เมื่อจักรพรรดิได้เรียนรู้เกี่ยวกับหุบเขาที่ซ่อนอยู่ในภาคใต้ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลา …

       ยังไม่ต้องพูดถึง คนของเสี่ยวเทียนเหยา ยังไม่ได้ลงมือ แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะทำ ข่าวจะไม่แพร่ไปถึงตะวันออกอย่างรวดเร็ว ฮ่องเต้ยังต้องรออยู่สักพัก ก่อนที่เขาจะได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้

       ในช่วงอาหารกลางวัน เกิดความเงียบอย่างไม่น่าเชื่อขึ้น อย่างไรก็ตาม เสี่ยวเทียนเหยา ไม่ได้แสดงความกลัวหรือความไม่สบายใจต่อหน้าฮ่องเต้แต่อย่างใด หลังจากที่เขากินเสร็จ โดยไม่คำนึงว่าฮ่องเต้จะยังคงกินข้าวอยู่หรือไม่ เสี่ยวเทียนเหยาก็วางตะเกียบลง ก่อนจะลุกขึ้นและจากไป โดยไม่สนใจที่จะไว้หน้าของฮ่องเต้อย่างสิ้นเชิง

       ฮ่องเต้เกือบจะระเบิดความโกรธออกมา แต่เขาจำได้ว่าเขาเพิ่งจะขอให้เสี่ยวเทียนเหยาหยุดการกระทำของเขา ดังนั้นในครั้งนี้ เขาจะไม่สร้างปัญหาต่อเสี่ยวเทียนเหยา เขาจะระงับความโกรธของเขาเอาไว้แทน

       หลังจากมื้ออาหารเสร็จสิ้น ฮ่องเต้ก็ไม่ต้องการเห็นหน้าของเสี่ยวเทียนเหยา อีกต่อไป เขาส่งเขาออกไปจากวังทันที

“น้องชายผู้นี้คงต้องขอตัว” เสี่ยวเทียนเหยาพูดแล้วก็หันหลังจากไป

       แต่ทันทีที่เขาออกมาจากห้องโถงใหญ่ เขาเห็นเสนาบดีกรมกลาโหมรีบตรงเข้ามาเมื่อเสนาบดีกรมกลาโหมกำลังจะชนเข้ากับเขา เสี่ยวเทียนเหยาก็เป็นฝ่ายหลบเขา

       เมื่อเสนาบดีกรมกลาโหมเกือบจะชนเข้ากับเสี่ยวเทียนเหยา เขาก็ต้องการที่จะอ้าปากขอโทษ แต่เขากลับไม่ได้หยุดและยังคงรีบวิ่งเข้าไปในห้องโถงใหญ่ต่อไป

       ตอนนี้มีปัญหาสำคัญกว่าการขอโทษเกิดขึ้น

       เสี่ยวเทียนเหยา ไม่โกรธแต่ริมฝีปากของเขากลับโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม

       เขาไม่ได้คาดหวังว่าคนเหล่านั้นจะลงมือได้รวดเร็วขนาดนี้ ใบหน้าของฮ่องเต้คงจะต้องเปลี่ยนไปอย่างมาก!

       ปัง!

       ฮ่องเต้กระแทกโต๊ะและยืนขึ้น “เจ้าพูดว่าอะไรนะ? ธัญพืชของเราถูกปล้น? และไม่มีใครรอดชีวิตอย่างนั้นหรือ?”

“ใช่ ใช่แล้วพ่ะย่ะคะฝ่าบาท” เสนาบดีกรมกลาโหมผู้คุกเข่าลงไปบนพื้น กำลังจะร้องไห้

       มันเป็นความหายนะครั้งใหญ่

“ ใครในโลกนี้ที่กล้าที่จะปล้นธัญพืชของราชสำนัก?” ฮ่องเต้กำหมัดแน่น ในขณะที่ใบหน้าของเขากลายเป็นสีฟ้า เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธมาก

“มันคือโจรภูเขาปีศาจพ่ะย่ะค่ะ พวกมันได้รับรู้ถึงเส้นทางการขนส่งของเราและซุ่มโจมตี จากนั้นพวกมันก็ปล้นธัญพืชทั้งหมดของเราไปพ่ะย่ะค่ะ” ภายใต้แรงกดดันอันยิ่งใหญ่ของฮ่องเต้ เสนาบดีกรมกลาโหมเกือบจะเป็นลม แต่เนื่องจากการไหลเวียนของโลหิตของเขายังดีอยู่ เขาจึงไม่เป็นลมแต่อย่างใด

“โจรภูเขาปีศาจหรือ? พวกมันมีความกล้าอย่างมากจริงๆ” เมื่อได้ยินคำว่าโจร ใบหน้าของฮ่องเต้ก็ไม่น่าดูมากขึ้น

       เขาส่งทหารไปล้อมจับโจรเหล่านี้ซ้ำแล้วซ้ำเหล่าในภูเขาปีศาจ แต่เขาก็ไม่เคยประสบความสำเร็จเลยแม้แต่ครั้งเดียว ภูเขาปีศาจ นั้นล้อมได้ง่าย แต่ยากต่อการโจมตี สิ่งที่สำคัญที่สุดคือภูเขาปีศาจเหมาะกับชื่อของมันมาก ทหารที่เดินเข้าไปที่นั่น ราวกับว่ากำลังเดินไปบนกำแพงของปีศาจและไม่เคยออกมาอีกเลย

“ ฝ่าบาท ฝ่าบาท ……” เสนาบดีกรมกลาโหมที่ยังคุกเข่าอยู่บนพื้นกลัวมาก ร่างกายของเขาสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว แต่เขาก็ยังกล้าที่จะพูดขึ้นอีก“ แนวหน้าตอนนี้อยู่ในตำแหน่งที่ลำบาก เราต้องจัดกลุ่มคนอีกกลุ่มไป เพื่อขนส่งอาหารนะพ่ะย่ะค่ะ” พวกเขาขาดแคลนอาหาร แต่การขนส่งธัญพืชไปก็ไม่สะดวก

“ขนส่งธัญพืชไปอีกครั้งหรือ เจ้าสามารถสัญญาได้หรือว่าในครั้งนี้มันจะไม่ถูกปล้นไปโดยกลุ่มโจรอีกครั้ง” ฮ่องเต้เกือบจะแน่ใจว่าพวกโจรจากภูเขาปีศาจจะปล้นธัญพืชของราชสำนักอีกครั้งและเสี่ยวเทียนเหยาก็จะไม่สามารถกำจัดพวกเขาได้

       แต่หมอเทวดาโม่ได้คบคิดกับนิกายลับเพื่อปล้นธัญพืชและยาของเสี่ยวเทียนเหยา ตอนนี้ธัญพืชของราชสำนักก็ถูกปล้นโดยโจรจากภูเขาปีศาจ ดังนั้นหากใครจะบอกว่านี่ไม่ใช่การกระทำของเสี่ยวเทียนเหยา ฮ่องเต้จะไม่เชื่อมันอย่างเด็ดขาด

“ เรื่องนี่ๆ……เราควรจะส่งเสี่ยวหว่างเย่ไปเพื่อกำจัดโจรนะพ่ะย่ะค่ะ” ดวงตาของเสนาบดีกรมกลาโหมกระพริบขึ้นและเขาจำได้ว่าเห็นเสี่ยวเทียนเหยามาก่อน ดังนั้นเขาจึงรีบพูดขึ้น

       ฮ่องเต้โกรธมาก“ โง่เขลา!” เขาไม่ต้องการให้เสี่ยวเทียนเหยา มีอำนาจทางทหารอีกครั้ง แต่เจ้าหน้าที่ที่โง่เขลาคนนี้กลับต้องการปล่อยเสี่ยวเทียนเหยาไป

       หากพวกเขาจะทำลายพวกโจร พวกเขาจะต้องส่งทหารออกไป เสี่ยวเทียนเหยาจะมีอำนาจทางทหารอีกครั้ง แต่หลังจากนั้นเขาจะเอามันกลับมาได้อีกครั้งหรือ?