมิฬดวงก่อนก็คือดวงนี้นั้นใหญ่กว่ามากมันปกคลุมฮั่นเฟยที่อยู่ตรงกลาง นางราวกับเป็นราชินีแห่งสุริยา
  “ความแข็งแกร่งระดับเซียนมิอาจโค่นหอคอยได้แต่เราสร้างอุโมงค์เล็ก ๆ ได้”
  ฮั่นเฟยพูดราวกับว่านางไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน  “หลักการคือดูดพลังของวิชาสุริยาทมิฬอสูรสวรรค์มันจะเชื่อมต่อจิวโจวกับมิติอสูร พอสร้างอุโมงค์ด้วยวิชานี้แล้ว เราจะแบ่งจิวโจวและกลับมายังที่นี่โดยมิติอสูรได้!”
  “ถ้าเข้าออกได้สักครั้งเราก็หนีออกจากหอคอยได้!”
  สิ่งนี้อธิบายการที่ฮั่นเฟยเกิดใหม่จากหลุมดำโดยไร้รอยข่วนหลังจากที่นางถูกหั่นเป็นชิ้นๆ โดยกระบี่เมื่อประลองกับซือหยูในชั้นหนึ่งร้อย นางซ่อนอุโมงค์ที่เชื่อมต่อระหว่างสองโลกเอาไว้ เรื่องนี้น่าตกตะลึงอย่างมาก
  ฮั่นเฟยมองคนทั้งสองหมื่นคน
  “ข้าเปิดอุโมงค์ได้เรื่องยากคือการย้ายทุกคนออกไปพร้อมกัน ข้าต้องใช้พลังสร้างหลุมดำ ข้าคงพลังได้แค่หนึ่งชั่วยาม ข้าจะถูกรบกวนไม่ได้ คงไม่สำเร็จถ้ามีแค่เจ้ากับภูติน้อยนั่น”
  ซือหยูยิ้มและหัวเราะเบาๆ ให้ความว่างเปล่ารอบกาย  “เจ้าลืมไปแล้วรึว่าข้ามีมิติอยู่กับตัว?มันเก็บคนได้แสนคน แค่สองหมื่นน่ะจิ๊บจ๊อย”
  ดวงตาสดใสของฮั่นเฟยเปล่งประกาย
  “อย่างนี้นี่เองแค่เอาพวกนั้นออกไปจากแดนมณีได้ก็พอ จิวโจวมีจ้าวเทวะอยู่นับไม่ถ้วน คลายวิชามายาไม่น่าเป็นเรื่องยาก”
  ฮั่นเฟยไม่ลังเลอีกต่อไป
  “งั้นก็เริ่มกันเลยอย่าให้ไอ้หมานั่นเหนือพวกเรา”
  ซือหยูพยักหน้าและรีบไปที่ข้างปิงหวูชิงเขาพาปิงหวูชิงไปยังมุกวิญญาณเก้าหยกก่อน ตามด้วยเหล่าศิษย์ในจากตำหนักโลหิต
  การลงมือครั้งนี้ได้ผลเป็นอย่างมากหลังจากนำทุกคนไปยังมุกวิญญาณเก้าหยก ซือหยูกับฮั่นเฟยกลับมาที่นอกหอคอย แม้ว่ามันจะเท่ากับการทำให้การไต่หอคอยของทั้งสองหมื่นคนล้มเหลว มันก็ดีกว่าปล่อยให้พวกเขาตายในแดนมณี
  เมื่อซือหยูพาพวกเขาเข้าสู่มุกวิญยาณแรงสั่นสะเทือนก็แพร่กระจายไปทั่วหอคอย
  “เอ๋?ข้าไม่ได้นั่งบ่มเพาะพลังอยู่รึ? ทำไมข้าถูกพาตัวออกมาที่นี่?”
  “ทำไมพวกเจ้าก็อยู่ด้วยล่ะ?”
  “เป็นไปไม่ได้ยังไม่ถึงสิบวันเลย! ทำไมพวกเจ้าถูกขับออกมาจากหอคอยเล่า?”
  คนทั้งสองหมื่นตื่นขึ้นมาพร้อมกันพวกเขางุนงงเป็นอย่างมาก วิชามายาถูกคลายออกแล้ว!
  รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าไร้อารมณ์ของฮั่นเฟยเป็นอย่างที่ซือหยูพูด หมาดำเข้ามาคลายวิชามายาด้วยตัวเอง
  “เพื่อที่จะกว้างล้างพวกเราทั้งหมดเจ้าหมานั่นอดทนไม่ไหวแล้ว”
  ซือหยูยืนข้างฮั่นเฟยเขาปล่อยตัวปิงหวูชิงกับคนตำหนักโลหิตออกมา
  ในความจริงถึงมุกวิญญาเก้าหยกจะเป็นมิติที่พกพาได้ มันก็เก็บคนได้น้อยกว่าที่หมาดำจินตนาการเอาไว้ มันอาจเก็บคนได้เพียงแค่สองพันคน ซือหยูพูดไปก็เพื่อหลอกมัน แต่ในที่สุดหมาดำก็เสียความอดทนและหลงกลเขา มันคลายวิชามายาไปด้วยตัวเอง
  แต่ทั้งซือหยูกับฮั่นเฟยก็รู้ว่าเมื่อวิชามายาคลบายแล้วมันจะเป็นเวลาแห่งการนองเลบือด หมาดำตั้งใจจะหลอกคนทั้งสองหมื่นให้เข่นฆ่ากันเอง
  “ฮ่าฮ่าฮ่าเจ้าพวกยอดฝีมือโง่เง่าน่าสงสาร! ในที่สุดก็ตื่นจากแดนมายาที่ข้าเตรียมไว้ให้เแล้วรึ?”
  เสียงของหมาดำดังก้องสะท้อนทั่วหอคอยมันทั้งดังและชัดเจน
  เหล่ายอดฝีขมือตกตะลึง
  “อะไรนะ?นั่นเป็นมายารึ?”
  “เป็นไปไม่ได้!ข้าได้ลูกแก้วกับกระดูกมาอย่างที่ผู้เฒ่าสำนักบอก!”
  “โอกาสของพวกเราจบลงแล้วรึ?”
  มีเพียงคนหยิบมือเดียวที่เหลือบมองสิ่งรอบข้างสีหน้าพวกเขาหม่นหมอง  “ฮ่าฮ่าฮ่าเจ้าพวกโง่! ถูกขังจนจะตายแต่ยังคิดถึงการฝึกฝน พวกเจ้ามันโง่เง่าจนน่าสิ้นหวังนำัก!”
  หมาดำดูถูกเหล่ายอดฝีมืออย่างชอบใจ
  ในตอนนั้นเหล่ายอดฝีมือจึงได้ตระหนักว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว พวกเขาเริ่มเดินไปที่ประตูกันทีละคนและพยายามเปิดมัน
  ผลที่ได้ทำให้ทุกคนโศกเศร้า
  “ไม่ต้องเป็นห่วงทุกคนหอคอยจะเปิดเองในอีกเจ็ดวัน อย่าเชื่อคำลวงของไอ้หมาดำนั่น!”
  บางคนปลอบใจคนของตัวเองไม่ให้ร้อนรน
  “เจ็ดวันรึ?ฮื่ม ข้าเป็นคนดูแลหอคอยนี่ เวลาเป็นปิดขึ้นอยู่กับข้า ข้าทำได้ยิ่งกว่าขังพวกเจ้าให้ตายกันหมดเสียอีก!”
  หมาดำฉีกยิ้ม
  ในเวลาเดียวกันประตูทั้งแปดเปิดขึ้นทันทีราวกับตอบรับคำพูดของหมาดำ จากนั้นมันก็ปิดในทันทีอีกครั้ง!
  ทุกคนตื่นตระหนก
  ตัวประหลาดที่อยู่เบื้องหลังสามารถควบคุมการเปิดปิดหอคอยได้ตามใจคิด!ถ้ามันอยากจะขังพวกเขาสักร้อยปี พวกเขาก็จะไม่รอดสักคน!
  “ถ้าพวกเจ้าไม่ถือสาข้าจะให้พวกเจ้ายืมเส้นทางเชื่อมสองโลกของข้า”
  เสียงไร้อารมณ์ดังขึ้นฮั่นเฟยนั้นยังคงใช้สุริยาทมิฬอสูรสวรรค์อยู่ คนที่รู้จักวิชาสุริยาทมิฬอสูรสวรรค์เปล่งประกายด้วยความหวังในการเอาชีวิตรอด
  “หึหึพวกเจ้าเชื่อใจนังคนที่มาจากสำนักอสูรรึ? นางเป้นคนที่ปิดประตูเจ้าตั้งแต่แรก พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าจะได้ไปที่จิวโจวกับนางแทนที่จะได้ไปโลกอสูรน่ะ?”
  “แล้วถ้านางอยากจะใจดีสุริยาทมิฬอสูรสวรรค์ก็อยู่ได้ไม่นาน พวกเจ้ามีกันสองหมื่นคน นางจะพาพวกเจ้าออกไปได้สักเท่าไหร่?”   ความวุ่นวายในหมู่คนปะทุขึ้นมาไม่ขาดสายพอถึงวิกฤติ ทุกคนก็เคร่งเครียดถึงขีดสุดราวกับว่ากำลังถูกเชือกพันแขนขาตัวเองเอาไว้
  ถึงพวกเขาจะรู้ว่าหมาดำกำลังเล่นสนุกกับจิตใจพวกเขาแต่ก็บังเอิญเหลือเกินว่ามันเป็นสิ่งที่พวกเขากังวลที่สุด
  “หึหึถ้าพวกเจ้าอยากจะรอดกันนัก ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าสักครั้ง”
  อย่างที่คิดหมาดำเผยธาตุแท้ออกมาแล้ว
  ทุกคนบอกได้เลยว่าถ้าคนที่ตัดสินชะตาของพวกเขาได้กำลังชี้ทางสว่างเส้นทางนั้นย่อมเป็นเรื่องลวง แต่ก็ไม่มีใครคิดจะทิ้งความหวังนี้ไป
  “ตราบเท่าที่พวกเจ้าฆ่าคนหนึ่งคนจากต่างดินแดนได้ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าในการออกจากหอคอย”
  หลายคนหวาดกลัวชั่วช้านัก! ในบรรดาคนทั้งสิงหมื่น จะมีแค่หมื่นเดียวที่รอดชีวิต แต่นี่เป็นแค่จำนวนในอุดมคติที่ทุกคนจะสังหารคนเดียวเท่านั้น แต่ยังมีเงื่อนไขอื่นอยู่อีก นั่นคือจะต้องสังหารคนจากต่างแดน!
  ถ้าเป็นในสำนักเดียวกันมันจะเกิดการหารือและตัดสินร่วมกัน ซึ่งจะต้องมีคนที่ยอมเสียสละตัวเองแน่ นี่คือทางที่ดีที่สุดและจะไม่เกิดปัญหาไปมากกว่านี้ แต่ปัญหาคือการที่ต้องสังหารคนจากต่างดินแดน novel-lucky
  ตัวอย่างเช่นถ้าเฉียนเฟิงจากดินแดนมีดสวรรค์ฆ่าปิงหวูชิงจากตำหนักโลหิต ตำหนักโลหิตจะยอมเงียบและไม่ตอบโต้หรือ? ไม่ จะเกิดสงครามอย่างรุนแรงระหว่างตำหนักโลหิตกับดินแดนมีดสวรรค์แน่นอน! ถึงตอนนั้น อัตราคนตายจะไม่ใช่หนึ่งต่อหนึ่งอีกต่อไป ทั้งสองฝ่ายจะต้องต่อสู้กันจนบาดเจ็บล้มตายไปมหาศาล อาจเหลือคนเพียงไม่มากเมื่อจบการต่อสู้
  เรื่องแบบเดียวกันจะเกิดกับกลุ่มกำลังอื่นเมื่อความขัดแย้งดำเนินไป ความสูญเสียจะเริ่มนับไม่ได้ ทุกฝ่ายจะเสียคนของตัวเองไปไม่มากก็น้อย
  จากนั้นจะเกิดความโกลาหลจะไม่ใช่การต่อสู้ระหว่างสองฝ่ายอีกต่อไป แต่เป็นสาม สี่ หรือมากฝ่ายกว่านั้น
  จำนานความเสียหายย่อมเกินครึ่งเมื่อหมดวัน หากเหลือได้สักห้าพันคนจากสองหมื่นก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์
  “ฮื่มเจ้าเป็นศัตรูพวกเรา อย่าคิดจะหลอกให้พวกข้าฆ่ากันเอง!”
  ยอดฝีมือหลายคนไม่พอใจพวกเขารู้สึกเหมือนกำลังถูกเล่นสนุก
  หมาดำไม่คิดจะซ่อนเร้น
  “ชิ!เจ้าพวกแมลงน่าสงสาร! ข้าชี้นำเจ้าแบบนี้แล้วจะยังไง? มันก็แล้วแต่ว่าพวกเจ้าจะเลือกเป็นหรือตาย! ความอดทนข้ามีจำกัด ในสามลมหายใจ ถ้าพวกเจ้าไม่ลงมือ ข้าจะออกจากที่นี่เดี๋ยวนี้ พวกเจ้าก็โดนขังตายกันไปซะเถอะ!”
  เสียงจากทั้งหอคอยเงียบลงไปมากบรรยากาศเศร้าหมองเริ่มกลายเป็นความระแวง เริ่มมีการเตรียมการลบ่วงหน้า
  แม้เหล่ายอดฝีมือจะรู้ว่ามันจะเป็นไปตามแผนของหมาดำพวกเขาก็ไร้ทางเลือก
  ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้อยู่แล้ว มีเพียงการฆ่าคนเท่านั้นที่จะมีโอกาสได้รางวัลมากขึ้น มันก็แค่เร่งการต่อสู้ให้เร็วขึ้นมาเจ็ดวันเท่านั้น
  ทุกสิ่งเกิดจากความโลภความโลภอันนำไปสู่จิตสังหาร การล้างบางกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว
  ยอดฝีมือที่อ่อนแอรวบกลุ่มกันที่มุมหอคอยราวกับได้เจอกับศัตรูที่กล้าแกร่งยอดฝีมือบางคนที่ไม่คิดจะร่วมมือกับใครนั้นถูกโดดเดี่ยว บางคนที่มั่นใจเริ่มแสดงคมเขี้ยวของตัวเองออกมา การเข่นฆ่ายังไม่ทันเริ่ม แต่กลิ่นเลือดก็โชยขึ้นมาแล้ว!
  เมื่อเกิดกับคนทั้งสองหมื่นคนพร้อมกันมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ซือหยูกับฮั่นเฟยจะหยุดยั้งได้ นี่คือกำลัง! กำลังที่ไม่อาจต่อต้าน!   หมาดำแสยะยิ้มด้วยใบหน้าน่าขยะแขยง
  “ข้าชนะแล้ว!”
  หมาดำหัวร่ออย่างภูมิใจราวกับชนะแล้วจริงๆ
  ซือหยูพูดอย่างไม่แยแส
  “จริงเร้อ?ข้าไม่คิดเช่นนั้นนะ!”
  หมาดำกำลังเล่นกับหัวใจคนมันไม่ใช่วิธีที่มีคุณธรรม แต่มันก่อให้เกิดความวุ่นวายที่คนไม่กี่คนหยุดยั้งไม่ได้
  “คำพูดมิอาจหยุดความกระหายเลือดในหัวใจคนได้อีกแล้วมีเพียงความรุนแรงเท่านั้นที่จะแก้ไขได้”
  ซือหยูพูดและบินขึ้นมองทุกคนเบื้องล่าง
  การเคลื่อนไหวของเขาดั่งน้ำมันราดกองไฟ
  เมื่อทุกคนเงยหน้ามองพวกเขาก็ได้พบกับใบหน้าซือหยู เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน พวกเขาไม่สนใจยอดฝีมือหน้ากากเงินผู้นี้ แต่เมื่อจ้าวชั้นซือหยูปรากฏตัวและได้ต่อสู้ด้วย พลังของเขาก็สลักอยู่ในใจทุกคน
  พวกเขาเงียบรอให้ซือหยูพูดหากเขาพูดจบเมื่อใด การล้างสังหารจะเกิดขึ้น
  “ข้าขอสั่งพวกเจ้าห้ามให้ลงมือทำอะไรทั้งนั้น!”
  ซือหยูพูดสิ่งที่หลายคนคาดแต่ถ้าหากนภาจรัสอย่างฮั่นเฟยหยุดไม่ได้ แล้วซือหยูที่พวกเขาเพิ่งเคยเห็นหน้าจะทำได้อย่างไร
  คนที่เงยหน้าเขาก้มหน้าจิตสังหารของพวกเขาพวยพุ่ง พวกเขาแอบพูดในใจ
  “เป็นใครถึงมาสั่งพวกเรา?”
  “ก็เพราะว่าข้ากับตำหนักโลหิตฆ่าพวกเจ้าได้ทุกคน!พวกเจ้าทุกคน ไม่มีรอดแม้แต่คนเดียว!”
  คำพูดดังสนั่นชัดเจนของเขาแฝงด้วยกำลังมันราวกับสายฟ้าผ่าเข้ากลางใจ
  พวกเขาได้แต่ตัวสั่นเพราะพวกเขาเกือจะลืมเรื่องหนึ่งไป…นั่นคือปฏิญาณสัตย์ดวงใจ! เพื่อเข้าสู่หอคอย พวกเขาทุกคนยกเว้นสำนักอสูรสวรรค์ได้สาบานเอาไว้แล้ว!
  พวกเขาห้ามทำอะไรตำหนักโลหิตตลอดเวลาแต่ตำหนักโลหิตสามารถทำอะไรก็ได้ แม้แต่การตอบโต้ก็นับว่าเป็นการขัดคำสาบาน
  หากยอดฝีมือตำหนักโลหิตเริ่มฆ่าคนใครกันจะรอดไปจากหอคอยอันแออัดนี้ได้? ถ้าพวกเขาตอบโต้ ปฏิญาณสัตย์ดวงใจก็จะทำงานทันที อสูรภายในจะกลืนกินพวกเขา
  หากไม่สนใจเรื่องการบ่มเพาะพลังในอนาคตการพ่ายแพ้ในอสูรพ่ายแพจะทำให้พวกเขาเสียสติไปครู่หนึ่ง และนั่นจะทำให้พวกเขาไปอยู่ในหนทางที่ไม่มีหวังจะแก้ไข!
  ในใจทุกคนเย็นยะเยือก
  “เดี๋ยวก่อน!เจ้าบอกว่าเจ้าจะไม่แตะต้องพวกข้าก่อนวิบัติวิชาไม่ใช่เรอะ! เจ้าคิดจะกลับคำสาบานเรอะ?”
  ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนหนึ่งพูดด้วยความตื่นเต้นเขาคิดจะคร่าชีวิตคนและเก็บเกี่ยวสิ่งที่ผู้แพ้มี แต่คำพูอต่อมาของซือหยูนั้นเหมือนกับน้ำเย็นที่สาดใส่เขา