TB:บทที่ 268 เก็บหนี้ (2)

 

“สหายตัวน้อยเฉินหากจะมาหาฉัน นายไม่ต้องทำเช่นนี้ก็ได้” เสียง ที่ต่อมามีความใจดีของซ่งจิวเทียนดังขึ้น

ซ่งจิวเทียน แน่ล่ะ เขารู้ว่าพลังของเฉินหลงมากถึงระดับ “หลอมรวมธรรมชาติแล้ว” นอกจากนี้ด้วยความกลัวแบบเดียวกัน เขายังรู้สึกเสียใจด้วย หากเขารู้ว่าเฉินหลงจะเป็นดั่งปิศาจเช่นนี้ ในตอนนั้นเขาคงพยายามอย่างสุดฝีมือเพื่อฆ่าหรือไม่ไปหาเรื่องเขา ตอนนี้ เขาคือคนที่มีระดับพลึงถึงขั้น “หลอมรวมธรรมชาติแล้ว” พวกเขาจึงต้องแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้กลัวเฉินหลง พวกเขาเกรงว่าพวกเขายังต้องพึ่งใครอื่น เรื่องคงจัดการได้ยากกว่านี้

 

“ตาแก่ ผมบอกตอนนั้นว่า ผมจะมาเอาคืน วันนี้ผมมาที่นี่เพื่อเอาคืนคุณ” เฉินหลงมีรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้า

“เฉินหลง คนในสกุลซ่งบางคนรู้อยู่ว่ามีสิ่งไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นในเหตุการณ์ตอนปีนั้น หากพวกคนในสกุลซ่งขอโทษนายวันนี้ เรื่องนี้คงจบลงด้วยรอยยิ้มได้ใช่ไหม” เมื่อครุ่นคิดดูแล้ว ซ่งจิวเทียนรีบตัดสินใจว่าจะขอโทษเฉินหลงเพื่อแก้ปัญหาไป

 

เฉินหลงนั้นร้ายกาจเกินไปหน่อย เขาได้พลังระดับ “หลอมรวมธรรมชาติ” มาแล้ว จากที่เมื่อกว่าสามปีก่อนเขาเป็นเพียงคนธรรมดาๆ เพียงมองจากเรื่องอายุก็ช่างร้ายกาจแล้ว ไหนจะเรื่องของพรสวรรค์อีก แม้ตอนนี้เขาจะยอมยกการแก้แค้นไป แต่คงไม่ได้ยากอะไรเลยหากเขาจะทำลายสกุลซ่งไปเมื่อตัวเขาตายไปแล้ว เนื่องจากตัวซ่งจิวเทียนเองมีพลังระดับ “หลอมรวมธรรมชาติ”เขาจึงรู้ดีว่าพลังระดับ “หลอมรวมธรรมชาติ” ทำอะไรได้บ้าง ดังนั้นเขาจึงเลือกจะรับผิดกับเฉินหลงไป

 

“หากผมต้องการจะเอาชีวิตคุณ แล้วผมจะขอโทษแทน คุณจะยอมรับคำขอโทษไหม อีกอย่างนะ หากว่าพลังของผมไม่ได้ถึงระดับ “หลอมรวมธรรมชาติ” คุณคิดว่าคุณจะพูดคำว่า “ขอโทษ” ออกมาไหม ดังนั้นทุกสิ่งจึงเกี่ยวกับระดับพลัง คนที่แข็งแกร่งรังแกคนที่อ่อนแอกว่าแล้วก็เป็นเช่นนั้นตลอดไป ฉะนั้นแล้ววันนี้มีแค่ทางเดียวที่คุณจะเดินออกไปได้ นั่นคือสู้กับผม หากว่าคุณชนะผม เรื่องนี้จะหายไป แต่หากคุณแพ้ สกุลซ่งต้องล่มไป” เฉินหลงช่างเข้มงวด

 

“จะเอาเช่นนั้นจริงๆหรือ” ตอนที่ซ่งจิวเทียนได้ยินคำพูดของเฉินหลง รู้สึกลิงโลด เขาไม่คิดว่าตนจะแพ้เฉินหลง แต่แล้วหน้าเขาก็ยุ่ง ละอับอาย

“คุณไม่มีทางเลือก” เฉินหลงว่า

“ดีล่ะ นายเป็นคนรุ่นใหม่ ซ่งจะให้นายเดินหน้าก่อนสามกระบวนท่า” ซ่งจิวเทียนว่าด้วยสีหน้าไม่มีหนทาง

“จะแกล้งทำหรือ ผมจะฆ่าคุณด้วยไม้เท้า คุณยังจะแสร้งเป็นโดนบังคับอีกไหม” เมื่อได้ยินซ่งจิวเทียนว่าแล้ว ปากเฉินหลงเผยยิ้มเหยียดหยาม

สิ้นคำ ร่างเฉินหลงแวบหายไป เขาทุบซ่งจิวเทียนด้วยไม้เท้า

 

ตอนแรก ซ่งจิวเทียนผู้ต้องการจะเป็นปรมาจารย์เหนือบรรพบุรุษเขา แต่เมื่อเขาเห็นไม้เท้าของเฉินหลงที่ทุบตีมาแล้ว สีหน้าเขาเปลี่ยนไป เนื่องจากเขารู้สึกถึงความทรงพลังและความร้ายกาจของไม้เท้านี่ได้

ยิ่งไปกว่านั้นไม้เท้าของเฉินหลงยังไวเกินกว่าจะหลบเลี่ยง

ในตอนนั้นเองที่เขาไม่สนใจแล้วว่าเขาจะใช้ไปกี่กระบวนท่า เขารีบใช้ “เคล็ดวิชาเลือดมังกร” ไปในทันที พร้อมๆกับที่เขาพยายามจะขวางไม้เท้าของเฉินหลงด้วยฝ่ามือทั้งคู่

 

ถึงกระนั้น เขาไม่รู้ว่าเครื่องมือของเฉินหลงนั้นสู้ได้อย่างว่องไว แม้แต่กับหนังเหนียวๆของราชันย์หมีแห่ง “คุนหลุน ยังไม่อาจทนได้ถ้าเขารู้ เขาคงไม่แตะ “ไม้เท้าแห่งพลัง”หรอก

 

“กิ๊ง”

ฝ่ามือของซ่งจิวเทียนโดนขวางเข้าโดยตรงเมื่อสัมผัสกับ “ไม้เท้าแห่งพลัง”

จากนั้น ด้วยแรงของไม้เท้าที่ไม่เปลี่ยนแปลง ไม้เท้าทุบใส่ไหล่ซ้ายของซ่งจิวเทียน และไหล่ซ้ายของซ่งจิวเทียนหักไปทันที ซ่งจิวเทียนโดนอัดลงพื้นไป มีเพียงครึ่งหนึ่งที่อยู่ภายนอก แล้วเลือดก็พุ่งออกจากปากของซ่งจิวเทียน

เฉินหลงซัดซ่งจิวเทียนให้บาดเจ็บสาหัสด้วยไม้เท้าอันเดียว

 

แต่เต๋ากวงหาน ซ่งเจิ้ง และซ่งเทียนเจียต่างนิ่งอึ้งไป สนุกตรงไหนกัน เรื่องเกิดขึ้นไวเกินไป

“ถ้าจะแกล้งใช้กำลัง คุณจะต้องแกล้งมาใช้กำลังกับผมเป็นพิเศษไหม ถ้าคุณไม่ได้มีพลังอะไร คุณก็ต้องแกล้งทำเป็นใช้กำลัง ไม่ใช่ว่าคุณบังคับให้ผมทุบหน้าคุณหรอ” เฉินหลงนั่งยองลงและตบหน้าซ่งจิวเทียนอย่างดูถูก

ซ่งจิวเทียนไม่ตอบอะไรแต่อย่างใด เนื่องจากเขายังหมกหมุ่นกับความคิดเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้อยู่ เป็นไปได้อย่างไรกัน เขาแข็งแรงขนาดนี้ได้อย่างไร ทำไมเราทั้งคู่ที่มีพลังระดับ “หลอมรวมธรรมชาติ” แล้วเขาใช้เพียงกระบวนท่าเดียวแล้วจึงทำเขาบาดเจ็บได้ เป็นไปได้อย่างไรกัน

 

“แปะ”

เมื่อเห็นว่าซ่งจิวเทียนไม่ตอบโต้อะไร เฉินหลงจึงตบหน้าซ่งจิวเทียน “นายต้องการอะไร จงไปพูดกับเหล่าซือนะ”

ซ่งเทียนเจียเห็นที่เฉินหลงตบหน้าแล้ว ใบหน้าซ่งเทียนเจียซีดลง แม้การตบนี้จะตบไม่โดนหน้าเขาก็ตาม แต่การตบนี้ก็เป็นการตบหน้าสกุลซ่งแรงๆ และนี่ยังทำให้สกุลไม่อาจจะสู้กลับได้อีกด้วย ในความคิดของคนสกุลซ่งไฟโมโหได้ดับมอดลงไปแล้ว

การที่เฉินหลงตบหน้านั่นมีประโยชน์มาก เพราะเขาปลุกซ่งจิวเทียนให้ตื่นได้

 

“เอาล่ะ หากว่านายชนะและอยากจะแก้แค้น นายจะฆ่าฉันได้แต่ต้องปล่อยพวกเขาไป” ซ่งจิวเทียนหันหน้ามองเฉินหลง หน้าของขมชื่น

“ฆ่าคุณหรือ แน่นอนสิ ตอนคุณอยากจะฆ่าผม คุณก็มีชื่อบนรายชื่อคนที่ผมจะฆ่าแล้ว” เฉินหลงกล่าวกับซ่งจิวเทียน “แต่ผมไม่อยากจะฆ่าคุณแล้ว ในเมื่อคุณดูน่าสมเพชขนาดนี้ วันนี้ ตอนที่ผมไปหาสกุลซ่ง สิ่งแรกที่ผมทำคือสอนบทเรียนให้พวกคุณ อย่างที่สองคือเอาความยุติธรรมมาคืนให้ เต๋ากวงหาน ลูกน้องผม”

“เต๋ากวงหานหรือ ใครคือเต๋ากวงหาน” ซ่งจิวเทียนมองเฉินหลงด้วยสีหน้างุนงง

เขาไม่เคยได้ยินว่าคนของสกุลซ่งไปมีเรื่องอะไรกับชายที่ชื่อเต๋ากวงหาน

“คุณไม่รู้จัก เต๋ากวงหาน ลูกน้องผมหรอก ใช่แล้วล่ะ เพราะเขาไม่ใช่คนสำคัญอะไร คุณไม่จริงจังเรื่องเขาหรอก แต่ว่านะ เพราะว่าเขาทำงานให้ผม เขาคือลูกน้องของผม เป็นธรรมดาที่ผมจะช่วยแก้แค้นให้ความบาดหมางของเขา เต๋ากวงหาน บอกผมมาสิว่าสกุลซ่งติดค้างอะไรนายอยู่” เฉินหลงมองเต๋ากวงหาน

 

เมื่อเขาได้ยินเฉินหลงพูดถึงเขา เขาคิดเรื่องการแก้แค้นมาหลายปีแล้ว ในที่สุดเขาก็ได้แก้แค้นเสียที เต๋ากวงหานคนที่มักใจเย็นมากๆ รู้สึกตื่นเต้น

จากนั้นเขาจึงพูดเรื่องที่ว่าภรรยาและลูกสาวเขาโดนซ่งชิงอัน  ฆ่า และเรื่องที่ว่าเขาไม่ได้มีความรู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย

 

“บางที ในสายตาของพวกตระกูลเก่าแก่ ชีวิตของคนธรรมดาทั่วไปคงเป็นตัวเลขเฉยๆ แต่ภรรยาและลูกสาวผมเป็นทั้งหมดที่ผมมี หากคุณพรากภรรยาและลูกสาวผมไปแล้ว คุณก็พรากทุกอย่างไปจากผม นี่คือวันที่ผมได้พัฒนาและรอคอย วันที่จะทำให้พวกคุณต้องจ่ายคืนมา อ้ะ จะว่าไปแล้ว ยังมีอีกอย่างหนึ่งที่ผมไม่ได้บอกคุณ ผมฆ่าซ่งหยู่ ด้วยมีดเล่มเดียว ผมฆ่าเขาเหมือนไก่ตัวหนึ่ง”

 

“แก แกฆ่าซ่งเออร์ ฉันจะแก้แค้นให้เขา” ซ่งซิงป๋าย ที่อยู่ด้วยในตอนนั้นว่า เมื่อเขาได้ยินว่าเต๋ากวงหานฆ่าลูกชายเขา เขารีบพุ่งมาหาเต๋ากวงหานในทันที

“มาหาความตายหรือ”

แสงของมีดช่างเยือกเย็น สายตาก็เย็นชา เขาชักมีดออกมาจากเอว ร่างซ่งซิงป๋ายหยุดอย่างกะทันหัน

เขาเก็บมีดไม้เข้าฝักไป

เช่นเดียวกับซ่งหยู่ ร่างซ่งซิงป๋ายก็แยกออกเป็นสองส่วน

 

“มีดช่างไวอะไรแบบนี้ เป็นชายที่ร้ายกาจจริง” ซ่งเจิ้งตกใจเมื่อเขาเห็นฝีมือดาบของเต๋ากวงหาน

ในขณะเดียวกันนั้น เขาก็สงสัยว่าเขาจะหลบมีดได้หรือไม่เมื่อต้องสู้กัน

“นายต้องการอะไร” ที่นั่น ซ่งเทียนเจียว่าออกไป

ดูเหมือนว่าสกุลซ่งคงได้ล้มพับไปแล้วจริงๆวันนี้ มาดูกันเถอะว่าพวกเขาจะเหลืออะไรไว้ให้สกุลซ่งบ้าง