ตอนที่ 1050 - สามวิบัติในคราเดียว

The Divine Nine Dragon Cauldron

แต่หมาดำไร้ความกลัวเกรงกับคำขู่มันหัวเราะเยาะ
  “น่าขัน!เจ้าไม่รู้รึว่าเงื่อนไขของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิบัติตำราคืออะไร?”
  ซือหยูตอบกลับทันควัน
  “ข้าต้องรู้อยู่แล้วมีแค่คนที่เปิดอ่านตำราแห่งชีวิตเท่านั้นที่จะได้รับผลกระทบจากวิบัติตำรา!”
  หมาดำผงะมันเริ่มรู้สึกไม่ดี
  “เจ้าจะบอกว่าทุกคนที่นี่เคยไปที่สวนตำราแล้วเปิดอ่านตำราแห่งชีวิตมาแล้วเรอะ?เป็นไปไม่ได้! อย่างน้อยก็ต้องมีสักครึ่งที่มาจากสวนอื่นและไม่เคยไปสวนตำรา”
  เสียงความสับสนอลหม่านเกิดขึ้นในหมู่คนเช่นกัน
  “ใช่แล้วซือหยูเซี่ยน! ข้าไม่เคยไปสวนตำรามาก่อน ข้าไม่เป็นเป้าของวิบัติตำรา!”   “ใช่ข้าก็ไม่เคยไปเหมือนกัน!”
  “ถ้าอย่างนั้นพวกเราอีกหลายคนก็จะไม่ได้รับพลังจากวิบัติตำรา เราก็ไม่มีทางหาผู้อยู่เบื้องหลังเจอน่ะสิ”
  แต่ซือหยูแสยะยิ้มออกมาที่มุมปากเขายิ้มน่ากลัวจนหมาดำตกใจ
  “ใช่แล้วพวกเจ้ายังไม่ได้ไปที่สวนตำรา แต่ใครบอกเล่าว่าแค่เพราะพวกเจ้าไม่ได้ไปสวนตำราแล้วพวกเจ้าจะไม่ได้อ่านตำราแห่งชีวิต? ข้าให้พวกเจ้าทุกคนอ่านหมดแล้ว!”
  ซือหยูกล่าว
  ซือหยูผายมือทั้งสองข้างออกมาและกำเอาไว้มันคือท่าเดียวกับตอนที่เขาแยกคนที่ต้องการฆ่าและคนที่ไม่ต้องการออกจากกันในก่อนหน้านี้ ทุกคนมองตามมือของเขามาที่ด้านซ้าย หมายความว่าพวกเขาคือคนที่ไม่ต้องการฆ่ากันเอง
  “เจ้ามีเนื้อหาตำราแห่งชีวิตอยู่ในฝ่ามือ!”
  หมาดำอุทานด้วยความตกใจ  ซือหยูแบมือเศษชิ้นกระดาษขนาดเท่าเล็บมือปรากฏให้เห็น มีข้อความอยู่สองคำ
  “กระดาษแผ่นนี้มาจากตำราแห่งชีวิต!ตามกฎสวนตำรา คนที่เป็นเป้าของวิบัติตำราคือคนที่ได้เห็นตำรา! มันไม่ได้บอกกฎว่าจะต้องอ่านมากน้อยเท่าใด ดังนั้น จากที่ข้าเข้าใจ ต่อให้พวกเจ้าอ่านแค่คำเดียวหรือเห็นแค่เศษกระดาษ มันก็เท่ากับการอ่านทั้งนั้น!”
  “ตอนที่ข้าแบ่งกลุ่มพวกเจ้าทุกคนเห็นฝ่ามือข้าตอนที่เลือกฝั่ง ทุกคนเห็นกระดาษในมือข้าแม้จะเหลือบมองแค่ครั้งเดียว”
  ซือหยูอธิบาย
  “ตอนนี้พวกเจ้าทุกคนจะได้รับผลจากวิบัติตำราแล้ว!ยกเว้นแต่สิ่งที่อยู่ในแดนมณีแต่แรก!”
  ทุกคนอ้าปากค้างพวกเขาอ่านตำราแห่งชีวิตไปโดยที่ไม่รู้ตัว! พวกเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลยด้วยซ้ำ
  “เจ้าเตรียมตัวมาแล้วเรอะ?”   หมาดำหายใจเข้าลึกมันพ่ายแพ้อย่างหมดท่า
  ซือหยูตอบอย่างเรียบเฉย
  “ถ้าจะจัดการกับไอ้แก่อย่างเจ้าที่ไม่มีวันตายแน่นอนว่าข้าต้องมีไพ่ตายเก็บเอาไว้”
  หมาดำถาม
  “เจ้ามีแผนแล้วยังไงเล่า?เจ้ากำลังจะทำให้ทุกคนถูกบดขยี้เพราะวิบัติตำราอย่างไม่มีเหตุผลงั้นเรอะ?”
  ซือหยูหยักไหล่
  “พวกนั้นตายไปแล้วจะทำไมเล่า?ถ้าข้าไม่บอก คนอื่นก็ไม่คิดจะระวังวิบัติตำราอยู่ดี ข้าไม่มีอะไรให้เสีย!”
  หลายคนถึงกับอึ้งพวกเขาพูดไม่ออก
  “ศิษย์น้องปิงอย่าห้ามข้า!”
  “เอ๋!ศิษย์น้องปิง ทำไมเจ้าชักกระบี่ออกมาล่ะ?”
  “ข้าจะหั่นมันให้เป็นชิ้นๆ!”   “ไม่นะ!ใครก็ได้ช่วยที! หยุดศิษย์น้องปิงด้วย!”
  “ฮ่าๆๆๆน่าสนุกนี่ น่าสนุกนัก! สุดท้ายก็มีคนมีความสามารถถูกส่งมาหาข้าในรอบหมื่นปี”
  หมาดำหัวเราะเสียงหัวเราะของมันมีทั้งความเดียวดายและผิดหวัง
  “ถ้าพวกเจ้าไม่ถูกลิขิตให้ตายข้าก็จะไม่ปรารถนาฆ่าเจ้า หมื่นปีผ่านมาแล้ว ข้าทนความเหงานี้มานานนัก ข้าได้แต่มองหาหลุมศพอันว่างเปล่า”
  “หึไอ้หมาบัดซบ เจ้าก็น่าสนใจเหมือนกัน ถ้าเจ้าคิดจะทิ้งที่นี่มาหาอ้อมกอดของคนดีอย่างข้า ข้าก็ไม่หวงเงินค่ากระดูกเจ้า”
  ซือหยูตอบ novel-lucky
  หมาดำระเบิดเสียงหัวเราะ
  “เจ้าไม่ถามยอดฝีมือที่เหลือแบบเดียวกันเล่า?พวกมันเกลียดข้าถึงกระดูกดำ! เจ้าไม่กลัวว่าคนรักเจ้าจะทิ้งไปรึ?”   “ข้าก็คงกลัวล่ะ!ข้าเลยต้องเอาตัวเจ้าออกมาแล้วตอบคำถามยอดฝีมือทุกคนที่สละชีวิตไป”
  ซือหยูหัวเราะเบาๆ อย่างเย็นชา
  “ข้าเกือบได้ตัวเจ้าแล้ว!”
  แรงสั่นสะเทือนที่มองไม่เห็นส่งแรงมาอีกครั้งวิบัติตำรามาถึงแล้ว! ยอดฝีมือที่ตกตะลึงทั้งสองหมื่นคนกำลังถูกวิบัติโอบล้อมพากันก่นด่าสาปแช่ง
  ทุกคนที่ถูกเล็งเป้าจากวิบัติจะมีเงาตำราทมิฬเหนือศีรษะมันคือคำสาปจากการอ่านตำรา ถ้าหากผู้ใดไม่มีมัน คนผู้นั้นจะต้องเป็นสิ่งที่อยู่ในแดนมณีมาตั้งแต่แรก!
  “อ๊าาา!เขาไม่มีตำรา!”
  ผู้คนส่งเสียงกรีดร้อง
  ซือหยูมองไปทันทีเขายกมือขึ้นและใช้ค่ายกลดับสวรรค์ห้าธาตุปิดพื้นที่
  “ครั้งนี้เจ้าหนีไม่รอดแน่!”
  ฮั่นเฟยสายตาเยือกเย็นนางยืนอยู่บนสุริยาทมิฬสองดวงและบินไปอย่างรวดเร็ว
  วิบัติตำรากำลังจะเริ่มต้นแต่ก็ยังเหลือเวลาอีกครู่ก่อนมันจะมาถึงจริง เวลานี้เป็นเวลาที่พวกเขาจะจับตัวหมาดำ หลังจากนั้นพวกเขาค่อยตั้งสมาธิกับวิบัติตำรา
  คนที่ถูกค่ายกลดับสวรรค์ห้าธาตุกักขังคือชายหนุ่มอายุราวยี่สิบปีเขาหน้าคล้ำและร่างกายของคนทั่วไป เขาคือคนที่ไม่ต่างจากคนหมู่มาก ยิ่งไปกว่านั้นยังมีคนมากกว่าสองหมื่นคนในเหตุการณ์ที่ทำให้ยิ่งซับซ้อน สำหรับทุกคน คนอื่นนั้นคือคนแปลกหน้าเว้นแต่คนจากดินแดนเดียวกัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้เลยว่าหมาดำนั้นซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางพวกเขา
  “เจ้าชนะแล้ว!”
  ชายหนุ่มลืมตามมรกตและยิ้มชมซือหยู
  ฮั่นเฟยดูสีหน้าเย็นชานางยกมือขึ้นส่งสุริยาไปที่เหนือชายหนุ่มโดยไม่พูดอะไร สุริยาทมิฬนี้สามารถส่งชายหนุ่มไปยังมิติอสูรได้ และนั่นจะทำให้เขาถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ จากสิ่งที่อยู่ในมิติอสูร
  แต่ชายหนุ่มก็เปลี่ยนท่าที
  “แต่นี่เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น!เจ้าชื่อซือหยูเซี่ยนสินะ? หึหึ เกมระหว่างเจ้ากับข้ามันเพิ่งเริ่ม เจ้าสนุกกับมันดูสิ!”
  ซือหยูขมวดคิ้วเมื่อถูกขู่หมาดำยังมีแผนอยู่อีกรึ?
  “เจ้านับเวลาก่อนที่วิบัติตำราและจับตัวข้าไม่ใช่รึ?แต่ถ้าเจ้าไม่มีเวลาเล่า?”
  ชายหนุ่มยิ้มอย่างประหลาด
  “เจ้าคือ…”
  ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามา
  “ใช่แล้ว!ข้าคือจ้าวชั้นหอคอย แต่ข้าก็เป็นจ้าวสวนด้วย! จ้าวสวนวิชายังไงล่ะ!!”
  ชายหนุ่มเปิดเผยตัวตนของตัวเอง
  ในสวนทั้งห้าจะมีจ้าวสวนของตนเองผู้ที่คนธรรมดามิอาจได้พบเจอ ถึงอย่างนั้นสุนัขดำตัวนี้ก็คือจ้าวสวน!   “ข้าคือจ้าวสวนที่มีพลังพิเศษและพลังพิเศษของข้าพิเศษกว่าทุกคน มันคล้ายกับจ้าวสวนบุพผา แต่ข้าเหนือกว่านาง”
  ชายหนุ่มยิ้ม
  ซือหยูใจเต้นแรงจ้าวสวนบุพผาถูกพาไปยังมุกวิญญาณเก้าหยกจากซือหยู พลังพิเศษของนางนั้นเรียบง่าย นางมีพลังในการทำให้วิบัติบุพผาเริ่มต้นก่อนเวลาที่ควรจะเป็น นางเรียกวิบัติบุพผาที่ควรจะเกิดหลังจากเจ็ดวันมาล่วงหน้าหนึ่งวัน เหล่าคนสำนักช่างสวรรค์ล้มตายไปมาก
  ส่วนจ้าวสวนวิชาเขามีพลังอะไรกัน?
  “พลังพิเศษของข้าคือการควบคุมวิบัติทั้งหมด!!”
  ชายหนุ่มยิ้มเล็กๆ มันมีรอยยิ้มเยาะอยู่ด้วย
  “สนุกกันเถอะพวกเจ้าข้าจะรอดูว่าเจ้าจะรอดกันสักกี่คน! ฮ่าๆๆๆๆๆๆ!”
  ครืน…ครืน…ครืน…  แรงสั่นสะเทือนสามประเภทสั่นพร้อมกันจากทั่วทั้งแดนมณีในคราเดียวมีทั้งแรงสั่นสะเทือนจากสวนตำราและสวนวิชา ที่สำคัญกว่านั้นยังมีแรงสั่นสะเทือนจากสวนสัตว์อสูรที่จะต้องมาถึงในอีกครึ่งเดือนข้าหน้าอีกด้วย! ซือหยูสูดลมหายใจเข้าลึก
  นี่คือพลังพิเศษของหมาดำในฐานะจ้าวสวนวิชามันมีพลังควบคุมทุกวิบัติ!
  วิบัติสามประเภทสั่นคลอนจิตใจทุกคนทันทียิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังต้องเผชิญหน้ากับมันอย่างไม่มีการเตรียมพร้อม วิบัติตำราที่จะมาถึงในเวลาอีกครู่หนึ่งมาถึงในพริบตา
  เงาหนึ่งปรากฏหน้าซือหยูจากความว่างเปล่ามันจ้องเขาอย่างเยือกเย็น เช่นเดียวกับทุกคน ทุกคนเจอกับเงาที่พวกเขาเองเท่านั้นจะมองเห็นไม่เว้นแม้แต่ฮั่นเฟย เมื่อวิชาของนางถูกขัดขวาง ชายหนุ่มก็หัวเราะและหันหลังจากไปก่อนที่จะออกจากหอคอย มันพูดยั่ว
  “สนุกให้เต็มที่ล่ะ!ฮ่าๆๆๆๆ…”   พรึ่บ!
  ประตูทางเข้าหอคอยทั้งแปดเปิดขึ้นพร้อมกันการปิดประตูนั้นไม่ได้มีไว้เพื่อกันยอดฝีมือให้หนีอีกแล้ว เพราะถ้าหากประตูปิด มันจะกลาเป็นที่คุ้มภัยจากวิบัติให้กับทุกคน ดังนั้นทางเข้าจึงต้องเปิดต้อนรับวิบัติทั้งหมดเอาไว้ แน่นอนว่ามันกำลังจะกว้างล้างยอดฝีมือทุกคน
  หมาดำไม่ได้คิดจะทำแบบนี้ตั้งแต่แรกเพราะมียอดฝีมือทั้งสองหมื่นคนอยู่ในหอคอยแต่มันถูกบังคับให้ทำเพราะซือหยู มันไม่มีทางเลือกนอกจากใช้วิธีนี้
  “หวงฉีรึ?”
  ซือหยูมองเงาคนแปลกหน้าตรงหน้า
  เงาพยักหน้า
  “ข้าคือหวงฉีตัวละครจากตำราแห่งชีวิตที่เจ้าอ่าน”
  เมื่อซือหยูเข้าไปในสวนตำราเขาได้อ่านตำราแห่งชีวิตของหวงฉีโดยที่ไม่ได้คิดอะไรตำรานี้ได้บันทึกชั่วชีวิตของหวงฉีเอาไว้อย่างละเอียดจนถึงเรื่องริดสีดวงของเขา
  “เข้ามา!ถ้าเจ้าทำลายข้า เจ้าจะเป็นอิสระจากวิบัติตำรา ถ้าเจ้าทำไม่ได้ เจ้าจะไปแทนที่ข้า เป็นตำราแห่งชีวิตเล่มใหม่”
  หวงฉีพลิกฝ่ามือดึงมีดออกมา
  ซือหยูลูบคางและไม่คิดจะรีบร้อน
  “ข้าถามเจ้าสักสองเรื่องได้ไหม?”
  หวงฉีคิดก่อนจะเก็บมีด
  “ได้!ข้าตอบได้ตราบเท่าที่เป็นสิ่งที่ข้ารู้ในตอนที่ยังมีชีวิต แต่เจ้าจะถามได้แค่สองคำถาม หลังจากข้าตอบแล้วการต่อสู้จะเริ่มขึ้น เจ้าจะยื้อเวลาไม่ได้อีก”
  “คำถามแรกจะเกิดอะไรขึ้นถ้าข้ายังไม่ได้อ่านตำราแห่งชีวิตที่ข้าได้มา?”
  ซือหยูลูบแหวนมิติเขายังไม่มีเวลาอ่านตำราของม่อจือเต๋าเลย
  โชคดีที่หวงฉีมีคำตอบ  “หลังจากเจ้าผ่านวิบัติตำราไปตำราแห่งชีวิตจะสลายไปเอง แม้แต่พวกที่เป็นรูปแบบศิลาก็ไม่ยกเว้น!”
  ซือหยูพยักหน้าเมื่อได้ฟังคำตอบ
  “เอาล่ะข้าเข้าใจแล้ว”
  “อีกหนึ่งคำถามคนอื่น ๆ ที่ได้เห็นแค่มุมกระดาษจากตำรา เงาที่ต้องต่อสู้จะแข็งแกร่งแค่ไหน?”
  “พลังของข้าไม่เกี่ยวกับจำนวนเนื้อหาในตำราที่อ่านต่อให้เห็นแค่คำเดียว ข้าก็จะปรากฏตัวด้วยพลังทั้งหมด! ความต่างก็คือ ยิ่งอ่านน้อยเท่าใด เวลาในการต่อสู้ก็จะยิ่งน้อยลงเท่านั้น!”
  “สำหรับเจ้าที่อ่านทั้งเล่มข้าจะคงอยู่จนกว่าเจ้าจะกำจัดข้าได้! ส่วนคนที่อ่านแค่คำเดียว เวลาที่ข้าปรากฏตัวจะไม่เกินหนึ่งลมหายใจ บางทีข้าอาจจะไม่มีเวลาได้ทำอะไรด้วยซ้ำ”
  เป็นเช่นนี้เองสินะ!ซือหยูพยักหน้า  “ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มกันเลย!”
  หวงฉีแววตาแข็งกร้าวมีดในมือกลายเป็นดาวตกพุ่งเข้าใส่ซือหยู
  ซือหยูเรียกลูกแก้วออกมาอย่างไม่รีบร้อนมีดดาวตกมิอาจขยับได้
  ก่อนล่วงลับหวงฉีเป็นจ้าวเทวะระดับแปด หลายคนนับว่าเขามีพรสวรรค์มาก แต่เขาไม่ใช่คู่แข่งของซือหยู แค่ค่ายกลคลื่นดาวตกอย่างเดียวก็เกินพอที่จะเอาชนะเขา
  หวงฉีถอนหายใจ
  “ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะยิ่งใหญ่เช่นนี้!ข้าแพ้แล้ว เจ้าทำลายข้าได้!”
  “ขออภัยด้วยเจ้างีบไปก่อนเถอะ”
  ซือหยูซัดฝ่ามือใส่หัวหวงฉีจนสลบและโยนเขาไปที่มุกวิญญาณเก้าหยก
  หวงฉีตกใจช้าก่อน ทำไมเจ้าไม่ทำลายข้า? ข้าไม่อยากนอน! อย่าไม่ชอบ! รีบเอาข้าออกไปเร็ว!
  เสียงกรีดร้องดังจนแผ่นดินสะเทือนดังก้องมุกวิญญาณเก้าหยกมันดังไม่จบสิ้น
  ซือหยูปรบมือคนที่เหลือผ่านวิบัติตำราได้แล้ว หลายคนแทบจะไม่เห็นหวงฉีชัดก่อนที่เวลาจะหมด
  “วิกฤติแก้ไปแล้ว!โชคดีที่เรามีศิษย์น้องซือ”
  หญิงสาวหลายคนเข้ามารายล้อมซือหยู
  หลังจากเกิดเรื่องราวมากมายภาพลักษณ์ของซือหยูต่อศิษย์ในได้เปลี่ยนไปราวพลิกฝ่ามือ โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาได้ต่อสู้กับซือหยูที่เป็นจ้าวชั้น พลังมหาศาลของซือหยูบดขยี้ความภาคภูมิใจของศิษย์ในจนหมดสิ้น
  หลังจากนั้นเขาก็ต่อสู้กับบุคคลลึกลับที่เร้นกายในความมืดด้วยสติปัญญาอันน่าประทับใจหลายคนได้แต่นับถือเขา!
  แม้แต่ฮั่นเฟยที่เป็นนภาจรัสยังได้เป็นแค่คนที่คอยช่วยเหลือเขาจากหลืบมุมส่วนซือหยูเป็นคนที่แก้ไขเรื่องราวทั้งหมด
  เสียงแหลมหนึ่งดังตำหนิ  “พวกเจ้าไม่มีอะไรทำแล้วรึ?วิบัติวิชามาถึงแล้ว! รีบเตรียมตัวเร็ว!”
  เหล่าหญิงสาวมองผู้พูดและไม่ค่อยพอใจนัก
  “ฮื่มนางจะโอ้อวดอะไรกัน? นางก็แค่ได้เปรียบเพราะนางใกล้เขามากกว่าเท่านั้น!”
  “ใช่แล้วข้าได้ยินว่านางประกาศการหมั้นด้วยตัวเอง นางเลยได้ครอบครองศิษย์น้องซือ ช่างต่ำทรามนัก!”
  “มีอะไรต้องห่วงกัน?การหมั้นยังไม่ได้ยอมรับจากพ่อแม่นาง ศิษย์น้องซืออายุยังน้อย…นางก็เหมือนกับกะหล่ำแก่ พวกเรายังมีโอกาสได้แอ้ม”
  “ปิงหวูชิงมีสิทธิ์อะไรกัน?พวกเราจากตำหนักในจะไม่ก้มหัวให้นางหรอก!”
  แน่นอนว่าคำพูดเหล่านั้นส่งผ่านกระแสจิตด้วยพลังพวกนางไม่กล้าจะพูดออกมาตรง ๆ
  “วิบัติตำรายังไม่จบอีกรึ?”   ฐานะคู่หมั้นซือหยูของปิงหวูชิงทำให้นางขจัดเหล่าหญิงสาวที่คิดร้ายไปได้
  ซือหยูชี้ตำราทมิฬเหนือศีรษะตัวเองที่ยังคงอยู่มันสื่อว่าวิบัติตำรายังไม่จบ
  “เกือบแล้ว”
  “อืมโชคดีที่พวกเรามีเจ้าในครั้งนี้ เจ้าช่วยพวกเจ้าจากโชคร้าย”
  แม้ปิงหวูชิงจะสีหน้าเย็นชาดวงตานางก็เปล่งประกาย ใครกันจะไม่ปรารถนาบุรุษที่โดดเด่นขึ้นในทุกวัน?
  แต่ซือหยูส่ายหน้า
  “พวกเรายังห่างจากคำว่าปลอดภัย!แรงสั่นสะเทือนจากวิบัติวิชากำลังรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ! เตรียมตัวได้แล้ว แต่ละวิบัติจะแข็งแกร่งกว่าวิบัติก่อนหน้า อันตรายในวิบัติวิชาจะไม่ง่าย”
  หลังจากนั่งตรงข้ามปิงหวูชิงเพื่อพักฟื้นพลังซือหยูสัมผัสวิบัติวิชาได้! โลกราวกับหยุดนิ่งไป ความสงบกลับมา  แรงสั่นสะเทือนลดน้อยถอยลงไปเอง
  “เกิดอะไรขึ้น?วิบัติวิชาอยู่ไหนกัน?”
  ปิงหวูชิงที่อยู่ข้างๆ มองรอบ ๆ ด้วยความงุนงง
  ไม่ใช่แค่นางแต่ยอดฝีมือทุกคนที่เตรียมรับมือกับภัยต่างตกใจ พวกเขาพูดคุยกันอย่างดุเดือด
  “ตามกฎแล้วเวลาที่แรงสั่นสะเทือนหายไปจะเป็นตอนที่วิบัติเกิดขึ้นแล้วทำไมรอบ ๆ ยังไม่เปลี่ยนไปล่ะ?”
  “ใช่วิบัติมันดับไปเองรึ?”
  หลายคนอึ้งพวกเขาสับสนที่วิบัติวิชาได้หายไปเอง
  จากบันทึกในอดีตวิบัติวิชาจะลบยอดฝีมือหายไปสี่ในสิบส่วน มันคือวิบัติที่ส่งผลกระทบรุนแรง
  “วิบัติวิชาจบลงไปก่อนที่มันจะเริ่มเพราะเรื่องที่เกิดเมื่อครู่หรือ?”
  หลังจากวิเคราะห์ยอดฝีมือหลายคนกำลังหาข้อสรุป
  มีเพียงคนส่วนน้อยที่ระวังตัวยิ่งกว่าเดิมเพื่อที่จะทำลายล้างพวกเขา หมาดำได้เรียกวิบัติต่อเนื่องกันสามครั้ง วิบัติวิชาจะหายไปโดยที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายได้ยังไง? พวกเขากำลังมองข้ามบางอย่างอยู่!
  ซือหยูคิดหนักในตอนนั้นเอง เขาตระหนักได้
  ซือหยูหัวใจหยุดเต้น
  “นั่นก็เพราะว่า”
  ซือหยูเหลือบมองเขามองเหล่ายอดฝีมือทุกคน เขาไม่เชื่อว่ามันจะจบแค่นี้