TB:บทที่ 269 เก็บหนี้ (3)

 

“เจ้านายอยากจะทำอะไรต่อหรือ” เต๋ากวงหานมองเฉินหลง

เต๋ากวงหานนั้นเป็นชายที่ฉลาดอีกด้วย เขารู้ว่าวันนี้เฉินหลงจะต้องมีแผนการของตน ให้เฉินหลงเป็นเจ้านายไปเถิด

 

“จากนี้เราไปหาซ่งชิงอันก่อน” เฉินหลงว่า เขามองซ่งเจิ้ง

ซ่งเจิ้งไม่ลังเล เขาไปหาซ่งชิงอันทันที วันนี้ซ่งชิงอันจะต้องตาย หากว่าจะแลกซ่งชิงอันเพื่อความสงบสุขของสกุลซ่งแล้ว คงคุ้มกัน

หลังจากนั้นช่วงครู่ ซ่งเจิ้งพาซ่งชิงอันมา

ซ่งชิงอันที่อายุในช่วงสี่สิบปี ตัวเขาอ่อนปวกเปียกและเหลาะแหละ เขาดูไม่ทานทน ยิ่งไปกว่านั้นคือพลังของเขาช่างน่าอนาถ เขาเคยเป็นคนที่แข็งแกร่ง ในตอนนี้เขาดูเหมือนไก่อ่อนแอ

 

ถึงกระนั้น ไก่อ่อนอย่างเขา ที่ทำให้เปลืองวัตถุดิบกลับสามารถจะเกิดในสกุลซ่งได้ อีกทั้งสกุลซ่งยังส่งพวกเขาไปทำร้ายโลกนี้อีก ไม่แปลกใจเลยที่เต๋ากวงหานจะเกลียดซ่งชิงอัน

“ซ่งชิงอัน จำฉันได้ไหม” เมื่อเห็นซ่งชิงอันยอมแพ้แล้ว ตาของเต๋ากวงหานแสดงความเกลียดชังที่เฉือดเฉือน หากว่าสายจะฆ่าใครได้ ในตาของเต๋ากวงหานซ่งชิงอันคงตายไปไม่เหลือร่างแล้ว

 

“นาย นายเป็นใครกัน อา ผู้เฒ่าไท่ชาง เข้ามาในทุ่งได้อย่างไร บาดเจ็บหรือไม่ ใครทำร้ายท่านกัน สกุลซ่งของเราจะไม่ปล่อยมันไป” เมื่อเห็นว่าซ่งจิวเทียนโดนอัดให้ล้มลงพื้นไป ซ่งชิงอันที่ใจเย็น เห็นแล้วเขาเปิดปากและกล่าวไปอย่างบ้าคลั่ง

 

เขาเห็นท่าทีอันไร้เกียรติซ่งชิงอันแล้ว ซ่งเจิ้ง ซ่งเทียนเจียและซ่งจิวเทียนต่างต้องรักษาหน้าของสกุลซ่ง ในตอนนั้นเอง ซ่งชิงอันได้เสียชีวิตเขาทั้งหมดไปแล้ว

“อย่าพูดเลย เราไม่ได้ให้คุณพูด ลูกน้องผม เต๋ากวงหาน จะสู้กับขยะนี่ หากว่าขยะชนะได้ แล้วพวกคุณก็ไม่เป็นอะไร แต่หากขยะตาย ผมคงทำได้เพียงขอโทษพวกคุณ” เฉินหลงกล่าวไปในตอนนั้น

ซ่งเจิ้งอยากจะเห็นต่าง แต่เขาไม่มีสิทธิ์จะไม่เห็นด้วย

“ขอบคุณครับเจ้านาย” เต๋ากวงหานมองเฉินหลงอย่างซาบซึ้ง

เขารู้ว่าเฉินหลงให้ขยะอย่างซ่งชิงอันมาสู้กับเขา นั่น เพื่อทำให้เขาได้ฆ่าสวะที่ฆ่าลูกและภรรยาเขา

 

“ไม่ต้องมาขอบคุณหรอก นี่คือของขวัญที่มาช่วยผม คุณสมควรได้รับแล้ว” เฉินหลงยิ้มให้เต๋ากวงหาน เขาตบบ่าเต๋ากวงหาน

“เจ้านาย คุณจะเป็นคนเดียวที่จะรอดในอนาคต” เต๋ากวงหานกล่าวอย่างจริงจัง

สุดท้ายแล้ว เขาจึงเดินไปหาซ่งชิงอัน

 

“ไม่ นายไม่ต้องมาทางนี้ ฉันไม่สู้กับนาย” เมื่อเห็นว่าเต๋ากวงหานเข้ามาทางเขาแล้ว ซ่งชิงอันรู้สึกกลัว เขาอยากจะหันและหนีไป

“ซ่งชิงอัน หากว่านายยังเป็นสกุลซ่งอยู่ นายต้องยืนที่นั่นเพื่อฉัน แม้หากนายจะตายไปแล้วก็ตาม ถ้านายกล้าจะวิ่งหนี ฉันจะหักขานายก่อนเลย” เมื่อเห็นว่าซ่งชิงอันอยากจะหนีไป ซ่งเทียนเจียจึงกล่าวด้วยเสียงเข้ม

 

“นายใหญ่ โปรดให้อภัยผม คุณรู้กำลังของผมดี ผมมันไร้ซึ่งประโยชน์ คุณปล่อยผมไปนะ” คำของซ่งเทียนเจียทำซ่งชิงอันกลัว เขาไม่อาจหนีไปได้เมื่อตกลงกันไปแล้ว เขาทำได้เพียงร้องขอความเมตตาจากซ่งเทียนเจีย

“นายมันไร้ประโยชน์ แต่นายก็เป็นสมาชิกของสกุลซ่ง นายมีเกียรติด้วยเช่นกัน นายเลือกได้ว่าจะเผชิญหน้ากับความตายอย่างกล้าหาญแทนที่จะหนีอย่างคนขลาด ไปเสีย ไปเผชิญกับความตาย ทำแบบนี้แล้วนายจะเป็นคนของสกุลซ่ง” ซ่งเทียนเจียมองตาของซ่งชิงอัน

 

“ไม่ ผมไม่อยากตาย ท่าน วีรบุรุษ โปรดเถอะ อย่าฆ่าผมเลย ผมคุกเข่าแล้ว โปรดอย่าฆ่าผม” ซ่งชิงอันเป็นคนไร้ค่าที่กลัวความตาย คำของซ่งเทียนเจียจึงไร้ประโยชน์ต่อเขา เมื่อเห็นว่าการขอร้องต่อซ่งเทียนเจียนั้นไม่มีประโยชน์ เขาจึงพลันคุกเข่าต่อเต๋ากวงหานและขอร้อง

 

“จำไม่ได้จริงๆหรือว่าฉันเป็นใคร” เต๋ากวงหานมองชายที่คุกเข่าให้เขาและขอร้องให้ปล่อยเขาไป เขาเย็นชา

ซ่งชิงอันยกหัวเขาขึ้น และมองมีดของเต๋ากวงหาน แล้วเขาจึงส่ายหัว

“นายจำสองแม่ลูกที่ตายไปเพราะรถนายเมื่อสิบกว่าปีก่อนได้หรือไม่” เต๋ากวงหานว่าต่อไป

“สองแม่ลูกหรือ” ซ่งชิงอันเริ่มจะนึกได้ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขามองเต๋ากวงหานและกล่าวไป “นายเป็นครอบครัวพวกเขาหรือ”

“ใช่ ฉันเป็นสามีเธอ และเป็นพ่อ” เต๋ากวงหานมองซ่งชิงอันด้วยความอาฆาตอันเย็นชา

 

“แต่ ฉันให้เงินนายไปแล้ว” ซ่งชิงอันรีบพูดไป

“เงิน เงินซื้อชีวิตลูก ชีวิตเมียฉันกลับมาได้หรือ ใช่แล้วแกจ่ายมาแล้ว แต่แกแสดงความรู้สึกผิดไหมตอนนั้น ไม่ ไม่เลยแม้แต่น้อย มีเพียงแค่ความเมินเฉย การแสดงออกแบบนั้น ดูเหมือนลูกสาวและเมียฉันโดนสาปให้แกชน ให้ตายเพราะแก ชายที่โดนสาป อา-”

สิ้นคำ มีดก็ชักออกมาจากฝักที่เอว

ประกายของแสงสะท้อนดาบสว่างวาบ แขนขวาของซ่งชิงอันขาดออกไปด้วยมีดของเต๋ากวงหาน

เนื่องจากความไวของดาบ ใบหน้าของซ่งชิงอันยังคงแสดงความงุนงงเมื่อเขาเห็นว่าแขนขวาเขาตกลงไปบนพื้น จากนั้นความเจ็บปวดที่แขนจนแผ่กว้างไปสู่เส้นประสาทจากสมอง

 

“เจ็บไหม ตอนที่ฉันเสียลูกและภรรยาไป ฉันเจ็บกว่านี้เป็นร้อยเท่า” ด้วยแสงวาบของประกายมีด แขนซ้ายของซ่งชิงอันก็โดนมีดตัดออกไป

“ไม่ต้องห่วงไป ฉันไม่ฆ่าแกหรอก ฉันจะทำให้นายทรมานกว่าตายเป็นร้อยเท่า”

ว่าจบ แสงประกายของมีดสว่างวาบอีกครั้ง แล้วต้นขาทั้งสองของซ่งชิงอันก็โดนตัดออกเป็นท่อน

เพื่อที่จะช่วยเต๋ากวงหาน เฉินหลงใช้คบเพลิงเผาแผลและอวัยวะของซ่งชิงอันที่ตัดออกไป ไฟจะช่วยกันซ่งชิงอันจากการเสียเลือดจนตาย

 

“ได้ยินหรือไม่ ลูกน้องฉัน บอกว่าเขาต้องการให้ขยะนี่มีชีวิตอยู่ ก็จะให้เขาตายไม่ได้” เฉินหลงเผชิญหน้ากับสกุลซ่งที่ใจบุญ ผู้กำลังดูละครอยู่

เมื่อเห็นว่าคนของสกุลซ่งไม่เคลื่อนไหวอะไร ซ่งเทียนเจียจึงรีบกล่าวไป “นายหูหนวกหรือ ไม่ได้ยินหรือไง อย่าให้เขาตาย พาเขาไปรักษา”

ในตอนที่ซ่งเทียนเจียสั่งนั้นเอง พวกผู้มีความสามารถของสกุลซ่งก็ลุกขึ้นและพาตัวซ่งชิงอันไป เมื่อพาตัวซ่งชิงอันไปแล้ว เฉินหลงจึงพลันพบว่าเต๋ากวงหานยังยืนอยู่ที่นั่น เขาเข้าไปในสภาวะพิเศษ

 

“ได้เวลาผ่านพ้นพลังแห่งโลกธรรมชาติแล้ว”

เฉินหลงประหลาดใจที่เต๋ากวงหานผ่านพ้นพลังสู่ระดับกำเนิดได้ในสถานการณ์เช่นนี้

ดูเหมือนว่าความหมกหมุ่นอันรุนแรงจะเป็นโอกาสให้ผ่านพ้นสู่พลังระดับกำเนิดได้

เมื่อซ่งเจิ้งเห็นว่าเต๋ากวงหานผ่านพ้นระดับพลังสู่ระดับกำเนิด สายตาเขาเผยความอิจฉา สุดท้ายแล้วการจะผ่านพ้นระดับสู่ระดับสู่อย่างระดับกำเนิดก็เป็นเรื่องที่ยากเสียมากๆ หากว่าไม่มีโอกาสดีๆแล้ว คนหลายคนก็คงติดอยู่ในระดับเดิมไปตลอดชีวิต เต๋ากวงหานช่างโชคดีเสียจริงที่ได้ผ่านพ้นระดับพลังเช่นนี้

 

ในความเป็นจริงแล้ว ซ่งเจิ้งคิดว่าการผ่านพ้นของเต๋ากวงหานนั้นเป็นเพราะโชค เขาไม่ได้คิดเรื่องที่เต๋ากวงหานรอดมาได้หลายปี ความรู้สึกอันหลากหลายที่สะสมกันข้ามปีปะทุออกไปในวินาทีนี้ เหมือนกับการผ่านพ้น

หากไม่มีสิ่งนี้แล้ว เต๋ากวงหาน จะไม่มีทางผ่านพ้นระดับพลังไปสู่ระดับกำเนิดได้เลยทั้งชีวิต

คงกล่าวได้ว่าความหมกหมุ่นเป็นดาบสองคมที่อาจไปฆ่าคนอื่นหรือฆ่าตนก็ได้