ตอนที่ 1049 - ความผิดพลาดสุดท้าย

The Divine Nine Dragon Cauldron

“คำสาบานของข้ารึ?เจ้ามีหลักฐานไหมล่ะ?”
  ซือหยูเย้ยหยัน
  “เจ้าเป็นหัวหน้าศิษย์จากสำนักเจ้าไม่กลัวว่าตำหนักโลหิตจะกลายเป็นตัวตลกเพราะเจ้าผิดสัญญารึ?”
  ยอดฝีมือหลายคนยังคงไม่คล้อยตาามซือหยูพวกเขาพร้อมจะฆ่ากันทุกเมื่อ
  ซือหยูตอบอย่างไม่แยแส
  “ขออภัยด้วยแต่ข้าต้องขอพูดสักหน่อย ข้าเป็นแค่ศิษย์ธรรมดาจากตำหนักนอกของตำหนักโลหิต ข้ามิได้มีอภิสิทธิ์จากคนระดับสูงในสำนัก และเหล่าศิษย์เองก็ไม่ได้นิยมชมชอบข้า ข้าใช้ชีวิตอย่างแร้นแค้นในขอบสำนัก คอยกวาดลานสำนักทั้งปีทั้งชาติ ข้าไม่ใช่ใครที่ไหน และตำหนักโลหิตที่มีเกียรติก็คงจะไม่สนใจคนทำความสะอาดอย่างข้า”   “คะ…คนทำความสะอาด?”
  ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งหลายคนตัวสั่น…เจ้าจะโกงพวกข้าด้วยเรื่องพิลึกพิลั่นนี่เรอะ?
  ‘เจ้าพวกโง่!คนทำความสะอาดก็คือยอดฝีมือที่เร้นกายอยู่ยังไงล่ะ!’
  ซือหยูย้อนคิดถึงเรื่องในเขตหยินหยูเขาเห็นภาพชายแก่กวาดลานตำหนักเมื่อครั้งอดีต
  ในตอนนั้นเองสายตาหลายคู่มองเหล่าศิษย์ระดับสูงของตำหนักโลหิตด้วยความตกตะลึง
  เขาจะต้องล้อเล่นแน่!ดูจากที่เขาเป็นผู้นำก่อนหน้านี้ และการที่เขาเป็นจ้าวชั้นที่มีพลังกำจัดพวกเขาทั้งหมด ซือหยูเซี่ยนคือศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย! จะผิดเพี้ยนจากนี้ไปได้อย่างไร?
  เรื่องการเป็นศิษย์นอกกับคนทำความสะอาดนั่นมันบ้าอะไรกัน?!   เหล่าคนตำหนักโลหิตหน้าแดงด้วยความอับอายเมื่อถูกมอง
  หญิงสาวบางคนพูดงึมงัม
  “ศิษย์น้องซือเป็นเรื่องจริงที่ว่าเจ้าเป็นศิษย์นอก แต่พูดว่าเจ้าเป็นคนกวาดลานตำหนักโลหิตและใช้ชีวิตอย่างแร้นแค้นเดียวดายนั่นน่ะ…มัน…”
  เขามักจะก่อเรื่องในตำหนักนอกอยู่เสมอเขาได้ครอบครองสาวงามที่หาได้ยากอย่างปิงหวูชิง กงซุนหวูซื่อ และเสวี่ยเหลียน เขาขับไล่ศิษย์ในออกจากสำนักอยู่ตลอดเวลา และพอเขาออกจากสำนัก ความเย็นชา เจ้าเล่ห์ และอวดดีของเขาก็เป็นที่ร่ำลือไปพร้อมกัน เขามักจะได้ทำเรื่องใหญ่ที่สั่นคลอนดินแดนพรสวรรค์อยู่เสมอ
  นี่มันตรงกันข้ามกับคนทำความสะอาดจนๆ ที่เขากำลังพูดโดยสิ้นเชิง!
  “ศิษย์น้องปิงข้าขอซัดเขาด้วยกระบี่ข้าได้หรือไม่?”   หญิงสาวคนหนึ่งพูดอย่างเรียบเฉยนางกระชับกระบี่ในมือ
  ปิงหวูชิงส่ายหน้า
  “ไม่ได้!เอากระบี่ข้าไปดีกว่า!”
  ณที่แห่งนี้ ฐานะคนกวาดลานของซือหยูได้ทำให้หลายคนอ้าปากค้าง
  “กลับมาพูดเรื่องของเราดีกว่า!ใครก็ตามที่กล้าเริ่มต่อสู้จะต้องตายด้วยน้ำมือข้า!”
  ซือหยูประกาศ
  “ผู้ใดที่ไม่คิดจะเข้าร่วมการสังหารจงมาที่ด้านซ้ายของข้าคนที่อยากจะฆ่า จงไปที่ด้านขวา!”
  ฝ่ามือซือหยูผายออกเขาทำท่าให้ทุกคนตัดสินใจ
  ครืน!
  คนทั้งสองหมื่นรีบไปที่ด้านซ้ายอย่างไม่มีข้อยกเว้น
  น่าขันนักใครกันจะกล้าไปที่ด้านขวาเลบ่า? ไม่ว่าจะเป็นคนอ่อนแอหรือคนที่แข็งแกร่งที่คิดจะฆ่าคน พวกเขาทุกคนล้วนอยู่ภายใต้อำนาจของปฏิญาณสัตย์ดวงใจ
  แปะ!แปะ! แปะ!
  ในความเงียบงันเสียงปรบอุ้งเท้าสุนัขดังขึ้น
  “ยอดเยี่ยม!ช่างน่าตื่นตาตื่นใจ! ในชั่วกัลป์นี้มีคนอย่างเจ้าที่คิดจะหยุดคนไม่ให้ฆ่ากันเอง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นคนทำได้ถึงขั้นนี้”
  หมาดำกล่าวชมเขา
  ซือหยูทำได้ดีตั้งแต่หลอกมันและสลายมายาได้ด้วยตัวเองในตอนเริ่ม เขายังลบบรรยากาศการนองเลือดได้อีก เขาทำได้ดีในทุกย่างก้าว มันไร้ที่ติ
  “ข้าถึงกับสงสัยว่าเจ้าคาดเดามาก่อนว่าต้องใช้ปฏิญาณสัตย์ดวงใจ”
  หมาดำกล่าว
  “ข้าว่าต่อให้สำนักอสูรสวรรค์ไม่สร้างโอกาส เจ้าก็ต้องหาทางกำราบทุกคนได้อยู่ดี”
  ซือหยูยิ้มโดยไม่พูดอะไรแน่นอนว่าเขามีความคิดอยู่ก่อนแล้ว แต่มันก็ลงมือได้ยาก แต่สำนักอสูรสวรรค์ได้มอบโอกาสงามกับเขา
  พอพูดจบหมาดำเปลี่ยนเรื่องทันควัน
  “แต่เจ้าคิดว่าเจ้าชนะแล้วจริงรึ?เจ้าแน่ใจรึว่าข้าสลายมายาจากทุกคนไปหมดแล้ว?”
  อะไรนะ?ทุกคนตกใจ
  เป็นไปไม่ได้!ศิษย์ทุกคนแสดงท่าทางอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มีใครที่ดูเหมือนติดอยู่ในแดนมายาอยู่เลย
  อ๊ากกก!
  เสียงกรีดร้องอย่างทุกข์ทรมานดังขึ้นทันที!
  ชายหนุ่มคนหนึ่งถูกแทงทะลุอกอย่างไร้คำเตือน!ผู้ลงมือคือหญิงสาวด้านหลังเขา แววตาของนางว่างเปล่า นางถือกระดูกโลหิตในมือ
  “นางถูกมายาควบคุมให้ฆ่า!”   หลายคนถอยห่างออกจากนางทันทีด้วยความโกรธแค้นและตกใจ
  คนที่นางฆ่าคือศิษย์จากต่างดินแดน
  “นางฆ่าคนจากดินแดนสวรรค์กระจ่าง!ฆ่านางซะ!”
  “ใช่ฆ่านาง นางจะได้ไม่สร้างปัญหาอีก!”
  คนฝั่งหญิงสาวชักกระบี่ออกมา
  “หยุดเดี๋ยวนี้!นางแค่ติดอยู่ในมายา นางไม่ได้เจตนา พวกเจ้าลองแตะต้องนางดูสิ!”
  “ฆาตกรต้องชดใช้ด้วยชีวิตมันจะเลวร้ายยิ่งกว่าถ้านางยังถูกควบคุมอยู่ ใครจะไปรู้ว่านางจะลงมืออีกเมื่อไหร่?”
  เมื่อเสียคนของฝ่ายตัวเองไปคนดินแดนสวรรค์กระจ่างโกรธแค้นมาก
  “งั้นพวกข้าจะลองดูแล้วจะได้เห็นว่าพวกเจ้ากล้าพอหรือไม่!”
  ทั้งสองฝ่ายนั้นต่างไม่ยอมกัน
  ทั้งสองดินแดนเรียกอาวุธของตัวเองออกมาและกำลังจะทำสงคราม
  ซือหยูตะโกน
  “พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้!”
  เมื่อพูดจบเขาใช้ค่ายกลคลื่นดาวตกจากด้านบนเพื่อจับตัวหญิงสาวที่ถูกควบคุมทำให้นางสลบ
  เขามองคนทั้งสองฝ่ายด้วยดวงตาเยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง
  “เจ้าพวกโง่!ถ้าเจ้าสู้กัน เจ้าก็ทำอย่างที่มันต้องการ! หากสงครามเกิดขึ้น จะมีมากกว่าพวกเจ้าที่ล้มตาย!”
  ถ้าหากเกิดการต่อสู้ขึ้นเหล่าคนที่อยากสู้ก็คงจะเข้าร่วมวงฆ่าฟันด้วยเพราะอยากจะได้โอกาสรับรางวัลมากขึ้น
  การเกิดความขัดแย้งเล็กๆ นั้นจะทำให้สงครามเกิดขึ้นได้ง่าย ดังนั้นจะต้องห้ามไม่ให้เกิดการต่อสู้ขึ้นเลย
  “ปกป้องนางถ้านางตื่นเมื่อใดจงทำให้นางสลบทันที”   ซือหยูบอก
  แม้หลายคนจะไม่เต็มใจที่จะฟังซือหยูซือหยูก็กลายเป็นผู้นำของพวกเขาในขณะนี้ ทั้งสองฝ่ายไม่มีทางเลือกนอกจากยอมเงียบ
  แต่ในตอนนั้นเองเสียงกรีดร้องอีกสองเสียงก็ดังขึ้น หญิงสาวสองคนจู่โจมชายหนุ่มสองคนจากต่างดินแดน พวกนางซัดกระบี่จากด้านหลังสะบั้นหัวของชายหนุ่มสองคน ทั้งสองตายในทันที
  ซือหยูใจหายก่อนที่สถานการณ์จะแย่ไปกว่านี้ เขากักขังหญิงสาวทั้งสองคนและทำให้พวกนางสลบทันที เขาสั่งให้สองฝ่ายสงบ
  แต่ก่อนที่จะหยุดได้ก็เกิดเสียงกรีดร้องที่อีกมุมหนึ่ง
  “ไม่ว่าคนที่ถูกควบคุมจะลงมือเมื่อไหร่ก็ห้ามฆ่าพวกเขา!ทำให้สลบไปซะ ข้าจะฆ่าทุกคนที่ฆ่ากันเอง!”
  ซือหยูสัมผัสถึงวิกฤติ
  แต่การสังหารยังคงเกิดขึ้นต่อไป  แม้ว่าจะถูกซือหยูห้ามเอาไว้ความบาดหมางระหว่างต่างแดนก็ได้เกิดขึ้นแล้ว
  สถานการณ์ที่กำลังสงบได้ถูกปลุกปั่นให้เลวร้ายขึ้นอีกครั้งทุกคนต่างระแวง ความเชื่อใจหดหายไปแม้จะเป็นคนจากสำนักเดียวกัน ไม่มีใครรู้ว่าจะมีคนถูกควบคุมเมื่อไหร่ ไอลีนโนเวล
  ความขัดแย้งสามารถหยุดยั้งลงได้หากมันเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวหรือแม้กระทั้งสองสามครั้งแต่ถ้าหากเกิดขึ้นถี่กว่านี้ ซือหยูก็มิอาจรับมือได้อีกแม้จะมีปฏิญาณสัตย์ดวงใจอยู่ในมือ
  “ฮ่าฮ่าฮ่าเจ้าหนู ขอข้าดูหน่อยว่าเจ้ามีพลังที่จะควบคุมทุกคนรึเปล่า!”
  หมาดำหัวเราะอย่างเย็นชาเมื่อเสียงหัวเราะของมันดังสะท้อนหอคอย เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดก็ดังขึ้นไม่ขาดสาย
  ซือหยูต้องทำตัวเองให้สุขุมเยือกเย็นในเวลานี้เขาพูด
  “ส่งทุกคนที่โจมตีมาให้ข้าเดี๋ยวนี้”   เมื่อออกคำสั่งคนที่ถูกมายาก็ถูกพามาหาเขา
  เขาเรียกหยดน้ำพุแห่งชีวิตออกมาหนึ่งหยดมันให้กลิ่นอายที่เย็นฉ่ำและสดชื่น มันทำให้หลายคนตื่นขึ้นจากภวังค์ ทุกคนรู้สึกตัวและตระหนักว่าทุกคนกำลังแตกตื่น
  “เกิดอะไรขึ้นกับข้า?เกิดอะไรขึ้น? ข้าสลบไปรึ?”
  คนที่ตื่นขึ้นมาจำสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เลย
  “เจ้าเจออะไรบ้าง?”
  ฮั่นเฟยเดินมาหาเขาและตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องราว
  ซือหยูเหลือบมองคนทั้งสองหมื่น
  “สองเรื่องอย่างแรก มันมีพลังจำกัด มันใช้มายาได้ทีละคน! จากการสังหารที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้ ไม่มีการสังหารสองครั้งเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน มันเกิดแบบต่อเนื่องทีละคน มันสามารถใช้มายาได้กับทีละคนเท่านั้น!”
  ฮั่นเฟยพยักหน้าช้าๆ  “ข้าก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”
  “ส่วนเรื่องที่สองมันคือเรื่องสำคัญที่สุด!”
  ซือหยูแววตาหม่นหมอง
  “มันปะปนอยู่กับพวกเรา!”
  ฮั่นเฟยเลิกคิ้ว
  “เราเห็นกับตาว่าไอ้หมานั่นวิ่งออกจากหอคอยไปแล้วแต่เจ้ากลับบอกว่ามันยังอยู่ที่นี่รึ? เจ้ามีหลักฐานหรือไม่?”
  ซือหยูพยักหน้า
  “มีสิ!ถึงข้าจะไม่เชี่ยวชาญวิชามายา ข้าก็รู้หลักการพื้นฐานของวิชามายา ข้ารู้ว่ามันต้องใช้สื่อกลางในการใช้วิชา! เช่นการสบตาหรือคำพูด หรือกลิ่น! ไม่มีวิชามายาที่ใช้ได้โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง! ถ้าเจ้านั่นอยู่นอกหอคอย มันจะใช้วิชาในสภาพหอคอยที่ไม่มีสิ่งใดทะลุมาได้รึ?”
  “หลักฐานอย่างที่สองเจ้าลืมไปแล้วหรือ? ตอนที่มันพยายามบอกให้ยอดฝีมือรู้ว่ามันเปิดปิดหอคอยได้ หอคอยก็เปิดและปิดทันที? ถ้าข้าเดาไม่ผิด มันต้องใช้จังหวะนั้นแอบเข้ามาแน่!”
  ฮั่นเฟยคิดได้แบบเดียวกันนางแววตาเป็นประกาย
  “ถ้าอย่างนั้นเจ้าคิดว่ามันอยู่ไหนล่ะ?”
  ซือหยูเหลือบมองเหล่ายอดฝีมือ
  “มันปะปนอยู่กับคนทั้งสองหมื่นคนนี่!มันมีวิชาแปลงกาย!”
  ซือหยูมองดูเหตุการณ์ผ่านเนตรวิญญาณมาก่อนแต่มันก็ไร้ผลเพราะวิชาแปลงกายของหมาดำนั้นมีพลังเหนือกว่าเขา
  “ฮ่าฮ่าฮ่าเจ้าหนู เจ้าไม่เคยทำให้ข้าผิดหวังจริง ๆ! เจ้าถึงกับรู้เรื่องนี้!”
  เสียงหมาดำดังสะท้อนอยู่ในหอคอย
  “ไม่เลวข้ากลับมาและอยู่ท่ามกลางพวกเจ้า! แต่เจ้าจะทำอะไรได้?”
  “เกิดการฆ่าไปแล้วยี่สิบครั้งสงครามกำลังจะระเบิดขึ้นแล้ว เจ้าจะหยุดไปได้สักเท่าไหร่?”   หมาดำหัวเราะยั่วยุ
  “สุดท้ายข้าก็ยังเป็นผู้ชนะ ปล่อยให้มันจบลงซะเถอะ!”
  “จบรึ?”
  ซือหยูยิ้มเยาะ
  “ข้าว่ามันคือการเริ่มการแสดงดีๆ เสียมากกว่า!”
  หมาดำผงะ
  “เจ้ายังเหลืออะไรอีกรึ?ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะหยุดได้เป็นครั้งที่สองหรอก!”
  “มีทางเดียวที่จะแก้ไขปัญหานั่นคือรวมความขัดแย้งทั้งหมดไว้ที่หนึ่งเดียว!”
  ซือหยูยิ้มอย่างสงบ
  “ผู้ร้ายตัวจริงที่เริ่มเรื่องทั้งหมดก็คือเจ้าเจ้าคือเป้าหมายที่ดีไม่ใช่รึ? เจ้าตายเมื่อไหร่ก็ไม่มีความเกลียดชังอีกแล้ว”
  หมาดำหัวเราะเบาๆ
  “เจ้าก็ต้องหาข้าให้เจอก่อน!ข้ายอมรับว่าเนตรเจ้ายอดเยี่ยม มันมีพลังที่ดูดวงวิญญาณได้”
  “แต่มันไร้ค่าในแดนมณีข้าใช้ธาตุที่นี้เป็นข้อได้เปรียบ เจ้าจะไม่มีวันเจอข้าถึงจะมีเนตรนั่น!”
  “เจ้าซ่อนตัวได้ดีแต่มันก็ยังไม่สมบูรณ์แบบ เจ้าลืมเรื่องสำคัญที่สุดไป นั่นแหละคือความผิดพลาดของเจ้า!”
  ซือหยูกล่าวอ้าง
  หมาดำหรี่ตา
  “เจ้าจะหลอกให้ข้ามีพิรุธเรอะ?ถ้าเช่นนั้นก็อย่าเสียแรงเปล่าเลย!”
  ซือหยูเงยหน้ามอง
  “ข้าไม่สนใจเรื่องหลอกเจ้าหรอก!ความผิดพลาดเจ้าน่ะคาหนังคาเขา!”
  จู่ๆ แรงสั่นสะเทือนที่สัมผัสไม่ได้ได้เกิดขึ้นถึงหอคอยจากด้านนอก ทุกคนสัมผัสได้!
  หมาดำตกตะลึง  “ถึงวันที่สิบสามของแดนมณีแล้ว!วันนี้คือวันวิบัติตำราเรอะ?”
  “ใช่แล้ว!วิบัติตำราคือความผิดพลาดของเจ้า!”
  ซือหยูพูด
  “จากที่ข้าดูวิบัติบุพผาวิบัติจะไม่ส่งผลกับสิ่งที่อยู่ในแดนมณีมาก่อน มีแต่ผู้มาเยือนที่จะได้รับพลังของมัน!”
  “ในสองหมื่นคนนี้มีคนเดียวที่จะไม่ได้รับผลจากวิบัติตำราและนั่นก็จะเป็นเจ้าอย่างแน่นอน! เจ้าถูกเจอตัวแล้ว!”