บทที่ 1911 - บรรจงจูบถานท่ายหลิงเยียน

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของถานท่ายหลิงเยียนชิงสุ่ยก็ทำได้แค่ยิ้ม “อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด พวกเราทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้หรอก ฉะนั้นตอนนี้เราควรเก็บเกี่ยวความสุขเอาไว้ให้มากที่สุด”
  ชิงสุ่ยกล่าวด้วยสีหน้าที่ดูมีความสุขพร้อมกับน้ำเสียงที่เธอพอจะเข้าใจความหมาย ถานท่ายหลิงเยียนจึงจ้องมองด้วยความประหลาดใจ “เก็บเกี่ยวความสุขอะไร?”
  แม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่ได้เย็นชาเหมือนเมื่อก่อนแต่กลิ่นอายที่เธอปลดปล่อยออกมามันได้กดดันทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกไม่สบายใจ
  เมื่อเห็นสีหน้าของชิงสุ่ยถานท่ายหลิงเยียนก็ค่อยๆยิ้ม เพื่อลดความไม่สบายใจจากชายที่เธอเป็นห่วง จากนั้นเธอก็ยื่นมือออกไปสัมผัสกับหน้าอกของเขา
  มันเหมือนกับว่าเธอกำลังคอยให้กำลังใจชิงสุ่ยอ้ำอึ้งเล็กน้อยก่อนจะถูจมูกและรีบอุ้มเธอราวกับเจ้าหญิง ซึ่งสิ่งที่เขาทำมันทำให้เธอถึงกับอ้าปากค้าง แต่ก็ไม่ได้ดุด่าว่ากล่าว ชิงสุ่ยจึงรู้สึกว่าเขากำลังก้าวข้ามสิ่งขวางกั้น ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่เธอก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “ในสายตาของเจ้าข้าดูดีหรือไม่?”
  ถานท่ายหลิงเยียนตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า”ไม่เลย!!”
  ชิงสุ่ยก้าวเดินออกไปช้าๆพร้อมกับเธอที่อยู่ในอ้อมแขนสถานการณ์ในตอนนี้มาทำให้เขามีความสุขอย่างมาก หลังจากเวลาผ่านไปอย่างนั้นนาน ในที่สุดเจ้าหญิงน้ำแข็งแห่งความเยือกเย็น ก็ได้สลายความเย็นกลับกลายเป็นหญิงสาวที่แสนงดงาม
  แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่กล้าคิดเกินเลย สิ่งที่เขาตั้งใจทำคือการสร้างความน่าประทับใจ เขาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อนำตัวเองเข้าไปใกล้ชิดกับเธอ เพื่อดึงให้เธอเข้ามาใกล้ชิดกับเขา
  ”หญิงสาวของข้าล้อเล่นเก่งจริงๆเลย”  เมื่อได้ยินคำพูดของชิงสุ่ยถานท่ายหลิงเยียนก็ยิ้ม “ถ้าเจ้าไม่ใช่คนหน้าไม่อาย เจ้าก็คงเป็นคนหลงตัวเองเชื่อมั่นว่าเจ้าเป็นคนที่หล่อเหลาจริงๆ”
  ”เอาความจริงสิข้าดูเป็นอย่างไรบ้าง?”ชิงสุ่ยกล่าวถาม
  ”เอาจริงๆเจ้าก็เป็นคนที่มีความหล่อเหลาพราวเสน่ห์ แต่ใบหน้าของเจ้ามันดูขาวเกินผิวหนังมนุษย์”ถานท่ายหลิงเยียนกล่าวตอบ
  ”ในเมื่อคนในครอบครัวของข้าบอกเช่นนี้ข้าคงต้องรีบเปลี่ยนแปลง”
  ตอนที่เขากล่าวจบเปล้งงงง!!
  เสียงร้องของผิวหนังดังอย่างชัดเจนภายใต้สภาพแวดล้อมที่เงียบสงัดชิงสุ่ยใช้พลังของร่างกายยืดหยุ่นผิวหนังเพื่อให้กลายเป็นสีผิวที่เธอต้องการ แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพผิวหนังมันได้สร้างอารมณ์ที่ไม่อาจอธิบายได้ภายใต้จิตใจของเธอ
  ในไม่ช้าเธอก็ค่อยๆแนบใบหน้าของเธอเข้ากลางหน้าอกของชิงสุ่ย ในขณะที่ชิงสุ่ยยืนอ้ำอึ้งไม่กล้าต่อต้านการกระทำของเธอ
  ”มีอะไรผิดแปลกหรอเจ้าคนโง่?”
  ถานท่ายหลิงเยียนกล่าวโดยไม่ได้เงยหน้ามอง
  ชิงสุ่ยกลัวเล็กน้อย”เจ้ารู้สึกไม่พอใจหรือไม่?”
  ถานท่ายหลิงเยียนไม่กล่าวตอบ
  ”โอ้ในเมื่อที่รักของข้าไม่ได้โกรธข้าแล้วเจ้าอยากให้ข้านวดให้หรือไม่?”ชิงสุ่ยกล่าวถามด้วยสีหน้าจริงจัง
  ทันทีที่เธอได้ยินคำถามนี้เธอรีบเอาแขนดันตัวของเขาออก “ฝันไปเถอะ!!”
  เมื่อได้เห็นสีหน้าของเจ้าหญิงที่กำลังแดงกล่ำมันยิ่งทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย
  ”อย่าแกล้งข้าเลย”ตอนนี้ไม่มีของเธอไม่มีกระบี่ มีเพียงแค่มือเปล่าที่กำลังกอดคอชิงสุ่ย
  ”ข้ายอมพ่ายแพ้ให้กับเจ้าทุกอย่าง รักเจ้าจนไม่เหลือเวลาของชีวิตอีกแล้ว”ชิงสุ่ยอบกอดแขนของเธออย่างแนบชิด
  ”ข้ารู้ตั้งแต่ได้พบเจอกับเจ้า เจ้าก็กลายเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของข้า”ถานท่ายหลิงเยียนยิ้มขณะเงยหน้ามอง
  รอยยิ้มที่ปรากฏเรื่องหน้าเป็นรอยยิ้มที่ตาตื่นใจที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเจอมันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ กล่าวคราวๆ มันคงเหมือนกลีบดอกไม้ที่กำลังบานสะพรั่งพร้อมกัน โดยเฉพาะคำพูดที่เธอบอกว่าเขาคือช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของเธอ
  ”เจ้ากำลังยอมรับว่าเจ้าคือผู้หญิงของข้า”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยสีหน้าประหลาดใจ
  ถานท่ายหลิงเยียนลดศีรษะลง”ถ้าไม่เป็นแบบนั้น เจ้าของไม่ได้มาอบกอดข้าอย่างคนไร้ยางอายแบบนี้หรอก”
  ชิงสุ่ยถูจมูกจริงอยู่ที่เขาเองก็ปฏิบัติต่อเธอในฐานะหญิงสาวของเขามาตั้งแต่ครั้งวันวาน แต่เมื่อมันออกมาจากคำพูดของเธอ มันยิ่งทำให้เขาตราตรึงใจ  ”วันนี้ข้ามีความสุขเหลือเกิน”ชิงสุ่ยจุมพิตกลางหน้าผากของเธอ
  ”เยียนน้อยเจ้าไม่ต้องกังวลอีกแล้ว ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ขอให้เป็นเวลาก่อนที่ข้าจะแข็งแกร่ง ข้าก็สามารถพาเจ้าหนีออกมาได้ แล้วยิ่งตอนนี้ข้าแข็งแกร่งขึ้น ข้ามั่นใจว่าพวกมันจะทำอะไรพวกเราไม่ได้”ชิงสุ่ยเริ่มต้นบอกเล่าถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น และบอกเรื่องราวทุกอย่างให้เธอฟัง
  ”ข้าเชื่อใจเจ้าและข้าก็รู้สึกปลอดภัยทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้เจ้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จิตใจของข้ารู้สึกได้เลยว่าเจ้าจะต้องรับมือกับมันได้”ถานท่ายหลิงเยียนกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม มันเป็นความรู้สึกที่เธอรู้สึกแบบนั้นจริง
  ชิงสุ่ยไม่คิดเลยว่าเขาจะมีความสำคัญกับเธอมากมายแบบนี้”แม้แต่เยียนเยียนของข้าก็ยังชื่นชมข้า”
  ชิงสุ่ยสนุกกับการหยอกล้อเมื่อเธอแสดงใบหน้าเขินอาย มันเหมือนกับฤดูหนาวกำลังแปรเปลี่ยนเข้าสู่ฤดูร้อน  ”เจ้านี่มัน………”ถานท่ายหลิงเยียนผลักตัวเองออกจากอ้อมกอดชิงสุ่ยพร้อมกับเคาะที่หัวของเขา
  แต่ทันทีที่เธอขาถึงพื้นชิงสุ่ยเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและโอบกอดเธอครั้ง ก่อนจะเริ่มประกบริมฝีปากของเขาไปบนริมฝีปากอันแสนยั่วยวนของเธอ ความเย็นยะเยือกแทรกผ่านปากเข้าสู่สมอง ทำให้เขาฟื้นคืนสติ และรีบปล่อยเธอทันที
  ”หลิงเยียนข้า…….”ชิงสุ่ยหวาดหวั่นกลัวว่าเธอจะโกรธ
  แต่สิ่งที่ทำให้เขาประทับใจคือเธอค่อยๆใช้มือทั้งสองข้างโอบกอดคอของเขาและกระซิบข้างหูว่า”ข้าชอบรอยจูบของเจ้า และอยากให้เจ้าจูบข้าอีก”
  ชิงสุ่ยสลายความประหลาดใจทั้งหมดและกอดเธอแน่นกว่าเดิมคำพูดของเธอเหมือนใบอนุญาตเปิดทาง เขาจึงเริ่มประกบริมฝีปากอันแสนชุ่มฉ่ำ และใช้มือข้างหนึ่งผลักดันหลังของเธอเข้ามาใกล้  ร่างกายของเธอหอมหวลราวกับดอกกล้วยไม้มือของชิงสุ่ยก็เริ่มซุกซน จับบั้นท้ายกลมมนยิ่งทำให้เธอค่อยๆอ้าปาก จากนั้นลิ้นของชิงสุ่ยก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างเชี่ยวชาญ
  ลิ้นของเขาสัมผัสกับเรื่องของเธอด้วยความตะกละตะกามรสชาติจากริมฝีปากของเธอยิ่งกว่าสุราชั้นเลิศทั้งหมดที่อยู่ภายในดินแดนหยกยุพราชอมตะ