ในซามารา เมืองเล็กๆ ในแพฟอสของอาณาจักรโฮล์ม…

ขณะนี้เป็นเวลาสิ้นเดือนของเดือนแห่งทองคำ ราตรีกาลจึงมาเยือนเร็วขึ้น ยามดวงอาทิตย์ตกดินอาบย้อมทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นสีแดง บัดนี้กลับมืดสลัวเลือนราง แต่ในเมื่อแพฟอสคือหนึ่งในเมืองที่เจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรโฮล์ม ตะเกียงข้างถนนและเสาไฟอีกมากมายจึงถูกตั้งขึ้นทุกจุดบนท้องถนนของซามารา ตะเกียงเวทมนตร์เริ่มส่องสว่างด้วยแสงอบอุ่นเป็นประกายจากการเชื่อมต่อด้วยสายไฟฟ้า ขับไล่ความมืดไปจากรอบวงรัศมีของพวกมัน

ชาวเมืองต่างเดินไปตามถนนเพื่อมุ่งหน้าสู่จัตุรัสบารอนเบซิก ซึ่งเป็นจัตุรัสแห่งเดียวของเมือง วิทยุเวทมนตร์ของทางการได้ติดตั้งเอาไว้ที่นั่น ทุก ๆ วัน เมื่อราตรีกาลมาเยือน มันก็จะทำหน้าที่กระจายเสียงรายการอย่าง ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ ให้ทุกคนได้ยิน

แต่เมื่อวิทยุเริ่มมีหลายช่องขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ชาวเมืองจึงมีปัญหากับการเลือกยิ่งนัก แม้ว่า ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ จะเป็นช่องที่ยอดเยี่ยมและเป็นตัวเลือกหลัก ๆ แต่ก็ใช้ว่าทุกรายการจะเป็นที่ชอบใจของทุกคน มันมักจะมีรายการบางรายการใน ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ ที่ชาวเมืองไม่ชอบ แต่น่าเสียดายที่วิทยุเวทมนตร์นี้มิใช่ทรัพย์สินของพวกเขา จึงเปลี่ยนช่องไม่ได้ดังใจนึก

“ฉันจะต้องทำงานให้หนักขึ้นและเก็บเงินเพื่อซื้อวิทยุเวทมนตร์จาก ‘ของขวัญจากธาตุ’! ให้ได้” บานัส ชายหนุ่มผู้สวมเสื้อเชิ้ต ยกมือขึ้นกำหมัดพลางประกาศกร้าว

สหายที่เดินอยู่ข้าง ๆ กันเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงอิจฉาและวาดหวัง “ข้าได้ยินมาว่าเมืองใหญ่ๆ อย่างเรนทาโต ใครก็ตามที่สมัครเป็นสมาชิกของหนังสือพิมพ์แบบรายปี จะได้รับวิทยุเวทมนตร์ไปใช้ฟรีๆ!”

“จริงรึ แบบนั้นก็ถูกกว่ากันเยอะเลยน่ะสิ คนขายหนังสือพิมพ์ไม่กลัวว่าพวกตัวเองจะล้มละลายหรือ” บานัสถามอย่างเหลือเชื่อ เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องดีๆ เช่นนี้มาก่อนเลย

สหายของเขาคือเด็กหนุ่มตัวโตผู้มีกระเต็มใบหน้า และหวีผมเรียบแป้ เขากล่าวตอบ “ข้าได้ยินมาว่าหนังสือพิมพ์พวกนั้นได้รับคำสั่งจากสถานีวิทยุโดยมีเป้าหมายในการเพิ่มความครอบคลุมของวิทยุเวทมนตร์ อีกทั้งองค์ราชินียังลงพระนามและประกาศ ‘พระราชบัญญัติสนับสนุนการเผยแพร่’ ที่สภาเป็นฝ่ายยื่นเสนออีกด้วย วิทยุเวทมนตร์ทุกตัวที่ทางสถานีวิทยุแจกไป พวกเขาจะได้รับเงินอุดหนุนและการลดหย่อนภาษีจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้…”

เขาลดระดับเสียงลงขณะเอ่ยด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ “ข้ายังได้ยินมาอีกด้วยว่าสภาเวทมนตร์กำลังส่งเสริมมันด้วยเช่นกัน พวกเขามอบเงินอุดหนุนจำนวนมหาศาลให้กับสถานีวิทยุผ่านการซื้อโฆษณา ดังนั้น สถานีวิทยุจึงแทบไม่เสียกำไรแต่อย่างใด…”

“พวกนักเวทงั้นรึ” บานัสพลันมีท่าทางตื่นเต้น แต่จู่ๆ เขาก็ตระหนักขึ้นมาได้ “อ้อ ใช่ พวกเขาคือผู้พัฒนาวิทยุเวทมนตร์ในตอนแรก ยิ่งมันขายออกไปมากเท่าไหร่ พวกเขาก็จะยิ่งมีรายได้!”

“แน่นอน เจ้าคิดว่าเหล่านักเวทผู้ศึกษาเรื่องความจริงของโลกจะเป็นคนขลาดเขลาเช่นนั้นรึ พวกเขาฉลาดกว่าเจ้านัก!” เด็กหนุ่มเอ่ยเยาะ

ส่วนเรื่องความสำคัญทางการเมืองของวิทยุเวทมนตร์นั้น พวกเขาหาได้เข้าใจไม่

บานัสพลันส่งเสียงขึ้นจมูก “อาลี เจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน นั่นไม่ใช่สิ่งที่ ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ ว่าไว้!”

เขาเพิ่งจะรู้สึกว่ามีบางอย่างดูทะแม่งๆ สหายของเขาที่เติบโตมาด้วยกันในสถานที่เดียวกัน จะกลายเป็นนักปราชญ์ภายในชั่วข้ามคืนได้อย่างไร

อาลีกำหมัดขณะตอบเสียงแผ่วทว่าแฝงด้วยความภูมิใจ “มีคนบอกข้ามา เป็นท่านหญิงสูงศักดิ์จากนครเรนทาโต!”

“ท่านหญิงสูงศักดิ์จากนครเรนทาโตงั้นรึ นี่เจ้าไปทำความรู้จักมักคุ้นกับท่านหญิงสูงศักดิ์จากเรนทาโตได้อย่างไรกัน” บานัสตะลึงงัน สำหรับคนที่อาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ เช่นพวกเขา แม้ว่า ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ จะทำให้พวกเขามีความรู้มากขึ้น พวกเขาก็ยังคงให้ความเคารพนับถือเหล่าขุนนางในเมืองจากก้นบึ้งของหัวใจ พวกเขาคิดว่าบรรดาชนชั้นขุนนางต่างใช้ชีวิตอย่างหรูหราและสนึกสนาน ซึ่งแตกต่างจากวิถีชีวิตของพวกเขาโดยสิ้นเชิง

แต่เหล่าขุนนางในเมืองของพวกเขานั้นไม่อาจเทียบเคียงชนชั้นขุนนางในนครเรนทาโต เมืองหลวงของอาณาจักรได้! หากว่าขุนนางในนครเรนทาโตคือหงส์ ขุนนางในเมืองแพฟอสคงจะเป็นห่าน และขุนนางในเมืองเล็กๆ ของพวกเขาก็คงจะเป็นได้มากแค่เป็ดขี้เหร่ คำว่าลูกเป็ดขี้เหร่นี้เป็นคำศัพท์จาก ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ งานอดิเรกหลักของขุนนางในเมืองของพวกเขาก็คือการตามเสื้อผ้าที่เป็นที่นิยมในนครเรนทาโตและเลียนแบบการแต่งกายกับการหาความบันเทิงให้ตนเองเหมือนกับชนชั้นสูงในเมืองหลวง

ขุนนางในเมืองพวกเขาถือว่ายากจนมากพอแล้ว สามัญชนเยี่ยงบานัสนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง จิตสำนึกของพวกเขาเชื่อว่าตัวเองเป็น ‘คนบ้านนอก’ อย่างแท้จริง

อาลีหัวเราะขัน “เพื่อนทางจดหมาย นางคือเพื่อนทางจดหมายของข้า!”

“เพื่อนทางจดหมาย? มันคืออะไรกัน” ใบหน้ายาวๆ ของบานัสเต็มไปด้วยความสับสน

“ข้าบอกให้เจ้าเรียนหนังสือ แต่เขาก็ไม่เคยฟังข้าเลย หลังจากที่ที่ทำการไปรษณีย์ก่อตั้งขึ้น หนังสือพิมพ์ก็ได้แนะนำกิจกรรมมากมายเพื่อให้ผู้คนจากต่างเมืองได้เป็นสหายผ่านตัวหนังสือ เพราะเป็นการสื่อสารผ่านจดหมาย มันจึงถูกเรียกว่าเพื่อนทางจดหมาย”

อาลีอธิบายให้บานัสฟังด้วยสีหน้าเปี่ยมไฟปรารถนา “ลองคิดดูเอาเถิด เราอาจจะไม่สามารถออกไปจากเมืองนี้ได้ตลอดชีวิต แต่เราก็จะยังมีสหายที่จริงใจอยู่ในนครเรนทาโต แพฟอส และเมืองหลักอื่นๆ สหายคนที่ทั้งเป็นเหมือนคนแปลกหน้าและคนคุ้นเคย และเป็นคนที่เราสามารถพูดคุยด้วยโดยไม่ต้องพบเจอกัน ช่างเป็นสิ่งที่งดงามยิ่งนัก…”

เห็นได้ชัดว่าเขาหลงใหลกับการสร้างมิตรภาพผ่านทางจดหมายอย่างยิ่ง

“ฟังดูยอดเยี่ยมไปเลย!” บานัสเอ่ยตอบ เขาเองก็เริ่มรู้สึกสนใจแล้ว

จนถึงตอนนี้ เขาเพิ่งจะตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษา ความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงระหว่างเขากับอาลีก็คือ บิดาของอาลีเคยเป็นข้ารับใช้ให้กับเสมียนท่านหนึ่งและได้เรียนวิธีการอ่านมา ก่อนที่ท่านจะนำมาสอนให้กับบุตรของตนเอง ส่วนบานัสเพียงเข้าใจบางคำเท่านั้น ซึ่งต้องขอบคุณการสั่งสอนเป็นครั้งคราวจากอาลี ตัวเขาไม่สามารถอ่านหนังสือพิมพ์ได้ด้วยซ้ำ!

“การสื่อสารในรูปแบบนี้มิเกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง ความต้องการ ใบหน้า หรือตัวตน มันเป็นวิธีการที่ซื่อสัตย์จริงใจที่สุดแล้วสำหรับการพูดคุยกับคนอื่น” อาลีทำท่าราวกับเขาคือผู้จัดรายการในรายการทางจิตวิทยาของ ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ “ข้าได้เรียนรู้เกี่ยวกับทุกอย่างที่ข้าพูดไปจากเพื่อนทางจดหมาย นางเป็นชนชั้นสูงจากนครเรนทาโตและนางก็มีวิทยุเวทมนตร์เป็นของตัวเอง ซึ่งนั่นทำให้นางได้ฟังช่องอื่นๆ ได้ตามใจ และนางยังสามารถเรียนรู้จากชนชั้นสูงคนอื่นๆ อีกด้วย นางไม่มีทางโกหกเรื่องพวกนี้แน่”

“เด็กดี เจ้าติดบ่วงท่านหญิงสูงศักดิ์เข้าแล้ว!” บานัสฟาดมือลงบนหลังอาลีจนเกิดเสียงดัง

อาลีรีบแย้ง “เจ้าหมายความว่าอย่างไร ที่ว่าติดบ่วงน่ะ เราเป็นเพียงเพื่อนทางจดหมายเท่านั้น!”

“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะไม่เคยนึกฝันถึงนาง นางเป็นท่านหญิงสูงศักดิ์แบบใดงั้นรึ” บานัสเหลือบตามองอาลี เขารู้จักสหายของตนดี

อาลีเอ่ยเสียงนุ่มนวลขึ้น “น้ำเสียงของนางจากตัวหนังสือดูอ่อนโยนอยู่เสมอ นางจะต้องเป็นสตรีที่ได้รับการศึกษามาอย่างดีแน่นอน อีกอย่าง นางยังไม่มีอคติใดๆ เมื่อรับรู้ถึงตัวตนของข้าอีกด้วย นางตอบข้าทุกคำถามและแบ่งปันเรื่องราวตลกขบขันในชีวิตกับข้า ตัวอักษรของนางทั้งเพรียวบางและงดงาม เหมือนกับตัวนาง…”

ขณะเฝ้ามองใบหน้าของอาลีและรับฟังคำพรรณนานั้น บานัสก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยแนะว่า “อาลี เจ้าต้องจำไว้นะว่านางคือชนชั้นสูง ส่วนเจ้าเป็นเพียงสามัญชนเท่านั้น”

“ข้ารู้ เราเป็นเพียงเพื่อนทางจดหมายเท่านั้น!” อาลีโบกมือทั้งสองข้างไปมา บอกเป็นนัยๆ ว่าเขาเข้าใจดี จากนั้นเขาก็เปลี่ยนเรื่องไปพูดเกี่ยวกับทัศนียภาพของนครเรนทาโตที่ ‘เพื่อนทางจดหมาย’ เคยบอกเขา ยิ่งเสริมแต่งการเปลี่ยนที่พวกเขารู้สึกว่าเหลือเชื่ออยู่แล้วให้ดูเหนือจริงยิ่งขึ้นไปอีก

“เมืองใหญ่ๆ ช่างดีจริงๆ ที่นั่นมีทั้งท่านหญิงสูงศักดิ์ผู้มีจิตใจเมตตาและเรื่องราวเปลี่ยนชีวิตที่น่าอัศจรรย์ใจ…” บานัสตื่นตะลึง แม้ว่า ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ จะเคยพูดถึงการเปลี่ยนแปลงคล้ายๆ กันนี้ แต่มันกลับไม่ได้ละเอียดเท่าที่อาลีพร่ำพรรณนา “อีกอย่าง มีเพียงผู้อยู่อาศัยในเมืองเท่านั้นที่จะได้รับวิทยุเวทมนตร์หากพวกเขาสมัครเป็นสมาชิกรายปีของหนังสือพิมพ์!”

“ใช่ ข้าต้องไปเยือนนครเรนทาโตให้ได้สักวันหนึ่ง!” อาลีดูท่าทางลุ่มหลง

ในหัวของบานัสหมุนเร็วจี๋ ก่อนที่เขาจะโพล่งข้อเสนอด้วยความตื่นเต้น “เราไปที่เมืองใหญ่แล้วสมัครเป็นสมาชิกหนังสือพิมพ์กันเถอะ! ค่าตั๋วรถไฟกับค่าสมาชิกรายปีของหนังสือพิมพ์คงจะมีราคาเพียงกึ่งหนึ่งของวิทยุเวทมนตร์เท่านั้น! เราคงประหยัดเงินได้มากทีเดียว!”

“นั่นเป็นไปไม่ได้ เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนแล้ว เพราะฉะนั้น จึงมีเพียงคนที่เป็นประชาชนของเมืองใหญ่ๆ เท่านั้นที่จะได้สุขสมหวังกับอภิสิทธิ์ในการได้รับวิทยุไปใช้ฟรีๆ” อาลีถอนหายใจอย่างขื่นขม

“นี่…นี่มันการเลือกปฏิบัติชัดๆ!” บานัสลืมเลือนคำชื่นชมและความคาดหวังในเมืองใหญ่ที่ตนแสดงออกเมื่อครู่นี้ไปโดยสิ้นเชิงและพูดโพล่งออกมาว่า “ช่างหัวเมืองใหญ่เถอะ!”

พวกเขาเดินมุ่งหน้าต่อไปขณะพูดคุยกัน ไม่นาน ทั้งสองก็มาถึงจัตุรัสบารอนเบซิก

“วันนี้มีพิธีเปิดงานเทศกาลดนตรีแห่งเรนทาโต จะมีรายการพิเศษใน ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ หรือเปล่านะ” อาลีถามด้วยความคาดหวัง

บานัสพยักหน้าเห็นด้วย แต่ในตอนที่เขากำลังจะอ้าปากตอบนั้น ดวงตาของเขาก็ต้องเบิกโพลง “นะ-นักเวท!”

เหนือจัตุนัสนั้น มีนักเวทหนุ่มผู้สวมชุดทักซิโดสีดำตัวยาวลอยอยู่ แสงสีเงินแผ่ออกมาจากฝ่ามือทั้งสองข้างของเขาและเชื่อมเข้ากับ ‘ม่าน’ แปลกตา ณ ใจกลางจัตุรัส รอบๆ ม่านนั้นยังมีอีกสองคนที่กำลังหยิบอุปกรณ์ออกมาและจัดเตรียมให้แล้วเสร็จ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเองก็เป็นนักเวท!

“พวก…พวกเขาเป็นนักเวทจริงๆ!” อาลีพูดตะกุกกตะกักเพราะความประหลาดใจ

จากนั้น ทั้งสองก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้น การได้เห็นเหล่านักเวทใช้พลังแบบใกล้ชิด นอกเหนือจากตะเกียงเวทมนตร์แล้ว นับว่าเป็นเหตุการณ์ที่พบหาได้ยากมาก ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงเบียดตัวฝ่าฝูงชนและพยายามเข้าไปยังใจกลางจัตุรัส แต่น่าเสียดายนักที่พวกเขาแทบจะขยับเข้าไปได้ไม่ถึงหนึ่งนิ้ว เพราะทุกคนที่มาจัตุรัสต่างคิดแบบเดียวกันกับพวกเขา!

“เกิดอะไรขึ้น เหตุใดพวกนักเวทจึงมาอยู่ที่นี่” เมื่อเห็นว่าพวกตนไม่มีทางเบียดเสียดเข้าไปได้ อาลีจึงรีบถามคนที่อยู่ด้านหน้าเขา

หนึ่งในกลุ่มคนด้านหน้าผู้มีนิสัยจุ้นจ้านและอยากจะโอ้อวด จึงตอบกลับมาเสียงดัง “เขาว่าการแสดงโอเปร่าเพื่อเปิดงานเทศกาลดนตรีแห่งเรนทาโตจะมีการถ่ายทอดสด!”

“ถ่าย…ถ่ายทอดสดงั้นรึ” บานัสและอาลีอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง พวกเขาย่อมเคยได้ยินคำว่า ‘ถ่ายทอดสด’ จากเสียงแห่งอาร์คานามาก่อน แต่พวกเขาไม่เคยคิดว่าตนเองจะได้พบเจอมันในเมืองเล็กๆ แห่งนี้!

จอภาพและวงแหวนเวทรอบๆ เริ่มเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง นักเวทที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศเริ่มทำการเชื่อมต่อกับ ‘ดาวเคราะห์เทียม’ บนวิถีโครจรเพื่อแก้จุดบกพร่องเป็นครั้งสุดท้าย

“ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีหรือไม่ขอรับท่าน” นักเวทที่อยู่ด้านล่างเอ่ยถาม

นักเวทชั้นกลางพยักหน้าแล้วกล่าวตอบ “เจ้าทำงานได้ดีมาก นี่นับเป็นโอกาสอันยอดเยี่ยมในการแสดงตัวอย่างภาพลักษณ์ใหม่ของเหล่านักเวท”

“ฮะๆๆ งานเทศกาลดนตรีของอัลโต้จะเห็นได้เพียงในจัตุรัสประจำเมืองเท่านั้น ช่างใจแคบยิ่ง!”

เป้าหมายของสภาเวทมนตร์ก็คือการให้ทุกเมืองที่มีสาขาท้องถิ่นของสภาสามารถรับชมการถ่ายทอดสดผ่านทางจานดาวเทียมได้!