TB:บทที่ 270 การละทิ้งตนและการสั่งสมพัฒนา

 

เมื่อเต๋ากวงหานผ่านพ้นพลังไป เฉินหลงไม่ขยับตัว สกุลซ่งก็ไม่กล้าจะไปรบกวนเขา พวกเขากลัวว่าหากพวกเขารบกวนการผ่านพ้นของเต๋ากวงหานแล้ว เฉินหลงจะโกรธ แล้วพวกเขาจะทำลายสกุลซ่งเสียจริงๆ

 

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง พวกเขายังมีความหวังเล็กๆในใจ ที่หวังว่าหลังจากที่เต๋ากวงหานผ่านพ้นระดับพลังไปแล้ว เฉินหลงจะปล่อยพวกเขาไป

ไม่มีใครขยับตัว  เหมือนเวลา ณ ช่วงขณะนั้นหยุดเดิน

การผ่านพ้นพลังของเต๋ากวงหานกินเวลากว่าสามชั่วโมง

สามชั่วโมงต่อมา เต๋ากวงหานตื่นขึ้นจากสิ่งที่เหมือนการทำสมาธิ ในตอนนั้นเอง พลังของเขาได้ไปถึงระดับกำเนิด อีกทั้งพลังยังเสถียรอีกด้วย

 

“ขอบคุณครับหัวหน้า” เต๋ากวงหานเดินไปข้างเฉินหลง เขามองหน้าเฉินหลง

หลังจากที่ผ่านพ้นระดับพลังสู่ระดับกำเนิดแล้ว เต๋ากวงหานยังเข้าใจด้วยว่าหากเฉินหลงไม่ได้พาเขามายังบ้านสกุลซ่งเพื่อแก้แค้นให้ตนเอง เขาจะไม่ผ่านพ้นพลังสูงระดับกำเนิดไปได้ตลอดชีวิตของเขา เมื่อขับเคลื่อนด้วยความหมกหมุ่นทั้งหมด เป็นแรงสิ่งกระตุ้น แต่ยังเป็นแรงที่ขัดขวางที่ทำให้ตาบอดด้วย หากว่าไม่อาจกระชากกุญแจมือได้ ก็คงไม่มีทางจะเห็นเส้นทางเบื้องหน้า

 

ในครั้งนี้คงพูดได้ว่า เฉินหลงไม่เพียงจะทำให้เขาผ่านพ้นพลังไปสู่ระดับกำเนิดได้ แต่ยังทำให้เขายังเป็นอิสระจากความเกลียดชังอันไม่มีที่สิ้นสุดและได้เกิดใหม่

“ไม่ต้องมาขอบคุณฉันหรอก ความพยายามทั้งหมดคือของนายเอง ฉันแค่ทำสิ่งที่ต้องทำ ตอนนี้ที่พลังนายได้ผ่านพ้นระดับไประดับกำเนิดแล้ว ฉันจะไม่ห้ามนายหากจะออกไปจากที่นี่” เฉินหลงยิ้มให้เต๋ากวงหาน

 

เต๋ากวงหานนั้นเป็นคนที่มีพรสวรรค์  เขาผ่านพ้นพลังสู่ระดับกำเนิดด้วยความพยายามของตนเอง เฉินหลงมองเขาในแง่ดี หากว่าเขาเต็มใจจะอยู่และช่วยเขาต่อไป แน่ละว่าถ้าเขาอยากไปแล้วเฉินหลงก็ไม่ได้สนใจ สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะด้วยพลังในตอนนี้ของเฉินหลงหรือพลังของเฉินหลงเองก็ไม่มีอะไรหากจะขาดเต๋ากวงหานไป

 

เต๋ากวงหานคนที่ไม่เคยมีใครเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าเขา กล่าวกับเฉินหลง “เจ้านาย หากคุณคิดว่าคุณมีลูกน้องหลายคนไปแล้วและอยากไล่ลูกน้องออกละก็ ผมคงไม่พูดอะไรอีก แต่หากไม่เป็นไร ให้ผมได้ลิ้มรสและเดินทางกับคุณต่อไปเถิด”

เมื่อเขาได้ยินเต๋ากวงหานที่ยิ้มกล่าว เขายิ้มฉีกยิ้ม นั่นทำให้พวกคน ทั้งสามตกใจ พวกเขาเป็นคนที่สนิทกับเต๋ากวงหาน

“ได้สิ ฉะนั้นตามฉันมา” เฉินหลงพยักหน้าและยิ้มให้เต๋ากวงหาน

จากนั้นเป็นเวลาที่จะจัดการกับสกุลซ่ง

“ตอนแรก ผมไม่ได้รับอนุญาตให้เตรียมอะไรเลยเมื่อมาหาสกุลซ่งในวันนี้ อย่างไรก็ตามตอนนี้ผมกำลังอารมณ์ดี ผมจะให้โอกาสพวกคุณ พวกสกุลซ่งจงทำตามอย่างที่ผมพูด แล้วพวกคุณจะไม่ต้องตาย หากว่าพวกคุณไม่ทำผมจะไล่คุณไปจากสกุลนี้ ผมคงทำอะไรให้สกุลที่อยากฆ่าผมได้ไม่มาก” เฉินหลงมองไปรอบๆสกุลซ่งและกล่าวไป

 

“ได้ ตามที่นายว่าเลย” ซ่งจิวเทียนบอก

“อย่างแรกเลย ละทิ้งพลังที่คุณสั่งสมมาไป อย่างที่สองซ่งเทียนเจียต้องลงจากตำแหน่งนายแห่งบ้านนี้และให้คนที่หนุ่มกว่ารับตำแหน่ง หากว่าพวกคุณทำสองอย่างนี้ คนของพวกคุณจะมีชีวิตต่อไปได้” เฉินหลงกล่าว

แม้ว่าซ่งจิวเทียน ชายแก่ จะอ่อนแอด้วยน้ำมือเขาเอง แต่เขายังเป็นปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่แห่ง “พลังหลอมรวมธรรมชาติ” หากเขาไปโจมตีญาติเขา เขาจะมีลูกหลานที่เป็นเสือ ดังนั้นสิ่งอันตรายจะต้องกำจัดไปให้สิ้นซาก สำหรับซ่งเทียนเจีย เฉินหลงไม่ชอบใจเขามานานแล้ว เขาดึงขีดจำกัดมาทั้งวัน เขาไม่รู้เลยว่าอะไรที่จะดีสำหรับเขา

 

“คุณเฉิน ผมจะลาออกจากตำแหน่งนายใหญ่ของตระกูล แต่ปู่ผมแก่แล้ว หากว่าเขาทิ้งความสำเร็จที่เขามีไป ผมเกรงว่าเขาคงอยู่ได้ไม่นาน หากว่าคุณอยากให้พลังเสียเปล่าไป เอาพลังผมไปก็ได้” เมื่อได้ยินว่าเฉินหลงอยากทำลายความสำเร็จของซ่งจิวเทียน ซ่งเทียนเจีย จึงรีบพูดไป

จริงๆแล้ว ซ่งเทียนเจียรู้สึกผิดมาตลอด เขาเป็นหัวหน้าใหญ่ของตระกูล เขาต้องรับผิดชอบภาพลักษณ์ของสกุล แม้เฉินหลงจะไม่พูดเรื่องนั้น แต่หากสกุลซ่งรอดไปได้ครั้งนี่ เขาก็คงให้คนหนุ่มที่มีความสามารถมารับตำแหน่งเขาไปอยู่ดี

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเฉินหลงขอให้ซ่งจิวเทียนทอดทิ้งพลังที่เขาสั่งสมมาแล้ว ซ่งเทียนเจียไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น ซ่งจิวเทียนเป็นเสาหลักของสกุลนี้มาตลอด เขาไม่อาจจะล้มลงได้ ดังนั้นซ่งเทียนเจียจึงแลกเปลี่ยนตัวเขากับซ่งจิวเทียนเสียดีกว่า

 

เขามองซ่งเทียนเจีย ใบหน้าเฉินหลงแสดงยิ้มดูถูก “คุณคิดว่าพลังระดับกำเนิดน้อยๆนั่นจะเทียบได้กับพลังระดับหลอมรวมธรรมชาติหรือ หากว่าเขาไม่ละทิ้งพลังที่เขาสั่งสมมาวันนี้ ฉันจะทำเอง จากนั้นมาดูกันว่าคนกี่คนจะหนีไป”

ว่าจบ รอยยิ้มอันโหดร้ายปรากฏบนหน้าเฉินหลง

จริงๆแล้วเฉินหลงขู่สกุลซ่ง หากว่าสกุลซ่งยืนต่อหน้าเฉินหลงทีละคนแล้ว เฉินหลงคงทำอะไรไม่ได้เลย

“เอาล่ะ ฉันจะละทั้งพลังที่ฉันสั่งสมมา ฉันหวังว่านายจะรักษาคำพูดนะ” ซ่งจิวเทียนกล่าวด้วยสีหน้าโล่งใจ

“ไม่ต้องกังวลไป ผม เฉินหลงเจ้าของคำพูด ผมไม่คิดว่าผมจะแค่พ่นลมปากเหมือนที่ตระกูลใหญ่ๆทำนะ” เฉินหลงกล่าวจบพร้อมกับมองซ่งเทียนเจีย เพื่อบอกให้รู้ว่าเขาพูดถึงสกุลซ่ง

 

เมื่อเห็นตาของเฉินหลง ใบหน้าของซ่งเทียนเจียอดไม่ได้ที่จะแสดงความละอายไป ในขณะเดียวกันใจของเขาก็เต็มไปด้วยความเสียใจ หากว่าตอนนั้น เขาทำอย่างที่เขาพูด เขาจะไม่มีปัญหากับเฉินหลง สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้คงไม่ได้เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตามไม่มียาแก้ความเสียใจในโลกใบนี้

ตอนนั้นเองที่ซ่งจิวเทียนประคองตัวขึ้นจากพื้น ยืนขึ้น และยื่นฝ่ามือข้างขวาและตบร่างเขาอย่างรุนแรง

 

แล้วเลือดก็พุ่งออกจากปากของซ่งจิวเทียน ผิวหนังบนใบหน้าเขาเหี่ยวขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วชายคนนั้นก็ล้มลงไปกับพื้น

ซ่งเทียนเจียรีบเข้าไปช่วยซ่งจิวเทียน

“ในตอนนี้ นายก็น่าจะพอใจแล้ว” ซ่งเทียนเจียยกหัวขึ้นมองเฉินหลง

จากการนำของเฉินหลง ฝ่ามือของซ่งจิวเทียนตบลงไปตรงๆในส่วนที่สำคัญที่สุดคือส่วนของลมปราณ และเส้นลมปราณที่สำคัญต่างๆ ที่ทำให้ชายคนนี้กลายเป็นคนไร้ประโยชน์ในทันที

“เนื่องจากสกุลซ่ง  ทำตามคำพูด ผมก็จะทำตามคำพูดด้วย” และเพราะคนอื่นได้ทำอย่างที่พูด จึงเปลี่ยนเรื่องดีกว่า “แต่หากว่าอยากจะแก้แค้นแล้ว ผมก็ยินดีเสมอ”

“เนื่องจากว่าแล้วแต่พวกเรา ผมหวังว่าสกุลซ่งจะเป็นสหายกับคุณเฉินได้นะ” ซ่งเจิ้งว่าไปในทันที

 

เพราะว่าเฉินหลงได้แสดงความสามารถและความแข็งแกร่ง ซ่งเจิ้งไม่ได้ต้องการเป็นศัตรูกับเฉินหลง ถึงกระนั้นคำพูดของเขาต่อตระกูลก็ไม่ได้มีน้ำหนักเลย ณ จุดนี้แม้คำพูดเขาจะไม่มีน้ำหนัก ครั้งนี้เขาต้องพูดออกไปแล้ว

“นายเป็นคนดี ฉันจะดีกับนาย” เฉินหลงตบบ่าซ่งเจิ้งและหันหน้าไป

วันนี้เฉินหลงไม่เพียงจะไปยังบ้านสกุลซ่งแต่จะไปบ้านสกุลคงอีกด้วย เนื่องจากงานที่นี่จบแล้ว เขาจะไปบ้านสกุลคง

เป็นธรรมดาที่พวกเต๋ากวงหานทั้งสี่จะตามเฉินหลงไปโดยไม่หันกลับมามอง