ตอนที่ 150 โดย Ink Stone_Romance
ตอนที่ 150 เรื่องรักๆ ใคร่ ๆ (7)
เยี่ยฉินนึกถึงคำพูดที่แม่ของมู่ลี่ไป๋บอกเธออีกครั้ง ที่แท้เขาก็เพียงแค่อยากลองทุกอย่างก่อนไปก็เท่านั้น กับใครก็ได้ เพียงแค่เธอปรากฏตัวขึ้นพอดี
มันเป็นเพียงความอยากรู้อยากเห็นทั่วไปก็เท่านั้น คุณหนูเยี่ยก็น่าจะเข้าใจนะ ลูกชายของฉันอยากเป็นศัลยแพทย์ที่ยอดเยี่ยมอยู่เสมอ ดังนั้นเขาเข้าใจเป็นอย่างดีว่าอะไรคือสิ่งที่ตัวเองต้องการ อะไรคือสิ่งที่ตัวเองไม่ต้องการ
คุณหนูเยี่ยเป็นคนสวย แต่ฉันก็ไม่เคยเห็นใครที่เก็บของสวยๆ แต่ไร้ประโยชน์ไว้ข้างกายหรอกนะ ชื่นชมจนพอใจแล้วก็ทิ้ง ท้ายที่สุดแล้วมันเปลืองพื้นที่มากเกินไป
มู่ลี่ไป๋เป็นคนขอร้องให้ฉันมาพูด อย่างแรกเลยพวกเราก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ฉันเข้าใจความคิดของคุณหนูเยี่ยดี ฉันไม่มีอะไรต้องกังวลที่มาบอกคุณ คุณก็จะได้ไม่รู้สึกอึดอัดด้วย แต่ว่าเขาน่ะไม่ได้เลย มู่ลี่ไป๋เขาเป็นเด็กดี เขาไม่อยากทำร้ายคุณ และเขาก็รู้สึกขอบคุณที่คุณอยู่ข้างเขาตลอดเวลามานี้
แต่ถ้าคุณหนูเยี่ยรู้สึกคับข้องใจ คุณต้องการอะไรขอแค่บอกมา พวกเราจะชดเชยคุณอย่างสุดความสามารถแน่นอน
ให้มู่ลี่ไป๋มาเจอฉัน
เยี่ยฉินจำได้ว่าเธอพูดประโยคนั้นตลอดเวลา “ให้มู่ลี่ไป๋มาเจอฉัน” เธอมองไม่เห็นท่าทางที่เย่อหยิ่งของหญิงวัยกลางคนคนนั้น ไม่ได้ยินเสียงหัวเราะดูถูกข้างหู เธอต้องการเจอมู่ลี่ไป๋ ตอนนี้เดี๋ยวนี้ เธอต้องการถามเขา ว่าเขาคบกับเธอเพราะเหตุผลพวกนั้นจริงเหรอ เขาไม่เคยคิดที่จะให้เธอแม้แต่เศษเสี้ยวพื้นที่ในแผนชีวิตของเขาเลยจริงเหรอ
เมื่อเธอได้สติกลับมา คนรักของตัวเองก็จากไปแล้ว ตอนนี้เธอตามไปไม่ทันแล้ว ตอนที่เธอติดต่อเขา ก็ได้ยินเพียงคำพูดของที่เย็นชาของเขา
ยังจะไปให้ตัวเองขายหน้าอีกเหรอ ครั้งสองครั้งเป็นแบบไหน สิบกว่าครั้งก็เป็นเหมือนเดิม เธอทำได้เพียงยอมแพ้เท่านั้น เยี่ยฉินคิดอยู่ตลอด เป็นเพราะว่าเธอทำไม่ดีจริงๆ หรือเปล่า เธอไม่มีคุณสมบัติพอที่จะยืนอยู่ข้างเขาจริงเหรอ
หลังจากนั้นก็ได้ยินเพื่อนสนิทของเขาบอกว่า มู่ลี่ไป๋ตัดขาดจากครอบครัวเพื่อตามหาเธอ เขาอยู่ข้างนอกเพียงลำพังราวกับคนบ้าจนแทบจะพลิกแผ่นดินเมือง A อยู่แล้ว แต่สุดท้ายเขาก็จากไปโดยไม่รู้สาเหตุ
บางทีนี่ก็อาจเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ที่คุณชายใหญ่อยากสัมผัสก็ได้ เยี่ยฉินคิดในใจ เจ้าสิ่งนั้นที่เต้นตุบๆ ก็รู้สึกเจ็บปวดอีกครั้ง ทำได้เพียงบอกลาเท่านั้นนี่นา มู่ลี่ไป๋ ฉันไม่ได้ทำผิดต่อคุณ คุณก็ไม่ได้ทำผิดต่อฉันสินะ
หรือบางทีฉันอาจจะไม่เข้าตาคุณจริงๆ ล่ะมั้ง ไม่คู่ควรที่คุณจะชอบ
จู่ๆ เยี่ยฉินก็อยากหัวเราะ ประเภทที่แบบกลั้นไม่ไหว ไหล่ของเธอสั่นไหวรุนแรงเป็นจังหวะเนื่องจากการหัวเราะ เพื่อนร่วมงานที่อยู่ด้านข้างตบๆ ไหล่ของเธอด้วยความเป็นห่วงมาก “เยี่ยฉิน เธอเป็นอะไรไป?”
“ไม่มีอะไร แค่นึกถึงเรื่องที่ตลกมาก”
เป็นเรื่องที่ตลกมาก ทั้งๆ ที่เธอคนที่เสียใจ แต่เธอยังรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอ รู้สึกว่าตัวเองต่างหากที่ทำให้เขาเสียใจ
ทั้งๆ ที่เขามู่ลี่ไป๋เล่นกับความรู้สึกของเขาอยู่เบื้องบน แต่ว่าทำไม ตัวเองกลับเกลียดไม่ลงกันนะ เกลียดเขาไม่ลงเลย
“เยี่ยฉิน เธอร้องไห้เหรอ”
“อืม หัวเราะจนร้องไห้น่ะ เธออย่าสนใจฉันเลย ให้ฉันหัวเราะต่ออีกหน่อย” เยี่ยฉินเท้าสะเอวหัวเราะอีกสักพักจนกระทั่งร่างกายไร้เรี่ยวแรง เธอจึงขยี้ตาแดงก่ำ ขอลาหยุดกับผู้อำนวยการแล้วจากไป
ได้เวลาที่ตัวเองจะออกไปผ่อนคลายเปลี่ยนอารมณ์สักหน่อยแล้ว
“เสี่ยวเยา ออกมากับพี่สาวเถอะ พี่จะพาเธอไปดื่มเหล้าดอกไม้”
“ได้เลยพี่ฉิน”
เดิมทีบ่ายนี้อี้เป่ยซีต้องการจะไปหาเยี่ยฉินเพื่อขอโทษเรื่องเมื่อเช้า เธอคิดอย่างละเอียดแล้วก็รู้สึกว่าคำพูดของลั่วจื่อหานนั้นรุนแรงและเหมือนฟังความข้างเดียวเกินไป เขารู้จักกับมู่ลี่ไป๋ที่ประเทศ U ไม่ใช่เหรอ ถ้าอย่างนั้นเขาก็ได้ยินความจริงจากมู่ลี่ไป๋เพียงฝ่ายเดียวสิ แต่ว่าความจริงอาจไม่ได้เป็นแบบนั้นก็ได้
เมื่อได้รู้ข่าวว่าเยี่ยฉินลางาน อี้เป่ยซีก็ผิดหวังเล็กน้อย
“ฮัลโหล”
“เป่ยซี ฉันอยู่ใต้ตึกเรียนของเธอน่ะ” อี้เป่ยซีมองลงมาจากกระจกตรงทางเดิน แต่เนื่องจากแผนผังของตึก จึงมองไม่เห็นรถของลั่วจื่อหาน
“ทำไมนายจู่ๆ มาที่มหา’ลัยฉันล่ะ?”
“มากินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนเธอ”
อี้เป่ยซีรีบเดิน “ไม่ต้องลำบากแบบนี้หรอก ช่วงนี้นายยุ่งมากไม่ใช่เหรอ?”
“คนที่ยุ่งคือเธอต่างหาก พวกเราไม่ได้กินข้าวด้วยกันนานแล้ว”
เธอไม่ทันระวัง มือไปชนกับบันไดเข้า อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจลึก
“เป็นอะไรไป”
“มือไปชน ไม่มีอะไร”
“ซุ่มซ่ามจริง”
“ติดเชื้อซุ่มซ่ามมาจากนายนั่นแหละ” อี้เป่ยซีเดินมานอกอาคาร บิดเอวสองสามรอบ ก็เห็นว่าวันนี้ลั่วจื่อหานแต่งตัวตามสบาย ยืนพิงอยู่ที่รถคุยโทรศัพท์กับเธอ ทันใดนั้นมีประโยคหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของอี้เป่ยซี
ความงามในที่สูงเปรียบเสมือนหยกในขณะที่ชายหนุ่มรูปงามไม่สามารถเทียบได้กับโลกใบนี้ น่าจะหมายถึงฉากตรงหน้านี้ล่ะมั้ง เธอเดินไปข้างหน้าทีละก้าวๆ ราวกับว่าเดินเข้าไปในภาพวาด ยื่นมือโอบเอวของลั่วจื่อหาน
“เป็นอะไรไป?”
“ดูว่านายกินจนอ้วนแล้วหรือเปล่า”
“……”
ระหว่างที่กินข้าว อี้เป่ยซีต้องการจะถามเรื่องอะพาร์ตเม้นต์ที่อยู่ด้านข้างมหาวิทยาลัย เมื่อเห็นว่าลั่วจื่อหานไม่ค่อยพอใจ ก็รีบข้ามหัวข้อนี้ไปทันที
นายไม่ยอมให้ฉันหา งั้นฉันให้คนอื่นช่วยฉันหาก็ได้
“วันชาติมีแผนอะไรหรือเปล่า”
“วันชาติเหรอ” อี้เป่ยซีครุ่นคิด ส่ายหัว “ทำไมล่ะ อยากนัดฉันออกไปหรือไง งั้นนายก็ต้องรีบหน่อยนะ มีคนจะนัดฉันเยอะเลย”
“นั่นสิ ไม่ทราบว่าคุณหนูใหญ่อี้จะไว้หน้าผู้น้อยคนนี้ได้หรือเปล่า”
“ไม่ได้” เธอหัวเราะ “คราวนี้คุณหนูใหญ่อี้จะชวนเจ้าออกไป ได้หรือไม่ท่านผู้น้อย”
“ไม่ทราบว่าคุณหนูคิดจะพาผู้น้อยไปไหน?”
เธอครุ่นคิด “สวนสนุกในฝัน ไม่รู้ว่าท่านผู้น้อยจะพอใจหรือไม่”
“สวนสนุกในฝัน เกี่ยวพันกันทุกคืน ดีมาก ดีมาก”
“เชอะ นายนี่หน้าไม่อายจริงๆ”
ลั่วจื่อหานเลือกปลามาใส่ไว้ในจานของเธอแล้วหัวเราะ ทันใดนั้นอี้เป่ยซีก็นึกถึงคืนที่ตัวเองเมา ไม่กล้ามองลั่วจื่อหานเล็กน้อย
ทำก็ทำไปแล้ว เธอจะมาเขินอะไรเอาป่านนี้ อีกอย่าง ก็ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว ลั่วจื่อหานก็ดูเหมือนว่าจะจำเรื่องนี้ไม่ได้แล้ว
เขาจะต้องแยกระหว่างความฝันกับความจริงไม่ออกแน่ๆ ใช่ เป็นเพราะเหตุผลนี้แหละ
“เป็นอะไรไป” ลั่วจื่อหานยื่นมือออกมานวดๆ ติ่งหูของเธอ มันแดงก่ำเพราะความอาย ทำให้ดูแล้วน่ารักเป็นพิเศษ ทำให้อดไม่ได้ที่จะกัดสักคำ
อี้เป่ยซีรีบปัดมือของเขาออก “อย่ามาจับหูฉัน”
“แล้วแบบนี้ล่ะ” พูดจบลั่วจื่อหานก็ลุกขึ้นมา คว้ามือของเธอที่ปิดหูไว้ อมติ่งหูที่ละเอียดอ่อนไว้ในปาก อี้เป่ยซีรู้สึกสั่นสะท้าน ตอนนี้เธอเข้าสู่อ้อมแขนของเขาแล้ว ไม่สามารถผลักเขาออกไปได้
ริมฝีปากของเขาราวกับว่ายังไม่พอใจกับการสัมผัสติ่งหู มันค่อยๆ เลื่อนลงมาจนหยุดอยู่บนริมฝีปากแดงๆ ของเธอพอดี จูบอย่างแผ่วเบา อี้เป่ยซีกอดคอของเขาพร้อมจูบตอบ
————